6
1
0
เบอร์โทร.
02-258-4900
086-339-8582
รางวัลที่เคยได้รับ
ร้านอาหารมิชลิน เพลท (2018-2021)
เหมาะสำหรับ
ลำลอง
ครอบครัว ลำลอง
จัดเลี้ยงเป็นกลุ่ม
โอกาสพิเศษ
เวลาเปิด-ปิด
วันนี้
11:30 - 22:30
จันทร์ - อาทิตย์
11:30 - 22:30
วิธีจ่ายเงิน
วีซ่า มาสเตอร์ เงินสด อื่นๆ
จำนวนที่นั่ง
100
ข้อมูลอื่นๆ
มิชลิน ไกด์
ที่จอดรถ
ร้านอาหารปิดดึก
ห้อง VIP
ค่าเปิดขวด
สำรองโต๊ะ
ใบกำกับภาษี
บริการจอดรถ
มีแอร์
Open-air
เว็บไซต์ร้านอาหาร
http://www.indusbangkok.com
ข้อมูลข้างต้นใช้เพื่ออ้างอิงเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลกับร้านอาหารอีกครั้ง
เมนูแนะนำ
Bakami Gosht Kalami Kebab Mango Lassie Tandoori Roti
รีวิว (7)
ร้านกว้างขวางสวยงามดูดีเลย การบริการดีระดับโรงแรมกันเลยทีเดียวอาหารวัตถุดิบคุณภาพสดสะอาดดี รสมือโดยรวมอร่อยถูกปากถูกใจเครื่องเคราจัดมาครบแต่ไม่แรงโดดฉุนแถมส่วนใหญ่ปิดท้ายด้วยเผ็ดปลายๆลิ้นทำให้ทานให้สนุกมากขึ้น คนชอบอาหารอินเดียอยู่แล้วเชื่อว่าไม่ผิดหวังส่วนคนที่ไม่เคยลองเปิดใจแล้วอาจจะติดใจก็ได้นะครับ.รายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.reviewnowz.com/indus-bangkok/รายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.reviewnowz.com/indus-bangkok/ อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
กลับไปเยือนอีกครั้งที่ Indus​ผ่านมาปีกว่า ๆ หลังจากที่ได้ไปรีวิวมาเมื่อตอนที่เชฟฮาริ นายัค บินมาทำอาหารอินเดียเมนูพิเศษแนวประยุกต์สุดอร่อย พร้อมจับคู่กับไวน์รสเลิศมาครั้งนี้ได้ไปชิมอาหารจานแนะนำประจำของทางร้านซึ่งเป็นอาหารอินเดีย สไตล์ contemporaryมีความเป็นอินเดียสูง แต่กินไม่ยากกลิ่นและรสชาติไม่รุนแรง กำลังพอเหมาะในแบบที่คนไม่เคยกินอาหารอินเดียหรือไม่คุ้นเคยกับเครื่องแกง จนไปถึงพาคออาหารอินเดียก็ดี หรือจะเลี้ยงรับรองก็ได้รับประกันได้ว่า จะต้องถูกปาก ติดใจกันแน่นอนเริ่มสตาร์ทด้วย complimentary จากทางร้านที่แจ่ละวันจะแตกต่างกันออกไปอมุสบุชนี้เป็นกล้วยทอด/ฉาบที่ฐานล่างด้านบนเป็นซัลซ่ามะม่วงหวาน ๆ เผ็ดนิด ๆ แปลกอร่อยดีแต่จะได้ก็ต่อเมื่อมากินเป็น Dinner 6 Course ครับบนโต๊ะจะมีซอส/เครื่องจิ้ม วางไว้ 4 แบบให้กินกับแผ่นแป้งกรอบพาพาดัม อร่อยแตกต่างกันไปคนละแบบทั้ง 4 ตัว แอบตักไว้กินกับอาหารอย่างอื่น ๆ ด้วยก็ได้ ไม่ผิดอะไรครับในส่วนของเครื่องดื่ม ผมไม่ถนัดพวกแนวโยกิร์ตที่เป็นเครื่องดื่มที่นิยมกันของร้านอาหารอินเดียผมเลือกเป็นเบียร์นอก(มีหลายแบนรด์)แทนครับจัดมาทั้งอินเดีย เยอรมัน อเมริกัน 3 ประเทศเลยแต่ทางร้านก็มีชาร้อนอินเดียการัมไจ/มาซาลาและเครื่องดื่มอื่น ๆ ทั้งไวน์ ค็อกเทล ฯ เป็นตัวเลือกในส่วนของรายการอาการนั้นเริ่มจากจานผัก บร็อคโคลี่หมักครีมและเครื่องเทศย่างในเตาทันดูร์ อร่อยมากแต่อยากได้ครีมและชีสที่หมักท่วมกว่านี้Tandoori creamy broccoli 320฿ต่อที่จานเนื้อสัตว์แนวย่าง ๆ อบ ๆที่เรียกกันว่าเคบับ Kebab อย่างอกไก่เนื้อนุ่มหมักโยเกิร์ต ครีม ชีสและเครื่องเทศ Indus Kebab e-malai 380฿ที่เป็น signature ของร้าน Indus ก็ดีหรือจะเป็นChicken tikka 340฿ที่ใช้เนื้อไก่ส่วนสะโพก นุ่มและฉ่ำเครื่องเทศTandoori tiger prawns 250฿/ตัวกุ้งกุลา(ลายเสือ)ตัวใหญ่หมักเมล็ดมัสตาร์ดผักและน้ำมะนาวIndus nawabi raan 990฿เป็นขาแกะหมักเครื่องเทศนานถึง 7 ชั่วโมงแล้วนำไปย่างไฟอ่อน จนเนื้อแกะเปื่อยนุ่มเข้าสู่วิถีของแกงกันบ้างครับกับแกง 4 แบบที่จัดมา ตั้งแต่Laal maas 550฿ที่เป็นแกงแพะรสเผ็ดจากรัฐราชสถานButter Chicken 380฿ แกงไก่อินเดียที่เคี่ยวไก่มาสุดนุ่มPalak paneer 340฿ ผักโขมบดผสมคอทเทจชีสและเครื่องเทศDaal makhani 240฿ ถั่วดำต้มไฟอ่อนจนนิ่มแล้วเติมเนย แต่งหน้าด้วยขิงและผงฟีนูกรีก ซึ่งแกง 2 อย่างหลังเหมาะสำหรับคนกินมังสวิรัติอีกด้วยบรรดาแกงทั้งหลาย เหมาะกับแป้งนานร้อน ๆ ที่มีหลากหลายกลิ่น รส อีกเช่นกันไม่ว่าจะเป็น ทรัฟเฟิล กระเทียม เนย ชีส เป็นต้นส่วนใครอยากกินข้าว แนะนำข้าวหมกไก่Hyderabadi murgh dum biryani 390฿ใช้ข้าวหอมบาสติลอบกับไก่พร้อมเครื่องเทศกินพร้อมหอมเจียวกรอบและหญ้าฝรั่นที่โรยมาส่วนของหวานนั้น เชฟ Anilเตรียมไว้ให้เป็นพิเศษ 3 อย่างด้วยกันGil-E-Firdaus ~ น้ำเต้าผสมชีสและนมKalakand cheese cake ~ ชีสเค้กนุ่ม ๆรสเค็ม ๆ มีกลิ่นสมุนไพรBeetroot Halwa ~ บีทรูทสับละเอียดผสมปรุงรสหวาน(มาก)อิ่มหนำกับอาหารอินเดียแท้ ๆแต่รสและกลิ่นไม่ฉุนจนเกินกินกำลังพอเหมาะ ในบรรยากาศดี ๆทั้งภายในและนอกร้านที่จุได้มากกว่า 100 คนในถนนสุขุมวิท 26 ครับเหมาะสมกับการแนะนำไปกินอาหารอินเดียกันในทุกเพศ ทุกวัย จะไปเป็นครอบครัวเพื่อนฝูง เจรจาธุรกิจ หรือไปเดทก็ลงตัวครับสนใจสำรองที่นั่ง ติดตามข่าวสารและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่www.facebook.com/indusbkkโทร.0-2258-4900เปิดบริการ 2 รอบเวลา 11:30-14:30และ 18:00-เที่ยงคืน#OnTable #ontcublogspotcom #ontcu#foodphotographer #foodphoto#foodblog #foodblogger#foodreview #food #blogger #thaiblogger#foodpinterest#AllStyleThaiBloggers#Indus #indianfood อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
สำหรับพิกัดร้านนี้ก็อยู่ในซอยสุขุมวิท 26 นะคะ เราวิ่งไปจนถึงแยกอารี ก็เลี้ยวขวาเข้าไป วิ่งจนสุดทางตรงเจอรร.โฟร์วิงส์ เลี้ยวซ้ายแล้วก็บังคับเลี้ยวขวาไปสักร้อยเมตรก็จะเจอร้านอยู่ทางซ้ายมือค่ะ ใช้ google map ไปได้นะคะสำหรับหน้าร้านก็จะจอดรถได้ราวๆ สักไม่เกินสิบคันค่ะ ที่เหลือวิ่งเลยร้านไปจะมีอาคารริชมอนด์ที่เป็นกระจกๆ อยู่ ไปจอดได้แล้วนำใบจอดรถมาสแตมป์ที่ร้านนะคะเข้าไปในร้านกันค่าาเข้าไปก็เจอกับบรรดารางวัลและ celeb ที่เคยมาที่ร้านด้วยนะคะสำหรับที่ร้านนี้ ณ ปัจจุบัน จะอยู่ภายใต้การรังสรรค์ของ chef anil และ general manager คุณ yash pal ค่ะ ถ้าใครต้องการได้ข้อมูลเพิ่มเติมมากกว่านี้ก็เชิญที่...