9
3
0
เบอร์โทร.
094-494-9951
ข้อมูลร้านอาหาร
Sun-Mon: 6 - 10.30pm Tue-Sat: 11.30am - 2.30pm / 5.30pm - 11pm อ่านต่อ
เหมาะสำหรับ
ลำลอง
ครอบครัว ลำลอง
เวลาเปิด-ปิด
วันนี้
11:30 - 14:30
17:30 - 22:00
จันทร์
18:00 - 22:30
อังคาร - อาทิตย์
11:30 - 14:30
17:30 - 22:00
วิธีจ่ายเงิน
วีซ่า มาสเตอร์ เงินสด
ข้อมูลอื่นๆ
Online Reservation
ที่จอดรถ
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ร้านอาหารปิดดึก
เว็บไซต์ร้านอาหาร
http://www.facebook.com/Calderazzo/
ข้อมูลข้างต้นใช้เพื่ออ้างอิงเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลกับร้านอาหารอีกครั้ง
รายละเอียดของรางวัล
รีวิว (2)
ระดับ4 2018-04-11
204 วิว
ร้าน Calderazzo On 31 เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนในซ.สุขุมวิท 31 (ซ.สวัสดี) ข้าง ๆ ร้าน Mousses Meringues ร้านนี้ไม่ใช่ร้านใหม่แต่อย่างใด เดิมเป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนชื่อดังในซ.หลังสวน ที่ตอนนี้ย้ายทำเลใหม่มาอยู่สุขุมวิท เพราะงั้นการันตีความอร่อยได้เลยไม่ธรรมดาแน่นอน มีที่จอดรถแบบ valet parking อยู่ฝั่งตรงข้ามร้านบรรยากาศร้านเรียบง่าย สบาย ๆ ไม่เป็นทางการ ตกแต่งร้านด้วยโทนสีขาว-ดำ-เทา มีที่นั่งทั้งโซนอินเดอร์และเอาท์ดอร์ เมนูจะแยกเป็นเมนูอาหารและเมนูเครื่องดื่ม- เมนูอาหารก็จะมีทั้งอาหารทานเล่น , ซุป , สลัด , จานหลัก , ของหวาน ฯลฯ- เมนูเครื่องดื่มก็จะมีทั้งชา-กาแฟ , ค็อกเทล , น้ำผลไม้ , ไวน์ ฯลฯเครื่องดื่ม- ไวน์ขาว Wild Rock Sauvignon Blanc จะไลท์ ๆ เบา ๆ หน่อย หอมหวานเปรี้ยวเล็ก ๆ - ไวน์แดง La Grola Allegrini Veronese 2013 มีบอดี้พอสมควร ฝาดนิด ๆ ตอนรินไวน์แดงทางร้านใช้ Wine Decanter ด้วย เพื่อช่วยให้ไวน์สัมผัสอากาศได้มากขึ้นส่งผลให้มีรสดีขึ้น- น้ำมะพร้าวปั่น หวานกำลังดี- ชาคาโมมายล์ ไว้จิบคู่กับขนมเข้ากันสุด ๆ อาหาร- อาหารทานเล่นเรียกน้ำย่อยจำชื่อไม่ได้แต่เป็นแป้งลูกกลม ๆ ทอดกรอบด้านในเป็นรีซ็อดโต้เห็ด (ไส้จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ)- ขนมปังโฮมเมด ทานคู่กับซอสสีสันสดใสที่มีรสเผ็ดเล็ก ๆ- Zucchini Flowers 420++ บ.