13
1
0
ระดับ4
Scarlett Wine Bar & Restaurant เป็นห้องอาหารสไตล์ฝรั่งเศส อยู่บนชั้น 37 ของโรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี สีลม ใครนำรถมาสามารถจอดได้ที่โรงแรมและนำบัตรจอดรถมาประทับตราที่ห้องอาหาร ส่วนใครไม่มีรถก็นั่ง BTS ลงสถานีช่องนนทรีเดินมาอีกหน่อยก็ถึงแล้วค่าScarlett Wine Bar & Restaurant เป็นห้องอาหารที่เหมาะสำหรับมื้อเย็นและมื้อค่ำ เปิดตั้งแต่ 18.00 - 01.00 น. บรรยากาศในห้องอาหารก็จะออกแนวสลัว ๆ ไฟสีส้ม ๆ เน้นความโรแมนติก มีมุมให้เลือกนั่งเยอะมาก  ทั้งด้านใน ด้านนอก หรือมุมเคาน์เตอร์บาร์ร้านนี้เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสเมนูก็จะเป็นอาหารฝรั่งเศส มีให้เลือกหลายหมวดอยู่เหมือนกันทั้งซุป สลัด อาหารเรียกน้ำย่อย จานหลัก พาส
อ่านรีวิวฉบับเต็ม
Scarlett Wine Bar & Restaurant เป็นห้องอาหารสไตล์ฝรั่งเศส อยู่บนชั้น 37 ของโรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี สีลม ใครนำรถมาสามารถจอดได้ที่โรงแรมและนำบัตรจอดรถมาประทับตราที่ห้องอาหาร ส่วนใครไม่มีรถก็นั่ง BTS ลงสถานีช่องนนทรีเดินมาอีกหน่อยก็ถึงแล้วค่า

Scarlett Wine Bar & Restaurant เป็นห้องอาหารที่เหมาะสำหรับมื้อเย็นและมื้อค่ำ เปิดตั้งแต่ 18.00 - 01.00 น. บรรยากาศในห้องอาหารก็จะออกแนวสลัว ๆ ไฟสีส้ม ๆ เน้นความโรแมนติก มีมุมให้เลือกนั่งเยอะมาก  ทั้งด้านใน ด้านนอก หรือมุมเคาน์เตอร์บาร์

ร้านนี้เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสเมนูก็จะเป็นอาหารฝรั่งเศส มีให้เลือกหลายหมวดอยู่เหมือนกันทั้งซุป สลัด อาหารเรียกน้ำย่อย จานหลัก พาสต้า และขนมหวาน ส่วนเครื่องดื่มนี่เพียบหลัก ๆ เลยจะเป็นไวน์แดงและไวน์ขาว 

เมนูที่สั่ง

Cocktail

- The 'G' Effect 340 บ. ค็อกเทลกลิ่นแตงกวาอ่อน ๆ เหล้าเข้มใช้ได้เลยสำหรับสาว ๆ 
- Parfum de Rose 340 บ. ค็อกเทลสีหวาน ๆ สำหรับสาว ๆ แก้วนี้หอมหวานกลิ่นกุหลาบ รสอ่อน ๆ เหล้าไม่แรง จิบได้เพลิน ๆ 
- Le Desire 340 บ. แก้วนี้เหมาะสำหรับหนุ่ม ๆ รสจะเข้มขึ้นมาหน่อย 
อาหาร

- ขนมปังเป็น Complimentary มีหลายเนื้อหลายแบบ

- Scarlett Board 1,490 บ. เป็นจานรวมโคลด์คัทและชีส 5 แบบ 5 สไตล์ โคลด์คัทมีตั้งแต่รสอ่อน ๆ ไปจนถึงรสเผ็ด  ชีสก็มีหลายรสหลายกลิ่น เป็นจานรวมที่มีให้เลือกทานได้หลายแบบดี
- Le Crabe Royal d'Alaska 580 บ. (Signature)สลัดเนื้อปูอลาสก้า มีเนื้อปูเพียบ ราดด้วยน้ำสลัดมายองเนสมีรสของมัสตาร์ดเล็ก ๆ 
- Salmon Tartares 420 บ. แซลมอนดิบคลุกเคล้ากับมะนาวและน้ำมันอาร์แกนเสิร์ฟคู่กับเฟรนฟราย์และสลัด

- Burgundy Snails 410 บ.หอยทากฝรั่งเศส (Escargot) ราดซอสเนยกระเทียมและพาร์สลีย์ เสิร์ฟคู่กับขนมปัง หอยทากเนื้อก็หนึบ ๆ ไม่เหนียว หอมเนยกระเทียมดี

- Snow Fish 950 บ. สเต๊กปลาหิมะราดซอสแซฟฟรอน และมันฝรั่งบด เนียนทั้งปลาทั้งมันฝรั่งบดเลย จานนี้ชอบค่า

- Le Coquelet de Ferme Roti aux Herbes de Provence 640 บ.ไก่ย่างสมุนไพร เสิร์ฟคู่กับ truffle mashed potatoไก่ย่างมากำลังดี หอมสมุนไพร

- Slow Cooked Pork Spare Ribs เป็นเมนูซี่โครงหมูย่างบาบีคิว เนื้อหมูนุ่ม ซอสเข้าเนื้อดีค่ะ

- Organic Lamb Chop 720 บ.เนื้อแกะย่าง กลิ่นแกะไม่แรง ทานง่าย

- 4-6 Weeks Dry Aged Australian Wagyu ส่วน Striploin 400 g.1,850 บ.

เป็นเนื้อวากิวออเตรเลียที่เลี้ยงด้วยธัญพืช 240 วัน มีซอสให้เลือกทาน 3 แบบ Bearnaise, Black Pepper and Blue Cheese Sauce เมนูนี้เนื้อนุ่มมากกกกก สุกกำลังดีแบบที่ชอบเลย  ใครชอบสุกกว่านี้ระบุได้นะคะแต่เราชอบแบบนี้หล่ะ ฟินๆๆๆๆ
- La Cote de Boeuf (Prime Ribs with bone 1 KG.) 1,900 บ. เนื้อวากิวออสเตรเลีย 150 Day Grain Fed จานนี้ก็นุ่มแต่แอบเทใจให้เมนูแรกมากกว่า

ขนม

- Grand Marnier 'Souffle'250 บ.ซูเฟิลเนื้อเบาฟู แต่เหล้าแรงไปหน่อย กินมากไม่ได้ 55

- Mille Feuille 'Grand Augustins' 280 บ. เป็นแป้งพัฟสอดไส้ด้วยครีมวนิลา แป้งพัฟบางกรอบดี  ส่วนครีมก็หอมมัน ใช้วนิลาบีนด้วย
- Chocolate Profiteroles 280 บ. Profiteroles เป็นแป้งพัฟชนิดนึง เนื้อคล้าย ๆ ชูครีม เอแคลร์นี่แหละ สอดไส้ตรงกลางด้วยไอศครีมวนิลา ทานคู่กับซอสช็อคโกแลตและวิปครีม

- Black Forest Jar 295 บ. ช็อคโกแลตมูสรสเข้ม ใส่เชอรี่หมักเหล้า

- Mousse au Chocolat  420 บ. ในเมนูเขียนว่าสำหรับ 2 คน แต่ยกมาชามใหญ่มาก เอาจริง ๆ แล้วกินได้ 3-4 คนเลย เป็นช็อคโกแลตมูสแบบดาร์ค รสเข้มขมถูกใจ เวลาทานทางร้านจะคลุกส่วนผสมให้เข้ากันหมด

สำหรับที่นี่เมนูกริลล์เค้าดีอ่ะ เห็นว่าใช้ไม่มะขามในการย่างแทนถ่านด้วย จะได้ความหอมแตกต่างจากการย่างด้วยถ่านธรรมดา ก็เป็นอีก 1 ร้านอาหารฝรั่งเศสดี ๆ บรรยากาศเริ่ด ๆ อาหารอร่อย เครื่องดื่มก็ดี พนักงานมีความรู้ในแต่ละเมนูดี อธิบายแนะนำเมนูเก่ง แนะนำว่ามาที่นี่ไม่ผิดหวังค่ะ ราคาอาจจะสูงไปหน่อย แต่ก็เหมาะสำหรับมื้อพิเศษ ๆ นะคะ
40 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
33 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
32 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
30 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
109 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
The 'G' Effect
57 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
Parfum de Rose
40 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
Le Desire
26 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ขนมปัง
30 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
Scarlett Board
16 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
สลัดเนื้อปูอลาสก้า
14 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
Salmon Tartares
16 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
Burgundy Snails
26 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
Snow Fish
48 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ไก่ย่างสมุนไพร
39 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
Slow Cooked Pork Spare Ribs
46 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
Organic Lamb Chop
43 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
4-6 Weeks Dry Aged Australian Wagyu
39 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
4-6 Weeks Dry Aged Australian Wagyu
33 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
La Cote de Boeuf
54 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
La Cote de Boeuf
26 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ซอส 3 แบบ
29 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
16 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
Grand Marnier 'Souffle'
30 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
Mille Feuille 'Grand Augustins'
28 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
Chocolate Profiteroles
53 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
Black Forest Jar
43 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
Mousse au Chocolat
43 วิว
1 ไลค์
0 คอมเมนต์
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
โพสต์
รายละเอียดคะแนนรีวิว
รสชาติ
การตกแต่ง
บริการ
ความสะอาด
ความคุ้มค่า
วิธีการกิน
รับประทานที่ร้าน
ประเภทมื้ออาหาร
มื้อเย็น
เมนูแนะนำ
The 'G' Effect
Parfum de Rose
Le Desire
Scarlett Board
สลัดเนื้อปูอลาสก้า
Salmon Tartares
Snow Fish
Slow Cooked Pork Spare Ribs
Organic Lamb Chop
4-6 Weeks Dry Aged Australian Wagyu
4-6 Weeks Dry Aged Australian Wagyu
La Cote de Boeuf
La Cote de Boeuf
ซอส 3 แบบ
Grand Marnier 'Souffle'
Mille Feuille 'Grand Augustins'
Chocolate Profiteroles
Mousse au Chocolat
ระดับ4
159
3
วันนี้ปลาไหลมาไฮโซ พาไปแนะนำเมนูเด็ดที่ Scarlett Wine Bar & Restaurantมีเมนูอะไรบ้าง มาดูกันเลย บรรยากาศร้านครับ มองไปเห็นวิวกรุงเทพตอนกลางคืน สวยมากครับ ไวน์ Prosecco รสนุ่มมาก ขวดละ 800+ ครับ ซอสเนื้อ เมนูเด็ดของร้าน ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของ Scarlett Wine Bar & Restaurant เหมือนไปทานที่ยุโรปเลยครับ รสชาติออกเค็มหน่อยๆ อาจจะไม่ค่อยถูกปากคนไทยนัก แต่ก็ควรไปลองซักครั้งครับมื้อนี้ตกเฉลี่ยหัวละ 1000++ นานๆครั้ง บรรยากาศดี คุ้มราคาอาหาร
อ่านรีวิวฉบับเต็ม
วันนี้ปลาไหลมาไฮโซ พาไปแนะนำเมนูเด็ดที่ Scarlett Wine Bar & Restaurant
มีเมนูอะไรบ้าง มาดูกันเลย
76 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
บรรยากาศร้านครับ มองไปเห็นวิวกรุงเทพตอนกลางคืน สวยมากครับ
77 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ไวน์ Prosecco รสนุ่มมาก ขวดละ 800+ ครับ
58 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ซอสเนื้อ เมนูเด็ดของร้าน ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของ Scarlett Wine Bar & Restaurant เหมือนไปทานที่ยุโรปเลยครับ รสชาติออกเค็มหน่อยๆ อาจจะไม่ค่อยถูกปากคนไทยนัก แต่ก็ควรไปลองซักครั้งครับ

มื้อนี้ตกเฉลี่ยหัวละ 1000++ นานๆครั้ง บรรยากาศดี คุ้มราคาอาหาร

(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
โพสต์
รายละเอียดคะแนนรีวิว
รสชาติ
การตกแต่ง
บริการ
ความสะอาด
ความคุ้มค่า
วันที่ไปกิน
2013-09-15
ระดับ4
519
0
2013-09-07 219 วิว
ร้านอาหารฝรั่งเศส กับบรรยากาศ สบายๆ ไม่ว่าจะเป็นในส่วน บาร์ หรือด้านนอกที่เห็นวิวที่ทางร้านตกแต่งไว้ ดูร่มรื่นสบายตา เมนูที่นี่ เชฟจะตกแต่งอาหารมาอย่างสวยงามทุกจานเลยก็ว่าได้ ไม่ว่่าจะเป็น LENCORNET FARCI AU CHORIZO HERBES FRAICHES COULIS DE PEQUILLOS, PAVE DE CABILLAUD DEMI - SEL BOUILLON DE TAMATES ET POIVRONS ROUGES, LANGUE DE BOEUF AU FOIE GRAS FACON LUCULLUS ปิดท้ายด้วยของหวานจานนี้ค่ะ LA TARTE A LA MANGUE SORBET CITRON BASILC อาหารที่นี่ทุกจานจัดมาบนจานสีขาวสะอาดตา ทั้งสวยทั้งอร่อยค่ะ
อ่านรีวิวฉบับเต็ม
ร้านอาหารฝรั่งเศส กับบรรยากาศ สบายๆ ไม่ว่าจะเป็นในส่วน บาร์ หรือด้านนอกที่เห็นวิวที่ทางร้านตกแต่งไว้ ดูร่มรื่นสบายตา เมนูที่นี่ เชฟจะตกแต่งอาหารมาอย่างสวยงามทุกจานเลยก็ว่าได้ ไม่ว่่าจะเป็น LENCORNET FARCI AU CHORIZO HERBES FRAICHES COULIS DE PEQUILLOS, PAVE DE CABILLAUD DEMI - SEL BOUILLON DE TAMATES ET POIVRONS ROUGES, LANGUE DE BOEUF AU FOIE GRAS FACON LUCULLUS ปิดท้ายด้วยของหวานจานนี้ค่ะ LA TARTE A LA MANGUE SORBET CITRON BASILC อาหารที่นี่ทุกจานจัดมาบนจานสีขาวสะอาดตา ทั้งสวยทั้งอร่อยค่ะ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
โพสต์
รายละเอียดคะแนนรีวิว
รสชาติ
การตกแต่ง
บริการ
ความสะอาด
ความคุ้มค่า
วันที่ไปกิน
2013-07-12
ราคาต่อคน
฿1000 (มื้อเย็น)
เมนูแนะนำ
  • อาหารฝรั่งเศส
ระดับ4
407
5
จากที่ได้ทราบข่าวว่าทาง Scarlett Wine Bar & Restaurant, Pullman G มีเทศกาลไส้กรอก Joan ก็รีบเคลียคิวเพื่อที่จะไปลองชิมไส้กรอกที่อร่อยที่สุดในโลกให้ได้เลยค่ะพอไปถึงช่วงเย็นๆ Joan ก็ขอคำแนะนำจากทางห้องอาหารค่ะ ว่าจานไหนเป็นจานเด่น และ Joan ควรทานอะไรบ้างทางโรงแรมแนะนำอาหารมา 3 อย่างค่ะ แล้ว Joan ก็สั่งไส้กรอกมาทานกับขนมปังด้วยค่ะ เพื่อที่จะได้ทราบว่าไอ้ที่ว่าไส้กรอกแชมป์ มันอร่อยขนาดไหนค่ะรสชาติเค็มๆค่ะ มีกลิ่นคล้ายๆแหนมบ้านเราเลยค่ะ แต่เนื้อเหนียวกว่า โดยไส้กรอกจะใช้เนื้อหมูในการทำค่ะ จานนี้ชื่ออะไรไม่สำคัญ สำคัญที่อร่อยมากค่ะ ข้างในเป็นไส้กรอกบนมันบด โดยเนื้อมันบดเนียนมาก พอทานกับซอสสีดำๆด้านล่างแล้
อ่านรีวิวฉบับเต็ม
จากที่ได้ทราบข่าวว่าทาง Scarlett Wine Bar & Restaurant, Pullman G มีเทศกาลไส้กรอก Joan ก็รีบเคลียคิวเพื่อที่จะไปลองชิมไส้กรอกที่อร่อยที่สุดในโลกให้ได้เลยค่ะ
พอไปถึงช่วงเย็นๆ Joan ก็ขอคำแนะนำจากทางห้องอาหารค่ะ ว่าจานไหนเป็นจานเด่น และ Joan ควรทานอะไรบ้าง
ทางโรงแรมแนะนำอาหารมา 3 อย่างค่ะ แล้ว Joan ก็สั่งไส้กรอกมาทานกับขนมปังด้วยค่ะ เพื่อที่จะได้ทราบว่าไอ้ที่ว่าไส้กรอกแชมป์ มันอร่อยขนาดไหนค่ะ
53 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
รสชาติเค็มๆค่ะ มีกลิ่นคล้ายๆแหนมบ้านเราเลยค่ะ แต่เนื้อเหนียวกว่า โดยไส้กรอกจะใช้เนื้อหมูในการทำค่ะ
50 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
จานนี้ชื่ออะไรไม่สำคัญ สำคัญที่อร่อยมากค่ะ ข้างในเป็นไส้กรอกบนมันบด โดยเนื้อมันบดเนียนมาก พอทานกับซอสสีดำๆด้านล่างแล้วเข้ากันดีจริงๆค่ะ
57 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
จานนี้ก็จำชื่อไม่ได้อีกแล้วค่ะ
กินจนเพลิน.. ข้างบนจะเป็นไส้กรอกในขนมปัง ด้านล่างจะเป็นหน่อไม้ฝรั่งและเห็นค่ะ
ขนมปังทานพร้อมกับไส้กรอกอร่อยทีเดียวค่ะ ยิ่งขนมปังได้ดูดซับซอสด้านล่างทานกับไส้กรอก เข้ากันดีจริงๆค่ะ
62 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
เมนูสุดท้ายจานใหญ่มาก แต่มานิดเดียวค่ะ เป็นไส้กรอกที่หั่นแล้วเอาไปผ่านกรรมวิธีอะไรซักอย่าง รสชาติดีค่ะ เคี้ยวแล้วกรุบๆหน่อยค่ะ จิ้มซอสนิดหนึ่งกำลังพอดีค่ะ

