8
1
1
เบอร์โทร.
02-207-4999
080-008-8473
ข้อมูลร้านอาหาร
Char ร้านอาหารที่อยู่บนชั้น 25 และ ชั้น 26 ในโรงแรม Hotel Indigo Bangkok Wireless Road โดยแยกเป็น 3 ส่วน 1.Char Restaurant เปิดทำการ วันอาทิตย์-วันพุธ เวลา 18:00 - 22:30 และ วันพฤหัสบดี-วันเสาร์ เวลา 18:00 - 23:30 2.Char Private เปิดทำการ วันอาทิตย์-วันพุธ เวลา 18:00-22:30 และ วันพฤหัสบดี-วันเสาร์ เวลา 18:00-23:30 3.Char Rooftop Bar เปิดทำการ เวลาให้บริการ วันอาทิตย์-วันพุธ 17:00-01:00 และ วันพฤหัสบดี-วันเสาร์ เวลา 17:00-02:00 อ่านต่อ
เหมาะสำหรับ
ลำลอง
ครอบครัว ลำลอง
จัดเลี้ยงเป็นกลุ่ม
จัดเลี้ยง ปาร์ตี้
โอกาสพิเศษ
ชิลล์เอาท์
เวลาเปิด-ปิด
วันนี้
17:00 - 22:00
จันทร์ - พุธ
ปิด
พฤหัส - เสาร์
17:00 - 22:00
อาทิตย์
ปิด
วิธีจ่ายเงิน
วีซ่า มาสเตอร์ เงินสด
ข้อมูลอื่นๆ
Online Reservation
Wi-Fi
ที่จอดรถ
Service Charge
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
มีแอร์
Open-air
ร้านวิวสูง
เว็บไซต์ร้านอาหาร
http://www.charbangkok.com/restaurant
ข้อมูลข้างต้นใช้เพื่ออ้างอิงเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลกับร้านอาหารอีกครั้ง
รายละเอียดของรางวัล
รีวิว (1)
สำหรับวันนี้ก็จะไปชิมและชมอาหารสำหรับวันพิเศษๆ อย่างวันวาเลนไทน์กันนะคะ โดยเป็นการไปชิมเซ็ตอาหารวันวาเลนไทน์กันที่โรงแรมอินดิโก กรุงเทพฯ ซึ่งจะมีจำหน่ายเฉพาะวันที่ 14 กุมภาพันธ์ปีนี้เท่านั้นค่าาาาสำหรับโรงแรมนี้ก็ตั้งอยู่บนถนนวิทยุนะคะ ถ้ามาจากทางสุขุมวิทก็เลยพลาซ่าแอททินีไปหน่อยหนึ่งค่ะวันนี้เรากดลิฟท์ไปที่ชั้น 25 กัน เพื่อเก็บบรรยากาศของห้องอาหารแห่งนี้นะคะวันนั้นเรานั่งห้องส่วนตัวค่ะ ซึ่งห้องแบบนี้มีสองห้อง สามารถจัดประชุมได้เลยนะคะ นั่งได้เต็มที่ราวๆ 30 คนได้ (ถ้าเอาพาติชั่นที่กั้นระหว่างสองห้องออก) มีจอให้พร้อมเลยด้วยค่ะ สำหรับค่าใช้จ่าย ทางรร.ก็จะพิจารณาจากยอดการสั่งอาหารและเครื่องดื่มค่ะ ถ้าปกติมากพอในระดับหนึ่งก็ไม่ได้มีการคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะคะสำหรับวันนี้อย่างที่บอกว่าเรามากินเซ็ตวาเลนไทน์ของโรงแรมอินดิโก ซึ่งแบ่งออกเป็นสองห้องอาหารค่ะห้องอาหารแรกคือ Char ซึ่งเป็นเซ็ตเวสเทิร์นนะคะ เป็นเซ็ตเดียวเลย ราคาอยู่ที่ 3,200++ (สำหรับอาหารอย่างเดียว) หรือ 4,600++ กรณีเป็น Wine Paring ด้วยน่ะนะคะ ห้องอาหาร ชาร์: 18:00 – 00:00 น.