ดอกซุกินีชุบแป้งทอด ทอดมากรอบกำลังดี ไม่อมน้ำมัน ภายในดอกซุกินีมีชีสสอดไส้มาด้วย- Deep-Fried Artichoke 390++ บ.อาร์ติโชคทอด ทานเพลิน ๆ เหมือน Chips- Sauteed Artichoke 290++ บ. รสชาติจะจืด ๆ มัน ๆ นุ่ม ๆ ส่วนตัวแล้วแอบชอบแบบทอดมากกว่าค่ะ- Mussels White Wine 900++ บ. หอยแมลงภู่ออสเตรเลีย ไม่เน้นการปรุงรสมาก เน้นที่ตัววัตถุดิบ หอยสดมาก เนื้อหวาน จานค่อนข้างใหญ่ต้องกินซัก 3-5 คน- Spaghetti Seafood 450++ บ. ซีฟู้ดจัดเต็มมากทั้งกุ้ง , หอย , ปลา ,ปลาหมึก เส้นสุกกำลังดี เส้นที่ร้านทำเองด้วย ใช้แป้งอิมพอร์ต- Pizza Margherita 380++ บ. พิซซ่าหน้ามอสซาเรลล่าชีส และมะเขือเทศเชอรี่ แต่งหน้าด้วยใบกะเพรา- Pizza Boscaiola 380++ บ. พิซซ่าหน้าชีส Mascarpone & Parmigiano , เห็ด Portobello และน้ำมัน Truffleเมนูพิซซ่าของที่นี่ไม่อยากให้พลาดเลย  แป้งอิมพอร์ตจากนอก ทำโดว์เองไม่ใช้แบบแช่แข็ง ผักเป็นแบบออแกนิกส์ แป้งกรอบนอกนุ่มใน เนื้อแป้งเบากว่าที่คิด- T-Bone Steak 1 Kg. 2,490++ บ. สุกแบบมีเดี่ยมแรร์ เนื้อนุ่มกำลังดี ปรุงรสแค่เกลือพริกไทยก็ฟินสุด ๆ แล้วค่า ผักที่เสิร์ฟมาคู่กันก็ดี๊ดี มะเขือเทศเชอรี่นี่หวานมาก- Baby Lamb Rack 990++ บ. ทางร้านใช้ลูกแกะอายุ 3 เดือนนำเข้าจากสเปนเนื้อแกะก็จะนุ่มมาก และไม่มีกลิ่นสาปของหวาน- Cannoli di Zia Tettella 220++ บ. แป้งกรอบสอดไส้ ricotta Cheese ช็อคโกแลตชิพ และผลไม้ เป็นเมนูที่มีส่วนผสมของชีสแต่ไม่หนักแน่นจนเกินไป แป้งกรอบดี มีผลไม้มาตัดรสทำให้ไม่เลี่ยน- Tiramisu zia Tettella 220++ บ. ฐานเป็น savoiardi นำมาจุ่มในกาแฟผสมเหล้าเล็กน้อยสลับชั้นด้วยมาสคาโปเนชีส โรยหน้าด้วยผงโกโก้ เสิร์ฟพร้อมกับซอสเบอรี่และวิปครีม รสสัมผัสละมุนดีนะคะ ละลายในปากเลย- Budino 320++ บ. ดาร์คช็อคโกแลตพุดดิ้ง เสิร์ฟพร้อมไอศครีม ซอสเบอรี่และวิปครีม เจาะตรงกลางจะไหลออกมาเป็นลาวาด้วย อร่อยดีนะร้านนี้เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนโดยชาวอิตาเลี่ยน ทางร้านเลือกใช้วัตถุดิบที่ดี ปรุงแต่งรสน้อยมาก เน้นการดึงรสชาติของวัตถุดิบออกมาให้มากที่สุด ซึ่งเมื่อวัตถุดิบดี อาหารก็ดีไปด้วย ชอบตรงที่แม้จะเป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนแต่เข้าถึงง่าย ไม่ต้องแต่งตัวเนี้ยบโก้หรูก็มาทานได้ สนใจอยากลองชิมอาหารอิตาเลี่ยนแบบอิตาเลี่ยนแท้ ๆ แวะมาลองชิมกันได้ที่ Calderazzo On 31 ค่าbuon appetito! อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
