อ่านรีวิวฉบับเต็ม
2012-05-28
292 วิว
ปกติแล้วเมื่อพูดถึงอาหารอเมริกัน คนส่วนใหญ่น่าจะนึกถึงแฮมเบอร์เกอร์ ไก่ทอด และบรรดาฟาสต์ฟู้ดต่างๆเป็นอันดับแรกๆ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอเมริกาเองเป็นประเทศที่มีเนื้อที่กว้างใหญ่ และมีประชากรที่ประกอบด้วยผู้คนที่มีต้นกำเนิดหลากเชื้อชาติหลายภาษา จึงทำให้วัฒนธรรมอาหารในแต่ละท้องที่มีการผสมผสานพัฒนาขึ้นมาจนมีลักษณะใหม่เฉพาะตัวเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเมืองนิวออร์ลีนส์ในรัฐลุยเซียนาเองก็กล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่มีวัฒนธรรมอาหารเฉพาะตัวโดดเด่นเป็นอันดับต้นๆของอเมริกาเลยทีเดียวร้าน Bourbon Street นั้นเปิดบริการในกรุงเทพฯ มากว่า 25 ปีแล้ว เจ้าของร้านเป็นคนนิวออร์ลีนส์โดยกำเนิด เป็นร้านที่รู้จักกันดีในกลุ่มชาวต่างชาติในกรุงเทพฯ แต่เดิมร้านจ
ร้าน Bourbon Street นั้นเปิดบริการในกรุงเทพฯ มากว่า 25 ปีแล้ว เจ้าของร้านเป็นคนนิวออร์ลีนส์โดยกำเนิด เป็นร้านที่รู้จักกันดีในกลุ่มชาวต่างชาติในกรุงเทพฯ แต่เดิมร้านจะตั้งอยู่ที่วอร์ชิงตันสแควร์ ซอยสุขุมวิท 22 แต่ได้ย้ายมาที่ตำแหน่งใหม่ที่ซอยธนาอาเขต ถนนเอกมัยเมื่อต้นปีนี้เอง สามารถเดินทางมาได้โดยขึ้น BTS มาลงที่สถานีเอกมัย เดินเข้าถนนเอกมัยไป เลยจาก MK Gold ไปไม่ไกลก็ถึง หรือถ้าจะขับรถมา ทางร้านก็มีที่จอดรถไว้บริการเช่นกัน ตัวอาคารนั้นตกแต่งให้มีกลิ่นอายของย่านเมืองเก่าในเมืองนิวออร์ลีนส์ทั้งด้านนอกและด้านในของร้าน เมนูของร้านนี้จะเน้นอาหารท้องถิ่นของรัฐลุยเซียนาที่เรียกว่าอาหารเคจุ้น/เครโอล (Cajun/Creole) นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารอเมริกันอื่นๆ อาหารเม็กซิกัน และยังมีบาร์เหล้าให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกด้วย
เริ่มต้นจาก Gumbo (กัมโบ) ซึ่งเป็นสตูว์แบบดั้งเดิมของลุยเซียนา ใส่กระเจี๊ยบมอญ หัวหอม คึ่นช่ายฝรั่ง เนื้อสัตว์ และเครื่องเทศต่างๆตุ๋นรวมกัน ราดบนข้าว (ขนาดเล็ก ใส่กุ้ง 150 บาท) พอคลุกผสมกันเสร็จลักษณะจะคล้ายๆข้าวต้มน้ำข้น รสชาติออกเค็มๆ มีกลิ่นหอมจากผักหอมต่างๆที่ใส่ลงไป ทางร้านจะนำผงเครื่องเทศสำหรับ Gumbo มาให้ด้วย ถ้ากลิ่นไม่เข้มพอสามารถเติมเพิ่มได้ตามใจชอบ หรือจะลองเป็น New England Clam Chowder (ซุปหอยลายข้นแบบนิวอิงแลนด์ - 140 บาท) ก็อร่อยไม่แพ้กันครับ ถึงจะไม่ใช่อาหารท้องถิ่นของลุยเซียนาแต่ร้านนี้ก็ทำออกมาดีทีเดียว