อ่านรีวิวฉบับเต็ม
2019-11-01
213 วิว
วันนี้ก็ได้ฤกษ์มาประเดิมการซื้อดีล จากแอพหนึ่งในธีม Fine Dining ซึ่งร้านนี้เป็นดีลแรกที่เราไปใช้จากสี่ร้านที่ซื้อก็คือดีลที่ร้าน Fillets นั่นเองค่าา มีสองดีลให้เลือก เราเลือกเป็นมื้อกลางวันซึ่งเป็นเซ็ตโอมากาเสะนะคะสำหรับพิกัดของร้านก็อยู่หลังสวนนะคะ ในอาคาร The Portico ค่ะ อยู่ที่ชั้นสาม แล้วต้องเอาบัตรจอดรถไปให้ทางร้านประทับตรา เพื่อจะได้ไม่เสียค่าจอดนะคะ จากนั้นก็กดลิฟท์จากลานจอดรถขึ้นไปที่ชั้นสามได้เลยค่ะ จะเป็นลิฟท์ที่พอเปิดแล้วจะหันหน้าออกถนน ทางขวามือจะเป็นร้าน Mrs. Wu ส่วนทางซ้ายมือก็จะเป็นร้าน Fillets ของเชฟแรนดี้ค่ะ ซึ่ง Mrs. Wu นี่ก็เป็นร้านของเชฟแรนดี้เช่นกันนะคะบรรดารางวัลต่างๆ ที่ทางร้านได้รับค่ะ...เยอะเกิ๊น 555 ส
สำหรับพิกัดของร้านก็อยู่หลังสวนนะคะ ในอาคาร The Portico ค่ะ อยู่ที่ชั้นสาม แล้วต้องเอาบัตรจอดรถไปให้ทางร้านประทับตรา เพื่อจะได้ไม่เสียค่าจอดนะคะ
จากนั้นก็กดลิฟท์จากลานจอดรถขึ้นไปที่ชั้นสามได้เลยค่ะ จะเป็นลิฟท์ที่พอเปิดแล้วจะหันหน้าออกถนน ทางขวามือจะเป็นร้าน Mrs. Wu ส่วนทางซ้ายมือก็จะเป็นร้าน Fillets ของเชฟแรนดี้ค่ะ ซึ่ง Mrs. Wu นี่ก็เป็นร้านของเชฟแรนดี้เช่นกันนะคะ
บรรดารางวัลต่างๆ ที่ทางร้านได้รับค่ะ...เยอะเกิ๊น 555
สำหรับเชฟแรนดี้ -ชัยชัช นพประภา เป็น Celebrity Chef คนหนึ่งของเมืองไทยนะคะ เขาร่วมกับเชฟชาร์ลี กาเดอร์ เพื่อนสนิท เปิดร้านร้อยมหาเศรษฐ์ (100 Mahaseth) ที่เราไปกินตอนรอบที่แล้ว อ่านรีวิวได้ที่นี่
ก่อนหน้าที่เชฟจะกลับมาเมืองไทย เชฟแรนดี้เคยทำงานในโรงแรม Oriental Washington DC และเคยร่วมงานกับเชฟผู้โด่งดังจากรายการเชฟกระทะเหล็ก (Iron Chef) ของญี่ปุ่นอย่าง Masaharu Morimoto ด้วยค่ะ
บรรยากาศภายในร้านค่ะ จะมีทั้งที่นั่งเป็นโต๊ะๆ และที่นั่งหน้าเคาน์เตอร์ค่ะ แต่แน่นอนว่าเราเลือกเป็นเซ็ตโอมากาเสะ ก็ต้องไปนั่งที่หน้าเคาน์เตอร์นะคะ
อุปกรณ์ที่ทางร้านมีให้ค่ะ