สรุป Scarlett Wine Bar & Restaurant เป็นอีกห้องอาหารหนึ่งที่น่าไปมากๆค่ะ รับประัทานอาหารมองเห็นวิวกรุงเทพ ในบรรยากาศและบริการที่ดีค่ะ ถ้าเพื่อนๆมีโอกาสอย่าลืมแวะไปนะคะ
Stay Gorgeous <3
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
โพสต์
รายละเอียดคะแนนรีวิว
รสชาติ
การตกแต่ง
บริการ
ความสะอาด
ความคุ้มค่า
ระดับ4
159
3
พอดีได้มีโอกาสไปงานเทศกาลไส้กรอกที่ห้องอาหารสกาเล็ต ซึ่งในงานครั้งนี้ทางโรงแรมไ้ด้เชิญเชฟฟิลิป เชฟชื่อดังชาวฝรั่งเศษมาทำอาหารเมนูไส้กรอกให้เราทานกันด้วยเข้าไปข้างในห้องอาหารจะมีโต๊ะให้เลือกนั่งหลายแบบ ทั้งเก้่าอี้สูง โซฟา หรือโต๊ะทานข้าวแบบธรรมดาไส้กรอกในงานนี้สามารถสั่งกลับบ้านได้ด้วยคำคมบนกระดาษรองจาน อ่านแล้วขนลุกเมนูที่ทำจากไส้กรอก ชื่อะไรไม่รู้ เพราะเราอาภาษาฝรั่งเศษไม่ออกจานนี้อร่อยมาก เป็นขนมปังสอดไส้ไส้กรอก ราดด้วยน้ำซอสฝรั่งเศษทานกับหน่อไม้ฝรั่งผัด อร่อยมากเลยรวมทั้งสิ้นก็พันกว่าบาทเองถูกมากๆเลย ถูกจริงจิ๊งงงงงงงงงง(เสียงไม่สูง)
อ่านรีวิวฉบับเต็ม
พอดีได้มีโอกาสไปงานเทศกาลไส้กรอกที่ห้องอาหารสกาเล็ต
ซึ่งในงานครั้งนี้ทางโรงแรมไ้ด้เชิญเชฟฟิลิป เชฟชื่อดังชาวฝรั่งเศษมาทำอาหารเมนูไส้กรอกให้เราทานกันด้วย
41 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
เข้าไปข้างในห้องอาหารจะมีโต๊ะให้เลือกนั่งหลายแบบ ทั้งเก้่าอี้สูง โซฟา หรือโต๊ะทานข้าวแบบธรรมดา
39 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ไส้กรอกในงานนี้สามารถสั่งกลับบ้านได้ด้วย
45 วิว
1 ไลค์
0 คอมเมนต์
คำคมบนกระดาษรองจาน อ่านแล้วขนลุก
32 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
เมนูที่ทำจากไส้กรอก ชื่อะไรไม่รู้ เพราะเราอาภาษาฝรั่งเศษไม่ออก
45 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
จานนี้อร่อยมาก เป็นขนมปังสอดไส้ไส้กรอก ราดด้วยน้ำซอสฝรั่งเศษทานกับหน่อไม้ฝรั่งผัด อร่อยมากเลย

รวมทั้งสิ้นก็พันกว่าบาทเอง
ถูกมากๆเลย ถูกจริงจิ๊งงงงงงงงงง(เสียงไม่สูง)

(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
โพสต์
รายละเอียดคะแนนรีวิว
รสชาติ
การตกแต่ง
บริการ
ความสะอาด
ความคุ้มค่า
วันที่ไปกิน
2012-09-14
ระดับ2
11
3
เมื่อไม่นานมานี้เมเม่ได้มีโอกาสร่วมเปิดประสบการณ์ชิมอาหาร จิบไวน์ ชมวิวสูงย่านใจกลางเมืองอย่างสีลมมาค่ะ กับห้องอาหาร SCARLETT WINE BAR & RESTAURANT บนชั้น 37 ของ โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี นั่นเองหลายคนอาจจะสงสัยว่าเป็นโรงแรมใหม่หรือเปล่าไม่คุ้นเลย จริงๆแล้วก็คือ โนโวเทล สีลม นั่นเองค่ะ แต่ตอนนี้ได้ปรับโฉมใหม่เป็น โฮเต็ล จี – Hotel G แล้ว (มีอยู่สองที่คือ กรุงเทพ และ พัทยา) โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี และ โรงแรมพูลแมน พัทยา จี ได้รับคอนเซ็ปต์มาจาก "โฮต็ล จี กรุงปักกิ่ง" ซึ่งเป็นโรงแรมที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมในด้านไลฟ์สไตล์ รวมถึงยังถูกจัดอันดับให้เป็นโรงแรมที่ทันสมัยที่สุดของเมือง ไว้มีโอกาสคงได้ไปพักและกลับมารีวิวให้
อ่านรีวิวฉบับเต็ม
เมื่อไม่นานมานี้เมเม่ได้มีโอกาสร่วมเปิดประสบการณ์ชิมอาหาร จิบไวน์ ชมวิวสูงย่านใจกลางเมืองอย่างสีลมมาค่ะ กับห้องอาหาร SCARLETT WINE BAR & RESTAURANT บนชั้น 37 ของ โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี นั่นเอง
26 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
หลายคนอาจจะสงสัยว่าเป็นโรงแรมใหม่หรือเปล่าไม่คุ้นเลย จริงๆแล้วก็คือ โนโวเทล สีลม นั่นเองค่ะ แต่ตอนนี้ได้ปรับโฉมใหม่เป็น โฮเต็ล จี – Hotel G แล้ว (มีอยู่สองที่คือ กรุงเทพ และ พัทยา) โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี และ โรงแรมพูลแมน พัทยา จี ได้รับคอนเซ็ปต์มาจาก "โฮต็ล จี กรุงปักกิ่ง" ซึ่งเป็นโรงแรมที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมในด้านไลฟ์สไตล์ รวมถึงยังถูกจัดอันดับให้เป็นโรงแรมที่ทันสมัยที่สุดของเมือง ไว้มีโอกาสคงได้ไปพักและกลับมารีวิวให้ทุกคนได้ชมกันนะคะ ^^_ แต่วันนี้เน้นกันที่อาหารดีกว่า
47 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
Hotel G นอกจากจะนำความทันสมัย สะดวกสบายตามต้นฉบับที่ปักกิ่งมาด้วยแล้ว ห้องอาหารและสถานให้ความบันเทิงก็ยังถือเป็นหัวใจสำคัญเพื่อตอบสนองกลุ่มคนรุ่นใหม่ ของแบรนด์ของโฮเต็ล จี อีกด้วย และวันนี้เมเม่จะมาแนะนำและรีวิวอาหารพร้อมบรรยากาศของ SCARLETT WINE BAR & RESTAURANT มาฝากกัน
43 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ด้วยระเบียงกว้างเปิดโล่งที่สามารถนั่งชมทัศนียภาพแบบพาโนรามา SCARLETT WINE BAR & RESTAURANT ที่นี่ยังเป็นสถานที่สังสรรค์แห่งใหม่ที่น่าสนใจมากๆนะคะ เพราะทั้งเสิร์ฟไวน์, ชีส, โคลด์ คัท, และ ทาปาส พร้อมทั้งเมนูที่รังสรรค์โดย มานูเอล มาติเน่ซ์ เชฟระดับมิชลินสตาร์ 2 ดาว แห่งภัตตาคาร "เลอ คลอเร หลุยส์ที่ 13" ในกรุงปารีส ถ้าจะให้พูดถึงประวัติของคุณมานูเอลก็คงจะไม่ได้รีวิวอาหารแน่ๆเลยค่ะ

ในการร่วมชิมอาหารสุดพิเศษครั้งนี้ต้องขอขอบคุณทาง Openrice.com ที่ให้โอกาสได้ไปร่วมชิมและแชะ และต้องขอบคุณ คุณเมย์ PRสุดสวยที่คอยดูแลเราตลอดงานเลย นอกจากนั้นก็ยังมีผู้ร่วมชิมชื่อดังอีกมากมายเลยค่ะ ติดตามชมภาพกิจกรรมจากที่นี่เลย http://th.openrice.com/Bangkok/restaurant/article/detail.htm?article_id=906

มาเริ่มชิมกันเลยนะคะ การชิมนี้วันนี้มีทั้งอาหารคาวและหวาน รวมทั้งหมด 11 เมนูด้วยกัน ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะกินกันไหว แต่ว่ามาแบบไม่ชิ้นใหญ่มากนักเลยไดชิมทั้งหมด มาแนะนำกันทีละเมนูเลยนะคะ
45 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์


1.Sardines en Boite: Spanish imported sardines, toast and salted butter (410 บาท)
- เมนู appetizer ที่ทำให้หยุดกินไม่ได้จนเกือบอิ่มค่ะ เป็นปลาซาดีนนำเข้าจากสเปน เสิร์ฟกับขนมปังปิ้ง และเนยเค็ม ซึ่ง....ปลาซาดีน อรอ่ยมากกกกกกกกก อร่อยจนหยุดไม่ได้ กินจนหมดกระป๋องเลยทีเดียวค่ะ วิธีการกินก็ทาเนยบนขนมปังปิ้งกรอบๆ แล้วก็ตักปลาซาดีนวางบนขนมปังอาจจะวางทั้งตัว หรือทำให้แตกก็ได้ค่ะ อร่อยมาก คอนเฟิร์ม!!
40 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
2.Oeuf poch en Meurette: Egg poached in Pinot Noir (360 บาท)
- เมนูนี้ก็ยังเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยอยู่ค่ะ เป็นไข่ลวกในซอสไวน์แดง ด้วยความไม่สุกของไข่ที่กำลังดีมากๆ มากับซอสไวน์แดงที่ถูกปรุงรสมาเป็นอย่างดี ทำให้เมนูนี้กินแล้วสดชื่นมากๆ ซอสรสชาติดีมากๆด้วยค่ะ
42 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
3.Saint-Jacques d’Hokkaido: Grilled Scallops, truffle dressing (550 บาท)
- จากต่อมาแอบชอบเป็นการส่วนตัวนะคะ เพระาว่า ชอบหอยเชลล์ โดยเมนูนนี้ หอยเชลล์ย่างถูกเสิร์ฟมาพร้อมซอสเห็ดทรัฟเฟิล แต่เมเม่ว่าซอสเห็ดมันขมไปนิดนึงค่ะ กลบรสชาติหอยเชลล์ย่างไปหนอ่ย ว่าแล้วก็จิบไวน์ก่อนไปชิมเมนูต่อไป

4.Quenelle de brochet gratine: River Pike fish dumpling, Chardonnay sauce (760 บาท)
- มาถึงเมนูจานหลัก (น่าจะหลักแล้วนะ) คือ ปลาไพก์เสิร์ฟในครีมซอสไวน์ขาว ตอนแรก ไม่คิดว่าเป็นปลาค่ะ เพราะดูนุ่มๆ เหมือนมันฝรั่งบดอบชีส ต้องลองชิมค่ะ เนื้อนุ่มละมุนมากๆ ถ้าใครที่ชอบความเข้นข้นของชีสต้องชอบเมนูนี้แน่ๆ แต่ถ้าหากคนที่ไม่ชอบคงคิดว่ามันเลี่ยนไป เพราะเข้มข้นจริงๆค่ะ ค่อยๆละเลียดไปเรื่อยๆ จนหมด มีความสุขจริงๆ

5.Cote d’agneau rotie au beurre pomme fondante: Roasted rack of lamb, butter braised potatoeds (990 บาท)
- มาถึงอีกเมนูแนะนำ ซี่โครงแกะย่าง เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งอบเนย บอกก่อนว่าเมเม่ไม่ค่อยชอบเนื้อแกะเท่าไหร่ ก็เลยอาจจะเขียนถึงได้ไม่สมบูรณ์นักนะคะ เมเม่ว่าเนื้อเขากิลล์มาสุกไป แต่กลิ่นของเนื้อแกะไม่แรงอย่างที่คิด โดยรวมแล้วถือว่าโอเคเลยค่ะ
24 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
6.Combinaison de ‘Filet et de joue boeuf’: Pan seared beef tenderloin, 12 hours braised beef cheek (1,200 บาท)
- มาถึงจานเด็ด ฟิเนเล่ กับเนื้อสันในย่าง เสิร์ฟกับแก้มวัววากิลตุ๋น 12ชม. ด้วยความตั้งใจของเชฟที่อยากให้ลูกค้าได้รับความอร่อยที่พิเศษสุดเมนูนี้เลยได้รับการใส่ใจมากเป็นพิเศษ ตัวเนื้อสันในย่างมาแบบสุกไปนิดนึง แต่แก้ววัวนั้น นุ่มละมุนจริงๆค่ะ ได้รสชาติของเนื้อวัว แต่เมเม่ว่ายังไง เนื้อวัว แก้มวัว ต้องมาแบบ medium rare หรือ rare อยู่ดีค่ะ จิบไวน์แดงปิดท้ายก่อนจะไปที่ของหวาน

เมนูของหวานมีทั้งหมด 5 อย่าง ซึ่งจริงๆเมเม่ไม่ถนัดของหวานเลยค่ะ แต่จะลองดูนะ

1.Grand Marnier Souffl (กรองด์ แมร์นิเย่ร์ ซูเฟล่)
- ซูเฟล่เนื้อนุ่มเชียว กลิ่นหอมมาก อบมาแบบฟูๆใหญ่โต โรยหน้าด้วยไอซ์ซิ่ง เนื้อในนุ่มจริงๆค่ะ แต่ไม่หวานมากเหมือนกลิ่นที่หอมหวานจริงๆ

2.Granny Smith Apple Tart
- แอปเปิ้ลทาร์ตที่ไม่หนาเกินไป และ ไซรับ พร้อมไอศกรีมวานิลลา เข้ากันได้ดีมากๆ

3.Rum Baba (รัม บาบา)
- เมนูที่ทำเอางงว่ามันคืออะไร (ตอนได้ยินชื่อ) มันเป็นความซุกซนของเชฟที่อยากให้พวกเราได้สนุกกับเมนูนี้ เป็นขนมปังชิ้นเล็กๆ ที่พองตัวในถ้วย เพราะอิ่มเหล้ารัมที่ใส่มาเต็มโถแก้ว แต่ก็ตัดความเมา เอ้ย ความขมของเหล้ารัมด้วยวิปครีม ทำให้เพ้อเลยค่ะ โดยเฉพาะคนชอบแอลกฮอลล์อย่างเรา สดชื่นซะไม่มี ชอบนะคะ

4.Mille Feuille Grands Augustins (มิลเฟย กรองด์ โตกุสตังน์)
- เป็นเมนูสุดสร้างสรรค์จากเชฟมานูเอล ที่สร้างเลเยอร์ของแป้งมิลเฟอร์ลที่ทั้งบางและกรอบ สอดไส้ด้วยครีมนุ่มๆ ราดด้วยไซรับวานิลลา ค่อยๆกินไป อาจจะใช้มาเป็นเกมก็ได้นะคะ ให้ทำล้มก่อนแพ้ อะไรแบบนี้ อิอิ

5.Chocolate Fondant
- ปิดท้ายมื้อเย็นสุดหรูกับ ช๊อคโกแล็ต ลาวา ที่เสริฟมาพร้อมไอศกรีมวานิลลา เมื่อผ่าเค้กลงไปช็อกโกแลตก็จะไหลออกมา ทานกับเนื้อแป้งนุ่มๆ และ ไอศกรีมเย็นๆ ชื่นใจยิ่งนักค่ะ
47 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ครบแล้วค่ะเมนูที่รับประทานกันไปในวันนั้น แต่ละเมนูถูกสร้างสรรค์จากเขฟมานูเอลเองเลย ซึ่งตลอดเวลาพวกเราก็สนุกสนานกับการชิมและพูดคุยกันไปเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นการชิมอาหารในวิวสวย บรรยากาศดี ดนตรีเพราะ แอบเห็นราคาค็อกเทลอื่นๆ ไม่แพงอย่างที่คิด แค่วิวก็คุ้มแล้ว จริงๆนะ คือปกติย่านทองหล่อยังแพงกว่านี้เลย แล้วนี่ในโรงแรมหรู แต่ราคาไม่แพงมาก น่ามาลองกันนะคะ

สำหรับคนที่สนใจมาสังสรรค์และชิมอาหารอร่อยๆ ที่ SCARLETT WINE BAR & RESTAURANT ตั้งอยู่ที่ ชั้น 37 โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี (นั่งรถไฟฟ้าลงสถานี ช่องนนทรี เดินย้อนมาทางสีลมค่ะ แล้วเลี้ยวซ้ายไปนิด) เวลาเปิดบริการ: ทุกวันจันทร์-เสาร์ ตั้งแต่ 18.00 - 01.00 น. (ปิดวันอาทิตย์)