เว็บไซต์ร้านhttp://www.indusbangkok.com/เฟซบุ๊คร้านhttps://www.facebook.com/indusbkk/reservations: +662-258-4900, +6686-339-8582ถ้าเลี้ยวไปทางขวาจะเป็นห้องส่วนตัวที่จุได้ราวๆ 30 คนนะคะ แต่เราเลี้ยวไปทางซ้ายค่ะ จะเจอทางเดินสวยๆ ตามภาพเลยตรงโต๊ะระหว่างทางเดินจะมีตัวที่เอาไว้ดับกลิ่นตั้งไว้ให้ตามปกติของร้านอาหารอินเดียหละนะคะ แต่ที่นี่จะดูดีกว่า แฮร่...ร้านอาหารแห่งนี้จะมีทั้งในห้องแอร์และเอาท์ดอร์นะคะ ทางร้านแจ้งว่า ถ้าเอาทั้งร้านจริงๆ เคยจัดได้ก็อยู่ที่หลายร้อยท่านเลยค่ะแต่วันนั้นเรานั่งกันตรงโซนนี้นะคะมาดูเมนูของทางร้านกันค่ะ ให้ดูแค่บางส่วนแล้วกันเนาะคะ เดี๋ยวรูปจะเยอะไป แฮร่...ที่นี่จะมี Tasting Menu ซึ่งสำหรับอาหารปกติ (ไม่ใช่มังสวิรัติ) จะราคาที่ 1600++ ถ้าเป็นมังสวิรัติจะเป็น 1400++ แต่ถ้าต้องการไวน์แพร์ริ่งด้วยก็เพิ่มอีก 1000++ นะคะนอกจากนั้นก็ยังมีบรั้นช์ในวันเสาร์อาทิตย์สำหรับสาย Vegan ด้วยนะคะ ราคา 750++ เวลา 11.30-15.00 น. (แต่ถ้าใครไม่กินบุฟเฟต์แบบ All you can Eat ตามเมนูในรูปก็สั่งเป็นอลาคาร์ทได้นะคะ)จากนั้นพนักงานก็นำเครื่องเคียงสี่ชนิด กับ papadum มาบริการนะคะตัวพาพาดัมจะค่อนข้างกรอบ มีกลิ่นหอมบางอย่างแฝงมา ไม่เค็มจัดเหมือนบางที่และมีรสเผ็ดตามด้วยค่ะ ส่วนเครื่องเคียงทั้งสี่ตัว คือ หอมแดง จะช่วยเพิ่มความเผ็ดมาเบาๆ แล้วก็แมงโก้ชัดนี่จะมีกลิ่นเครื่องเทศด้วยนะคะ ส่วนน้ำมะขามจะออกรสเปรี้ยวกว่าตัวอื่นแต่ยังคงมีกลิ่นเครื่องเทศ ส่วนตัวมินท์ จะค่อนข้างเบากว่าตัวอื่นๆ นะคะ ค่อนข้างหอม เน้นที่กลิ่นมากกว่าค่ะสำหรับเครื่องดื่มก็มีดังนี้ค่ะสิ่งแรกที่ลองสั่งมาดื่มกันนะคะ ก็คือเครื่องดื่มอันเป็นเอกลักษณ์ของอินเดียค่ะ นั่นก็คือ ลาสซี่นั่นเอง ซึ่งที่ร้านจะมีด้วยกันเจ็ดรสชาติ เรียงจากซ้ายไปขวานะคะเค็ม หวาน สะระแหน่ มะม่วง ซินนาม่อน น้ำผึ้ง คาราเมลซึ่งเราชิมสามรสคือ มะม่วง น้ำผึ้ง คาราเมล อร่อยทั้งสามรสชาติเลยค่ะ (สำหรับคนชอบโยเกิร์ตอย่างเราด้วยนะ อิอิ)สำหรับสายแอลฯ ที่นี่มีเบียร์หลากหลายยี่ห้อเลยค่ะ เห็นสายแอลฯ ก็สั่งมาลองกันหลายยี่ห้อเลย ดูปลื้มปริ่มกันดีเชียวนอกจากนั้นก็มีค็อกเทลที่เป็นซิกเนเจอร์ด้วยค่ะ เรากับเพื่อนสั่งมาอย่างละหนึ่ง ของเราเป็น Lady Lying on Lemongrass 300++ บาทนะคะ เราชอบนะ สดชื่นดีค่ะ หอมตะไคร้แค่กลางๆ ค่ะ ไม่ฉุนหรือชัดเกินจนเป็นน้ำตะไคร้อ้ะของเพื่อนเป็น Wild Honey Ginger Martini 300++ เช่นกันค่ะ แต่รสขิงค่อนข้างชัดมากเลยแหละจากนั้นก็เริ่มต้นกันด้วยอมุสบุชค่ะ ตัวอมุสบุชนี่จะจัดให้สำหรับคนที่สั่งดินเนอร์ 6 คอร์สนะคะ โดยแต่ละวันจะไม่ค่อยซ้ำกันค่ะ ขึ้นอยู่กับวันนั้นเชฟเห็นว่าควรทำอะไรค่ะวันนั้นอมุสบุชของเราเป็นกล้วยทอดท็อปปิ้งด้วยแมงโก้ซัลซ่า ซึ่งมีรสเจือหวานและเผ็ดปิดท้าย เป็นสองรสที่เราชอบ 555 อร่อยดีค่ะจานแรกค่ะ Tandoori Creamy Broccoli 320++ บาท เป็นบล็อคโคลีหมักในครีมและเครื่องเทศย่างในเตาทันดูร์นะคะบล็อคโคลี่มาแบบ..