อ่านรีวิวฉบับเต็ม
2012-01-22
437 วิว
วันอาทิตย์ตอนบ่ายๆ หากใครไม่ได้วางแผนที่จะทำอะไร แต่อยากจะหาที่สวยๆ เพื่อไปพักผ่อนและซึมซับบรรยากาศดี ขอแนะนำให้ไปจิบชายามบ่ายที่ "The Authors' Lounge" ที่โรงแรม Mandarin Oriental ตรงซอยเจริญกรุง 38 เขตบางรัก ที่นี่ไม่ได้แค่ต้องการขายชาหรือของว่างเพียงเท่านั้น แต่ต้องการขายบรรยากาศ ซึ่งไม่แปลกใจเลยที่เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือ คนไทยหลายคน ยอมลงทุนกับชามื้อบ่ายในราคาที่สูงซึ่งคนเหล่านี้ต้องการซื้อบรรยากาศดีๆ ที่เหมาะสำหรับใช้เวลายามบ่ายแบบนี้ ซึ่งหาได้ยากในร้านชาทั่วๆ ไป ที่สำคัญห้องนี้ยังเป็นที่ไฝ่ฝันของสาวๆ หลายๆ คนที่อยากจะเห็นภาพตนเองยืนอยู่บนบันไดอันทรงเกียรติ มองดูแขกคนสำคัญที่เข้ามาร่วมแสดงความยินดีใ
ที่นี่ไม่ได้แค่ต้องการขายชาหรือของว่างเพียงเท่านั้น แต่ต้องการขายบรรยากาศ ซึ่งไม่แปลกใจเลยที่เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือ คนไทยหลายคน ยอมลงทุนกับชามื้อบ่ายในราคาที่สูง
ซึ่งคนเหล่านี้ต้องการซื้อบรรยากาศดีๆ ที่เหมาะสำหรับใช้เวลายามบ่ายแบบนี้ ซึ่งหาได้ยากในร้านชาทั่วๆ ไป ที่สำคัญห้องนี้ยังเป็นที่ไฝ่ฝันของสาวๆ หลายๆ คนที่อยากจะเห็นภาพตนเองยืนอยู่บนบันไดอันทรงเกียรติ มองดูแขกคนสำคัญที่เข้ามาร่วมแสดงความยินดีในงานของตนเอง
ภายในห้องตกแต่งด้วยโทนสีขาว แทรกด้วยสีเขียวของลายฉลุไม้ รวมทั้งต้นไม้ที่ประดับประดาภายใน ตามแบบฉบับทางสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล บันไดของที่นี่เป็นที่ไฝ่ฝันของบรรดาสาวๆ หลายๆ คน ที่ต้องการจะจัดงานสละโสดที่นี่ ซึ่งยังมีการตกแต่งด้วยภาพถ่ายของราชวงศ์จักรีไทยในอดีตซึ่งหาดูได้ยากไว้ให้เห็นรอบๆ ห้อง
โต๊ะที่นั่งของที่นี่ตกแต่งแนวย้อนยุคแต่ยังคงความคลาสสิกอย่างลงตัว และสามารถเลือกที่นั่งได้โดยพนักงานให้บริการอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรที่นั่งรวมทั้งการบริการด้านอื่นๆ ถือว่าทำได้เยี่ยมเลยครับ บรรยากาศภายในทำได้ดี ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดขายที่ทำให้ลูกค้าแวะมาใช้บริการที่นี่ และเป้าหมายหลักของการมาที่นี่คือการใช้เวลายามบ่ายนั่งจิบชาร้อนๆ พร้อมกับขนมที่แสนอร่อย ซึ่งหลังจากสั่งรายการอาหารไปแล้ว ที่นี่เค้ามีของหวาน ไอศครีมทับทิมกรอบ (Refreshing green lime and gin sorbet) เป็นออร์เดิฟ ไว้ทานเล่นก่อน
หลังจากนั้นไม่นาน Afternoon Tea ที่สั่งไว้ก็พร้อมเสิร์ฟ รวมทั้งชาร้อน ก็มาพร้อมกันด้วย วันนั้นไปกัน 6 คน สั่ง Afternoon Tea ไป 3 เซ็ต โดยแต่ละเซ็ต จะสั่งชาร้อนได้ 1 กา เราจึงสั่งเพิ่มอีก 3 กา จะได้ครบคนพอดี เริ่มที่ "Traditional Afternoon Tea Set" (1,050 .-) เซ็ต Afternoon tea แบบดั้งเดิม ซึ่งมาพร้อมกับ ของว่างที่หลากหลาย จากภาพสั่งมา 2 เซ็ต ซึ่งทางพนักงานรวมอยู่ใน 1 ชั้น เพราะว่าโต๊ะที่นั่งเล็กไปหน่อย แต่ก็ถือว่าทำได้ดีครับ ซึ่งในเซ็ตประกอบไปด้วย "Traditional plain and raisin scones" และแยมส้ม แยมสตอร์เบอรี่ รวมทั้งเนย สำหรับทานคู่กับสโคนอุ่นๆ ที่แสนอร่อย
มาไล่ดูตั้งแต่บนสุด ประกอบไปด้วย "English fruit cake and orange butter cake" "Macadamia and chocolate cookies, cinnamon short bread" ซึ่งผมชอบ Butter cake ของที่นี่มาก ซึ่งทั้งหอม และเนื้อเค้กนุ่มลิ้นมากๆ
ชั้นที่ 2 ก็จะมี "Ope'ra" "Seasonal berry tartlets" "Berry panna cotta shot" "Soft brownie" ซึ่งเป็นของหวานแบบต่างๆ
ส่วนชั้นชั้นล่างสุดก็จะมี "Flaky warm savoury chicken mince turnovers" "Smoked salmon finger sandwiches on caraway whole wheat" "Egg and chive mayonnaise salad tea sandwiches on four-grain rye" "Cucumber, cream cheese and micro cress on wheat bread" "Cooked ham and cheddar cheese remoulade tea sandwiches"
ซึ่งเป็นแซนด์วิชแบบต่างๆ มีขนาดไม่เล็ก แต่ก็ไม่ใหญ่จนเกินไป และ Aftertoon tea set อีกแบบที่นี่มีก็คือ "Mandarin Oriental Thai Tea Set" (1,050 .-)
เซ็ตขนมไทยๆ และที่สำคัญที่ทางร้านนำเสนอ คือ Pandanus leaf and sun-dried banana scones สโคนกล้วยแบบไทยที่รสชาติไม่แพ้สูตร original เมื่อทานคู่กับชาดีๆ ทำให้เวลาในช่วงบ่ายๆ แบบนี้เป็นเวลาที่มีความสุขที่สุด ซึ่งประกอบไปด้วย "Pandanus leaf and sun-dried banana scones" เป็นสโคนกล้วยหอมซึ่งเป็นพระเอกของเซ็ตนี้
นอกจากนี้ยังมี "Vegetable caponata sandwiches" "Turmeric chicken salad and roasted chilli jam sandwiches" "Honeyed crisp vermicelli in rice flour shells" "Fluffy rice crispies with bean curd and sweet corn topping" "Egg, ham and wild flower honey mayonnaise tea sandwiches" "Golden flaky Thai chicken and lotus seed curry puffs" "Lemongrass tuna salad tea sandwiches" "Banana pound cake" "Pandanus leaf chiffon" "Coconut mararoons" "Punnet of yellow bean marzipans and sweet egg yolk treats" "Lemongrass burnt custard cream"
ซึ่งเป็นของหวานที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยแฝงอยู่อย่างมาก ซึ่งของหวานต่างๆ เมื่อทานคู่กับ ชาร้อนแบบต่างที่มาแบบเติมได้ไม่อั้น จะช่วยเพิ่มรสชาติของ Afternoon tea ให้เพิ่มยิ่งขึ้นไปอีก
ชามีให้เลือกมากมาย โดยวันที่สั่งจะมี earl grey french blue, metis, sakura 2000, jasmin mandarin และ Marco polo (2 กา) ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของหลายๆ คน นอกจากนี้ยังมีให้เลือกอีกหลายชนิด (กาละ 290.-)
ระหว่างที่นั่งจิบชาไปเรื่อย ก็มีเสียงดนตรีเพราะๆ จากเปียโนหลังสีขาวที่ตั้งอยู่ในห้อง ที่ถูกบรรเลงไว้อย่างไพเราะอย่างยิ่ง หลังจากนั้นก็ใช้เวลายามบ่ายไปกับของว่างรวมทั้งชาร้อนหอมๆ ที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับซึมซับบรรยากาศดีๆ ที่อยู่รอบๆ โต๊ะ
เมื่ออิ่มกับของว่าง และบรรยากาศภายในห้อง Authors' Lounge แล้ว ก็เดินเล่นรอบๆ ห้อง ซึ่งจะมีห้องสำหรับรองรับแขกที่มาใช้บริการอยู่ใกล้ๆ กันอีกซึ่งมีความสวยงามไม่แพ้กันเลย
แล้วบ่ายวันอาทิตย์นั้นก็เป็นช่วงบ่ายที่มีความสุขมากๆ เพราะได้มานั่งทาน Afternoon tea ท่ามกลางบรรยากาศดีๆ ที่หลายคนไฝ่ฝัน ร่วมกับคนรู้ใจและเพื่อนๆ ที่ชวนกันไปใช้เวลายามบ่ายที่แสนคุ้มค่า
ถ้ามีโอกาสอีกครั้ง ผมก็อยากที่จะใช้เวลายามบ่ายของวันที่แสนสบายๆ นั่งจิบชาร้อน ทานขนม ของว่างที่แสนอร่อย ไปกับคนรู้ใจ อีกครั้ง
โพสต์