ดีลที่ซื้อมาค่ะ 1599++ บาท ซื้อไปกับเพื่อนอีกคนคนละดีลนะคะ เลือกเป็นโอมากาเสะมื้อกลางวันค่ะ (ดีลนี้หมดไปแล้วนะคะ คิวเต็มแล้วด้วย ตอนก่อนซื้อเราก็โทร.ไปเช็คก่อนเลยว่ายังมีคิวโอมากาเสะกลางวันวันไหนอีกบ้างแล้วค่อยซื้อค่ะ ไม่งั้นซื้อไปอาจจะไม่เหลือคิวสำหรับวันที่เราจะไปได้แล้วก็ได้) ส่วนอีกดีลเป็นดินเนอร์ค่ะ ไม่แน่ใจว่ากว่าจะอัพรีวิวนี้จะหมดไปยัง 555
ส่วนเมนูปกติของทางร้านก็ประมาณนี้นะคะ
ปกติโอมากาเสะของร้านนี้จะมีกลางวันกับเย็นนะคะ มื้อกลางวันจะถูกกว่ามื้อเย็น มื้อเย็นจะเป็นราคา 4500++ กับ 6500++ ค่ะ โดยคอร์ส 6500++ จะเป็นเชฟแรนดี้มาปั้นให้ด้วยตัวเอง และต้องจองผ่านไลน์ส่วนตัวเชฟเท่านั้น โดยการขอไลน์เชฟ ต้องมาขอที่เคาน์เตอร์ของร้านนะคะ
ในดีลที่ซื้อมาเลือกได้ว่าเป็นชาเขียวร้อนหรือเย็น เราเลือกร้อนค่ะ ส่วนเพื่อนเลือกเย็น แล้วก็มีผ้าเย็นมาให้เช็ดมือก่อนด้วยนะคะ
จากนั้นก็มีของกินเล่นมาบริการก่อนค่ะ เรากินแปะก๊วยไปนิดหน่อย ไม่ได้ปรุงแต่งรสอะไรมาเท่าไหร่ค่ะ แต่ตัวถั่วแระญี่ปุ่นนี่กินเกลี้ยง แหะๆ
คำแรกค่ะ ปลากิเทได ทางเชฟกล้าบอกว่าเป็นปลากระพงตาสีทอง อยู่น้ำลึก คำนี้เชฟใส่วาซาบิเยอะไปนิด ทำให้กลบรสชาติปลาไปหน่อยค่ะ มีกลิ่นคาวตอนปลายๆ นิดๆ แฮะ
หลังจากเชฟเห็นเราถ่ายรูปคำแรกก่อนกิน เชฟก็แจ้งว่า พยายามอย่าถ่ายรูปนาน เพราะตอนเสิร์ฟคืออุณหภูมิข้าวพอดีสำหรับตอนกินแล้ว ถ้าถ่ายนานอุณหภูมิข้าวจะดร็อปลง ทำให้มีผลต่อรสชาติค่ะ หลังๆ เลยกดแค่สองแชะแล้วรีบกินเลยค่ะ 555 แล้วเชฟก็บอกว่า เมนท์ได้นะ วาซาบิเยอะไปหรือน้อยไปยังไง เราก็เลยบอกว่าของเราวาซาบิเยอะไปนิดหนึ่งค่ะ เชฟก็ปรับให้ค่ะ
คำที่สอง มิเกนมาได เป็นปลากระพงแดง เลี้ยงด้วยส้มยูสุกับอาหารค่ะ มีกลิ่นและรสมะนาวเบาๆ กำลังดี วาซาบิคำนี้ไม่เยอะไปแล้วค่ะ ปรับให้ได้ดีขึ้นค่ะ
คำที่สามเป็นปลาคัมบุรี คาวนิดๆ นะคะตัวนี้ แต่เนื้อปลาให้ความเด้งมากกว่าสองตัวแรกค่ะ
คำที่สี่เป็นซัมมะ เป็นปลาในซีซัั่นนะคะ เป็นปลาหนัง ซึ่งเชฟเตือนตอนเสิร์ฟว่า จะมีความคาวนิดๆ แต่มีอาโอบะ (เป็นหอมไทยกับขิงฝนช่วยดับกลิ่นคาว) ซึ่งพอกินจริงก็ไม่คาวนะคะ (ไม่แน่ใจว่าเพราะมีตัวช่วยดับกลิ่นอย่างที่เชฟบอกหรือเปล่า) คำก่อนหน้านี้คาวกว่าอีก แหะๆ คำนี้กลิ่นหอมเด่นด้วยค่ะ
เชฟดูตั้งใจ๊ตั้งใจปั้นค่ะ เสียดาย รอบนี้ลืมถ่ายเป็นวีดิโอมาให้ดูง่ะ