ติดต่อสอบถามและสำรองที่โต๊ะ โทร. 02-238-1991 / อีเมล์ H316-FB2@accor.com
เฟซบุ๊ค : www.facebook.com/ScarlettWineBarBangkok
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
โพสต์
รายละเอียดคะแนนรีวิว
รสชาติ
การตกแต่ง
บริการ
ความสะอาด
ความคุ้มค่า
ราคาต่อคน
฿1,000 (มื้อเย็น)
เมนูแนะนำ
  • Sardines en Boite
  • Oeuf poch en Meurette
  • Combinaison de ‘Filet et de joue boeuf’
ระดับ2
20
5
ต่ายน้อยแนะนำร้านวันนี้จะพาไปทานอาหารฝรั่งเศสกันที่ห้องอาหารสการ์เล็ต (The Scarlett wine bar & Restaurant) ชั้น 37 โรงแรมพลูแมนโฮเตลจี (Pullman Hotel G) ย่านสีลม หรือโรงแรมโซฟิเทลเดิม ซึ่งต่ายน้อยได้รับเกียรติจากเว็บไซต์ Openrice เชิญให้ไปร่วมรับประทานอาหารกับกิจกรรม Exclusive Openricer ในคำคืนนี้ (^/|\^)ซึ่งงานนี้เป็นงานที่รวมเหล่าคนที่ชื่นชอบการรีวิวอาหารจากเว็บไซต์ Openrice และได้มีการคัดเลือก Openricer เป็นพิเศษเพื่อมาร่วมดินเนอร์อาหารชิลๆ ที่นี่บรรยากาศภายใน The Scarlett wine bar & Restaurantชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า The Scarlett wine bar & Restaurant ด้านหน้าทางเข้าก็มีขวดไวน์เต็ม
อ่านรีวิวฉบับเต็ม


ต่ายน้อยแนะนำร้านวันนี้จะพาไปทานอาหารฝรั่งเศสกันที่ห้องอาหารสการ์เล็ต (The Scarlett wine bar & Restaurant) ชั้น 37 โรงแรมพลูแมนโฮเตลจี (Pullman Hotel G) ย่านสีลม หรือโรงแรมโซฟิเทลเดิม ซึ่งต่ายน้อยได้รับเกียรติจากเว็บไซต์ Openrice เชิญให้ไปร่วมรับประทานอาหารกับกิจกรรม Exclusive Openricer ในคำคืนนี้ (^/|\^)

ซึ่งงานนี้เป็นงานที่รวมเหล่าคนที่ชื่นชอบการรีวิวอาหารจากเว็บไซต์ Openrice และได้มีการคัดเลือก Openricer เป็นพิเศษเพื่อมาร่วมดินเนอร์อาหารชิลๆ ที่นี่

บรรยากาศภายใน The Scarlett wine bar & Restaurant
15 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า The Scarlett wine bar & Restaurant ด้านหน้าทางเข้าก็มีขวดไวน์เต็มไปหมด มาถึงโถงตรงด้านในก็จะมีแก้วไวน์เรียงอยู่สวยงาม ภายในกว้างขวาง มองเห็นวิวจากชั้น 37 ทั้งโซนด้านในและด้านนอก พอดีวันนี้ต่ายน้อยมาถึงตั้งแต่ 5 โมง ได้ทันดูพระอาทิตย์ตกวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย สวยงามมาก (ขอบอกๆ)
26 วิว
1 ไลค์
0 คอมเมนต์
โดยอาหารฝรั่งเศสที่เสิร์ฟภายในวันนี้ทั้ง 11 เมนูนั้น ได้เชฟฝีมือดีระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาวอย่างคุณซิลแว็ง รัวเยร์ เชฟใหญ่ของห้องอาหารแห่งนี้ มาลงมือจัดชุดใหญ่ให้พวกเราได้ลิ้มลองกัน เชฟอารมณ์ดีมากจัดทำทุกเมนูอย่างพิถีพิถัน ทำเสร็จ 1 อย่างก็นำออกมาเสริฟพร้อมกับอธิบายรายละเอียดของอาหารให้พวกเราฟังกัน ^^

แต่วันนี้จะมารีวิวให้น้ำลายไหลกันซัก 6 เมนูสุดปลื้มของต่ายน้อยละกันนะคะ เนื่องจากอาหารทั้ง 11 อย่างนั้น ความเรื่องมากของต่ายน้อยทำให้อดไปหลายเมนูเลยละ T____T
11 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
Sardines en Boite ราคา 410 บาท
Spanish imported sardines, toast and salted butter
ขนมปังทาเนยกินกับปลาซาดีน อืม เหมือนจะธรรมดา แต่ความพิเศษของปลาซาดีนที่เห็นตัวกะจิ๊ดริดนี้เป็นปลาซาดีนนำเข้าจากประเทศสเปนเชียวนะคะ และไม่ได้หากินได้ง่ายๆ รสชาติจานนี้ก็แปลกๆ ดี คล้ายๆ เนื้อปลากระป๋องที่ไม่มีซอสมะเขือเทศมาทาลงบนขนมปังและเนย ไม่น่าเชื่อว่ารสชาติจะเข้ากันดี อร่อยใช้ได้เลยละ
16 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
‘Saint-Jacques d’Hokkaido’ ราคา 550 บาท
Grilled Scallops, truffle dressing(หอยเชลล์ย่างเสิร์ฟพร้อมซิสเห็ดทรัฟเฟิล)
เมนูนี้ปลื้มมากกกก หอยเชลล์ใหญ่และสดได้ใจสุดๆ เนื้อนิ่มแน่น หยุ่นหยุยๆ กำลังดี ^________^
14 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
‘Quenelle de brochet gratinée’ ราคา 760 บาท
River Pike fish dumpling, Chadonnay sauce
เมนูนี้ทำจากปลาไพค์นำมาขูดเนื้อแล้วนำมาผสมกับส่วนผสมต่างๆ (มองแว๊บแรกเหมือนไข่ตุ่นหรือไม่ก็เต้าหู้บ้านเราเน๊อะ) รสชาติออกเค็มนิสๆ เลี่ยนหน่อยๆ (หากกินกะไวน์คงไม่เลี่ยน แต่ต่ายน้อยก็ไม่กินไวน์อีก เยอะเน๊อะ 555)

ตามด้วยเมนูของหวาน \(^w^)/
15 วิว
2 ไลค์
0 คอมเมนต์
Grand Marnier ‘Souffle’ ราคา 250 บาท
เมนูนี้หอมละมุนนุ่มละไมลิ้นมากๆ รสชาติคล้ายๆขนมไข่แต่นิ่มมากกว่าละหอมมากกว่าเสริมร้อนๆ อร่อยมาก
27 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
Granny Smith Apple Tart ราคา 250 บาท
จานนี้ต่ายน้อยแนะนำเลย แอปเปิ้ลทาร์ตแปล้งกรอบๆ บางๆ หวานๆ ตัดกับรสแอปเปิ้ลที่อมเปรี้ยวหวานบวกกับไอครีมวนิลาชุ่มช่ำเข้ากันดีมาก ข้อควรระหว่าง รีบทานซะเดี๋ยวไอติมละลายหมด =”=
12 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
Chocolate Fondant ราคา 280 บาท
ช็อกโกแล็ตลาวากับไอครีมวนิลา ช็อกโกแล็ตรสเข้มมากหวานกำลังดีกินกับไอศรีมวนิลาเย็นๆ ทำให้เมนูนี้ต้องยกนิ้วให้เลย

:: ต่ายน้อยเมาท์มอยห้องอาหาร The Scarlett wine bar and Restaurant ::

บรรยากาศ: บรรยากาศโล่งโปร่งสบาย มีทั้งโซนด้านในและโซนด้านนอกที่สามารถชมวิวพระอาทิตย์ตกที่แม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างสวยงาม พร้อมวิวด้านในและด้านนอกของร้านที่สามารถมองแสงไฟในยามค่ำคืนของกรุงเทพได้อย่างสวยงาม
การบริการ: พนักงานบริการดีและสามารถอธิบายรายละเอียดในส่วนของอาหารได้ดี
รสชาติ: บางเมนูก็ถูกปากบางเมนูก็ไม่ถูกปาก
ราคา: ค่อนข้างแพง แต่ถ้าเทียบกับการบริการและความพิถีในการทำอาหารถือว่าคุ้มมาก!

::เมนูนี้ต่ายน้อยยกนิ้วให้::

ของคาว >> ‘Saint-Jacques d’Hokkaido’
ของหวาน >> Granny Smith Apple Tart

ขอขอบคุณทางห้องอาหาร The Scarlett wine bar and Restaurant และ Openrice ที่จัดกิจกรรมดีๆ แบบนี้มาให้เหล่านักกินอย่างพวกเราได้ไปร่วมแจมนะค๊าาาา /|\
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
โพสต์
รายละเอียดคะแนนรีวิว
รสชาติ
การตกแต่ง
บริการ
ความสะอาด
ความคุ้มค่า
ราคาต่อคน
฿1000
เมนูแนะนำ
  • ‘Saint-Jacques d’Hokkaido’
  • Granny Smith Apple Tart
ระดับ4
สวัสดีฮ่ะ (หายหัวไปนาน งานยุ่งขิง 555)เนื่องด้วยได้มีโอกาสไปงาน Exclusive OpenRicer Party กับ Openrice.com มาเมื่อวันที่ 26 เมษา ที่ผ่านมาตามที่ทางเว็บเองก็ได้ลงเรื่องไปแล้วตามลิงก์นี้เนาะ http://th.openrice.com/Bangkok/restaurant/article/detail.htm?article_id=906วันนี้ก็ได้เวลามารีวิวของตัวเองบ้างแระค่ะ (ใครอยากอ่านรีวิวของท่านอื่นๆ เชิญที่ลิงก์นี้เลยนะคะ http://th.openrice.com/Bangkok/restaurant/sr2.htm?shopid=373691ร้านอยู่ชั้น 37 ของโรงแรม Pullman สีลมค่ะ หลังจากขับรถหลงไปพักหนึ่ง เลยไปถึงซะคนสุดท้าย นัดหมายกันที่เวลา 18.30 น. ทว่า..ข้าพเจ้าก็ไปถึงซะเกือบหนึ่งทุ่ม (เซ็งเป็ดจริง
อ่านรีวิวฉบับเต็ม
สวัสดีฮ่ะ (หายหัวไปนาน งานยุ่งขิง 555)

เนื่องด้วยได้มีโอกาสไปงาน Exclusive OpenRicer Party กับ Openrice.com มาเมื่อวันที่ 26 เมษา ที่ผ่านมาตามที่ทางเว็บเองก็ได้ลงเรื่องไปแล้วตามลิงก์นี้เนาะ http://th.openrice.com/Bangkok/restaurant/article/detail.htm?article_id=906

วันนี้ก็ได้เวลามารีวิวของตัวเองบ้างแระค่ะ (ใครอยากอ่านรีวิวของท่านอื่นๆ เชิญที่ลิงก์นี้เลยนะคะ
http://th.openrice.com/Bangkok/restaurant/sr2.htm?shopid=373691

ร้านอยู่ชั้น 37 ของโรงแรม Pullman สีลมค่ะ หลังจากขับรถหลงไปพักหนึ่ง เลยไปถึงซะคนสุดท้าย นัดหมายกันที่เวลา 18.30 น. ทว่า..ข้าพเจ้าก็ไปถึงซะเกือบหนึ่งทุ่ม (เซ็งเป็ดจริงๆ) พอไปถึงปรากฏว่าคนอื่นมากันหมดแล้ว ก็เลยเก็บภาพอาหารแบบเต็มๆ ที่วันนี้จะมีให้ "ชิม" กันก่อนค่ะ (คือวันนี้จะได้ชิมอาหารจานหลัก (ที่จริงมันมีจานเรียกน้ำย่อยด้วยหละค่ะ) 6 อย่างแล้วก็ของหวาน 5 อย่าง) ซึ่งตัวของคาวนี่จะให้ชิมแบบอย่างละน้อยๆ นะคะ เพื่อให้ชิมครบ ส่วนของหวานมาเป็นจานปกติแล้วแบ่งๆ กันหม่ำค่ะ

ภาพเราจะเบลอๆ หน่อยนะคะ แบบว่าแสงน้อย แถมยังมือสั่น เลยได้ภาพมาไม่คมชัดเท่าไหร่ แหะๆ


มาดูบรรยากาศของทางร้านกันนะคะ ประมาณนี้เลย วิวก็สวยงามค่ะ ชอบเชียวแหละ
25 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
จานเริ่มต้นนะคะ ตัวนี้ลงภาพให้ทั้งฉบับจานเต็มๆ กรณีที่ไปสั่งรับประทาน กับฉบับที่ได้กินจริงๆ นะคะ จะได้เห็นว่าขนาดมันต่างกัน ไม่งั้นคงชิมกันครบขนาดนี้ไม่ไหว อิอิ

1. Sardines en Boite (Spanish imported sardines, toast and salted butter) - ปลาซาร์ดีนนำเข้าจากสเปน เสิร์ฟกับขนมปังปิ้ง และเนยเค็ม

ผลการหม่ำ - ตัวนี้ขอบอกว่า หน้าตาเหมือนจะธรรมดาและไม่มีอะไร แต่พอกินแล้ว รสชาติลงตัวแฮะ เหมาะสำหรับเรียกน้ำย่อยจริงๆ ค่ะ คือมันลงตัวระหว่างขนมปังที่ยืนพื้น มีความเค็มของเนยนิดหน่อย รวมกับปลา (ที่ไม่ยักคาวแฮะ) แล้ว มันทำให้รสกำลังดีค่ะ กินแล้วกระตุ้นอยากให้กินจานอื่นต่อค่ะ
21 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
2. ‘Oeuf poché en Meurette’ (Egg poached in Pinot Noir) – ไข่ลวกในซอสไวน์แดง

ตัวนี้เท่าที่จำได้เลาๆ เขาใช้เวลาในการลวก+ตุ๋นไข่ (ใช้ศัพท์ภาษาไทยถูกมั้ยหละนั่น) 12 ชั่วโมงค่ะ (อิฉันจำผิดมั้ยนี่ ทำไมของเพื่อนคนอื่นบอกว่าแค่ 1 ชั่วโมงฟระ ไม่ได้เอาสมุดจดไปด้วย 555) เพื่อให้ได้ไข่หน้าตาแบบนี้มา พร้อมกับไวน์แดงที่เคี่ยวจาก 12 ส่วนเหลือ 1 ส่วน ทำให้นึกถึงตอนไปกินไข่ลวกน้ำแร่ที่ระนอง เค้าก็ใช้วิธีเอาไข่ไปแช่ในน้ำแร่ 12 ชั่วโมงเหมือนกัน แล้วก็ได้ไข่คล้ายๆ หน้าตาแบบนี้มาเหมือนกัน แถมไม่คาวเลยเหมือนกันด้วย (แต่ที่ระนองกินกับซอสปรุงรสแล้วก็พริกไทย แต่ที่นี่มีไวน์แดงแอนด์ขนมปังกรุบกรอบเล็กๆ ให้ด้วยอะนะคะ)

ผลการหม่ำ – ไข่ไม่คาวเลยค่ะ นิ่มและนุ่มนวลมาก กินลื่นนนนซ้า... เราว่ารสลงตัวดีค่ะ แล้วก็เหมาะที่จะรองท้องก่อนจานหลักๆ ที่หนักกว่านี้จะมาด้วย ค่อนข้างเป็นอีกจานที่ประทับใจนะคะ
34 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
3. Quenelle de brochet gratinée - River Pike fish dumpling, Chardonnay sauce (ปลาไพก์เสิร์ฟในครีมซอสไวน์ขาว)

ผลการหม่ำ – สำหรับเรา ตัวนี้รสชาติไม่เด่นค่ะ แต่เด่นที่มันเซอร์ไพรซ์ว่าทำจากปลา และตัวกลิ่น (ซึ่งจะบรรยายต่อไป) คือ หน้าตารูปลักษณ์เหมือนไม่ใช่ปลาเลยค่ะ แล้ววิธีการทำก็ค่อนข้างพิถีพิถันพอสมควร (ที่เห็นหน้าไหม้ๆ ไม่ใช่การเอาไฟเผานะคะ แต่เป็นการรมด้วยไฟ (เรียกศัพท์เฉพาะไม่ถูก เง่อ...) เอาค่ะ กึ่งๆ แขวนแล้วอบอ้ะ ตัวรสจะออกแนวเรียบๆ หน่อยค่ะ แต่ว่าตัวกลิ่นนี่มันอวลขึ้นจมูกแล้วไปค้างอยู่สักพักเลยหละค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกัน (ไอ้เราก็กินเป็นอย่างเดียว ทำอาหารกะเค้าไม่เป็นอะนะ แฮ่...) ตัวเนื้อของปลาก็เนียนดีค่ะ แต่อย่างที่บอก รสชาติไม่เด่นค่ะ แต่กลิ่นโอเลย อวลดีค่ะ แถมไม่ใช่กลิ่นจากการดม แต่เป็นกลิ่นที่จะเกิดเวลาที่อาหารอยู่ในปากและเคี้ยวแล้วด้วยค่ะ

4. ‘Saint-Jacques d’Hokkaido’ - Grilled Scallops, truffle dressing (หอยเชลล์ย่างเสิร์ฟพร้อมซอสเห็ดทรัฟเฟิล)