ใหญ่มหึมามากกก จะใหญ่ไปหนายยย ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างอิชั้นจะกินหมดได้อย่างไร (แล้วหมดไหมป้า หมด 555) มีกลิ่นหอมของการย่างที่กำลังดี ตัวซอสสีแดงๆ ที่อยู๋ในจานนี่ช่วยเพิ่มรสได้ดีนะคะ เพราะเฉพาะตัวบล็อคโคลี่เองนี่จะออกครีมมี่ๆ เป็นหลักค่ะIndus Kebab-e-malai 380++ บาท เป็นจานเด่นของที่นี่ค่ะ เอาไก่เนื้อนุ่มไปหมักกับโยเกิร์ต ครีม ชีส และเครื่องเทศ ก่อนจะไปย่างในเตาถ่านทันดูร์เช่นกันตัวนี้ไก่นุ่มจริงๆ ค่ะ ไม่แห้ง ซอสที่มาด้วยก็เปรี้ยวเบาๆ แซมหวานนิดๆ และมีเผ็ดอีกแล้ว (เมนูที่ได้กินวันนี้แซมเผ็ดแทบทุกจานเลยค่ะ ซึ่งถูกจริตอิชั้นมาก)Tandoori Tiger Prawns 250++ บาท ต่อตัว เป็นกุ้งกุลาดำ หมักเมล็ดมัสตาร์ด ผัก และน้ำมะนาวค่ะตัวนี้เครื่องเทศเยอะแต่กำลังดีนะคะ ถ้ากินเปล่าจะเค็มนำนิดหนึ่ง กินกับซอสที่มาด้วยจะพอดีค่ะ มีรสเผ็ดตามเช่นเคย ฮี่ๆIndus Nawabi Raan 990++/1690++ บาท เป็นขาแกะหมัก 7 ชั่วโมงย่างไฟอ่อนนะคะ มีสองราคา น่าจะตามขนาดของขาหละค่ะตัวนี้แปลกมาก เพราะจานเรากับจานเพื่อนมีความต่างกันค่ะ ของจานเพื่อนจะฉ่ำกว่าไม่แห้งเท่าของเรา แล้วรสชาติก็เข้มกว่าด้วยค่ะ รสจะออกเค็มเด่นนิดนึง แต่เนื้อก็นิ่มอยู่นะคะ กลิ่นเนื้อแกะก็ไม่แรงด้วยค่ะระหว่างรอจานต่อไป มีเพื่อนคนหนึ่งสั่งชาร้อนมาค่ะ หน้าตาก็ตามภาพเลย ชอบนะคะ สวยดีอ้ะ ส่วนชาก็จะมีกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของชาร้านอาหารอินเดียหละนะคะ ซึ่งไม่ถูกจริตเรา แหะๆจากนั้นสามสี่อย่างนี้ก็มาพร้อมกันค่ะ ได้แก่...Laal Maas เป็นแกงเนื้อแพะรสเผ็ดจากรัฐราชสถาน ราคา 550++Palak Paneer ผักโขมบดผสมคอทเทจชีสและเครื่องเทศ 340++Daal Makhani ถั่วดำต้มไฟอ่อนเติมเนยและแต่งหน้าด้วยขิง ราคา 240++Hyderabadi Murgh Dum Biryani ข้าวหอมบาสมาติอบไก่พร้อมเครื่องเทศ หอมเจียวและโรยด้วยหญ้าฝรั่น 390++ Butter Chicken ไก่รมควันเคี่ยวในน้ำเกรวี่มะเขือเทศเติมเนยและครีม ราคา 380++ แกงเนื้อแพะ Laal Maas ตัวนี้รสเปรี้ยวจะเด่นนะคะ มีความเผ็ดกลางๆ ไม่จัดเกินไป คนไม่กินเผ็ดก็น่าจะกินได้ค่ะ เนื้อแพะกลิ่นไม่แรงด้วยDaal Makhani ขออนุญาตเรียกง่ายๆ ว่าแกงถั่วดำนะคะ แฮร่... ตัวนี้เข้มข้นดีนะคะ แต่เราชอบรสออกเจือหวานกว่านี้อีกนิดหนึ่งอะค่ะPalak Paneer ผักโขมบด ตัวนี้อร่อยนะคะ มีรสชาติดี บดมาเนื้อค่อนข้างเนียนค่ะ เหลือแค่ก้านนิดหน่อยเอง มีรสเผ็ดแซมอีกแล้ว เราชอบนะคะ ถูกปากHyderabadi Murgh Dum Biryani ข้าวอบไก่ ตัวนี้ข้าวจะเป็นเม็ดเรียวๆ แบบข้าวทางนั้นหละนะคะ เครื่องเทศไม่แรง แต่ชัด หุงมาร่วนๆ และมีรสชาๆ ปลายๆ ด้วยค่ะButter Chicken ตัวนี้สั่งได้ว่าเอาเผ็ดหรือไม่เผ็ดนะคะ อย่างถ้าสั่งให้เด็กก็บอกได้ค่ะ หอมเนยดีนะคะ รสชาติดีเลย อร่อยอยู่ค่ะแน่นอนว่ามีแกงต่างๆ ก็ต้องมีนานและโรตีนะคะ ซึ่งทางร้านก็มีทั้งบัตเตอร์ การ์ลิค โฮลวีตรัชปราก้า โรตี และทรัฟเฟิ่ลค่ะแต่ตัวที่อร่อยที่สุดสำหรับเราคือ ชีสนานค่ะ (สั่งมาต่างหากเลย) อร่อยมากๆ เทกซเจอร์นี่ดีอยู่แล้ว แต่รสชาตินี่มันนวล อร่อย และกินเคี้ยวกลืนเสร็จแล้วยังมีรสชาติค้างอยู่ในปากอีก ชอบบบบแล้วเพื่อนก็ขอสั่งเมนูนี้เพิ่มค่ะ Chicken Tikka 340++ หอมมากกก (ลืมบอก ร้านนี้ที่เด่นมากๆ คือ เรื่องกลิ่นค่ะ ทุกจานที่วาง กลิ่นจะระรวยออกมาเตะจมูกทุกจานเลย) เนื้อไก่ก็นุ่มค่ะ นุ่มกว่าตัว Indus Kebab-e-malai อีกหละ รสชาติก็เข้มกว่า อร่อยหละพอหมดอาหารคาว ก็ถึงเวลาอาหารหวาน ทางร้านก็เก็บถ้วยจาน จากนั้นให้ชามล้างมือและอุปกรณ์สำหรับการกินอาหารหวานมาตามภาพค่ะของหวานที่เชฟเตรียมไว้ก็ประกอบไปด้วยสามตัวนี้นะคะ Gil-E-Firdaus ที่อยู่ในถ้วยน่ะนะคะ ทำมาจากน้ำเต้าผสมชีสและนม รสเบาอ่อนๆ หวานนิดๆ ครีมมี่เบาๆ ค่ะKalakand Cheese Cake สีขาวๆ หอมชีสดีค่ะ หวานเจือเค็ม อร่อยนะคะ เราชอบหละBeetroot Halwa ตัวนี้จะออกแนวให้อารมณ์เหมือนกินกลอยอะค่ะ เทกซเจอร์ประมาณกัน แต่ก็เห็นบางคนชอบอยู่นะคะสรุปสำหรับร้านนี้นะคะเป็นร้านอาหารอินเดียบรรยากาศดี บริการดี และมีหลายเมนูที่เราชอบค่ะ ชีสนานนี่คือดีงามมากนะคะ ชอบสุดๆ Chicken Tikka ก็อร่อย ลาสซี่เราก็ชอบทั้งสามรสที่ได้ลองค่ะ เป็นร้านอาหารอินเดียอีกร้านที่คิดว่าเหมาะสำหรับรับแขกดีค่ะ อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
Indus เป็นร้านอาหารอินเดียสไตล์โมเดิร์น ตกแต่งร้านสวย หรูหรา เป็นร้านแบบ Fine Dining มีที่นั่งโซน Indoor และ Outdoorพิกัดร้าน "Indus" อยู่ในซ.สุขุมวิท 26  สามารถมาได้ทั้งทางสุขุมวิทและพระราม 4 เรามาทางสุขุมวิทก็ตรงมาตามทางจนเจอโรงแรมโฟร์วิงส์ เลี้ยวซ้ายและขวาตามถนน ตรงไปอีกประมาณ 100 ม.ร้านอยู่ซ้ายมือ ใครมาบีทีเอสให้ลงสถานีพร้อมพงษ์ ต่อวิน 10 บ.ก็ถึงร้านละ บริเวณร้านมีที่จอดรถได้หลายสิบคัน ถ้าที่จอดส่วนนี้เต็มก็สามารถนำรถไปจอดได้ที่ตึกริชมอนด์ที่อยู่ถัดไปและนำบัตรมาประทับตราจอดรถที่ร้านเมนูอาหารของที่ร้านจะมีทั้งที่เป็น Courses , A La Cart และ Buffet แบบ Courses , A La Cart มีทุกวันส่วนบุฟเฟต์มีเฉพาะวันหยุด เป็น Weekend Brunch Buffet มีเฉพาะเสาร์ - อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ช่วงเวลา 11.30 - 15.00 (สั่งได้ถึง14.45น.) ส่วนที่เราไปกินวันนั้นเป็นแบบ A La Cart เมนูที่ได้ชิม- Lassi 140 บ. เป็นเครื่องดื่มสมู้ตตี้โยเกิร์ต ของที่ร้านมีให้เลือกหลายรสมาก ๆ (ประมาณ 10 รส) เราสั่งเป็นรสหวาน ก็คือเป็นโยเกิร์ตรสธรรมชาตินี่แหละ รสหวานเล็ก ๆ ไม่เปรี้ยว- Wild Honey Ginger Martini 300 บ. แก้วนี้เป็น Signature Cocktails รสออกขิง ๆ จิบแล้วร้อน ๆ วูบ ๆ - Papadam เป็นแผ่นแป้งบางกรอบ ทางร้านจะเสิร์ฟ กับเครื่องเคียงเป็นซอส 4 ชนิด คือ หอมแดงดอง , ซอสสะระแหน่ , ซอสมะขาม และซอสมะม่วง มาให้ทานรองท้องก่อน- ของกินเล่นเรียกน้ำย่อย