คำที่ห้าเป็นชูโทโร่กึ่งโอโทโร่ ข้าวคำนี้จะปั้นแน่นกว่าคำอื่นๆ (อันนี้เชฟบอกนะคะ) เพราะต้องราดซอส ถ้าปั้นไม่แน่น ข้าวจะแตกง่ายค่ะ ซอสเป็นโซยุกับแบล็คทรัฟเฟิลซัมเมอร์นะคะ ปลามีไขมันแทรกเล็กน้อย ยังมีความเป็นเนื้อปลาอยู่เยอะกว่ามันมากค่ะ หอมกลิ่นทรัฟเฟิลดีหละ
พอเสร็จจากคำก่อนหน้า ทางเชฟกล้ามีการเช็ดถาดที่ใช้วางซูชิตอนเสิร์ฟค่ะ คาดว่าน่าจะเพราะมีซอส กลัวว่าจะมีผลต่อรสของคำอื่นๆ กระมังนะคะ
ต่อไปเป็นคำที่หกซึ่งเป็นทูน่าค่ะ เชฟบอกว่ามีการเอจมา เนื้อปลามีรสเปรี้ยว เลยต้องดองกับซอสอีก 15 นาทีก่อนเสิรืฟ มีกลิ่นคาวปลายๆ นิดหนึ่งนะคะ
คำต่อไปเชฟมีการเอากล่องสมบัติออกมาด้วยค่ะ 555
ต่อไปเป็นคำที่เจ็ดกับไข่หอยเม่นค่ะ เชฟแจ้งว่า กลิ่นทะเลจะน้อยและหวานครีม เป็นโอกาว่าอูนิ พันธุ์บาฟุน ไม่ได้คาวมาก แต่มีกลิ่นสาบบางอย่างค่ะ ยังไงอูนินี่กินญี่ปุ่นที่ตลาดปลาไปเลยก็สดหวานสุดแล้วค่ะ กินในไทยนี่นอกจาก Tsu ที่เคยกินแล้วก็ยังไม่เคยเจอที่อื่นที่รู้สึกว่าดีมากๆ อีกอะนะ แต่ที่นี่ก็ไม่ได้แย่นะคะ เพียงแต่ยังไม่สุดง่ะ แหะๆ
คำที่แปดค่ะ ปลาไหลอานาโงะค่ะ ซึ่งเชฟแจ้งว่าคำนี้ต้องใช้เวลาในการรอย่างหน่อยนะคะ
ขั้นตอนเยอะพอควรค่ะ มีการบีบเลมอนและขูดเปลือกเลมอนด้วยหละ
คำนี้เป็นปลาไหลทะเล ซอสอุนางิ ทำจากการเคี่ยวกระดูกปลาไหลน้ำจืดนะคะ ส่วนเนื้อปลาจะมีการนึ่งก่อนย่างนะคะ ที่นึ่งก่อนเพราะต้องการให้ก้างเล็กๆ ในเนื้อปลาสุกนิ่มไปเลยค่ะ และย่างก็เพื่อเพิ่มความหอมให้ปลาค่ะ
คำนี้กลายเป็นคำที่เราชอบที่สุดไปเลยค่ะ หวานและหอมยูสุ อร่อย ถึงเทกซเจอร์ปลาจะยุ่ยไปนิด แต่รสชาติดีค่ะ
ต่อไปเป็นแฮนด์โรลนะคะ
ข้างในเป็นอาบุริกากุ หัวไชเท้ารมควัน มีความกรุบๆ อยู่ และมีทูน่าสามส่วนสับรวมกัน หัวไทของญี่ปุ่น ตอนเชฟเอาสาหร่ายมาห่อ จะมีการเอาส่วนหนึ่งพันปิดก้นกรวยด้วยค่ะ แต่เวลากิน เชฟก็ยังเตือนว่าให้หาอะไรรอง (ซึ่งก็ใช้เจ้าจานเสิร์ฟคำซูชิน่ะแหละค่ะมารอง) เพราะมีโอกาสที่ซอสจะหยด แล้วก็โนริที่พันเป็นแบบกรอบ ต้องรีบกินค่ะ เพราะถ้าทิ้งไว้นานก็จะเหนียว กัดยากนะคะ
จากนั้นเชฟก็มีการเอามะนาวที่ตอนแรกเรานึกว่าเป็นมะนาวไทยมาให้ดูด้วยค่ะ แต่เป็นมะนาวญี่ปุ่นนะคะ เขียวๆ ลูกเล็กๆ รสชาติจะเปรี้ยวน้อยกว่า แต่หอมไม่เหมือนของไทยค่ะ ซึ่งจะใช้ได้กับปลาบางตัวเท่านั้นค่ะ