วันนี้จะพาไปกินอาหารอิตาเลียน ซึ่งเป็นร้านที่เรียกว่าเป็นร้านอิตาเลียนแท้ๆ ร้านหนึ่งค่ะ เพราะทั้งเจ้าของและเชฟเป็นชาวอิตาลีทั้งคู่เลย พิกัดร้านจะอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 31 นะคะ สามารถใช้ชื่อร้าน Calderazzo on 31 เซิร์ชหาใน google map ได้เลยค่ะ เราขับรถไปอีกเช่นเคย แต่ที่จอดรถที่ร้านนี่จะจอดได้แค่คันเดียวหน้าร้านค่ะ นอกนั้นต้องใช้บริการ valet parking ของทางร้านนะคะที่นั่งของร้านจะมีทั้งเอาท์ดอร์และห้องแอร์นะคะ ด้านในจะมีทั้งชั้นล่างและชั้นบนด้วยค่ะ ชอบบรรดาไฟและรูปภาพต่างๆ ที่ตกแต่งร้านมากๆ เลย โดยเฉพาะชั้นบนที่เดี๋ยวจะพาไปชมค่ะชั้นสองค่ะ มีห้องส่วนตัวด้วยนะคะ ภาพวาดโดยศิลปินไทย มีเป็นรูปดอกคูณหนึ่งรูปและรูปนกต่างๆ หนึ่งรูป สวยมากเลยค่ะ เอาเป็นแบ็คกราวด์ถ่ายรูปพอร์ทเทรทก็เก๋มากๆ นะวันนั้นกลุ่มเราได้นั่งโต๊ะยาวกันค่า อุปกรณ์ก็ตามนี้เลยนะคะมาดูเมนูของทางร้านกันค่ะ ราคาก็มาตรฐานอาหารอิตาเลียนในย่านนั้นหละนะคะไวน์ลิสต์ ทำมาละเอียดมากกกสำหรับเราขอเริ่มแบบไม่มีแอลฯ ก่อนค่ะกับเวอร์จินโมฮิโต้นะคะรสชาติมาตรฐานปกติค่ะส่วนนี่คือไวน์ขาวและไวน์แดงที่ทางคุณเจ้าของร้านแนะนำค่ะ มีภาชนะสำหรับใส่ไวน์แดงให้ตัวไวน์แดงได้หายใจก่อนเสิร์ฟด้วย รวมทั้งมี decanter เครื่องเติมอากาศไวน์ด้วยค่ะ จะเห็นได้ว่าที่นี่เป็นร้านหนึ่งที่ให้ความสำคัญมากๆ กับไวน์นะคะไปหาข้อมูลสำหรับเรื่องเครื่องเติมอากาศไวน์มาให้อ่านนะคะอุปกรณ์ Wine Decanterเป็นเครื่องช่วยหายใจไวน์ ( Breathes Wine ) หรือ เครื่องผสมอากาศ (Aerator) หรือ เครื่องรีเฟรชไวน์ ( Refresh Wine ) ให้มีรสชาติที่กลมกล่อมดีขึ้น โดยเฉพาะถ้าเราเปิดไวน์แล้วต้องการดื่มแบบไม่ต้องรอสักครึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วโมงให้ไวน์ได้หายใจ  อุปกรณ์นี้ใช้หลักของ Venturi ซึ่งเป็นวิศวกรชาวอิตาลี ใช้วิธีคำนวณอัตราการไหลของของเหลวผ่านจุด 2 จุดที่มีแรงดันต่างกัน