ผลการหม่ำ – หอยเชลล์หนึบแน่นดี (และตัวใหญ่ยักษ์มากกกกอ้ะ ขนาดจานทดลองยังใหญ่และหนาเลย) เป็นหอยนำเข้านะคะ (จำประเทศไม่ได้ วันหลังหนูจะไม่ลืมติดสมุดจดไปอีกแล้วค่า หนูขอโต้ด แง) ตัวนี้เรายังคงกินร่วมกับไวน์ขาวค่ะ ช่วยส่งรสกันดีค่ะ (ไวน์ขาวที่จำไม่ได้แล้วว่าเค้าเสิร์ฟอะไรอะนะคะ มีกลิ่นฝรั่งอวลๆ แล้วก็ตัว “ขา” มีเนื้อหนังในระดับหนึ่งค่ะ อร่อยดี ดื่มลื่นดีค่ะ) แต่ยังไม่ใช่จานที่ประทับใจสำหรับเรานะคะ ^^
13 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
5. ‘Cote d’agneau rotie au beurre pomme fondante’ - Roasted rack of lamb, butter braised potatoes - ซี่โครงแกะย่าง เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งอบเนย

ตั้งแต่จานนี้มีเสิร์ฟไวน์แดงให้นะคะ แต่ไม่ได้ขอรายละเอียดเรื่องไวน์อีกเช่นกัน แต่เราว่า (ตามประสาไม่ใช่คอไวน์แท้นะคะ แฮ่..) สู้ตัวไวน์ขาวไม่ได้แฮะ ทั้งกลิ่น และความเป็นเนื้อเป็นหนัง แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายนะคะ

ผลการหม่ำ – เนื่องด้วยข้าพเจ้ายังคงยกให้แกะที่ร้าน Restaurante Platao ณ เซนาโด้สแควร์ มาเก๊ายังเป็นร้านที่ทำแกะได้โปรดที่สุดอยู่ (แต่ก็ไปกินล่าสุดมาตั้งแต่สองปีที่แล้วนะคะ ไม่รู้ยังทำได้เหมือนเดิมป่าว แหะๆ) สำหรับที่นี่นะคะ เค้าเอาแกะสองส่วนมาทำเป็นเมนูนี้ค่ะ นั่นก็คือเนื้อหัวไหล่และสันใน ซึ่งเนื้อสันใจจะนุ่มกว่านะคะ แล้วก็เนื้อหัวไหล่จะมีลักษณะแน่นแต่เป็นเส้น คล้ายๆ เวลาที่เรากินเนื้อวัวตุ๋นในก๋วยเตี๋ยวอะค่ะ

ตัวนี้เราสามารถเลือกระดับความสุกได้นะคะ จะเอามากน้อย แต่วันนั้นที่เค้าเสิร์ฟมาจะเป็นสุกหน่อย ซึ่งเราชอบอยู่แล้ว ส่วนตัวกลิ่น ยังมีกลิ่นนิดๆ ค่ะ ตัวนี้ยังสู้ร้านที่มาเก๊าไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้สาปเหมือนร้านอื่นๆ ที่เคยกิน สรุปแล้วอยู่ในขั้นอร่อยค่ะ จานนี้เราชอบนะคะ

6. Combinaison de ‘Filet et de joue boeuf’ (Pan seared beef tenderloin, 12 hours braised beef cheek) - เนื้อสันในย่าง เสิร์ฟกับแก้มวัววากิวตุ๋น 12 ชม.

ผลการหม่ำ - จานนี้เชฟก็เอาเนื้อสองส่วนมาทำอีกเช่นกันค่ะ เป็นเนื้อแก้มและสันใน ตุ๋นนาน 16 ชั่วโมง ตัวนี้เราต้องขออนุญาตเจ้าแม่กวนอิมในการชิมแล้วก็เอามารีวิวเลยหละค่ะ แหะๆ (ที่จริงเราเป็นคนโปรดเนื้อวัวมากนะคะ แต่แม่มาขอตอนมอหก เพราะขอเรามาจากเจ้าแม่กวนอิม แล้วก็เห็นว่าเราโตพอแล้ว งดเนื้อวัวได้แล้ว เลยไม่ได้กินเลยตั้งแต่นั้นมาค่ะ) จานนี้ต้องกินเนื้อทั้งสองส่วนไปพร้อมๆ กันนะคะ (ไอ้ตอนแรกก็ไม่รู้ ลองชิมทีละส่วนก่อน จนคุณเมย์ – PR ของทางห้องอาหารแนะนำ แหะๆ) เวลาหม่ำสองอันเข้ากันแล้ว สัมผัสในปากจะสนุกมากค่ะ มันส่งรสและสัมผัสซึ่งกันและกันหละ แปลกดี สร้าง surprise ดีเลยหละค่ะ (เรารู้สึกว่าพ่อครัวท่านนี้ชอบทำอาหารที่มี gimmick ในการ surprise อะไรเล็กๆ น้อยๆ ในแทบทุกจานเลยแฮะ)
ตัวเนื้อสันในนุ่มมากกกก แทบไม่ต้องใช้มีดเลยค่ะ ส่วนตัวเนื้อแก้มก็แน่นดี เนื้อคุณภาพดีค่ะ เผลอกินไปสามคำเลย (จากที่ตั้งใจว่าจะกินแค่คำเดียว แหะๆ) กินครบสามคำปุ๊บ ต้องตัดใจอยู่นานว่า พอแระ แค่นี้ก็เขียนรีวิวได้แล้ว (มันอร่อยจริงๆ ค่ะจอร์จ) คิดว่าถ้าเป็นคนที่กินเนื้อวัวได้ อยากให้ลองมาหม่ำค่ะ น่าจะชอบเหมือนที่เราชอบ
20 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ต่อไปเป็นเมนูของหวานบ้างเนาะ ซึ่งเค้าจะเสิร์ฟตามไซส์จริงแล้วหละค่ะ เริ่มด้วยสองจานนี้ก่อนค่ะ (ที่จริง รัมบาบามาก่อนนะคะ แต่เราเรียงรูปอย่างนี้ไปแล้ว แหะๆ)

1.Rum Baba (รัม บาบา)

เมนูนี้เป็นตัวที่คุณเมย์บอกเกริ่นตั้งแต่แรกแล้วค่ะว่า เป็นของหวานที่ไม่อร่อยแต่สนุก ฮา
แม้รูปลักษณ์จะออกมาน่าหม่ำมากก ดูน่ารัก เป็นกระปุกน้ำผึ้งแถมมีวิปครีมโปะมาด้วย ดูซิ...แต่เราขอตั้งว่ามันเป็นขนม “แอ๊บแบ๊ว” ค่ะ เพราะมัน “แสบ” กว่าที่คุณคิ้ด (กรุณาทำเสียงสูง) คือ มันดูน่ารัก แต่รสชาติ “แรง” มากมายค่ะ เพราะที่เป็นเหมือนน้ำผึ้งในกระปุกนั่นคือเหล้ารัมค่ะ แล้วตัวที่บวมๆ อยู่ข้างบนนั่น มันบวมพองด้วยการดูดเหล้ารัมเอาไว้ชุ่มเชียว ซึ่ง..เราไม่ชอบดื่มเหล้ารัม เลยแบบว่า..กินคำเดียว จบค่ะ เหอๆ ในโต๊ะเท่าที่ถามสาวๆ ก็ไม่มีใครชอบนะคะ

บอกแล้วว่ามันเป็นขนมแอ๊บแบ๊วค่ะ ทำมาซะน่ารักเชียว แต่รสชาติ “แวร้ง” ฮา เหมาะแก่การสั่งมาแกล้งเพื่อนเป็นอย่างยิ่งนะคะ เอิ๊กๆ

2.Granny Smith Apple Tart (ทาร์ตแอ๊ปเปิลแกรนนี่ สมิธ)

ตัวนี้มาพร้อมไอศกรีมโปะด้านบนค่ะ ตัวเนื้อทาร์ตนุ่มนวลในระดับหนึ่ง (แต่พอทิ้งไว้สักพัก เราว่าตัวเนื้อแฟบลงอะค่ะ เลยทำให้ขาดสัมผัสในปากไปนิดหนึ่งง่า) กินกับไอติมแล้วเข้ากั๊น เข้ากัน จานนี้อร่อยในระดับหนึ่งหละค่ะ แต่เรายังไม่ได้ชอบที่สุด แต่มีคนลงคะแนนชอบจานนี้ที่สุดในบรรดาของหวานนะคะ อันนี้ก็แล้วแต่คนชอบเนาะ
14 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
3.Mille Feuille ‘Grands Augustins’ (มิลเฟย กรองด์ โตกุสตังน์) คือในรูปบนนะคะ

เมนูนี้ต้องราดซอสที่ให้มาเป็นถ้วยๆ นั่นด้วยนะคะ สำหรับเราตัวนี้ออกแนวเบาๆ ค่ะ เราชอบหละ แต่หนุ่มๆ เค้าว่ามันไม่ rich พอ เบาบางไปหน่อย แต่สำหรับสาวๆ เราว่าน่าจะพอดีนะคะ มันจะมีความกรอบของตัวเนื้อ ความหอมอ่อนๆ และนุ่มนวลทั้งจากชั้นครีมและซอสที่ราด เราว่ากินแล้วกำลังเบาๆ ดีค่ะ ถ้าใครอิ่มคาวมากๆ แล้วอยากได้ของหวานเบาๆ ตบท้าย จานนี้น่าจะเหมาะอยู่นะคะ ไม่หวานจัด (ปกติเราชอบกินหวานนะคะ แหะๆ แต่จานนี้ถึงไม่หวานก็อร่อยดี) เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบของหวานที่หวานจัดๆ ด้วยค่ะ

4.Grand Marnier ‘Soufflé’ (กรองด์ แมร์นิเย่ร์ ซูเฟล่)

ตัวนี้เนื้อข้างบนออกแนว sponge หน่อยค่ะ แต่ก็มีความแน่นและนุ่มนวลอยู่ พอใช้มีดตัดแบ่งออกมาแล้ว กลิ่นจะฟุ้งและพุ่งออกมาดีมากค่ะ ตัวซอสไม่หวานจัด กินเข้ากันดี แต่ยังไม่ได้สร้างความประทับใจอะไรมากนะคะ คือ อร่อยแต่ไม่ถึงกับ “ว้าว” อ้ะ
24 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
5.Chocolate Fondant (ช๊อคโกแล็ต ฟองดองท์)
ตัวนี้ก็เหมือนช็อกโกแลตลาวา (ที่เราเรียกกันทั่วไปอะนะคะ) คือจะมีซอสช็อกโกแลตเหลวอยู่ข้างในแบบนี้ หม่ำกับไอติมอีกเช่นกัน ถ้าในบรรดาของหวานทั้งหมด ในเรื่องของรสชาติของของหวานที่นี่ เราชอบจานนี้ที่สุดค่ะ (แม้ว่า...จะมีที่อื่นที่ทำเมนูนี้อร่อยกว่าก็ตาม ฮา) เพียงแต่มันเป็นเมนูที่เหมือนจะหากินที่อื่นก็ได้อะนะคะ ถ้าเอาความพิเศษด้วย เลือก Mille Feuille ‘Grands Augustins’ น่าจะดีกว่าค่ะ

สรุปแล้วสำหรับการรับประทานที่นี่นะคะ เราค่อนข้างประทับใจในอาหารคาวหละค่ะ เนื่องด้วยคุณภาพอาหารดี ราคาก็ไม่แพงอย่างที่คิดด้วย (คือด้วยสถานที่ โลเคชั่น การบริการ กับการกินอาหารจากเชฟระดับ 2 ดาวมิชลินอย่างเชฟมานูเอล มาร์ติเน่ซ์แล้วเนี่ย มันน่าจะแพงกว่านี้อ้ะ) แต่สำหรับของหวาน ที่นี่ยังไม่โดดเด่นในความคิดเราค่ะ

แต่อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีนะคะ สำหรับเรา ถ้ามีโอกาสก็คงพาใครสักคน (ใครดีหละ? ฮา) ไปหม่ำอีกหละค่ะ
18 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
โพสต์
รายละเอียดคะแนนรีวิว
รสชาติ
การตกแต่ง
บริการ
ความสะอาด
ความคุ้มค่า
ราคาต่อคน
฿1000
เมนูแนะนำ
  • Cote d’agneau rotie au beurre pomme fondante’ - Roasted rack of lamb
  • butter braised potatoes
  • ‘Saint-Jacques d’Hokkaido’ - Grilled Scallops
  • truffle dressing (หอยเชลล์ย่างเสิร์ฟพร้อมซอสเห็ดทรัฟเฟิล)
ระดับ4
2012-05-06 65 วิว
ได้มีโอกาสไปงาน Exclusive OpenRicer Party กับ Openrice.comมาเมื่อวันที่ 26 เมษา ที่ผ่านมาค่ะ(รายละเอียดตาม ลิงค์ได้เลยhttp://th.openrice.com/Bangkok/restaurant/article/detail.htm?article_id=906)ร้านอยู่ชั้น 37 ของโรงแรม Pullman hotel and resort (โซฟิเทล สีลมเก่าค่ะ)ตกแต่งสวยงาม มีวิวสวยๆ ของกรุงเทพยามค่ำคืนให้ดูด้วยเมนูที่เสิร์ฟในงานก็มีตามนี้เลยค่ะจะมีอาหารคาว6 เมนูจัดโชว์แบบไซส์เสิร์ฟปกติแบบนี้ค่ะ(บนซ้าย)Sardines en Boite Spanish imported sardines, toast and salted butter(ปลาซาดีนนำเข้าจากสเปน เสิร์ฟกับขนมปังปิ้ง และเนยเค็ม)(บนขวา) ขนมปังเสิร์ฟแกล้มๆ ค่ะ(ล่างซ้าย
อ่านรีวิวฉบับเต็ม
ได้มีโอกาสไปงาน Exclusive OpenRicer Party กับ Openrice.com
มาเมื่อวันที่ 26 เมษา ที่ผ่านมาค่ะ
(รายละเอียดตาม ลิงค์ได้เลย
http://th.openrice.com/Bangkok/restaurant/article/detail.htm?article_id=906)

ร้านอยู่ชั้น 37 ของโรงแรม Pullman hotel and resort (โซฟิเทล สีลมเก่าค่ะ)
ตกแต่งสวยงาม มีวิวสวยๆ ของกรุงเทพยามค่ำคืนให้ดูด้วย
22 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
เมนูที่เสิร์ฟในงานก็มีตามนี้เลยค่ะ

จะมีอาหารคาว6 เมนู
จัดโชว์แบบไซส์เสิร์ฟปกติแบบนี้ค่ะ
13 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
(บนซ้าย)Sardines en Boite
Spanish imported sardines, toast and salted butter
(ปลาซาดีนนำเข้าจากสเปน เสิร์ฟกับขนมปังปิ้ง และเนยเค็ม)

(บนขวา) ขนมปังเสิร์ฟแกล้มๆ ค่ะ

(ล่างซ้าย)Oeuf poché en Meurette’
Egg poached in Pinot Noir
(ไข่ลวกในซิสไวน์แดง)

(ล่างขวา)Quenelle de brochet gratinée’
River Pike fish dumpling, Chardonnay sauce
(ปลาไพก์เสิร์ฟในครีมซอสไวน์ขาว)
23 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
(บนซ้าย)Cote d’agneau rotie au beurre
pomme fondante’
Roasted rack of lamb, butter braised potatoes
(ซี่โครงแกะย่าง เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งอบเนย)

(บนขวา)Combinaison de ‘Filet et de joue boeuf’
Pan seared beef tenderloin, 12 hours braised beef cheek
(เนื้อสันในย่าง เสิร์ฟกับแก้มวัววากิลตุ๋น 12ชม.)

(ล่างขวา)Saint-Jacques d’Hokkaido’
Grilled Scallops, truffle dressing
(หอยเชลล์ย่างเสิร์ฟพร้อมซิสเห็ดทรัฟเฟิล)

(ล่างซ้าย) รูปอาหารรวมๆ
24 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
บรรยากาศวิวตอนกลางคืน สวยมากๆ ค่ะ
มีคุณซอมเมอร์ริเย่ มาเสิร์ฟไวน์ขาวแก้วแรกให้ (แล้วก็หายไปเลยอ่า)
และเชฟ ซิลแว็ง รัวเยร์ คุณพี่คนฝรั่งเศส พูดไทยได้น้า
เสิร์ฟจานนึง แกก็จะมาบอกชื่อ บอกวิธีทำให้ฟังนิดหน่อย
(จนหลังๆ แกไม่ค่อยพูดล่ะ คงเบื่อนะ 555)

อ่ะ... ที่ให้ดูไปเป็นจานโชว์
แต่ที่ให้ทานจริง แต่ละคนจะได้จานไซส์เล็กๆ ขนาดพอดีคำน่ารักๆ แบบนี้ค่ะ
16 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ปลาซาร์ดีนกะขนมปัง....
ดูแล้วงงๆ ว่าจะกินยังไงเนี่ย
เค้าว่าให้ทาเนยก่อน อ่ะ.. ก็ทา
ปาดไปปาดมาบนขนมปัง แล้วก็เอาปลามาแปะๆ ตีๆ ให้เละๆ หน่อย
ประมาณว่าเป็นทูน่าสเปรด... กินงี้เปล่าไม่รู้อ่ะ ไม่มีใครมากินเป็นตัวอย่าง

ก็อร่อยดีค่ะ... แต่ไม่รู้ลิ้นไม่ถึงหรือเปล่า รู้สึกว่าเหมือนปลาซาบะ - -'

ส่วนไข่ลวก.... ก็เหมือนไข่ลวกใส่ซ้อสแม๊กกี้นะ
แต่อร่อยๆ เพราะปกติไม่ชอบกินไข่ลวกมากกกกกกกกกกกกกกกกก
แต่แบบนี้กินได้ อร่อยดี
แต่มาให้ไซส์นี้พอล่ะ
ถ้าไซส์เสิร์ฟจริงคงกินไม่หมด

เค้าเสิร์ฟไวน์ขาวให้จิบๆ ด้วยนะ
แต่เราไม่ใช่คอไวน์เท่าไหร่ ก็จิบๆ ไป งั้นๆ 555
17 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
หอยย่าง... เค้าว่าเป็นหอยฮอกไกโด
มีเหมือนๆ หมูแผ่น? เบคอน? หรืออะไรซักอย่าง
ที่ทุกคนคิดว่าเป็นปลาแห้งในตอนแรก 555
แปะมาอยู่ข้างบน (ของเราแอบชิ้นเล็กกว่าเพื่อนอ่ะ)
แล้วก็น้องหอยตัวใหญ่มากกกกกก
หวานๆ นิ่มมากกกกก อร่อยมากค่ะ จานนี้

กับอีกจานเหลืองๆ ดูชีสๆ เหมือนขนม
แต่ไม่ใช่ขนม เป็นเนื้อปลาในซอสไวน์ขาว
ส่วนตัวคิดว่าเหมือนไข่ตุ๋นอ่ะ ไม่รู้สึกถึงรสปลาเท่าไหร่
แต่ก็พอคล้ายๆ เต้าหู้ปลานะ - -'
แต่ก็นิ่มๆ ดี
แล้วมันมากับซอสขาวๆ รู้สึกชีสๆ เลี่ยนมากกกกกกกก
ดีที่มาจานแค่นี้ ถ้ามาไซส์จริง คงกินไม่ไหว

เริ่มเสิร์ฟไวน์แดง รอรับเมนูเนื้อๆ ล่ะ ก็กินไปสองไวน์เลย เริ่มเมา 555
12 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
จานเนื้อๆ มาล่ะ
จานแรกเป็นแกะ เป็นแกะสองส่วน
รู้สึกจะเป็นส่วนไหล่กับสันในล่ะมั้ง
ส่วนไหล่รู้สึกนิ่มๆ ดี สันไนก็ไม่เหนียว
เสิร์ฟมากับมันฝรั่ง ก็โอเค ไม่เลี่ยน
บางคนว่าแกะกลิ่นแรง?
เอิงไม่รู้สึกอะไรอ่ะ กินได้ ไม่ค่อยรู้สึกแตกต่าง (นี่มันลิ้นจระเข้?)

