อ่านรีวิวฉบับเต็ม
2012-02-28
23 วิว
เมื่อศุกร์ที่ผ่านมาผึ้งน้อยกระเพาะพิฆาตได้โอกาสลั้นลากับเพื่อนเก่าเก๊าเก่าสมัยมัธยมต้นโน่นแน่ะค่ะดังนั้น ตามรีเควสของพวกเราทั้ง 4 คนซึ่งอยู่กันกระจัดกระจายมากว่าต้องมาเจอกันง่ายๆหน่อย ก็เลยเลือกที่กลางๆเมืองและมี BTS ผ่าน จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าเป็น Another Hound ที่ Siam Paragon นี่เอง...แต่ดันลืมไปซะได้ ว่าท้องถนนวันศุกร์สิ้นเดือนมันช่างโหดร้าย ทำให้คุณเพื่อน 2 หน่อมาเลทและตัวผึ้งน้อยกับเพื่อนอีก 1 หน่อต้องหิ้วท้องรอ (นั่งรอกันในร้านเพราะจองที่ไว้แล้ว เป็นอะไรที่ทรมาณเหลือใจ มองของกินลอยผ่านไปผ่านมา...) การตกแต่งร้านไม่แตกต่างอะไรกับ Gray Hound ค่ะ คือเน้นที่โทนขาว-ดำคราวนี้ผึ้งน้อยไม่มีรูปบรรยากาศร้านมาฝากเพราะจองได้ที่นั่ง
ดังนั้น ตามรีเควสของพวกเราทั้ง 4 คนซึ่งอยู่กันกระจัดกระจายมากว่าต้องมาเจอกันง่ายๆหน่อย ก็เลยเลือกที่กลางๆเมืองและมี BTS ผ่าน จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าเป็น Another Hound ที่ Siam Paragon นี่เอง
...แต่ดันลืมไปซะได้ ว่าท้องถนนวันศุกร์สิ้นเดือนมันช่างโหดร้าย ทำให้คุณเพื่อน 2 หน่อมาเลทและตัวผึ้งน้อยกับเพื่อนอีก 1 หน่อต้องหิ้วท้องรอ (นั่งรอกันในร้านเพราะจองที่ไว้แล้ว เป็นอะไรที่ทรมาณเหลือใจ มองของกินลอยผ่านไปผ่านมา...)
การตกแต่งร้านไม่แตกต่างอะไรกับ Gray Hound ค่ะ คือเน้นที่โทนขาว-ดำ
คราวนี้ผึ้งน้อยไม่มีรูปบรรยากาศร้านมาฝากเพราะจองได้ที่นั่งหลบมุมอยู่ด้านใน โต๊ะถัดไปหน่อยแอบน่าอิจฉาเพราอยู่ใต้โคมระย้าสวยเชียว
น้ำลูบท้องระหว่างรอครบองค์ประชุม ก็ต้องจัดเมนูเด็ดของร้านซะหน่อย
ชามะนาวเย็น (ของผึ้งน้อยสั่งแบบแยกไซรัปค่ะ)
แล้วมันเด็ดยังไงล่ะ...ถ้าคนที่เคยทานคงจะทราบดี เอาเป็นว่าจะบรรยายเผื่อคนที่ยังไม่เคยทานนะคะ
เมนูนี้มีดีตรงที่น้ำแข็งค่ะ เค้าใช้ชามะนาวแบบที่ผสมน้ำเชื่อมแล้วมาทำเป็นน้ำแข็งดังนั้นชาจะหวานอ่อนๆโดยที่ไม่ต้องเติมน้ำเชื่อม และรสชาดจะไม่จืดจางแม้วางทิ้งไว้
คุณเพื่อนมาถึงแล้วค่ะ เมื่อรวมตัวกันได้แล้วก็ระดมสั่งกันอย่างรวดเร็ว
ทางพนักงานที่มารับออร์เดอร์ก็ช่างแสนดีค่ะ อธิบายเมนูละเอียดละออ แถมยังแนะนำเมนูน่าทานให้อีกหลายเมนูเชียวค่ะ