จานนี้เป็นกล้วยแผ่นทอดท็อปด้านบนด้วยมะม่วง รสหวานตัดกับรสเปรี้ยวเล็ก ๆ- Tandoori Creamy Broccoli 320 บ. ผักบร็อคโคลีหมักในครีมและเครื่องเทศย่างในเตาทันดูร์ดูเป็นเมนูธรรมดา ๆ แต่อร่อยนะ ผักบร็อคโคลีหมักมาจนนุ่ม หอมครีม- Indus Kebab-e-malai 380 บ. ไก่หมักกับโยเกิร์ต ครีม ชีส และเครื่องเทศ ย่างในเตาทันดูร์ ของที่นี่ย่างมานุ่มกำลังดี เครื่องเทศไม่ฉุนมากนัก- Tandoori Tiger Prawn 250 บ./ตัว กุ้งกุลาดำหมักกับเมล็ดมัสตาร์ด ผัก และน้ำมะนาวกุ้งตัวใหญ่ หมักเข้าเนื้อดี รสเข้มข้น- Indus Nawabi Raan 900 บ. ขาแกะสูตรอินดัสหมัก 7 ชม.แล้วนำไปย่างด้วยไฟอ่อนเนื้อแกะนุ่มแบบไม่ต้องออกแรงหั่นเลย ไม่มีกลิ่นสาปแกะด้วย แกะหมักมารสเข้มข้นดี - Chicken Tikka 340 บ. ไก่หมักโยเกิร์ตและยี่หร่าข้ามคืน ย่างในเตาทันดูร์ เป็นจานไก่อีกเมนูที่ไก่นุ่มอีกแล้ว รสจะจัดกว่าเมนูแรกเล็กน้อย- Laal Maas 550 บ. แกงเนื้อแพะรสเผ็ดจากรัฐราชสถาน พริก และกานพลู เมนูนี้จะเป็นแกงรสเผ็ด จัดจ้านดี แพะก็ไม่เหม็นสาป- Butter chicken 380 บ. ไก่รมควันเคี่ยวในน้ำเกรวี่มะเขือเทศ เติมเนยและครีม เมนูนี้แกงรสออกหอมมันดี ไม่ค่อยเผ็ดค่ะ- Palak Paneer 340 บ.ผักโขมบดผสมคอทเทจชีส และเครื่องเทศเหมือนต้มผักใส่ชีส อร่อยดีนะ ไม่เหม็นเขียว ชีสก็เพิ่มความมัน- Daal Makhani 240 บ.ถั่วดำต้มไฟอ่อนเติมเนย และแต่งหน้าด้วยขิงและผงฟีนูกรีก ถั่วต้มจนนิ่ม แกงรสหอมมันเช่นกันแต่น้อยกว่าบัตเตอร์ชิคเก้น- Roti , Naan , Paratha แต่ละชนิดก็จะมีให้เลือกทานหลายแบบ เช่น อบเนย , อบเนยกระเทียม , โฮลวัท , ผสมเครื่องเทศ ฯลฯ- Cheese Naan 160 บ. นานไส้ชีส อันนี้อร่อยมาก แย่งกินไม่กลัวแคลอรี่กันเลย- Hyderabadi Murgh Dum Biryani 390 บ. ข้าวหอมบาสมาติอบไก่พร้อเครื่องเทศอินเดีย โรยหน้าด้วยหอมเจียวและหญ้าฝรั่น เมนูนี้เหมือนข้าวหมกไก่ที่เราคุ้นเคยแหละ เพียงแต่ใช้ข้าวบาสมาติ เม็ดจะเรียวยาว- Gil-E-Firdaus เป็นพุดดิ้งน้ำเต้า รสออกนม ๆ ครีม ๆ แปลก ๆ ดีแต่ก็กินได้นะ- Kalakanda Cheese Cake เป็นชีสเค้ก เนื้อไม่หนักมาก - Beetroot Halwa เป็นขนมที่ทำจากบีทรูท รสหวานแต่ไม่ได้หวานเจี๊ยบ- Signature Masala Chai Tea 140 บ. Chai Tea เป็นชาผสมเครื่องเทศ ของที่ร้านจะเสิร์ฟแบบผสมนมมาเรียบร้อย เป็นชาที่รสออกนม ๆ มีกลิ่นเครื่องเทศอ่อน ๆ เหมาะสำหรับจิบคู่กับขนมหวานสำหรับร้าน Indus เป็นร้านอาหารอินเดียที่ทานง่าย เครื่องเทศไม่ได้แรงจัดจ้านเหมือนร้านอาหารอินเดียอื่น ๆ คนไม่เคยกิน ถ้าอยากลองกินอาหารอินเดีย แนะนำว่าควรมาลองร้านนี้ บรรยากาศร้านดี อยู่ใจกลางเมืองเดินทางสะดวก พนักงานพูดไทยได้เป็นบางคน ราคาสูงพอสมควร  ถ้างบจำกัดแนะนำให้มาทาน Weekend Brunch Buffet  อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