และเนื้ออีกจาน
เป็นเนื้อวัว เค้าว่าเป็นแก้มตุ๋นกับสันในย่าง
ตรงแก้มนิ่มมาก อร่อยๆ
กินไปแล้วเค้าเพิ่งมาบอกว่าต้องกินพร้อมกันทั้งสองชิ้นนะ
รสชาติ เนื้อตุ๋นกะตรงย่างจะได้เข้ากันดี ประมาณว่าอร่อยกว่า
แต่เอ๊ะ... มันหั่นยากนะคะ ก็เลยกินแยกๆ ไป อร่อยอยู่นะ 555

มาถึงจานเนื้อนี่ก็อิ่มมากกกกกกกกกกกกกกกกก
แต่ยังอิ่มไม่ได้เพราะมีของหวานรอเราอยู่ค่า

Desserts มาถึง 5 เมนูกันเลย
ทานแบบแชร์ๆ กันค่ะ เพราะคงจะแบ่งมายากอ่ะเนอะ

(ล่างซ้าย)Rum Baba (รัม บาบา)
เห็นชื่อตอนแรกไม่เอะใจ
ดูเป็นขนมน่ารักจัง เสิร์ฟมากุ๊กกิ๊กอาฟเตอร์ยูมาก
มีครีมโปะมาด้วย สงสัยในถ้วยคงเป็นน้ำผึ้ง น้ำเชื่อม
ที่ไหนได้!!!! ตามชื่อ รัม บาบา
เพราะมันคือเหล้ารัมเต็มๆ ค่ะ ไม่ใช่น้ำผึ้งน้ำเชื่อมมมมมมม
แล้วน้องขนมปังก็เหมือนฟองน้ำที่รับเอารัมเข้าไปเต็มๆ
ลองไปคำเดียวก็จะเมาแล้ว - -'
เหมาะสำหรับคอแข็งๆ นะคะเนี่ยจานนี้

(ล่างขวา)Granny Smith Apple Tart (ทาร์ตแอ๊ปเปิลแกรนนี่ สมิธ)
พายแอ๊ปเปิ้ลอุ่นๆ ค่ะ เสิร์ฟมากับไอติมวนิลา
จานนี้อร่อยดี หวานๆ เปรี้ยวๆ นิดนึง ให้เป็นจานโปรดเลย
แต่คิดว่าจานใหญ่จัง กินคนเดียวไม่หมดแน่
42 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
(บนซ้าย)Mille Feuille ‘Grands Augustins’ (มิลเฟย กรองด์ โตกุสตังน์)
น้องมิลเฟย ที่มีครีมอุ่นๆ ในถ้วยมาให้ราดที่โต๊ะค่ะ
ตัวพายร่วนง่ายมาก ไม่รู้จริงๆ ต้องเป็นงี้เปล่า แต่กินยากอ่ะ
ตัดก็ร่วง ร่วมตัวกันเป็นก้อนเดียวกันหมด 555
ส่วนตัวคิดว่าหวานไปอ่ะ เลี่ยนๆ นิดนึง กินคนเดียวคงไม่ไหว
แต่แบ่งกันทานก็พอโอเคนะ

(ล่างซ้าย)Grand Marnier ‘Soufflé’ (กรองด์ แมร์นิเย่ร์ ซูเฟล่)
น้องซูเฟล่นิ่มๆ อุ่นๆ เหอๆ ก็คิดว่าเหมือนๆ ขนมไข่นะคะ แต่ไม่หวานเท่า
แป้งจะเบาๆ นิดนึง ส่วนตัวเฉยๆ ก็โอเค.. แต่คงไม่สั่ง - -'

จานสุดท้าย (บน + ล่าง ขวา)
Chocolate Fondant (ช๊อคโกแล็ต ฟองดองท์)
ก็คือช็อคโกแลตลาวา เสิร์ฟมากับไอติมวนิลานั่นเอง
บางอันตัดแล้วลาวาไม่ไหลเยิ้มออกมานะ เหอๆ (เค้าว่าเพราะไม่ร้อนแล้ว)
จานนี้อร่อยค่ะ กินกับไอติมแล้วก็เข้ากันดี
แต่ก็คิดว่าเหมือนๆ ร้านอื่นๆ นะ
ไม่ได้แตกต่างมากค่ะ

รีวิวนี้ขออนุญาตไม่สรุปนะคะ
เพราะไม่ได้ไปในฐานะลูกค้านะคะ ^^
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
โพสต์
รายละเอียดคะแนนรีวิว
รสชาติ
การตกแต่ง
บริการ
ความสะอาด
ความคุ้มค่า
วันที่ไปกิน
2012-05-26
ราคาต่อคน
฿800 (มื้อเย็น)
เมนูแนะนำ
  • Saint-Jacques d’Hokkaido’
  • Granny Smith Apple Tart
ระดับ4
2012-05-05 46 วิว
ภายในกว้างขวาง บรรยากาศง่ายๆสบายๆแต่ยังคงความเรียบหรูดีมีสไตล์ มีให้เลือกทั้งแบบห้องแอร์และแบบระเบียงรับลมธรรมชาติ พร้อมชมวิวกรุงเทพแบบพาโนจากชั้น37 การบริการดีระดับโรงแรมไม่ผิดหวัง อาหารวัตถุดิบใช้เกรดดีสดสะอาดไม่เจอปัญหาใดๆ รสมือโดยรวมอยู่ในมาตรฐานที่ดี แนะนำให้ลองเมนูที่อยู่ในlistของเชฟมานูเอล มาร์ติเน่ซ์ เชฟมิชลินสตาร์ระดับ 2 ดาว ที่ควบคุมโดยเอ็กเซ็กคูทีฟเชฟ ซิลแว็ง รัวเยร์ ชิมแล้วมีความนุ่มนวลกลมกล่อมและมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่ชัดเจน หรือจะลองสอบถามเมนูพิเศษประจำวันนอกเมนูก็น่าสนใจไม่น้อย สุดท้ายเรื่องราคาต้องบอกว่าน่าคบหามากๆเพราะราคาแทบจะไม่ต่างจากร้านบนห้างหรือร้านอาหารทั่วไปเลยครับ. รา
อ่านรีวิวฉบับเต็ม
ภายในกว้างขวาง บรรยากาศง่ายๆสบายๆแต่ยังคงความเรียบหรูดีมีสไตล์ มีให้เลือกทั้งแบบห้องแอร์และแบบระเบียงรับลมธรรมชาติ พร้อมชมวิวกรุงเทพแบบพาโนจากชั้น37 การบริการดีระดับโรงแรมไม่ผิดหวัง อาหารวัตถุดิบใช้เกรดดีสดสะอาดไม่เจอปัญหาใดๆ รสมือโดยรวมอยู่ในมาตรฐานที่ดี แนะนำให้ลองเมนูที่อยู่ในlistของเชฟมานูเอล มาร์ติเน่ซ์ เชฟมิชลินสตาร์ระดับ 2 ดาว ที่ควบคุมโดยเอ็กเซ็กคูทีฟเชฟ ซิลแว็ง รัวเยร์ ชิมแล้วมีความนุ่มนวลกลมกล่อมและมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่ชัดเจน หรือจะลองสอบถามเมนูพิเศษประจำวันนอกเมนูก็น่าสนใจไม่น้อย สุดท้ายเรื่องราคาต้องบอกว่าน่าคบหามากๆเพราะราคาแทบจะไม่ต่างจากร้านบนห้างหรือร้านอาหารทั่วไปเลยครับ. รายละเอียดเพิ่มเติม : http://doisontheway.com/?p=24431
12 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
27 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
16 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
35 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
โพสต์
รายละเอียดคะแนนรีวิว
รสชาติ
การตกแต่ง
บริการ
ความสะอาด
ความคุ้มค่า
วันที่ไปกิน
2012-04-26
ราคาต่อคน
฿1,000 (มื้อเย็น)
ระดับ3
51
21
The Scarlett wine bar & Restaurant (ห้องอาหารสการ์เล็ต) เป็นสถานที่ที่ออฟได้รับเกียรติให้ไปรีวิว โดยได้รับเชิญจากทางเว็บไซต์ OpenRice.com ให้ไปร่วมกัน แชะ ชิม แชร์ รีวิวความอร่อยของที่นี่ ซึ่งขอบอกว่าแทบจะไม่ต้องคิดเลย เพียงแค่เช็คตารางของวันนัดแล้วว่าไม่ติดอะไร ออฟก็ตกลงใจรับคำเชิญโดยทันทีค่าบรรยากาศของห้องอาหาร The Scarlett wine bar & Restaurantหลังจากที่นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีศาลาแดง และต่อรถแท็กซี่มายังหน้าโรงแรม ซึ่งเดิมเคยใช้ชื่อว่า “โรงแรมโซฟิเทลบางกอกสีลม” แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็น “โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี ” เรียบร้อยแล้วค่ะ แต่เวลาบอกทางเค้าบอกเป็นชื่อเดิมแท็กซี่จะคุ้นกว่าหน่อยค่ะ เมื่อถึงแยกเดโ
อ่านรีวิวฉบับเต็ม
The Scarlett wine bar & Restaurant (ห้องอาหารสการ์เล็ต) เป็นสถานที่ที่ออฟได้รับเกียรติให้ไปรีวิว โดยได้รับเชิญจากทางเว็บไซต์ OpenRice.com ให้ไปร่วมกัน แชะ ชิม แชร์ รีวิวความอร่อยของที่นี่ ซึ่งขอบอกว่าแทบจะไม่ต้องคิดเลย เพียงแค่เช็คตารางของวันนัดแล้วว่าไม่ติดอะไร ออฟก็ตกลงใจรับคำเชิญโดยทันทีค่า

บรรยากาศของห้องอาหาร The Scarlett wine bar & Restaurant

หลังจากที่นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีศาลาแดง และต่อรถแท็กซี่มายังหน้าโรงแรม ซึ่งเดิมเคยใช้ชื่อว่า “โรงแรมโซฟิเทลบางกอกสีลม” แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็น “โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี ” เรียบร้อยแล้วค่ะ แต่เวลาบอกทางเค้าบอกเป็นชื่อเดิมแท็กซี่จะคุ้นกว่าหน่อยค่ะ เมื่อถึงแยกเดโชแล้ว ก็ลงจากรถแล้วเดินข้ามถนนมาอีกฝั่ง จกนั้นก็ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 37 ซึ่งเป็นที่นัดหมายค่า

เมื่อขึ้นมาถึงแล้วก็แอบตื่นเต้นนิดหน่อยค่ะ ทางเข้าจะมีพนักงานคอยต้อนรับอยู่แล้ว พอเดินเลี้ยวมาหน่อยก็จะเห็นคลังไวน์ในตู้กระจกเรียงดูสวยทีเดียวค่ะ
ด้านในของห้องอาหารสการ์เล็ตจะได้รับการตกแต่งในแนวดิบๆนิดหน่อยค่ะ ด้วยเพดานด้านบนไม่ติดวอลเปเปอร์ใดๆ แต่คงสีของปูนเอาไว้ ส่วนที่นั่งก็แบ่งออกเป็นหลายโซนทีเดียวค่ะ แต่ที่ชัดเจนคือแต่ละโต๊ะจะไม่ใกล้กันมากนัก ให้ความเป็นส่วนตัวของลูกค้าเอาไว้อย่างดีเลยทีเดียวค่ะ

ใครอยากจะชมทิวทัศน์ของกรุงเทพจากตึกระฟ้า ครั้งนี้ก็คงได้เห็นกันเต็มตาค่ะ เนื่องเดียวออฟมาในช่วงที่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน ดังนั้นแสงอ่อนๆก็สาดเข้ามาพอดีค่ะ ถ้ากลางคืนก็จะสุกไสวด้วยแสงสีในใจกลางเมืองไปอีกแบบ

คนที่อยากจะมารับลม ชิมไวน์นี่คิดว่าโดนใจแน่ๆค่ะ ส่วนข้างในนั้นทางร้านก็เปิดเพลงเบาๆ ให้นั่งคุยกันได้อย่างสบายๆกับกลุ่มเพื่อน หรือจะนั่งที่บาร์ก็ได้ค่ะ

เมนูของห้องอาหาร The Scarlett wine bar & Restaurant


เมนูอาหารส่วนใหญ่จะเป็นแนวฝรั่งเศสค่ะ มีให้เลือกหลายหลายอยู่ทีเดียว แต่ที่พิเศษคือเมนูเครื่องดื่มนี่เป็นอีกหน้านึงเลย เรียกได้ว่าเอาใจคอดื่มและสังสรรค์มากๆค่ะ

รายการอาหารที่ทานที่ห้องอาหาร The Scarlett wine bar & Restaurant


ครั้งนี้ที่มารีวิวนี้จะเป็นการลองทานอาหารจานหลัก 6 เมนู และของหวานอีก 5 เมนูค่ะ โดยทางร้านจะนำจานแบบขนาดที่เสิร์ฟกับลูกค้าปกติมาให้ถ่ายรูปกันก่อน และก็มีจานที่แบ่งมาพอดีทานให้อีกทีค่ะ เพราะขอบอกว่าอาหารเยอะมากๆ ถ้าให้ทานแบบเต็มๆ คิดว่าคงไม่รอดถึงเมนูที่ 3 ค่ะ
1.Sardines en Boite 410 บาท

เปิดตัวกันด้วยเมนูสบายๆ ที่คล้ายจะเป็นการหยอกเย้าจากเชฟอารมณ์ดีค่ะ เพราะถ้าใครมาเป็นก้อนขนมปังและปลาซาร์ดีนในกระป๋องคงไม่อยากจะเชื่อว่าเชฟจะเลือกมาให้ทานกัน

ชื่อภาษาอังกฤษของเมนูนี้คือ Spanish imported sardines, toast and salted butter ซึ่งเอาง่ายๆก็คือ ปลาซาดีนนำเข้าจากสเปน เสิร์ฟกับขนมปังปิ้ง และเนยเค็ม ซึ่งเมื่อถามเหตุผลจากเชฟก็เลยได้ความว่ามันเป็นเมนูที่อาจจะดูธรรมดาแต่มันไม่ธรรมดา ซึ่งเรียกได้ว่ามั่นใจในคุณภาพและรสชาติมากๆค่ะ

การทานนั้นก็ให้ทาเนยลงบนขนมปังก่อนแล้วจากนั้นก็เอาเนื้อปลาซาร์ดีนใส่ด้านบนค่ะ ตอนแรกที่ออฟเอามาวางเป็นตัวก็ดูงงๆ เหมือนกันค่ะ แต่พอเห็นพี่ในโต๊ะใช้ส้อมเขี่ยๆ ให้เนื้อแตกกระจายเต็มแผ่นขนมปังบ้างก็เลยทำตามค่ะ

รสชาติของเมนูนี้ ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีค่ะ ขนมปังกรอบกำลังดี เนยหอมนิดๆ แต่ไม่เด่นจนเกินไป และรสชาติของเนื้อปลาก็แน่นดีค่ะ
2.‘Oeuf poché en Meurette’ 360 บาท

เมนูต่อมาเป็นเมนูไข่ค่ะ มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Egg poached in Pinot Noir โดยเมนูนี้ถือเป็นอีกเมนูที่ต้องใช้ความพยายามของเชฟมากๆ เลยทีเดียวค่ะ หลังจากที่ได้ฟังกรรมวิธีการทำแล้วขอคารวะในความตั้งใจทำอาหารของเชฟมากๆ