ทำให้ของเหลวที่ไหลผ่านเกิดการสำรอก และผสมอากาศที่อยู่ภายนอกเข้ากับของเหลวที่อยู่ด้านใน ทำให้เป็นการเพิ่มอากาศให้กับไวน์ และทำให้รสชาติดีขึ้นโดยไม่ต้องเสียเวลารอ อีกทั้งยังออกแบบให้รูปลักษณ์ของสินค้า สวย เท่ห์ ดูดี หรูหรา เหตุผลสำคัญของการใช้ Decanter คือ เพื่อก. ให้ไวน์สัมผัสอากาศได้มากขึ้น ทำให้มีรสดีขึ้นข. กำหนดปริมาณการดื่ม โดยรินในปริมาณที่เหมาะสมค. แยกตะกอนออกจากน้ำไวน์ เพราะมี Filter กรองง. สร้างภาพลักษณ์Decanter แบบภาชนะใส่ไวน์เป็นภาชนะแก้ว หรืออาจเรียกว่าขวดโถที่มีปากกว้าง ใช้สำหรับใส่ไวน์ที่เทออกมาจากขวด เพื่อให้ไวน์ได้สัมผัสอากาศมากขึ้นกว่าการเปิดจุกขวดไวน์เอาไว้ ภาชนะพวกนี้มีการออกแบบรูปร่างต่างๆกัน ดูสวยงาม และมีใช้ตามโรงแรมหรือร้านอาหารที่มีระดับ ถ้าเราจะซื้อไว้ใช้เองก็มีขายหลายแห่ง ถ้าเป็นแก้ว Crystal จะมีราคาแพง ประมาณ 3,500 - 6,000 บาทเริ่มต้นด้วยไวน์ขาวค่ะ เป็น Wild Rock Sauvignon Blanc ของนิวซีแลนด์ รสชาติเจือเปรี้ยวนิดๆ กลิ่นหอมฟรุตตี้เบาๆ ค่อนข้างสดชื่นนะคะมาที่อาหารตัวแรกกันค่ะตัวนี้ทอดมาได้กรอบดี ไส้ข้างในนี่แล้วแต่นะคะ จะมีการเปลี่ยนค่ะ รู้สึกจะเปลี่ยนทุกๆ สามเดือนน่ะนะ ของเราวันนั้นเป็นไส้เห็ดและอื่นๆ ค่ะ ออกแนวนวลๆ ตัวซอสนี่เป็นโฮมเมดค่ะ รสออกเปรี้ยวนิดๆ เผ็ดเบาๆ ค่ะ อร่อยดีนะ ช่วยเสริมรสดีค่ะต่อไปเป็นขนมปังและซอสโฮมเมดอีกเช่นกันค่ะ ขนมปังเนื้อนิ่มแน่นมาก อร่อย ยิ่งกินกับซอสยิ่งดีเลยค่ะ เพิ่มรสชาติเผ็ดนิดๆ ด้วยอ้ะตัวผักและมะเขือเทศ (รวมทั้งที่ใช้ทำซอส) มีบางส่วนที่รับมาจากมูลนิธิที่ช่วยเหลือเด็กชาวไทยที่ชัยภูมิด้วยนะคะ ซึ่งมูลนิธินี้ก่อตั้งโดยอดีตชาวอังกฤษที่มีสัญชาติไทยเรียบร้อยแล้วค่ะ โดยมีแนวคิดที่จะให้การศึกษากับเด็กและสอนให้เขาทำสิ่งที่พึ่งพาตัวเองได้ ซึ่งดีมากๆ เลยหละค่ะZucchini Flowers 420++ บาทเป็นซุคคินี่ที่มีการทำตอนปลายให้เป็นเหมือนดอกไม้ตามชื่อเมนูนะคะ ทอดมากรอบพอควร แต่ยังคงไว้ซึ่งรสชาติและกลิ่นของซุคคินี่อยู่ค่ะ แป้งก็ไม่เค็มเกินด้วย เค็มอ่อนๆ ค่ะMussels White Wine 900++ บาท เป็นหอยแมลงภู่ออสเตรเลียนะคะ จัดมาจานใหญ่เลย กินกัน 5-6 คนเราว่ากำลังดีค่ะ ทำมาแบบปรุงรสไม่เยอะ คงความหวานของเนื้อหอยที่สดเอาไว้ กินเพลินมากค่ะ ลืมคอเลสเตอรอลที่เพิ่งตรวจไปชั่วขณะ แหะๆSpaghetti Seafood 450++ บาทเส้นลวกมาโอเคค่ะ ซีฟู้ดจัดใส่มาแบบเยอะมาก รสจะออกแนวอ่อนๆ ไม่ปรุงเยอะ เราว่าร้านนี้เขาจะเน้นที่รสชาติแท้ของวัตถุดิบมากกว่าเอามาปรุงรสนะคะ Sauteed Artichoke 290++ ทำจากแก่นอาร์ติโชค พาร์สลีย์และไวน์ขาวค่ะ ตัวนี้รสจะอ่อนๆ เช่นกัน จะนุ่มนิ่มขณะที่อีกตัวที่ทำด้วยวิธีต่างกันจะให้รสสัมผัสอีกแบบนะคะDeep-Fried Artichoke 390++ตัวนี้มาพร้อมผัดร็อกเก็ตป่านะคะ ทอดมากร๊อบกรอบอ้ะ กินเพลินมาก ใครชอบของทอดน่าจะชอบจานนี้ค่ะ แต่ทอดแล้วรสของอาร์ติโชคก็ยังอยู่นะคะ หน้าตาของอาร์ติโชคและพริกหยวกที่ทางร้านใช้ค่ะ ใหญ่ไปไหนนนนนจากนั้นพนักงานก็นำถ้วยน้ำชาและเลมอนมาให้ สำหรับล้างมือให้หายคาวจากการหยิบกินอาหารทะเลค่ะ ต่อไปเป็นอาหารแป้งๆ กันบ้างกับพิซซ่าค่ะ ซึ่งที่นี่จะใช้โดที่ไม่ใช่แช่แข็งนะคะ เป็นโฮมเมด ตัวแป้งใช้นำเข้าของ Semolina มอสซาเรลล่าชีสใช้ Premium Thai Fiordilatte (Single Ball) ส่วน tomato salsa เป็นออร์แกนิก (เหมือนกับมะเขือเทศเชอร์รี่) ซึ่งเป็นโฮมเมดนะคะ แต่ละถาดใหญ่เมิ่ก สำหรับหญิงสาวร่างเล็ก (ตรงไหนคะป้า?) อย่างเรา กินชิ้นเดียวก็จอดแล้วค่ะ อร่อยแค่ไหนก็ตาม..ไม่ไหวล้าวววว วันนั้นที่ได้ลองกินมีสองหน้านะคะ ถาดใหญ่มากทั้งสองหน้าเลยMargherita 380++หน้าเป็นมะเขือเทศเชอร์รี่ มอสซาเรลล่าชีส และกะเพราสดค่ะแป้งดีค่ะ ไม่หนาไป รสชาติก็ดี สำหรับเรานี่เราไม่ใช้ซอสอะไรเลยนะคะ อีกหนึ่งพิซซ่าค่ะ เราชอบยิ่งกว่าหน้าแรกอีกหละPizza Boscaiola 380++ใช้เห็ดพอร์ทโทเบลโล มัสคาร์โปน ชีส parmigiano และน้ำมันทรัฟเฟิลค่ะตัวนี้หอมทรัฟเฟิลมากกกกกกกกก กินแล้วรื่นรมย์สุดๆ รสชาตินวลกลมกล่อมอร่อยค่ะ ชอบมากๆ อ้ะ แต่กินเยอะไม่ได้ ผลตรวจสุขภาพย่ำแย่อยู่ ฮือๆต่อไปเป็นทีโบนเสต็กหนัก 1 กิโลกรัม (บร๊ะเจ้า) 2490++ บาทค่ะชิ้นใหญ่แบบบิ๊กเบิ้มมากกกกก ทำมาสุกระดับมีเดียมแรร์แบบที่เราชอบเลยค่ะ ตัวเนื้อก็นุ่มมาก อร่อยเลยแหละ ปรุงมาไม่มากอีกเช่นเคย โดยรสชาติเนื้อก็ดีงามมากแล้วนะคะ แต่ถ้าอยากปรุงแค่โรยเกลือกับพริกไทยนิดหน่อยก็พอนะคะ จะได้ไม่เสียรสเนื้อหละ ต่อไปเป็น Baby Lamb Rack 990++ตัวนี้ตอนแรกที่เสิร์ฟมา