เป็นครั้งแรกในการมากินอาหารอินเดียต้นตำรับแท้ๆ ที่จริงแล้วเราก็ไม่ค่อยคุ้นเคยกับอาหารแขกเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่พอดีมี voucher อยู่ 2,000 บาท ได้มาตั้งแต่ปีมะโว้ไปยอมไปใช้ มาใช้ตอนใกล้หมดอายุ ไม่ใกล้ล่ะวันสุดท้ายเลย อิอิ voucher ที่ได้มานี้ มี 2 ใบ ใบละ 1,000  บาท ซึ่งตามเงื่อนไขแล้วเขาให้ใช้ทีละใบ แต่เราถามพนักงาน ผู้จัดการเขาให้ใช้ได้เลยค่ะทีเดียว 2 ใบ เริ่ดที่สุด!!!บอกตำแหน่งที่ตั้งสักหน่อย ร้านอินดัสนี้อยู่ในซอยสุขุมวิท 26 ค่ะ ถ้าสำหรับคนที่มาด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส สามารถลงที่สถานีพร้อมพงษ์ได้แล้วเดินมานิดหน่อยก็ถึงซอยแล้วค่ะ แต่หากใครนั่งรถเมล์มานะคะ เราไม่มั่นใจว่ามีรถเมล์สายอะไรบ้าง แต่จากที่เราไป จากเยาวราช สามารถนั่งสาย 25 และ 40 ไปได้ค่ะ จะลงป้ายหลังจากป้ายตรงเอ็มโพเรียม 1 ป้ายค่ะ แล้วเดินย้อนมานิดหน่อยก็เจอทางม้าลายข้ามมาก็ถึงซอยเลยค่ะ ทีนี้ต้องเข้าซอยค่ะ เข้าไปลึกเหมือนกันค่ะ สำหรับคนที่มีรถก็สบายไปขับเข้าไปจอดที่ร้านได้เลยค่ะ แต่สำหรับเรา เราเดินค่ะ ถือว่าเดินเล่น ก็จะเดินไปจนสุดทางแล้วเลี้ยงซ้าย ตรงจนสุดท้ายอีกครั้งก็เลี้ยวขวา เดินอีกหน่อยก็ถึงแล้วค่ะ อย่าตกใจไปที่มองไม่เห็นอะไรบอกเลย เดินแล้วเดินต่อไป อย่าหยุดอย่างงค่ะ เพราะตรงนั่นจะออกร้างๆ นิดหน่อย ทำให้สงสัยว่ามาผิดทางหรือเปล่า พอดีเจอลุงขายน้ำแข็งไสเลยเดินเข้าไปถาม ลุงบอกอยู่เนี่ย ซ้ายมือถึงแล้ว จะมีป้ายสีขาวบอกชื่อร้านที่ไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่ มองเข้าไปลักษณะเหมือนบ้านเดี่ยวค่ะ มีที่จอดรถด้านหน้า แล้วก็เข้าไปเป็นบ้าน เป็นห้องอาหาร มองเยื้องมาทางขวาหน่อยๆ จะมีประตูไม้ให้เข้ามาทางนั้นเลยค่ะ เราเข้าไปได้แบบเหรอๆหราๆมากๆเลยค่ะ ไม่รู้จะเข้าทางไหนดี จะเข้าทางประตูขวามือหรือทางสวนซ้ายมือ สุดท้ายพนักงานที่อยู่ข้างในมองออกมาชี้ให้เราเข้าทางประตู แล้วก็มีพนักงานมารอรับอยู่หลังประตูค่ะ พาไปนั่งที่โต๊ะ ที่ที่เราได้นั่งเป็นตำแหน่งที่มองตรงออกไปด้านหน้าตรงกับประตูใหญ่ที่เราเพิ่งเข้ามาเมื่อกี้เลยค่ะ อีกด้านจะเป็นสวนที่มีโต๊ะให้นั่ง อาจไว้สำหรับกลุ่มที่สูบบุหรี่มั้งคะ เพราะเห็นที่เขี่ยบุหรี่ตั้งอยู่บนโต๊ะค่ะ ซึ่งคนที่ออกมารับเราเมื่อสักครู่น่าจะเป็นผู้จัดการนะคะ เป็นคนไทย แต่พนักงานที่เหลือเป็นแขกหมดเลย เคยอ่านรีวิวบอกว่าพนักงานพูดไทยไม่ค่อยได้ เราเลยจัดภาษาอังกฤษใส่ ที่ไหนได้คุยไปคุยมาคุยภาษาไทยกันค่ะ 555 หากใครไม่รู้จะเลือกทานอะไรดีนะคะ ในเมนูมีบอกไว้ค่ะว่าเมนูไหนเป็นเมนูแนะนำ เมนูที่มีกลมๆสีแดงนั่นคือเมนูแนะนำค่ะส่วนเมนูที่เราสั่งไปทั้งหมดวันนี้นะคะ คือ Garlic Naan เป็นแป้งโรตีที่ไว้ทานคู่กับแกงที่นำไปอบกับเนยและกระเทียม (ราคา 100 บาท) 1 จานจะเสิร์ฟมา 4 แผ่นค่ะ , Black Pepper Prawns กุ้งสดผัดกับซอสพริกไทยดำ (ราคา 490 บาท)  , Sea Bass Curry แกงปลากระพงขาวปรุงกับมะเขือเทศ (ราคา 420 บาท), Tandoori Chicken ไก่หมักโยเกิร์ต พริกแดง และขมิ้นย่างอย่างชำนานในเตาตันดูร์ (ราคา 320 บาท) และ Ajwaini Fish Tikka ชิ้นปลากระพงขาวนุ่มปรุงรสประณีตด้วยเมล็ดยี่หร่าและสมุนไพร (ราคา 490 บาท)แต่ก่อนอื่นใดหลังจากสั่งอาหารเสร็จ เอาก็จะเอาเมนูพิเศษมาเสิร์ฟเลย เป็น ข้าวเกรียบ ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับท็อปปิ้งสี่ชนิดคือ ซอสมะขาม ซอสมะม่วง อีกสองอย่างชื่ออะไรจำไม่ได้แล้วค่ะ แต่อันหนึ่งจะเป็นหอมแดงดอง และอีกอันที่เป็นสีเขียวๆ จะออกเผ็ดๆ นิดหน่อยค่ะ ข้าวเกรียบก็จะออกเค็มๆ เคี้ยวเล่นก็เพลินดีค่ะ จิ้มท็อปปิ้งก็อร่อยไปคนละแบบส่วนรสชาติอาหารอื่นๆGarlic Naan เป็นโรตีที่เรากินแล้วคิดว่าพิซซ่า หอม อร่อย กินคู่กับแกงแล้วอร่อยมาก รสชาติเข้ากันกำลังดี เสียอย่างเดียวด้านล่างของแป้งทำไหม้ไปหน่อยค่ะ เลยต้องมานั่งแกะส่วนไหม้ๆทิ้ง แต่รสชาตินี่ฟินเว่อร์ค่ะ กินเพียวๆ ไม่ต้องกินคู่กับอย่างอื่นยังอะไรเลยค่ะSea Bass Curry แกงปลาที่เรากินคู่กับนาน เสิร์ฟมาบนหม้อทองเหลืองขนาดจิ๋ว น่ารัก มีแอลกอฮอล์คอยอุ่นให้ด้วย  รสชาติอร่อย เข้มข้นและกลมกล่อมมากๆ แกงข้นมาก รสชาติซึมเข้าเนื้อปลานุ่มๆ กินคู่กับนาน อร่อยที่สุด คู่นี้เป็นเมนูที่เรากินแล้วอร่อยที่สุดค่ะ ขนาดกินอาหารประเภทนี้ไม่ค่อยเป็นนะคะ แต่กินเรียบไม่เหลือเลยค่ะ 555Black Pepper Prawns กุ้งสดผัดกับซอสพริกไทยดำ คล้ายๆกับผัดพริกไทยดำบ้านเราแต่รสชาติจะอ่อน ไม่จัดจ้าน แต่กลับไม่เผ็ดพริกไทยเท่าไหร่เลยนะคะ ถ้าทำเค็มและเผ็ดมากกว่านี้สักหน่อยรสชาติน่าจะเข้มข้นขึ้นนะคะ แต่เนื้อกุ้งนี่สดมาก เนื้อเด้งดึ๋งเลยค่ะ 555Tandoori Chicken เป็นไก่ย่างแต่ย่างไหม้ไปหน่อย เสิร์ฟมาพร้อมกับหอมแดง ผักกาดหอมและมะนาว สามารถบีบมะนาวโรยได้ค่ะ จานนี้เราว่าไก่ย่างค่อนข้างหอมแต่ออกจืดไปหน่อยค่ะ เราเลยแก้ด้วยการราดแกงปลาบนไก่ซะเลย 555 Ajwaini Fish ส่วนจานนี้ก็คล้ายๆกับ Tandoori Chicken แต่เป็นปลาค่ะ รสก็จะออกจืดๆหน่อยเครื่องดื่มก็เอาแค่น้ำเปล่า ขวดละ 30 บาท กินกันไป 2 ขวด ส่วนของหวาน มื้อนี้ไม่มีนะคะเพราะอิ่มมากกกกกกกกก ของที่สั่งมาทั้งหมดนี้ยังกินไม่หมดเลยค่ะ ให้พนักงานห่อกลับบ้านให้ค่าเสียหายวันนี้ทั้งหมด 2,213 บาท รวมค่าอาหาร ค่าบริการและค่าภาษี อีก 17% ด้วยจ้าาาา จ่ายด้วย voucher 2,000 บาท จ่ายด้วยเงินสดอีก 213 บาท ฟินๆค่ะค่าบริการนี่ให้ไปคุ้มนะคะพนักงานบริการดีมาก เดินวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ไม่ห่างเลย สอบถามได้ พูดคุยได้ แนะนำได้ ดีเลิศประเสริฐศรีอ้อ หลังจากกินเสร็จแล้ว เขามีบริการน้ำล้างมือมาเสิร์ฟถึงที่เลยนะคะ มีมะนาวเสี้ยวและกลีบดอกกุหลาบโรยสวยๆ ก่อนก็แวะเข้าห้องน้ำและเดินถ่ายรูปภายในร้านเขาด้วยค่ะ นอกจากห้องที่เรานี้ ข้างในใกล้ส่วนของห้องน้ำจะมีอีกห้องที่จัดคล้ายบาร์ อาจจะไว้สำหรับสังสรรค์กันยามเย็นค่ะส่วนรูปอาหารอื่นๆ จะตามโพสต์ในแอพ opensnap นะคะ ในรีวิวลงไม่ได้แล้วววว อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)