ไข่ลวกในซิสไวน์แดง เมนูนี้ไม่ธรรมดาตั้งแต่เริ่มลวกไข่แล้วค่ะ เพราะเชฟใช้เวลาในการลวกไข่นานถึง 1 ชั่วโมง โดยใช้เทคนิคการคุมอุณหภูมิไว้ที่ 45 องศาค่ะ ส่วนน้ำซอสเองก็ไม่แพ้กัน ด้วยการนำซอสไวน์แดงจำนวน 12 ส่วนเคี่ยวจนให้เหลือเพียง 1 ส่วน จึงได้ซอสที่เข้มข้น และกลมกล่อมมาให้เราได้ทานกันค่ะ

ตอนที่เค้าเอามาเสิร์ฟให้ทานใส่จานเล็กมีไข่อยู่ตรงกลางนี่ทำเอาออฟคิดหนักอยู่เหมือนกันค่ะ ว่าจะทานท่าไหนดี เพราะด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยทานไข่แดงไม่สุก ก็เลยตัดสินใจกินคำเดียวไปเลยค่ะ อิอิ งานนี้เต็มปากกันไปเลย แต่ด้วยไข่นุ่มๆ และให้สัมผัสนิ่มๆ เรียกได้ว่าแทบไม่ต้องเคี้ยวกันเลยค่ะ และตัวซอสก็เข้มข้นดีมาเติมรสชาติให้ไข่ได้เป็นอย่างดีทีเดียวค่ะ
3.‘Saint-Jacques d’Hokkaido’ 550 บาท

เมนูนี้มีชื่อGrilled Scallops, truffle dressing (หอยเชลล์ย่างเสิร์ฟพร้อมซิสเห็ดทรัฟเฟิล) จานที่มาเสิร์ฟดูอลังการดีค่ะ ด้วยการใช้จานสีขาวแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าจานยาวๆ แล้วนำหอยเชลล์มาเรียง และคั่นด้วยสลัดผัก

โดยตัวหอยเชลล์นี่เชฟเค้าอิมพอร์ตเข้ามาจากสวิสเซอร์แลนด์เลยค่ะ แถมเวลาเสิร์ฟให้ทานเป็นคนนั้นจะมีแผ่นที่คล้ายเบคอนทอดโปะมาด้านบนด้วยค่ะ เพิ่มความกรอบ ตัดกับเนื้อหอยเชลล์ที่ให้ความเหนียวนุ่มดีทีเดียว ออฟคิดว่าเวลาทานต้องทานคู่กับสลัดด้วยนะคะ จะได้รู้สึกไม่เค็มจนเกินไป

4.‘Quenelle de brochet gratinée’

มาถึงเมนูปลากันบ้างค่ะ โดยเมนูนี้มีชื่อว่า River Pike fish dumpling, Chardonnay sauce (ปลาไพก์เสิร์ฟในครีมซอสไวน์ขาว) โดยตอนที่มาเสิร์ฟก็คิดว่าเหมือนเต้าหู้มากๆค่ะ แต่พอมาบอกว่าเป็นปลาก็ยิ่งงงใหญ่เลย โดยเมนูนี้เป็นการขูดเนื้อปลาไพค์ แล้วเอามาใส่หลอด จากนั้นเอาไปนึ่งก่อน แล้วนำมาอบตอนท้าย โดยใช้ไฟบน

ออฟชอบสัมผัสตอนที่ทานด้านบนนะคะมันจะกรอบๆดี ตรงที่น้ำตาลถูกอบแล้วเกรียมนิดๆ จริงๆ เมนูนี้ถ้าไม่บอกว่าเป็นปลาก็แทบจะไม่รู้เลยด้วยค่ะ แต่การตแต่งจานดูจืดไปหน่อย น่าจะมีใบอะไรมาโรยด้านบนให้สีตัดกันหน่อยค่ะ

5.‘Cote d’agneau rotie au beurre

เมนู pomme fondante’ (Roasted rack of lamb, butter braised potatoes : ซี่โครงแกะย่าง เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งอบเนย) เป็นอีกเมนูนึงที่อาจจะหาทานได้ไม่บ่อยนักค่ะ เพราะว่าอาหารที่ทำจากแกะในบ้านเรานั้น ถ้าไม่ตั้งใจไปทานกันจริงๆ ร้านทั่วๆ ไปก็อาจจะหาสั่งไม่ได้

เมนูนี้จะถูกใจหรือไม่นั้น ขึ้นกับว่าคุณจะรับกลิ่นคาวเล็กของแกะที่แฝงมากับเนื้อมันได้ไหม จริงๆ แล้วสายทานเนื้ออย่างออฟค่อนข้างมันใจเลยว่าไม่มีปัญหาเรื่องนี้แน่ๆ และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ค่ะ เพราะรสชาติที่เค้าว่ากันว่าแกะจะคาวกว่าหน่อย นี่ออฟทานได้ปกติมากๆ แต่ถ้าใครอยากจะเริ่มลองทานแกะละก็ ที่นี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีในการมาลิ้มลองรสชาตินะคะ

จานนี้มีซีโครงแกะย่าง เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งอบเนย โดยเชฟจะใช้เนื้อหัวไหล่ของแกะและสันในมาปรุงรสให้เราทานค่ะ โดยการทานนั้นจะต้องทานเนื้อทั้งสองส่วนไปพร้อมๆ กัน เพราะผิวสัมผัสของเนื้อทั้งสองจะมาเสริมดุลกันค่ะ โดยเนื้อสันใจจะนุ่มกว่าหน่อย และเนื้อหัวไหล่จะคล้ายกับเนื้อตุ๋นค่ะ

สำหรับการเสิร์ฟในครั้งนี้เนื้ออาจจะสุกไปหน่อยสำหรับคุณผู้ชายทั้งหลาย แต่ออฟว่าสำหรับสาวๆ แล้วถือว่ากำลังดีค่ะ เพราะว่าผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะไม่ทานเนื้อที่ยังแดงๆอยู่ แต่ถ้าอยากได้ระดับการสุกแบบไหนก็สามารถแจ้งทางร้านได้เลยนะคะ

6.Combinaison de ‘Filet et de joue boeuf’

เมนูที่ถือได้ว่าเป็นเมนู Signature ของทางร้านก็คือ Pan seared beef tenderloin, 16 hours braised beef cheek (เนื้อสันในย่าง เสิร์ฟกับแก้มวัววากิลตุ๋น 16ชม.) ค่ะ เมนูนี้จัดเต็มมาทั้งราคาและรสชาติกันเลยทีเดียว ซึ่งโดนใจคอเนื้ออย่างออฟมากๆค่ะ
โดยเมนูนี้จะเป็นการนำเนื้อวันในส่วนของแก้มและสันในมาตุ๋น 16 ชั่วโมง เรียกได้ว่าไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเนื้อจะนุ่มขนาดไหน ซึ่งถ้าคนไม่รู้ทานเนื้อสองชิ่นนี้แยกกันจะรู้สึกว่าเนื้อส่วนแก้มมันเหลวไปหน่อยนะคะ แต่เชฟก็ใจดีมาสอนการทานที่จะทำให้เราได้รับรสชาติสุดยอดของเมนูนี้ด้วยการบอกให้เราทานเนื้อทั้งสองพร้อมกันเลยค่ะ ซึ่งจะพบว่าความนุ่มของเนื้อส่วนแก้มและเนื้อสันในมันเข้ากันมากๆ จริงๆ อยากจะบอกว่าเนื้อส่วนแก้มนี่ไม่ต้องเคี้ยวเลยด้วยซ้ำค่ะ นุ่มจริงๆ

รายการของหวานที่ทานที่ห้องอาหาร The Scarlett wine bar & Restaurant
1.Grand Marnier ‘Soufflé’ (กรองด์ แมร์นิเย่ร์ ซูเฟล่)

เมนูของหวานอย่างซูเฟล่ ซึ่งเป็นของหวานสัญชาติฝรั่งเศสที่มีจุดเด่นเป็นเนื้อเค้กที่เบาและนุ่มฟู คล้ายกับขนมไข่ของบ้านเรา แต่เนื้อเค้กมันจะเบาๆ กว่านั้นค่ะ

โดยซูเฟล่ของที่นี่ก็นุ่มโดนใจทีเดียวค่ะ กลิ่นหอมของไข่เตะจมูกเพิ่มความน่าทานเข้าไปอีก ด้านบนโดรยด้วยน้ำตาลไอซิ่งเพิ่มความหวานเล็กๆด้วยค่ะ

2.Granny Smith Apple Tart (ทาร์ตแอ๊ปเปิลแกรนนี่ สมิธ)

ทาร์ตแอ๊ปเปิลเป็นเมนูของหวานที่ออฟชอบมากที่สุดค่ะ ตัวเนื้อทารต์จะมีเนื้อแอปเปิ้ลหั่นเล็กอยู่ด้วย ทานคู่กับไอศรีมวานิลาเย็นเข้ากันดีจริงๆ ค่ะ รสชาติที่ได้จะเป็นเปรี้ยวอมหวานนิดๆค่ะ เนื้อทาร์ตไม่หนามากดังนั้นทานแล้วจะรู้สึกไม่แน่นมากค่ะ
3.Rum Baba (รัม บาบา)

รัม บาบาเป็นเมนูของหวานที่เสริฟแล้วดูน่ารักๆ ด้วยลักษณะคล้ายกับเค้กกล้วยหอมที่ถูกอบจนโตในถ้วย และด้านล่างก็คล้ายกับน้ำไซรัปเพิ่มความหวานค่ะ เรียกได้ว่าเมนูรัม บาบา เป็นเมนูที่คนทานจะรู้สึกว่าคล้ายโดนหยอกล้อเล็กๆ จากเชฟเลยทีเดียวค่ะ ขอเตือนคนที่ไม่ทานแอลกอฮอล์ทั้งหลายว่าไม่ควรสั่งเมนูนี้นะคะ เพราะอะไรใช่ไหมคะ เพราะน้ำที่อยู่ด้านล่างที่หลายๆ คนคิดว่าอาจจะเป็นน้ำหวานนั้นเป็นเหล้ารัมค่ะ ถึงดีกรีจะไม่สูงมากนัก แต่ทานคู่กับของหวานอย่างขนมปังที่ซึบซับรัมเข้าไปใจพองโดตขนาดนี้แล้วก็อาจจะล้มได้เหมือนกันค่า เมนูนี้ออฟก็เลยทานได้คำเดียวค่า

4.Mille Feuille ‘Grands Augustins’ (มิลเฟย กรองด์ โตกุสตังน์)

มิลเฟยเป็นอีกเมนูนึงที่ออฟชอบมากค่ำ คำว่า “มิลเฟยล์” นั้นแปลว่า “พันชั้น” ซึ่งก็เปรียบได้กับแป้งที่บางแสนบางมากๆ ซึ่งเชฟก็มีเทคนิคในการรีดแป้งถึง 6 ครั้งค่ะ เวลาทานคู่กับครีมและราดด้วยซอสวานิลลาด้วยนี่ขอบอกว่าอร่อยมากๆค่ะ ก้อนสีขาวๆระหว่างชั้นตอนแรกนึกว่าเป็นขนมเลดี้ฟิงเกอร์ค่ะ แต่จริงๆ แล้วเป็็นครีมวานิลาเนื้อเข้มข้นกลมกล่อมค่ะ

5.Chocolate Fondant (ช๊อคโกแล็ต ฟองดองท์)

ช๊อคโกแล็ต ฟองดองท์ดูจะเป็นเมนูที่หลายๆ คนคุ้นเคยมากที่สุดค่ะ เพราะช๊อคโกแล็ต ฟองดองท์ ก็คือช็อกโกแลตลาวาที่หลายๆ คนคุ้นเคยนั่นเองค่ะ ตัวช็อกโกแตเมื่อตัดออกจะมีลาวาที่หวานนุ่มไหลออกมา ทานคู่กับไอศกรีมวานิลาเย็นๆ ให้รสชาติมาเติมเต็มกับช็อกโกแลตอุ่นก็เข้ากันดีมากค่า

บทสรุปจากการทานที่ห้องอาหาร The Scarlett wine bar & Restaurant

ครั้งนี้ต้องขอขอบคุณทางเว็บไซต์ Openrice.com ที่เชิญให้ไปร่วมชิมและได้ทำความรู้สึกกับบล็อกเกอร์ท่านอื่นๆนะคะ สนุกมากๆค่า
อาหารของที่นี่เรียกได้ว่ามีระดับด้วยฝีมือของเชฟและยังมีบรรยากาศของโรงแรมมาเพิ่มความอร่อยให้เยอะขึ้นไปอีก
ราคาอาหารก็เป็นราคาตามโรงแรมที่อาจจะไม่ได้มาทานบ่อยนัก แต่รสชาติและคุณภาพที่ได้ก็คุ้มราคาค่ะ
22 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
10 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
20 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
13 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
23 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
25 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
10 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
31 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
โพสต์
รายละเอียดคะแนนรีวิว
รสชาติ
การตกแต่ง
บริการ
ความสะอาด
ความคุ้มค่า
ราคาต่อคน
฿800 (มื้อเย็น)
เมนูแนะนำ
  • Combinaison de ‘Filet et de joue boeuf’
ระดับ4
SCARLETT WINE BAR & RESTAURANT2 Michelin Star Inspired Menu, over 150 Fine wines, imported cheese & cold cuts, daily specials and an amazing view over Bangkok skyline เชฟระดับ 2 ดาว มิชลิน ให้กำเนิดแรงบันดาลใจเมนูอาหารแสนอร่อย ควบคู่กับไวน์กว่า 150 ชนิด ควบคู่กับชีสและของทานแกล้มนำเข้า เมนูพิเศษประจำวัน เคล้าบรรยากาศ วิวเส้นขอบฟ้าแบบพาโนรามาของมหานครเมืองหลวง กรุงเทพ ณ ถนนสีลมไวน์บาร์และห้องอาหารสการ์เล็ต สไตล์บิสโทร ที่มีต้นกำเนิดที่ โฮเต็ล จี กรุงปักกิ่ง เป็นส่วนหนึ่งของโรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี บนชั้น 37 พร้อมระเบียงกว้างเปิดโล่งที่สามารถนั่งชมทัศนียภาพแบบพาโนราม
อ่านรีวิวฉบับเต็ม
SCARLETT WINE BAR & RESTAURANT

2 Michelin Star Inspired Menu, over 150 Fine wines, imported cheese & cold cuts,
daily specials and an amazing view over Bangkok skyline
เชฟระดับ 2 ดาว มิชลิน ให้กำเนิดแรงบันดาลใจเมนูอาหารแสนอร่อย ควบคู่กับไวน์กว่า 150 ชนิด
ควบคู่กับชีสและของทานแกล้มนำเข้า เมนูพิเศษประจำวัน เคล้าบรรยากาศ วิวเส้นขอบฟ้าแบบ
พาโนรามาของมหานครเมืองหลวง กรุงเทพ ณ ถนนสีลม

ไวน์บาร์และห้องอาหารสการ์เล็ต สไตล์บิสโทร ที่มีต้นกำเนิดที่ โฮเต็ล จี กรุงปักกิ่ง เป็นส่วนหนึ่ง
ของโรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี บนชั้น 37 พร้อมระเบียงกว้างเปิดโล่งที่สามารถนั่งชมทัศนียภาพ
แบบพาโนรามาอันงดงาม ของกรุงเทพมหานคร ที่นี่ถือเป็นสถานที่สังสรรค์แห่งใหม่สำหรับ
นักบริหารรุ่นใหม่ เสิร์ฟไวน์, ชีส, โคลด์ คัท, และทาปาส พร้อมทั้งเมนูที่รังสรรค์โดยมานูเอล มาติเน่ซ์
เชฟระดับมิชลินสตาร์ 2 ดาว แห่งภัตตาคาร “เลอ คลอเร หลุยส์ที่ 13” ในกรุงปารีส

Scarlett wine bar & Restaurant เป็นร้านไวน์และอาหารนานาชาติในราคาที่จับต้องได้
สำหรับเป็นจุดนัดพบคนรักความสนุกสนานและผ่อนคลาย ด้วยขนาดพื้นที่ของร้านกว่า 400 ตารางเมตร
สามารถรองรับลูกค้าได้ 160 ที่ และอีก 40 ที่ ณ ระเบียงร้านอันแสนสวยงามซึ่งสามารถดื่มด่ำ
กับไวน์และอาหารไป ชื่นชมกับทรรศนียภาพของมุมสูงใจกลางกรุงเทพมหานคร สำหรับที่นั่งนั้น
มีทั้งบาร์เครื่องดื่ม โต๊ะไม้ หรือแม้กระทั่งโซฟาหนัง ให้เลือกนั่งได้ตามสไตล์ของคุณ
และทุกสุดสัปดาห์จะมี DJ สลับเปลี่ยนหมุนเวียนมาเปิดแผ่นเจ๋ง ๆ ให้ได้ฟังกัน เสริมกับบรรยากาศ
ที่ดีอย่างเหลือเชื่อ รวมทั้งกิจกรรมในทุก ๆ เดือน

ด้านอาหารแสนอร่อย ถูกทำอย่างพิถีพิถันในทุก ๆ เมนูที่สร้างสรรค์มาจากฝีมือของ
เชฟที่ปรึกษาเชฟมานูเอล มาร์ติเน่ซ์ (CHEF MANUEL MARTINEZ ) เจ้าของภัตตาคารเลอ
คลอเลส์ หลุยส์ที่ 13 ในกรุงปารีส กับฉายาคัมภีร์อาหารฝรั่งเศสระดับสูง ซึ่งเชฟมานูเอล
จะถนัดในเมนู กุ้งมังกร(ล็อบสเตอร์) ฟัวการส์ สแกลล็อป(หอยเชลล์) และเห็ดทรัฟเฟิลมาปรุง
อาหารคาว ส่วนของหวานนั้นเห็นทีจะไม่พ้น millefeuille (มิลเฟอร์ล) กับซอสเบอเบิ้นวนิลา
ความอร่อยนี้ มีดาวมิชลิน 2 ดวงเป็นเครื่องการันตีได้เป็นอย่างดี