จัดมาเมนูแรกสุดโปรดปราณ "Salmon Sashimi in Spicy Sauce" เมนูผสมผสานที่ลงตัวสุดๆ ด้วยแซลม่อนซาชิมิ ราดด้วยน้ำยำรสถูกปากคนไทย กับเครื่องเทศแบบอาหารฝรั่ง ได้รสหวานปนแซ่บและยังหอมเครื่องเทศอีกด้วย จริงๆแล้วพอเราสั่งอาหารเสร็จ เค้าจะเอาขนมปังก้อนขนาดย่อมๆมาเสิร์ฟให้คนละก้อนค่ะ แต่ผึ้งน้อยไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ยลกันเพราะลงท้องไปก่อนแล้วค่ะ
เมนูเรียกน้ำย่อยถัดมา "Bruschetta" เป็นขนมปังฝรั่งเศษอบให้ผิวกรอบแล้วราดหน้าด้วยมะเขือเทศกับพริกสับ อีกหน้านึงเป็นลาบหมู ผึ้งน้อยปลื้มหน้ามะเขือเทศกับพริกสับมากๆๆๆค่ะ รสคล้ายๆซัลซ่าของอาหารแม๊กซิกันเลย อร่อยมาก
เริ่มเข้าสู่โซนจานหลักล่ะนะคะ
นอกจากเมนูสุขภาพอย่าง "Caesar Salad" แล้ว
ก็ขอมาเน้นที่เมนูฟิวชั่นอย่าง "Spaghetti Cha Cha Cha" สปาเก๊ตตี้เส้นดำผัดฉ่ากุ้งสดกับหอยเชลล์ เส้นลวกเด้งดึ๋งกำลังดี รสชาดผัดฉ่าอร่อยถูกใจ ทานคู่กันกับซีซ่าร์สลัดแล้วคล่องคอจนเกลี้ยงไปอย่างรวดเร็ว
สองสาวที่รถติดอยู่ครึ่งค่อนชั่วโมงค่ะ (ขอเซ็นเซอร์ใบหน้านะคะ เดี๋ยวคุณเพื่อนจะหาว่าประจาน)
เมนูหลักจานสุดท้าย "Gratin Sea Bass with Anchovy Butter Sauce" ปลากระพงอบครีมซอสอิตาเลี่ยน เสิร์ฟคู่กับ "Spaghetti Olio" เป็นเส้นสปาเก๊ตตี้เส้นเล็กประมาณเส้น Angel Hair ผัดกับน้ำมันมะกอกพริกฝอย และกระเทียม เนื้อปลาปรุงรสมาได้อร่อยเข้มข้น ทางคู่กับเส้นสปาเก๊ตตี้ที่ปรุงมารสอ่อนๆได้เข้ากันดี แต่ทางเพื่อนๆเริ่มอิ่มกันตอนผ่านไปครึ่งจานค่ะ เพราะฉนั้น อีกครึ่งจานผึ้งน้อยกวาดเรียบ
ตบท้ายด้วยของหวานที่แค่มองก็อร่อยแล้ว "Red Velvet Waffle"
ด้วยความน่าทานนี้เอง ทำให้คุณเพื่อนที่อิ่มอืดกันไปแล้วรอบนึงต้องลุกขึ้นมาลุยกันใหม่
แต่อย่างไรเสีย จานนี้ลงท้องผึ้งน้อยไป 50%เช่นเคย กวาดเรียบ อิอิ
สรุปความประทับใจในมื้อนี้
บรรยากาศ - อยู่มุมเลยมีทั้งข้อดีข้อเสีย ข้อเสียคือเรียกพนักงานยากและไม่ค่อยได้ดื่มด่ำบรรยากาศร้าน แต่ข้อดีของมุมร้านก็คือเป็นส่วนตัว
การบริการ - ดีมากๆ ไม่มาเร่งให้เราสั่งอาหารตั้งแต่ตอนที่ยังรอเพื่อนๆอยู่ แนะนำเมนูชัดเจนและกระตือรือร้น ตามเช็คว่าอาหารครบหรือขาดอะไรบ้างโดยเราไม่ต้องทวง
รสชาดอาหาร - อร่อยทุกจาน เป็นความผสมผสานที่เข้ากันดี ประกอบกับการได้สังสรรค์เพื่อนเก่าย่อมเพิ่มความอูมามิได้เป็นอย่างดี
ความคุ้มค่า - ทานกันไปทั้งหมดรวม Service charge แล้ว 1804บาท หารแล้วหัวละ 450บาท ก็ถือว่าโอค่ะ
โพสต์