ซุปหอมข้น เนื้อหอยสดไม่เหม็นคาว เวลาทานให้บิขนมปังกรอบที่ให้มาใส่ลงในซุปแล้วทานครับ สำหรับจานหลัก แนะนำให้ลอง Jambalaya (จัมบาลายา) ข้าวหุงมะเขือเทศกับผักหอมต่างๆและเนื้อสัตว์แบบนิวออร์ลีนส์ ซึ่งสามารถเลือกได้ระหว่างไก่กับไส้กรอกหมูอานดูยล์ (210 บาท) หรือซีฟู้ด (240 บาท) เสิร์ฟพร้อมซูคินีผัดกับขนมปังแป้งข้าวโพด คราวนี้ที่ไปกินผมสั่งเป็นไก่กับไส้กรอก รสชาติออกมาพอดีๆ มีเปรี้ยวนิดๆจากมะเขือเทศและกลิ่นหอมจากคึ่นช่ายฝรั่งกับหัวหอม ไส้กรอกเองก็เนื้อแน่น รสชาติเข้มข้นดี อาจจะเรียกได้ว่าจานนี้เป็นข้าวผัดอเมริกันของแท้เลยก็ว่าได้ สุดท้ายแล้ว สำหรับของหวาน มีคนแนะนำให้สั่ง Pecan Pie (พายถั่วพีแคน) แต่เนื่องจากเนื้อที่ในท้องผมตอนนั้นเหลือไม่เยอะแล้ว เลยขอสั่งเป็น Pistachio Crème Brûlée (พิสตาชิโอ แครม บรูว์เล - 65 บาท) แทน เป็นคัสตาร์ดครีมกลิ่นถั่วพิสตาชิโอหน้าน้ำตาลไหม้ ครีมเข้มมัน หอมกลิ่นพิสตาชิโอ หวานกำลังดี แค่คำแรกก็ติดใจแล้วครับ นอกจากเมนูข้างบนนี้แล้ว ที่ร้านก็ยังมีเมนูสเต็กและอื่นๆอีก และยังมี Crawfish เป็นๆซึ่งเป็นกุ้งพันธุ์พื้นเมืองในแถบลุยเซียนา ซึ่งทางร้านจะนำมาลวกและเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงต่างๆ แต่เนื่องจากปกติผมจะไม่สั่งอาหารทะเลเป็นๆทาน เลยต้องขอผ่านเมนูนี้ไปครับ ในด้านการบริการนั้น พนักงานเองก็คอยดูแลสม่ำเสมอ และสามารถให้คำแนะนำอาหารต่างๆได้ดี อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผมไปเป็นช่วงบ่าย คนในร้านไม่เยอะเท่าไหร่ ถ้าเป็นช่วงตอนเย็นที่คนเข้าเยอะ ตรงนี้ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าระดับการบริการจะยังดีแบบนี้อยู่หรือไม่
สำหรับราคานั้น จะตกอยู่ที่จานละ 100-200 กว่าบาทสำหรับจานที่ง่ายๆหรือไม่ใหญ่เท่าไหร่ ถ้าเป็นสเต็กหรือจานหลักอื่นๆที่หนักกว่านี้ราคาจะอยู่ที่ 300 บาทขึ้นไป ซึ่งราคานี้ไม่รวมเซอร์วิสชาร์จ 10% และ VAT อีก 7% ส่วนปริมาณนั้นก็ถือว่าเยอะพอใช้ได้ เช่นจัมบาลายาที่ผมสั่งนั้น สำหรับคนทานน้อยจานเดียวก็อาจจะพอแล้ว เมื่อคิดเทียบราคากับคุณภาพและปริมาณอาหารแล้วถือว่ายอมรับได้ในกลุ่มร้านอาหารฝรั่งในระดับเดียวกันครับ
สรุปแล้ว ร้าน Bourbon Street เป็นร้านอาหารอเมริกันแท้ๆ ที่เหมาะกับคนที่สนใจลองอาหารอเมริกันในแบบอื่นๆที่ไม่ใช่ฟาสต์ฟู้ดดู สำหรับผมเองยังมีเมนูอื่นๆที่อยากลองของที่ร้านนี้อยู่ ถ้ามีโอกาสคงได้แวะไปอีกแน่นอนครับ
โพสต์