และในโอกาสอันดีนี้ต้องขอขอบคุณ openrice thailand และคุณเมย์ (เมลนีย์)
pr คนสวยแห่ง Pullman Hotel G Bangkok ที่เชิญชวนมาชิมด้วยครับ

สำหรับเมนูเด็ดที่จะมาแนะนำกันในวันนี้ ประกอบไปด้วย 6เมนูของคาว คือ

1. sardines en Boite (Spanish imported sardines, toast and salted butter) 410.-
ปลาซาร์ดีนนำเข้าจากสเปนรสเลิศ ชนิดที่ไม่คิดว่าปลาซาร์ดีนจะอร่อยได้ขนาดนี้
ทานคู่กับขนมปังทาเนยเค็ม โดยนำขนมปังทาเนยแล้ววางชิ้นปลาซาร์ดีนเมนูนี้แกล้มกับไวน์ขาว
ที่มีกลิ่นหอม ของผลฝรั่งได้กลมกล่อมทีเดียว เป็นจานเริ่มแรกของเมนูเด็ดที่น่าประทับใจครับ

2. 'Oeuf poche en Meurette (Egg poached in Pinot Noir) 360.-
ไข่ลวกในอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียสด้วยเวลา 1 ชั่วโมง ในซอสไวน์แดงพิน็อตนัวร์
กลมกลืนด้วยไข่ลวกที่ทำมาได้สวยและไม่มีที่ติด ด้วยไข่ลวกที่ใช้เวลา 1 ชั่วโมงด้วย
อุณหภูมิ 60 องศา เป็นอะไรที่ทำให้คนทำอาหารไม่บ่อยอย่างผมประหลาดใจ
เพราะไข่แดงก็เป็นไข่ลวกที่ไม่คาว ไข่ขาวก็เป็นวุ้น ๆ ไม่สุก
เสริฟมาบนซอสไวน์แดงกลมกล่อมพร้อมวางด้วยแพนเชตต้าแฮม (แฮมแห้งรสเลิศ)
ทานเข้ากันมากด้วยไข่ที่นุ่มนวลกับซอสที่เข้มข้น คอนทราสต์กันแบบลงตัวครับเมนูนี้

3. Saint-Jacques d'Hokkaido (Grilled Scallops, truffle dressing) 550.-
แปลเป็นไทยได้ประมาณว่า หอยเชลล์ฮอกไกโดตัวใหญ่อวบอ้วนย่างพอสุกราดซอสเห็ดทรัฟเฟิล
เป็นอีกเมนูที่บ่งบอกได้อย่างดีว่า อาหารของเชฟมานูเอลนั้นเยี่ยมยอดขนาดไหน
ด้วยการย่างหอยเชลล์ได้สุกแบบผิว ๆ แต่ล้ำเลิศในเท็กซ์เจอร์ที่สัมผัสไปในแต่ละครั้งที่เคี้ยว
ผนวกกับซอสเห็นทรัพเฟิลที่อร่อยมาก ๆ แม้จะทานซอสเปล่า ๆ ก็ยังอร่อย นำมากระชับรสชาติ
ของหอยเชลล์ ได้อย่างสมบูรณ์แบบครับ ไม่พลาดที่เมนูนี้ต้องจิบไวน์ขาวเย็น ๆ ตามด้วยครับ

4. Quenell de brochet gratinee (River Pike fish dumpling, Chadonnay sauce) 760.-
ภาษาไทยจะเรียกว่าอะไรดีครับ น่าจะลูกชิ้นปลาไพค์ล่ะนะ 555 แต่ลูกชิ้นปลาไพค์นี้พิเศษตรงที่ว่า
เนื้อปลาไพค์จากแม่น้ำอันเย็นเฉียบ นำมาทำลูกชิ้นได้อารมณ์เหมือนไข่ตุ๋นครับ เนื้อเนียน เบา
ราดซอสไวน์ขาวที่ผสมกับครีมสด แล้วอบไฟบนอีกที เพื่อให้หน้าเกรียมสวยงามน่าทาน
ทานแล้วสดชื่นกระปรี้กระเปร่า และแถมยังมีการทำให้ประหลาดใจด้วยชั้นซอสที่ก้นชามด้วย
เห็ดสับละเอียดไว้ตัด รสอีกชั้นกันอีกด้วย ก็เหมาะทานกับไวน์ขาวอย่างยิ่งยวดอีก 1 เมนูครับ

5. Cote d'agneau rotie au beurre pomme fondante
(Roasted rack of lamb, butter braised potatoes) 990.-
เมนูนี้เป็นการนำซี่โครงแกะมาย่างด้วยไฟกำลังพอดีและเนื้อหัวไหล่แกะตุ๋น นุ่ม ๆ วางซ้อนกัน
ราดซอสสูตรเฉพาะ เสริฟพร้อมกับมันก้อนรสเนย เป็นอีกเมนูที่เหมาะสำหรับคนไม่ทานเนื้อครับ
เนื้อแกะไม่มีกลิ่นเหม็นสาปแต่มีกลิ่นหอมเฉพาะของแกะและเครื่องเทศที่เข้า กันอย่างดี
เนื้อแกะทั้ง 2 แบบนั้นได้รสสัมผัสที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทานเดี่ยว ๆ ก็อร่อย
แต่ถ้าทานคู่กันยิ่งอร่อยขึ้นครับ เหมาะเป็นอาหารจานหลักทานคู่กับไวน์แดงเยี่ยม ๆ
อีก 1 จานเลยครับ

6. Combinaison de Filet et de joue boeuf
(Pan seared beef tenderloin, 12 hours braised beef cheek) 1,200.-
จานเด็ดจานสุดท้ายของอาหารคาวที่เชฟมานูเอล นำเสนอในวันนี้ เป็นจานสำหรับคนรักเนื้อ
มีทเลิฟเวอร์อย่างผมมาก ๆ ด้วยเนื้อวากิวจากออสเตรเลียชั้นยอดอันแสนนุ่มถึง 2 ส่วน
โดยส่วนสันในนั้นนำมาทำให้สุกด้วยการผ่านความร้อนกับกระทะแบบกึ่งสุกกึ่งดิบ วางซ้อนกัน
กับเนื้อส่วนแก้มวัวตุ๋นนาน 12 ชั่วโมง แต่วันนี้พิเศษกว่าตรงที่เชฟมานูเอล ตุ๋นนานกว่าเดิมเป็น
16 ชั่วโมง ทำให้เนื้อแก้มที่นุ่มยิ่งนุ่มละลายในปากมากกว่าเดิม ส่วนสันในนั้นก็นุ่มด้วยตัวเอง
อย่างไม่แพ้กันเลย เพียงแต่รสสัมผัสของทั้ง 2 ส่วนที่แตกต่างกันนั้น
ทำให้ผมเพลิดเพลินกับการทานเมนูนี้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเชฟมานูเอลได้บอกเคล็ดลับ
ในการทานเมนูนี้ คือการนำทั้ง 2 ส่วนที่แตกต่างกันนั้น เคี้ยวพร้อมกัน ยิ่งทำให้ความสนุกสนาน
ในการทานเมนูนี้นั้นมีอย่างไม่รู้จบเลยทีเดียว แนะนำครับให้ทานเมนูนี้คู่กับไวน์แดงที่มีบอดี้เยอะ ๆ
จะเข้ากันมากครับ

ด้านของหวานนั้น คุณเมย์ ได้รีเควสให้เชฟมานูเอล จัดมาถึง 5 เมนูด้วยกันเลยครับ

1. Grand Marnier 'Souffle' 250.-
ซูเฟล่เนื้อเนียนนุ่ม หอมไข่และครีม อบมาฟู ๆ และโรยด้วยไอซ์ซิ่ง เมนุนี้ไม่หวานและไม่จืดไป
กำลังเหมาะสำหรับสาว ๆ และทานคู่กับไวน์หวาน หรือค็อกเทลนุ่ม ๆ เข้ากั๊นเข้ากันครับ

2. Granny Smith Apple Tart 250.-
แอปเปิ้ลทาร์ตแป้งกรอบบางกับแอปเปิ้ลฝานแผ่ไปทั่วแผ่นแป้งทาร์ต ราดไซรัป
เสริฟพร้อมกับไอศกรีมวนิลา เป็นเมนูที่มีมาทั้งความ หอม หวาน กรอบ อร่อย
ประสานกับความเย็นของไอศกรีมวนิลาได้อย่างลงตัว

3. Rum Baba 250.-
เมนูแสนสนุกซุกซน กับความน่ารักของรูปลักษณ์ของตัวขนมปังที่ชุ่มในโถแก้วที่เต็มไปด้วยเหล้ารัม !!!
คุณอ่านไม่ผิดครับ ของหวานจานนี้ ทำให้หลายคนลืมไวน์และแอลกอฮอล์ต่าง ๆ ที่ได้ลิ้มรสมา
เหมาะสำหรับปลุกสติสัมปชัญญะให้ตื่น หรือไม่ก็ทำให้คุณน็อคสลบคาโต๊ะได้เฉกเช่นเดียวกัน
ขนมปังที่ชุ่มฉ่ำเหล้ารัมนั้น หวานต้นมีติดขมปลายนิด ๆ เสริฟแบบเย็น ๆ เป็นอีกอย่างที่ทำให้ชื่นใจได้
แทนที่จะดื่มแล้วเมา จะกลายเป็นว่าทานขนมแล้วเมาด้วยเมนูนี้ก็เป็นได้ครับ

4. Mille Feulle 'Grands Augustins' 250.-
มิลเฟอร์ลกรอบ ๆ บาง ๆ สอดไส้ครีม ราดด้วยเบอร์เบิ้นวนิลา อีก 1 ของหวานที่ผสม
แอลกอฮอล์ลงไป แต่เบาบางให้กลิ่นหอมของวนิลาและเบอร์เบิ้น เป็นอีกเมนูที่เชฟมานูเอล
ทำได้อย่างอร่อยและลงตัว สวยงาม สมกับที่เป็นเมนูของหวานที่เชฟมานูเอลถนัดครับ
เมนุนี้ สาว ๆ และหนุ่ม ๆ หลายคนน่าจะชอบและหลงรักได้ไม่ยากเลยครับ

5. Chocolate Fondant 280.-
ช็อกโกแล็ตลาวา กับไอศกรีมวนิลา เค้กช็อกโกแล็ต ไส้ช็อกโกแล็ตเหลว เมื่อผ่าเค้กแล้ว
ตัวช็อกโกแล็ตเหลวจะไหลเยิ้มออกมา ทำให้คนทานได้สนุกสนานกับการมอง เหมือนกับ
ลาวาไหลออกจากภูเขาไฟยังไงยังงั้น ช็อคโกแล็ตรสเข้มข้น เบรครสชาติด้วยไอศกรีมวนิลาเบา ๆ
ทำให้ของหวานเมนูนี้อร่อยมากยิ่งขึ้นครับ

ทั้งหมดเป็นเมนูที่เชฟมานูเอล บรรจงสรรค์สร้างออกมาให้ได้ลิ้มชิมรสชาติของฝีมือเชฟมิชลิน
2 ดาว ทุกเมนูล้วนแล้วแต่สร้างความประทับใจและเพิ่มเติมจินตนการในการทำ
และทานอาหารของผมขึ้นอีกมากเลยล่ะครับ

ประกอบกับบรรยากาศของร้าน ที่สวยงาม ไวน์รสดี ดนตรีเพราะ วิวพาโนรามา น่าจะทำให้
ร้าน Scarlett wine bar and Restaurant แห่งนี้ เป็นที่ติดอกติดใจสำหรับหนุ่มสาวทุกวัย
ได้อย่างไม่ยากเลยล่ะครับ

ท้ายนี้ผมได้แนบรายละเอียดห้องอาหารแบบเป็นทางการมาให้ด้วยครับ

ที่ตั้ง : ชั้น 37 โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี

เวลาเปิดบริการ : ทุกวันจันทร์-เสาร์ ตั้งแต่ 18.00 - 01.00 น. (ปิดวันอาทิตย์)

ผู้ออกแบบ และ ผู้สร้างสรรค์ : บริษัท พี 49 ดีไซน์แอนด์แอสโซซิเอท จำกัด
(P49 Design & Associates Co.,Ltd.) และ จีซีพี ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป (GCP Hospitality)

ดี ไซน์คอนเซ็ปต์ : ในแบบโวค (VOGUE) และนิวยอร์ค สไตล์ บนพื้นที่รวมกว่า
400 ตารางเมตร สามารถรองรับแขกได้ 160 ท่าน รวมทั้งส่วนในห้องปรับอากาศและ
ส่วนระเบียงกว้างเปิดโล่งสำหรับ 40 ท่าน สามารถชื่นชมทัศนียภาพสุดกว้างไกลแบบ
พาโนรามาใจกลางกรุงเทพ
ในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เลือกที่นั่งได้หลากอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็น นั่งตามแนวบาร์เครื่องดื่ม
หรือโต๊ะไม้ทรงสูง หรือเล้าจน์ที่มีโซฟาหนังหรือแบบวินเทจ มีครัวเปิดโชว์การปรุงอาหาร
ตู้เก็บแสดงไวน์ รวมถึงห้องส่วนตัว ที่รองรับได้ 15 ที่นั่ง

เอ็กเซ็คคิวทีฟเชฟ : มร. ซีลวา ควอเย่ – ชาวฝรั่งเศส

เชฟที่ปรึกษา : มร.มานูเอล มาร์ติเน่ซ์ (เชฟมิชลินสตาร์ระดับ 2 ดาว)

เชฟเจ้าของ ภัตตาคารเลอ คลอเลส์ หลุยส์ที่ 13 ในกรุงปารีส

เมนู อาหาร : เนยแข็งนำเข้าจากต่างประเทศ อาหารเนื้อตัดเย็น หรือ“โคลด์คัท”
ทาปาสแบบร้อนและเย็น อาหารยุโรปรสเลิศต้นตำรับโดยเชฟมานูเอล มาร์ติเน่ซ์ เชฟมิชลินสตาร์
ระดับ 2 ดาว ชาวฝรั่งเศส และยังมีอาหารทะเลให้เลือก เพื่อแสดงการปรุงให้เห็นกันสดๆ ในครัวเปิด
ด้วยลีลาเชฟมือฉมัง

ไวน์ และ เครื่องดื่ม : - ไวน์มากกว่า 150 ชนิด

- ไวน์เสิร์ฟเป็นแก้ว 10 ชนิด ซึ่งจะหมุนเวียน ทุกสัปดาห์

- เครื่องดื่มมาตรฐาน และ เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ระดับพรีเมี่ยม

- โฮมเมดค็อกเทล 20 ชนิด อาทิ “Pandanus Aqueduct – ธาราหอมเตย”