สำรองที่นั่งหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ 02-2074999 หรือ email: FB.Hotelindigobangkok@ihg.comรายละเอียดของอาหารและไวน์ตามราคาดังกล่าว ก็ตามนี้เลยนะคะCaviar Smoked oil poached egg yolk, crème fraiche “Follador Silver, Prosecco, Veneto – Italy”LAMB TARTARE Pickled mustard seed, rose, shiso Or TUNA TARTAR “Domain Naturaliste, Chardonnay, Margaret River – Australia”BLACK COD Last of the season root vegetables “Le Cellier du Pic, edition Rouge, Pinot Noir, Languedoc – France”SHORT RIBS Onion jus, wild herbs Or PORK BELLY “Reserva Legado De Martino, Cabernet Sauvignon, Maipo – Chile”BURNT CORN HUSK MERINGUEส่วนอีกห้องอาหารคือ Metro on Wireless ซึ่งอยู่ที่ชั้นสองค่ะ (ดูรีวิวนี้ได้จากที่ห้องอาหารโน้นนะฮับ)เอาล่ะค่ะ มาดูกันว่าในบรรดาอาหารทั้งหมดของแต่ละเซ็ตหน้าตาเป็นยังไงบ้างนะคะ เริ่มด้วยของห้องอาหาร Char ก่อนเลยค่ะก่อนอื่นก็มีขนมปังในกล่องไม้มาก่อนนะคะ ซึ่งขอบอกว่ามันดีเชียว ช่วยเก็บอุณหภูมิได้ดีค่ะ เปลือกจะค่อนข้างแข็งตามสไตล์ของขนมปังแบบนี้นะคะCaviar Smoked oil poached egg yolk, crème fraiche เป็นจานเปิดตัวที่ดีมากๆ ค่ะ เทกซเจอร์นี่แบบว่ามีทั้งความกรอบของไก่ หอมกลิ่นเนื้อไก่และมีความนวลมันของไข่ เค็มนิดเดียวของคาร์เวียร์ คือ มันเป็นการผสมผสานที่ดีงามมากค่ะ อร่อยมากๆ เลย เป็นจานเปิดตัวที่ประทับใจมากๆ เลยค่ะLAMB TARTARE Pickled mustard seed, rose, shiso (สำหรับท่านไม่ทานแกะ มีทูน่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกนะคะ)เป็นเนื้อแกะดิบที่สารภาพว่าตอนแรกแหยงมาก แบบว่า...มันจะมีกลิ่นมั้ยแล้วดิบอี๊กกกก แต่พอกิน เฮ้ยยย โอเคเลย มีความหวานของเนื้อและกลิ่นไม่แรงค่ะ แถมตัวมัสตาร์ดซีด กุหลาบและชิโสะก็ทำให้ช่วยเสริมรสให้มีความหลากหลายค่ะ เป็นการกิน lamb tartare ครั้งแรกที่ประทับใจมากๆ (ปกติเคยแต่ทูน่าอ้ะ)BLACK COD Last of the season root vegetables ตัวนี้เราไม่ได้ชิมค่ะ แบบว่ากว่าจะมาถึงหมดก่อน 555 ได้กินแต่รีซอตโต้ ซึ่งดีเลยค่ะ ชีสมาเต็มมาก ครีมมี่เลย แต่คนอื่นที่ได้กินปลาก็บอกว่าดีนะคะ ปลาสดหวานค่ะSHORT RIBS Onion jus, wild herbs มาแบบไซส์ใหญ่จนตกใจ ถามไถ่ก็ได้ความว่า เฉพาะจานนี้เป็นไซส์สำหรับสองท่านค่ะ คราวนี้ถ้าคู่ไหนมีท่านใดท่านหนึ่งกินเนื้อไม่ได้แล้วเลือกเป็นหมูแทน ก็จะลดขนาดไซส์เนื้อนี่ลงครึ่งหนึ่งนะคะตัวนี้คือว้าวมากกกกกก หอมตั้งแต่ยังไม่ได้เฉือนมาชิม พอมีดกดไปนี่คือนิ่มมากค่ะ ทำมาดีมาก อร่อยเลยแหละ มีรสมีชาติ ซึ่งจานนี้เชฟทำซอสมาให้ต่างหากด้วยและเชฟเชียร์แบบสุดๆ ซึ่งสำหรับเรากินเปล่าๆ ก็อร่อยค่ะ แต่พอกินกับซอสมันจะได้ความหวานของซอสและเจือด้วยสมุนไพรต่างๆ ที่มีมาเพิ่มขึ้นด้วยค่ะBURNT CORN HUSK MERINGUEถ้าจานหลักเมื่อกี๊ทำประทับใจแบบปังแล้ว จานนี้ก็เป็นจานที่ประทับใจแบบว้าวด้วยความแปลกใจค่ะ ตัวข้างในนี่ทำจากข้าวโพดทำให้หวานอ่อนๆ และหอมมาก อร้อย อร่อย ตัวเมอแรงก์ก็เปลือกกรอบแต่เนื้อยังคงแน่นกำลังดีค่ะ อร่อยมากๆจบคอร์สของห้องอาหารชาร์ไปด้วยความประทับใจค่ะ อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)