อ่านรีวิวฉบับเต็ม
2011-11-19
79 วิว
St. Regis โรงแรมสุดหรูย่านราชประสงค์ ซึ่งอยู่ติดกับโรงแรม Four seasons พอดีมีโอกาสได้มาดูห้องที่นี่เพื่อเก็บเป็นข้อมูลสำหรับงานใหญ่ที่คาดว่าจะมีในปีหน้านอกจากนี้ที่นี่ยังมีห้องอาหารสไตล์อิตาเลี่ยน ที่ชื่อ "Jojo" ก็เลยลองขอแวะลิ้มลองรสชาติที่เค้าว่าเป็นอาหารอิตาเลี่ยนแท้ๆ ไม่ได้ดัดแปลงใดๆ ทั้งสิ้นครับ อย่างที่บอกครับ ว่าอาหารที่นี่เป็นสไตล์อิตาเลี่ยน ฉะนั้นการตกแต่งห้องก็จะออกแนว อิตาเลียนทั้งนั้น การตกแต่งของที่นี่หรูหรา แต่ก็ไม่ได้ฉูดฉาดจนเกินไป ดูแล้วสบายตามากๆ พาชมบรรยากาศแล้ว ก็มาเริ่มที่อาหารกันครับ เริ่มกันที่เครื่องดื่มเย็นๆ ก่อนครับ Mojito Mocktail ที่มีรสชาติเปรี้ยวซ๋าชื่นใจดี ตามมาด้วย Strawberry smoothie รสชาติหอมหวานคล้ายๆ
นอกจากนี้ที่นี่ยังมีห้องอาหารสไตล์อิตาเลี่ยน ที่ชื่อ "Jojo" ก็เลยลองขอแวะลิ้มลองรสชาติที่เค้าว่าเป็นอาหารอิตาเลี่ยนแท้ๆ ไม่ได้ดัดแปลงใดๆ ทั้งสิ้นครับ อย่างที่บอกครับ ว่าอาหารที่นี่เป็นสไตล์อิตาเลี่ยน ฉะนั้นการตกแต่งห้องก็จะออกแนว อิตาเลียนทั้งนั้น การตกแต่งของที่นี่หรูหรา แต่ก็ไม่ได้ฉูดฉาดจนเกินไป ดูแล้วสบายตามากๆ พาชมบรรยากาศแล้ว ก็มาเริ่มที่อาหารกันครับ เริ่มกันที่เครื่องดื่มเย็นๆ ก่อนครับ Mojito Mocktail ที่มีรสชาติเปรี้ยวซ๋าชื่นใจดี ตามมาด้วย Strawberry smoothie รสชาติหอมหวานคล้ายๆ ไอศครีมโยเกิร์ต เหมือนกัน นอกจากนี้ยังมี Sparking Water รสชาติดี แก้เลี่ยนได้เปลี่ยนอย่างดีเลย Mojito Mocktail, Strawberry smoothie และ Sparking Water
ส่วนอาหาร เริ่มที่ Starter เบาๆ ก่อนครับ เริ่มด้วยเมนู "Augus beef carpaccio Cipriani style (470.-)" เป็นเนื้อวัวสด กับผักสลัด Rocket ครับ เนื้อนุ่มมากๆ ไม่รู้สึกคาวด้วย ผมชอบเมนูนี้ที่สุด ต่อกันที่ "Caprese salad buffale muzzarella & tomato (350.-)" เป็นสลัดฝรั่ง เบาๆ ซึ่งประกอบไปด้วยชีส และมะเขือเทศ รสชาตินุ่มลื่นคอดีครับ ตามมาด้วย "Parma ham with bread" กินคู่กับขนมปัง อร่อยมากๆ ครับ เนื้อนุ่มๆ ลื่นคอมากๆ และก็ไม่คาวด้วยครับ จากนั้นมาต่อด้วยจานหนักๆ กันเลยดีกว่าครับ เริ่มที่ "Cabonara tradizionale (480.-)" หน้าตาไม่ค่อยเหมือนคาโบนาร่า ทั่วๆ ไปที่เคยกินเท่าไรครับ เลยถามพนักงาน เค้าบอกว่า เป็นสูตรดั้งเดิม ของคนอิตาเลี่ยนเค้า ซึ่งไม่ได้ใส่ครีมเท่าไร ซึ่งจะใส่แต่ชีส แต่ก็อร่อยดีนะครับ ต่อด้วย "Phuket Lobster (1,450.-)" เมนูนี้เป็นกุ้ง Lobster ชิ้นใหญ๋ๆ อร่อยมากๆ ส่วนเมนูนี้ของโปรดผมครับ "Classic lasagna (410.-)" ลาซานญ่าชีสนุ่มๆ ร้อนๆ อร่อยถูกปากเหมือนกัน Cabonara tradizionale, Phuket Lobster และ Classic lasagna