เราคิดว่ามันทำมาสุกเกินไปค่ะ แต่พอกินปุ๊บ อื้อหืออออออออ นุ่มมากกกกก นุ่มเวอร์วัง อร่อยค่ะ และไม่มีกลิ่นสาบเลย พอคุยกับเจ้าของร้านเขาบอกว่าใช้ลูกแกะที่อายุแค่ 3 เดือน ยังไม่หย่านม และนำเข้าจากสเปน (เพราะถ้านิวซีแลนด์จะมีกฎว่าแกะจะกินได้ต้อง 6 เดือนขึ้น ซึ่งจะเป็นแกะที่กินหญ้าแล้ว ทำให้ไม่นุ่มและมีกลิ่นแกะแบบที่เราเคยคุ้นน่ะนะคะ) มิน่าอร่อยจัง ป้าขอโทษนะลู้กกกกกก แต่มันอร่อยจริงๆ ง่าาา ถ้าใครอยากกินแกะนุ่มๆ ไม่มีกลิ่นสาบแกะ ก็แนะนำเมนูนี้เลยค่ะ ดีงามจริงๆแน่นอนว่าสองเมนูนี้มาก็ต้องเป็นไวน์แดงนะคะ ซึ่งเป็น La Grola Allegrini Veronese 2013 ตัวนี้เป็นไวน์จาก Verona อิตาลีค่ะตัวนี้มีเนื้อหนังพอควร แต่ไม่ได้หนักมากนะคะ ค่อนข้างกลางๆ และสดชื่นเมื่อได้ดื่ม แต่ก็เข้มข้นพอควรเลยค่ะ กินได้เข้ากับทั้งเนื้อและแกะเลยค่ะโฉมหน้าเชฟที่ทำอาหารมื้อนี้ให้เราทานค่ะหมดคาวแล้ว มาของหวานกันบ้างงงงง (น้ำเสียงร่าเริงเกินหน้าเกินตามาก)Cannoli di Zia Tettella 220++ตัวนี้เป็นสูตรของคุณป้าคุณแอนโทนี่นะคะ เป็นแป้งทอดกรอบสอดไส้ด้วยริคอตต้า ช็อกโกแลตชิพ และผลไม้ค่ะทอดกรอบมาก ข้างในรสชาตินวลๆ อมเปรี้ยวและหวานเล็กๆ อร่อยดีค่ะ ชิ้นไม่ใหญ่มากด้วย กินคนเดียวก็หมดนะคะTiramisù 220++ตัวนี้จะคล้ายๆ กับร้านเฟียเจอร์แอนด์สโตนที่เราเคยกินค่ะ คือทำเนื้อเบาๆ รสไม่เข้มขมเกินไป เราชอบนะ กินแล้วชื่นปากดีค่ะBudino 320++ตัวนี้เป็นพุดดิ้งดาร์คช็อกโกแลต กับผลไม้และวานิลาเจลาโต้ค่ะเจลาโต้อร่อยยยย ไม่หวานจัด หอม (ไม่เสียชื่อเป็นร้านอิตาเลียน 555) ตัวดาร์คช็อคพุดดิ้งข้างในเป็นลาวาด้วยนะคะ ขมแบบดาร์คช็อกแต่ก็ไม่ได้ขมจนทำให้เสียรส กินคู่กับไอศกรีมจะพอดีกันค่ะกินแกล้มชา เนื่องจากมืดแล้วเพื่อนเลือกเป็นคาร์โมมายล์นะคะปิดท้ายด้วยภาพหน้าร้านยามค่ำก่อนกลับค่าสรุปสำหรับร้านนี้นะคะเป็นร้านอิตาเลียนที่มีรสชาติอิตาเลียนแท้ๆ ไม่ปรุงแต่งเยอะ เน้นความดีงามของวัตถุดิบ ร้านตกแต่งสวยงาม เจ้าของร้านน่ารัก พนักงานบริการดี เสียแต่ว่าไม่มีที่จอดรถ (แต่มี valet parking) ถ้าใครหาร้านอิตาเลียนสไตล์นี้ที่นี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเลยนะคะ  อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)