“Sparkle and Fade – ประกายไฟสลาย” ฯลฯ

ปาร์ตี้และความบันเทิง: - เพลงจังหวะ ดีพเฮาส์ และ เลาจน์มิวสิค

- ดีเจ ทุกวันศุกร์-เสาร์

- ธีมปาร์ตี้ “จี-เซสชั่น G-Session” ทุกวันเสาร์แรกของเดือน

รับบัตรเครดิต : อเมริกัน เอ็กซ์เพรส, มาสเตอร์การ์ด, วีซ่า, ไดเนอร์คลับ

บัตรสมาชิก : รับเฉพาะบัตรสมาชิก สการ์เล็ต

ส่วนลด 10% ค่าอาหารและเครื่องดื่ม (ยกเว้นไวน์) สำหรับบัตรแอดแวนเทจ พลัส

ที่ จอดรถ : โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี ติดต่อสอบถาม
และสำรองที่โต๊ะ : โทร. 0 2238 1991 หรืออีเมล์ H316-FB2@accor.com
เฟซบุ๊ค : www.facebook.com/ScarlettWineBarBangkok
26 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
14 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
20 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
47 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
19 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
34 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
15 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
21 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
โพสต์
รายละเอียดคะแนนรีวิว
รสชาติ
การตกแต่ง
บริการ
ความสะอาด
ความคุ้มค่า
วันที่ไปกิน
2012-04-26
ราคาต่อคน
฿1,500 (มื้อเย็น)
เมนูแนะนำ
  • sardines en Boite (Spanish imported sardines
  • toast and salted butter)
  • 'Oeuf poche en Meurette (Egg poached in Pinot Noir)
  • Saint-Jacques d'Hokkaido (Grilled Scallops
  • truffle dressing)
  • Quenell de brochet gratinee (River Pike fish dumpling
  • Chadonnay sauce)
  • Cote d'agneau rotie au beurre pomme fondante (Roasted rack of lamb
  • butter braised potatoes)
  • Combinaison de Filet et de joue boeuf (Pan seared beef tenderloin
  • 12 hours braised beef cheek)
  • Grand Marnier 'Souffle'
  • Granny Smith Apple Tart
  • Rum Baba
  • Mille Feulle 'Grands Augustins'
  • Chocolate Fondant
ระดับ4
2012-04-29 31 วิว
The Scarlett Wine Bar&Restaurant ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ชั้น 37 โรงแรม Pullman Hotel G ถนนสีลม ใกล้แยกนราธิวาส-สีลม (หรือ โรงแรมโซฟิเทล เดิม) เป็นห้องอาหารสัญชาติฝรั่งเศสและอาหารฝรั่งเศสฟิวชั่นระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาว โดยเชฟ ซิลแว็ง รัวเยร์ ชาวฝรั่งเศส ได้รับเชิญให้ไปรับประทานในงาน Exclusive Blogger ของทาง Openrice (ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ) โดยได้รับการต้อนรับอย่างดีจากคุณเมลนีย์ (คุณเมย์) ฝ่ายการตลาดของโรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี ค่ะ ซึ่งคุณเมย์บอกว่าที่นี่นอกจากอาหารอร่อยแล้วยังมีไวน์ระดับแนวหน้าให้เลือกสรรดื่มถึง 130 ชนิด มีชีสสดใหม่มากถึง 63 ชนิด ห้องอาหารตกแต่งด้วยโทนสีแดงดำ โดยรอบมีกระจก
อ่านรีวิวฉบับเต็ม
The Scarlett Wine Bar&Restaurant ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ชั้น 37 โรงแรม Pullman Hotel G ถนนสีลม ใกล้แยกนราธิวาส-สีลม (หรือ โรงแรมโซฟิเทล เดิม) เป็นห้องอาหารสัญชาติฝรั่งเศสและอาหารฝรั่งเศสฟิวชั่นระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาว โดยเชฟ ซิลแว็ง รัวเยร์ ชาวฝรั่งเศส ได้รับเชิญให้ไปรับประทานในงาน Exclusive Blogger ของทาง Openrice (ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ) โดยได้รับการต้อนรับอย่างดีจากคุณเมลนีย์ (คุณเมย์) ฝ่ายการตลาดของโรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี ค่ะ ซึ่งคุณเมย์บอกว่าที่นี่นอกจากอาหารอร่อยแล้วยังมีไวน์ระดับแนวหน้าให้เลือกสรรดื่มถึง 130 ชนิด มีชีสสดใหม่มากถึง 63 ชนิด ห้องอาหารตกแต่งด้วยโทนสีแดงดำ โดยรอบมีกระจกให้มองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมากค่ะ มีมุมโซฟาสวยๆ และมุมนั่งเคาน์เตอร์ติดขอบกระจกแบบ Open air ให้มองวิวสวยงามเพลินตา แล้วก็มาถึงช่วงทดลองชิมกันค่ะ ออกตัวไว้ก่อนแล้วว่าเป็นอาหารสัญชาติฝรั่งเศส ชื่อก็จะเป็นภาษาฝรั่งเศสยาวๆหน่อยนะคะ โดยเมนูที่ได้ทานวันนี้เป็นเมนูสุดยอดที่เชฟคัดสรรมาแล้วว่าอร่อยระดับแนวหน้าซึ่งภูมิใจมานำเสนอจริงๆ มาเริ่มกันเลยค่ะ เมื่อนั่งโต๊ะเค้าก็จะเสิร์ฟขนมปังก่อนเลยค่ะ เมนูแรก Sardines en Boite (Spanish imported sardines, toast and salted butter) ราคา 410 บาท เป็นปลาซาร์ดีนกระป๋องธรรมดาๆ ที่เชฟบอกว่าชาวฝรั่งเศสและชาวยุโรปมักจะหยิบออกมาทานกับขนมปังเสมอๆ พยายามจะดูยี่ห้อว่าอะไรแต่ไม่มีป้ายหรือฉลากติดซักนิด วิธีทานก็ทาเนยที่โรยเกลือมาแล้วนั้นบนขนมปังกรอบ แล้วก็โปะปลาซาร์ดีนลงไปเอามีดสับๆเนื้อให้กัดเป็นคำง่ายๆค่ะ ปลารสชาติคล้ายปลาทูน่าในน้ำเกลือ ลองแล้วอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ ธรรมดาแบบไม่ธรรมดา ถือเป็นของว่างที่มีสาระประโยชน์และอร่อยได้ทุกที่อย่างที่เชฟว่าไว้จริงๆค่ะ จานที่สอง ‘Oeuf poche’ Meurette (Egg poached in Pinot Noir) ราคา 360 บาท เป็นไข่ต้ม 1 ชั่วโมงที่รักษาอุณหภูมิไว้ประมาณ 60 องศาเซลเซียส มีมา 2 ฟอง แช่อยู่ในซอสไวน์แดงที่เคี่ยวไว้ 12 ชั่วโมง โอ้ววว ไม่บอกแล้วใครจะรู้ว่าทำมายากลำบากขนาดนี้ รสชาติซอสเข้มข้นทานกับไข่ยางมะตูมมันๆที่เคี่ยวไว้ 12 ชั่วโมง ชั่งเข้ากันดีแท้ มีเห็ด ผัก และแฮมในน้ำซอสด้วย ชอบค่ะเมนูนี้ เมนูที่สาม ‘Saint-Jacques d’Hokkaido’ (Grilled Scallops, truffle dressing) ราคา 550 บาท เป็นหอยเชลล์ตัวใหญ่จากฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ย่างซอสคล้ายๆซอสเทอริยากิแต่ไม่หวาน ในจานมีมา 2 ตัว ใต้ฐานเป็นมันบด เวลาเสิร์ฟด้านบนจะแปะพอนเซตต้า(ลักษณะเหมือนเบคอนย่างกรอบหอมๆ) ไว้ด้านบน ทานคู่กับผักอีก 3 คำ เนื้อหอยเชลล์สดหวาน หนานุ่ม ตัวใหญ่เต็มคำ ชอบที่สุดเลยค่ะจานนี้ ทานคู่กับไวน์แดงและไวน์ขาวที่เสิร์ฟมา สุดยอดค่ะ อันนี้ขอเติมด้วยอ่ะ จานที่สี่ ‘Quenelle de brochet gratinee’ (River Pike fish dumpling, Chardonnay sauce) ราคา 760 บาท เป็นปลาไพค์ (ปลาน้ำจืดที่อยู่ในแหล่งน้ำอันเย็นเฉียบของอเมริกาตอนเหนือ ยุโรป และเอเชีย) โดยเชฟทำการขูดเนื้อปลาไพค์มาอย่างละเอียดแล้วทำเป็นเหมือนลูกชิ้นปลาลักษณะยาวกลม ราดด้วยซอส Chardonnay สีเหลือง จานนี้ถ้ารสหวานจะคิดว่าเป็นขนมเลยทีเดียว เพราะตัวลูกชิ้นปลานั้นนุ่มด้วยส่วนผสมของเนยและไข่ ส่วนซอสรสออกเค็มนิดๆ มีรสเนยมันๆกลมกล่อม ซอสด้านล่างสุดรสชาติเหมือนเห็ดปั่น โดยรวมจานนี้รสชาติออกจะแปลกนิดๆสำหรับลิ้นชาวไทยนะคะ เมนูที่ห้า ‘Cote d’agneau rotie au beurre pomme fondante’ (Roasted rack of lamb, butter braised potatoes) ราคา 990 บาท เนื้อแกะย่าง เป็นส่วนของสันใน 1 ชิ้น และส่วนหัวไหล่ 2 ชิ้น ความสุก medium rare ซึ่งทำให้ได้สัมผัสเนื้อแกะย่างส่วนสันในที่นุ่มละมุนมากแทบละลายในปาก ส่วนหัวไหล่เนื้อก็เป็นเส้นๆแปลกดี ซอสคล้ายๆซอสบาร์บีคิวรสชาติโอเคเลย แต่ถ้ารสเข้มกว่านี้อีกนิดจะดีมากจะได้กลบกลิ่นเนื้อแกะที่ทำให้รู้สึแปลกเล็กๆไปได้อ่ะค่ะ ซึ่งร้านนี้เนื้อแกะกลิ่นแทบไม่มีเลยนะคะ แต่บางคนก็อยากให้มีกลิ่นนิดๆเพราะมันเป็นสัญลักษณ์ของเนื้อแกะเนอะ เสิรฟ์มาพร้อมกับแท่งมันฝรั่งที่เหมือนกับขูดเนื้อมา ทานคู่กันลงตัวดีและทานกับแครอทหัวเล็กที่น่าจะต้มแล้วไปย่างแปะมาด้านบนก็หวานนุ่มดีค่ะ น่าจะเป็นเมนูที่คนชอบทานเนื้อแกะต้องมาลองให้ได้นะคะ จานหลักจานที่หก เป็นจานสุดท้ายก่อนจะต่อด้วยของหวาน Combinason de ‘Filet et de joue boeuf’ (Pan seared beef tenderloin, 12 hours braise beef chee) ราคา 1,200 บาท เป็นเสต็กเนื้อวัวพันธุ์วากิวที่มีส่วนแก้ม 1 ชิ้น และ สันในอีก 1 ชิ้น ซึ่งแก้มวัววากิวนี้เชฟตุ๋นเป็นเวลาถึง 16 ชั่วโมง ซอสก็จะคล้ายๆซอสบาร์บีคิวซึ่งเข้มข้นกว่าและรู้สึกอร่อยกว่าสเต็กแกะจานก่อนหน้านี้ เนื้อสันใน medium rare อร่อยนุ่มลิ้นมากค่ะ ละลายในปาก ชิ้นนี้สุดยอดจริงๆ ส่วนแก้มวัวก็ชอบนะคะ ลักษณะเนื้อเป็นเส้นๆ อร่อยมากเช่นกัน วิธีทานให้หั่นเนื้อทั้งสองส่วนทานเป็นคำเดียวกันค่ะจะได้กลมกลืนในความแตกต่างลงตัว ที่ซอสก็มีผักและเห็ดด้วยนะคะ แต่จริงๆเวลาเสิร์ฟจานนี้น่าจะมีถ้วยสลัดผัก หรือผักย่างมาด้วยอีกซักหน่อยก็จะเจ๋งมากเลยค่ะ จบเมนูของคาวกันแล้วก็มาต่อที่ของหวาน เชฟแสดงฝีมือเต็มที่มีทั้งหด 5 เมนู เมนูแรกเป็น Rum Baba ราคา 250 บาท ลักษณะเป็นเหล้ารัมหอมหวาน และขมนิดๆ ดีกรีแอลกอลฮอล์คงสูงอยู่เพราะกินไป 2 คำ หน้าร้อนเลยค่ะ ในขวดโหลเป็นขนมปังชิ้นเล็กที่เนื้อหนาเมื่อแช่แล้วพองตัวเต็มขวดโหลในเหล้ารัมหวานเย็นที่ซึมเข้าเนื้อขนมปังได้ที่แล้วก็เสิร์ฟพร้อมวิปครีมเนื้อข้นแทบจะเหมือนไอศครีมอยู่ด้านบนซึ่งหอมหวานกลิ่นวนิลาค่ะ ทานแล้วหวานแต่ขมนิดๆ ไม่กล้าทานมากเดี๋ยวกลับบ้านไม่ถูกแน่(ไม่ค่อยถนัดแอลกอฮอล์แรงๆ) เมนูที่สอง Granny Smith Apple Tart ราคา 250 บาท เป็นทาร์ตแอปเปิ้ลที่แป้งตรงกลางนุ่มกำลังดี ตรงขอบก็กรอบดี มีเนื้อแอปเปิ้ลและซอสราดให้ความรู้สึกและกลิ่นของแอปเปิ้ลแท้ๆยังคงอยู่ รสชาติเปรี้ยวนำแล้วก็หวานกำลังดี เสิร์ฟมาพร้อมไอศครีมวนิลารูปไข่ ชอบมากค่ะเมนูนี้ ขอเบิ้ล 2 ชิ้นเลย เมนูที่สาม Mille Feuille ‘Grands Augustins’ ราคา 250 บาท มิลเฟยลักษณะเหมือนแป้งพายกรอบที่ซ้อนสลับกับครีมวนิลาเป็นชั้นๆ ด้านบนโรยน้ำตาลไอซ์ซิ่ง และมีซอสเหมือนนมผสมครีมชีสไว้ 1 ด้วย รสชาติซอสออกรสเนยนมหวานนิดๆ ราดลงไป ให้ความรู้สึกกรอบนอกนุ่มในครีมที่แทรกอยู่ละมุนละไมมากค่ะ จานนี้ก็ชอบค่ะ เชฟบอกว่าแป้งพายที่เห็นบางกรอบนี้ นำเข้าตู้เย็น แล้วมาอบ สลับกันแบบนี้อยู่หลายรอบในเวลา 8 ชั่วโมงกว่าจะได้แป้งพายที่ได้ที่แบบนี้ออกมา โอ้ววว แล้วใครจะรู้บ้างคะ รู้แต่ว่ามันอร่อยลงตัวภายในเวลา 3 นาที เมื่อตอนทานจานนี้ไป 3 คำใหญ่ๆ เมนูที่สี่ Grand Marnier ‘Souffle’’ ราคา 250 บาท เป็นเหมือน soft เค้กแต่มีครีมเนยและไข่ผสมอยู่ ซึ่งเนื้อซูเฟล่นุ่มชุ่มฉ่ำลิ้นมากๆ หอมมากค่ะ รสชาติก็ไม่หวานเกินไป ด้านบนเป็นเหมือนเกล็ดน้ำตาลที่แข็งตัวจากการอบ เมนูนี้ก็ชอบมากเช่นกันค่ะ และเมนูสุดท้าย Chocolate Fondant ราคา 280 บาท เป็น Soft เค้กช็อคโกแลตด้านในมีลาวา เสิร์ฟพร้อมไอศครีมวนิลารูปไข่ เค้กช็อกโกแลตอุ่นๆทานกับไอศกรีมช่างลงตัว แต่ลาวาออกหวานไปหน่อยนะคะ(ส่วนตัวชอบช็อคโกแลตขมนิดๆน่ะค่ะ) เวลามาทานมีเพิ่ม Service Charge 10% และ Vat อีก 7% ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเมนูที่สุดยอดจริงๆทั้งวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูงและรสชาติดี ยิ่งได้รู้ว่ากระบวนการทำบางเมนูใช้เวลาและขั้นตอนการทำนานมากยิ่งทึ่ง ใครชอบอาหารฝรั่งเศสก็ไปทดลองกันได้ค่ะ เพราะถ้าทานแล้วจะรู้สึกได้เลยว่าราคาเค้าไม่แพงค่ะ ยิ่งบรรยากาศร้านตกแต่งอย่างสวยงามมีมุมมองลงมาเห็นวิวสวยๆด้วยแล้วละก็รับรองไปแล้วจะติดใจ (เหมาะทุกโอกาสโดยเฉพาะสวีทกับคู่รักอันนี้ก็ความรู้สึกส่วนตัวนะคะ) อ่านรีวิวเพิ่มเติม -->>http://www.nanareview.com/content-TheScarlettWineBarRestaurant-4-2156-58555-1.html
19 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
27 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
18 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
18 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
24 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
37 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
49 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
33 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
โพสต์
รายละเอียดคะแนนรีวิว
รสชาติ
การตกแต่ง
บริการ
ความสะอาด
ความคุ้มค่า
วันที่ไปกิน
2012-04-26
ราคาต่อคน
฿800
เมนูแนะนำ
  • ‘Saint-Jacques d’Hokkaido’
  • Combinason de ‘Filet et de joue boeuf’
ระดับ3
31
0
2012-03-17 25 วิว
ร้านอยู่ที่โรงแรม Sofitel Silom ซึ่งในเดือนเมษายน 2555 นี้จะเปลี่ยนเป็นเครือ Pullman ร้านนี้เปิดใหม่แทนร้านเดิมคือ V9 Wine Bar บรรยากาศร้านใหม่ต่างไปจากร้านเดิมค่อนข้างมากเนื่องจากการตกแต่งที่เปลี่ยนมาเน้นโทนสีเข้มและมีเคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่มอยู่ตรงกลาง และที่สำคัญยกเลิกส่วนที่เป็น Wine market ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เดิมของ V9 ไป อาหารยังคงเมนูรูปแบบเดิมอยู่บางส่วนในส่วนของอาหารฝรั่งเศส แต่จะมีอาหารประเภทพาสต้าเพิ่มเข้ามาทำให้ราคาอาหารมีตั้งแต่ถูกปานกลาง (พาสต้าราคาประมาณ 350-400 บาทต่อจาน) จนถึงจานเนื้อที่ราคาสูงกว่า (ประมาณ 900 บาทขึ้นไป) นอกจากนี้ก็มีอาหารประเภทเน้นกับไวน์ เช่น cheese และ cold cut
อ่านรีวิวฉบับเต็ม
ร้านอยู่ที่โรงแรม Sofitel Silom ซึ่งในเดือนเมษายน 2555 นี้จะเปลี่ยนเป็นเครือ Pullman ร้านนี้เปิดใหม่แทนร้านเดิมคือ V9 Wine Bar บรรยากาศร้านใหม่ต่างไปจากร้านเดิมค่อนข้างมากเนื่องจากการตกแต่งที่เปลี่ยนมาเน้นโทนสีเข้มและมีเคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่มอยู่ตรงกลาง และที่สำคัญยกเลิกส่วนที่เป็น Wine market ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เดิมของ V9 ไป อาหารยังคงเมนูรูปแบบเดิมอยู่บางส่วนในส่วนของอาหารฝรั่งเศส แต่จะมีอาหารประเภทพาสต้าเพิ่มเข้ามาทำให้ราคาอาหารมีตั้งแต่ถูกปานกลาง (พาสต้าราคาประมาณ 350-400 บาทต่อจาน) จนถึงจานเนื้อที่ราคาสูงกว่า (ประมาณ 900 บาทขึ้นไป) นอกจากนี้ก็มีอาหารประเภทเน้นกับไวน์ เช่น cheese และ cold cuts ซึ่งใช้ของคุณภาพดี แต่เมนูโดยรวมยังไม่หลายหลายมาก
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
โพสต์
รายละเอียดคะแนนรีวิว
รสชาติ
การตกแต่ง
บริการ
ความสะอาด
ความคุ้มค่า
วันที่ไปกิน
2012-03-16
ราคาต่อคน
฿1000 (มื้อเย็น)