ส่วนเมนูนี้พิเศษ หน่อย "Originale fettuccine alfredo (450.-)" เพราะว่า เชพจะมาคลุกเคล้าด้วยชีสแบบพิเศษที่นำเข้ามาจากอิตาลี โดยจะคลุกเคล้าตอนร้อนๆ ให้ชีสเข้ากับเส้น ของคาวเมนูสุดท้ายครับ "Pizza Schiacciata (380.-)" เป็นพิซซ่าสไตล์อิตาเลี่ยน แท้ๆ เลยครับ
ส่วนของหวานทางพนักงานแนะนำว่าที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องชีส เป็นชีสแบบพิเศษ ที่หาทานได้ยาก ส่วนผมก็อยากลองดูว่าต่างจากที่อื่นอย่างไร ซึ่งอย่างที่บอกไว้แล้ว ชีสของที่นี่จะนำเข้าจากอิตาลีทั้งหมด เรื่องรสชาติ ก็จะสไตล์อิตาลีแท้ๆ เมนูนี้คือ "D.O.P. Italian cheese experience (750.-)" เป็นชีส 5 ชนิด ซึ่งระหว่างเสริฟ พนักงานก็บรรยาสรรพคุณชีสแต่ละชนิด ก็จะมีชื่อบอกไว้ที่จาน แต่ละอย่างมีความพิเศษต่างกัน ที่จำได้ก็จะมีชีสที่มาจากนมวัวที่พาไปเลี้ยงบนยอดเขาที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลปกติที่เค้าเลี้ยงกัน เพื่อที่จะให้ได้ความเข้มข้นเป็นพิเศษ อีกอย่างก็จะเป็นชีสที่ได้มาจากการเลี้ยงในถ้ำ ระหว่างกินไป ก็นั่งนึกว่า เค้าคิดได้ยังไงที่ทำชีสแต่ละแบบได้ ส่วนที่ผ่านมาก็กินอย่างเดียวไม่สนใจอะไร ได้มารู้ที่นี่ก็อึ้งๆ เล็กน้อย ชีสที่นี่ถ้าได้ทานกับซอสต่างๆ จะช่วยดับกลิ่นชีส และเพิ่มรสชาติได้เป็นอย่างดี ส่วนผมลองแค่ 3 อย่างครับ ซึ่งรสชาติก็ต่างจากชีสที่เคยทานอยู่ทั่วไปจริง Originale fettuccine alfredo, Pizza Schiacciata และ D.O.P. Italian cheese experience
ส่วนของหวานอย่างอื่นเป็น "Gianduiotto Chocolates (650.-)" เป็นช็อกโกแล๊ต แบบพิเศษที่นำเข้าจากอิตาลี หอมหวาน แล้วก็ไม่ขมด้วย ใครที่โปรดปราณช็อกโกแล๊ตเป็นพิเศษไม่ควรพลาดครับ จากนั้นต่อที่ "Torta della nonna lemon cake (320.-)" เมนูนี้ก็เยี่ยมไม่แพ้กันครับ ปิดท้ายของหวานด้วย "Panna cotta (300.-)" อัดแน่นด้วย กีวี และเบอรี่ ต่างๆ จากนั้นก็จิบกาแฟ "ลาเต้ร้อนๆ" รสเข้มข้น ช่วยเพิ่มความสดชื่นหลังมื้ออาหารหนักได้เป็นอย่างดี Gianduiotto Chocolates, Torta della nonna lemon cake, Panna cotta แลเ ลาเต้ร้อน
มื้อนี้ได้เต็มอิ่มกับอาหารอิตาเลี่ยนแท้ๆ หลากหลายแบบ ซึ่งรสชาติอาหารทำได้ดี ให้ความรู้สึกถึงความเป็นอิตาเลี่ยนแท้ๆ ซึ่งหาทานได้ยาก
โพสต์