เชฟยังเล่าต่ออีกว่าปกติโอมากาเสะของทางร้านจะไม่ได้ตัดปลาไว้ก่อนนะคะ จะต้องมีการตัดให้ดูก่อนปั้นซูชิเสิร์ฟ แต่ของวงในจะตัดไว้ค่ะ เพราะบางทีมาใช้พร้อมกันหลายๆ ดีล จะทำไม่ทันค่ะ แถมยังบอกอีกว่า ข้าวจะหุงเสร็จตอนเที่ยงพอดี ถ้ามากินตอนเที่ยงตรงเลย (เราได้รอบเที่ยงครึ่งค่ะ) ข้าวจะดีมาก และมื้อเที่ยงนี่จะปิดโอมากาเสะแค่บ่ายโมงสิบนะคะ เพราะข้าวจะเละไปแล้ว ซึ่งเราว่าเขาเอาใจใส่ดีหละ
เชฟยังแนะนำให้หาโอกาสมาลองคอร์ส 2900++ ด้วยค่ะ คุ้ม จะมีปลาเพิ่ม 15 คำ ในคอร์สรวมแอพพิไทเซอร์ ซุป ไข่ตุ๋น ไข่หวาน ซาชิมิอีกสองด้วยค่ะ
เสร็จสรรพเชฟก็เล่าให้ฟังว่าตอนนี้มีอูนิเบอร์หนึ่งอยู่ ตัวนี้ถ้าต้องการกินจะเป็นคำละ 1200 บาทค่ะ คำนึงจะใช้ตัวอูนิ 6 ตัวเลยค่ะ
ต่อมาค่ะ เป็นบาระสึราชิ (บาราจิ๋ว) ซึ่งเชฟแนะนำให้ใช้ช้อนตักตรงๆ ได้เลยไม่ต้องคน อันนี้เรากินแค่คำเดียวแล้วให้เพื่อนกินต่อ เพราะอิ่มมากแล้วค่ะ มื้อเย็นมีไปกินอีกร้าน เลยไม่ไหวง่ะ
อ้อ ลืมพูดเรื่องซุป ซุปของที่นี่ รสชาติดีนะคะ ไม่เค็มโดดเหมือนบางร้าน มีความหอมในปากด้วยค่ะ ดื่มเพลินดี
ให้ช้อนมาด้วย คงสำหรับคนไม่ชินการยกถ้วยดื่มแบบญี่ปุ่นหละค่ะ แต่เราก็ยกถ้วยดื่มเลยง่ะนะ แหะๆ
ของหวานในดีลเลือกได้ระหว่างผลไม้กับไอศกรีมมิโสะ ซึ่งอันนี้เรากับเพื่อนเลือกเหมือนกันค่ะคือไอศกรีม ซึ่งเสียดายเหมือนกัน เพราะเห็นคู่ข้างๆ มีเลือกผลไม้มาด้วย มีทั้งเมลอน สตรอเบอรี่ค่ะ รู้งี้สั่งไม่เหมือนกันก็ดี แหะๆ
ไอศกรีมอร่อยดีนะคะ ไม่ได้เค็มเหมือนชื่อที่ทำให้คิดไปก่อนว่ารสน่าจะเค็มๆ มีความหวานและหอมที่คล้ายๆ คาราเมลด้วย ส่วนมะเขือเทศกริลล์หน่อยๆ มา รสเข้ากันไม่น่าเชื่อค่ะ แปลกดีหละ
สรุปสำหรับร้านนี้นะคะ
เราว่าเป็นร้านโอมากาเสะที่น่าสนใจดีค่ะ บรรยากาศร้านก็เงียบๆ ไม่พลุกพล่าน ซึ่งเหมาะกับการได้ฟังเชฟเล่าเรื่องวัตถุดิบต่างๆ และดื่มด่ำกับรสชาติได้เต็มที่โดยไม่มีสิ่งแวดล้อมต่างๆ มารบกวนมาก ราคาค่อนข้างสูงอยู่ค่ะ แต่โดยทำเลและวัตถุดิบรวมทั้งความเป็นแบรนด์ของเชฟแรนดี้เอง ก็ตามนี้หละนะคะ ถ้าใครมีโอกาสก็ลองไปกินดูได้นะคะ
โพสต์