3
0
0
เบอร์โทร.
053-805-497
รางวัลที่เคยได้รับ
ร้านอาหารมิชลิน บิบ กูร์มองด์ (2019-2021)
เวลาเปิด-ปิด
วันนี้
09:00 - 14:00
จันทร์ - อาทิตย์
09:00 - 14:00
วิธีจ่ายเงิน
เงินสด
ข้อมูลอื่นๆ
มิชลิน ไกด์
ข้อมูลข้างต้นใช้เพื่ออ้างอิงเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลกับร้านอาหารอีกครั้ง
เมนูแนะนำ
ขนมจีนซาวน้ำ ข้าวผัดขมิ้นปลาทอด ข้าวยำ ผัดไทยกุ้งสด
รีวิว (3)
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วหนีไปเที่ยวเชียงใหม่มาครับ เรียกว่าเป็นทริปประจำปีก็ว่าได้ที่จะต้องขึ้นไปเที่ยวทางเหนือทุกปี ปีนี้ไปเที่ยวช้ากว่าปีที่แล้วเพราะติดทริปฮ่องกงตอนต้นเดือนธันวาคมพอดีกับที่จะไปร่วมงานรับปริญญาน้องที่รู้จักกันที่จบจากเชียงใหม่ด้วย แต่ว่าการขึ้นเชียงใหม่คราวนี้ก็พอดีกับที่ภาคเหนือมีอุณหภูมิลดลงอย่างมาก ขนาดอุณภูมิพื้นราบยังแค่ 9 – 10 องศา ฝนก็ตกปรอยๆทั้งวัน เล่นเอาหนาวยะเยือก แต่ก็ยังไม่หมดความพยายามที่จะตระเวณไปตามร้านอร่อยต่างๆเพื่อไปชิมอาหารเจ้าเด็ดมาฝากกันนะครับถ้าคิดตามบล็อกของเจ้าของบล็อกจะทราบว่าเจ้าของบล็อกมีเพื่อนรักสมัยมัธยมเปิดร้านอาหารอยู่ที่เชียงใหม่คนหนึ่ง และเป็นความตั้งใจของเจ้าของบล็อกด้วยที่จะไปเยี่ยมเพื่อนรักคนนี้ทุกครั้งที่ขึ้นไปเชียงใหม่เพราะเพื่อนรักคนนี้หาเวลาเจอกันยากมากๆ แค่ได้เจอหน้ากันก็หายคิดถึงไปช่วงนึงแล้วครับครัวย่า หมู่บ้านเชียงใหม่เลคแลนด์ เชียงใหม่วิธีการไป ร้านครัวย่า หมู่บ้านเชียงใหม่เลคแลนด์ถนนคันคลองชลประทาน เชียงใหม่ ก็ไปไม่ยากครับ เอาเส้นทางที่ไปง่ายที่สุดนะครับ(เพราะเส้นทางไปร้านครัวย่ามีหลายเส้นทางแล้วแต่ว่าจะอยู่ใกล้ทางไหนมากกว่ากันครับ) เริ่มต้นเส้นทางที่ถนนสุเทพตรงประตูสวนดอกหน้าโรงพยาบาลมหาราช(ใกล้ๆวัดสวนดอก) ขับรถออกนอก “เวียง” ตรงๆมาเลยครับ จะผ่านคณะพยาบาลศาสตร์ คณะเทคนิคการแพทย์ โรงพยาบาลมหาราช โรงพยาบาลประสาท คณะทันตฯ คุณะเภสัช ทางขวามือ (ทางขวามือเป็นเขตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นอาคารพาณิชย์ครับ) พอถึงแยกไฟแดงใหญ่ๆจะเป็นถนนเลียคลองชลประทาน (เรียกกันเล่นๆว่า “ถนนคันคลอง” หรือ “เส้นคันคลอง”) ซ้ายมือตรงหัวมุมจะเป็นตลาดใหญ่อีกตลาดหนึ่งรองจาก “กาดหลวง” และ“กาดต้นลำไย (กาด = ตลาด) คือ “กาดต้นพะยอม (ที่มีร้านโจ๊กชื่อดังคือ “โจ๊กศรีปิง” กับ “โจ๊กต้นพยอม” ไงครับ)” เราเลี้ยวซ้ายที่แยกนี้ แล้วขับตรงไปเรื่อยๆตามคันคลองชลประทาน ประมาณ 3 กิโลเมตรทางขวามือจะเป็นร้านอาหารพื้นเมืองชื่อดัง “คุ้มเวียงยอง”ให้เล็งทางซ้ายมือเอาไว้จะมีซุ้มเข้าหมู่บ้าน “เชียงใหม่ เลค แลนด์” อยู่ทางซ้ายมือเป็นซุ้มสูงๆสร้างในแบบทางเหนือครับเราเลี้ยวซ้ายเข้าหมู่บ้านได้เลยขับตรงเข้าไปผ่านวงเวียนไปก่อนแล้วขับตรงๆไปตามถนนเลยครับถนนจะพาเราเลี้ยวซ้ายขับต่อไปอีกนิดเดียวก็จะเห็น  ร้านครัวย่า อยู่ทางซ้ายมือ (บ้านเลขที่ 122/128) ครับก่อนจะเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่เจ้าของบล็อกก็ได้นัดหมายกับ “อ้น” เพื่อนรักว่าจะแวะไปร้านในวันอาทิตย์ “อ้น” กระซิบว่าให้มาเร็วๆ วันอาทิตย์แขกเยอะเดี๋ยวจะเม้าท์มอยกันไม่เต็มที่ “อ้น” ยังกระซิบอีกด้วยว่าจะเตรียมเมนูเด็ดเมนูใหม่ๆ ทั้งคาวทั้งหวานไว้ให้ชิมอีกด้วยพอถึงวันนัดหมาย เจ้าของบล็อกไปถึงร้านครัวย่า ตั้งแต่ตอนสายๆ หลังจากที่ได้ทำการทักทายคุณแม่ คุณพี่ เพื่อนอ้น และหลานๆ ไถ่ถามสารทุกข๋ดิบกันตามประสาเพื่อนรักที่นานๆจะเจอกันตัวเป็นๆซะที “เพื่อนอ้น” ก็รีบจัดอาหารมาเลี้ยงดูปูเสื่อทันที “เพื่อนอ้น” บอกว่าจัดให้อย่างแน่นทีเดียว(อาหารและเครื่องดื่มไม่มีราคานะครับ ไม่ได้ถ่ายเมนูมา)ระหว่างรออาหารเพื่อนอ้นก็สั่ง ยกล้อ มาให้ดื่มแก้กระหายก่อน กาแฟเย็นรสเข้มๆ หวานๆ ขมนิดๆ ชงแบบไทยๆ แล้วค่อยมาใส่นมข้นจืดก่อนดื่มได้รสหวานๆ มันๆ ชื่นใจแบบเข้มๆ ฮาร์ดคอร์จริงๆครับอีกแก้วเป็น น้ำกระเจี๊ยบรสหวานๆ หอมๆ เย็นๆ ชื่นใจ แก้กระหายแก้ร้อนได้ดีเชียวคราบอาหารสองเมนูแรกจริงๆแล้วตามเมนูเป็นอาหารจานหลัก แต่เจ้าของบล็อกสั่งมาเป็นอาหารทานเล่นครับ ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้แค่อาหารจานแรกก็รู้แล้วว่าคนปรุงใส่ใจกับอาหารทุกจานแค่ไหน เมนูก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ไม่มีอะไรมากมายเลยนะครับ มีเส้นเซี่ยงไฮ้ที่ลวกแล้วจัดมาอย่างสวยงาม ปริมาณก็กำลังพอดี มีเนื้อหมูต้มนุ่มๆ ชิ้นใหญ่ๆ แล้วก็มีเครื่องเคียงเป็นน้ำซอสกับต้นหอม ผักชี และขิงที่สับละเอียด เรื่องการซอย – การสับต้องยกให้ร้านครัวย่าเค้าครับ เค้าซอยเค้าสับได้ละเอียดมากๆ เวลาจะทานเมนูก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ก็เอาน้ำซอสราดลงไปในปริมาณตามชอบ แต่กระซิบนิดนึงว่าราดน้ำซอสปริมาณเท่าที่ร้านครัวย่าให้มาจะอร่อยที่สุดครับ เพราะทุกเมนูได้มีการทดลองทำมาแล้วว่าปริมาณเท่าไหนๆถึงจะอร่อยที่สุด น้ำซอสก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ถึงจะเป็นสีออกคล้ำแต่รสชาติออกหวานๆ เค็มๆ นะครับ แล้วพอเอาเครื่องโรยหน้า ต้นหอม ผักชีและขิงเล็กน้อยสับละเอียดโรยหน้าจะได้รสชาติที่ “สดชื่น” มากๆครับ .... ครับ .... อ่านไม่ผิดครับ อาหารคาวแต่รสชาติ “สดชื่น” ครับ อาจจะเป็นเพราะขิงสับละเอียด ต้นหอมผักชีสับละเอียด และน้ำซอสที่รสชาติออกหวานๆ เค็มๆ เบาๆ ก็ได้นะครับ ที่ทำให้เมนูนี้เป็นเมนูอาหารคาวที่ “สดชื่น” ....เมนูที่เจ้าของบล็อกสั่งมาเป็นเมนูทานเล่นอีกเมนูหนึ่ง ข้าวมัน – ส้มตำเมนูนี้ละมุนละไมมากๆครับ ข้าวมันก็เป็นข้ามหุงด้วยน้ำกะทิที่ไม่มันมากนักและที่สำคัญคือไม่แฉะเลยครับ ข้าวเม็ดสวยและหอมกะทิมากๆ ส้มตำที่เสิร์ฟคู่กันก็เป็นส้มตำไทยรสชาติออกหวานมีรสเปรี้ยว เผ็ด เค็ม นิดๆเท่านั้น เวลาทานก็จะทานแนมกับหมูฝอยผัดหวานช่วยเสริมกันทั้งรสชาติและรสสัมผัสครับ ถึงแม้เมนูนี้เป็นเมนูหนักเมนูหนึ่งแต่เจ้าของบล็อกคิดว่าก็สามารถเป็นเมนูทานเล่นได้อย่างสบายๆ ด้วยความที่ข้าวมันกะทิของร้านครัวย่านุ่ม ฟู รสละมุน ไม่หนักมาก ส้มตำที่ออกหวานๆ มีรสเผ็ดนิดเดียว ทำให้เมนูนี้สามารถเป็นเมนูทานเล่นระหว่างรอจานหลักได้เลยครับข้าวคลุกกะปิเมนูนี้เวลาจะทานจะต้องคลุกให้เครื่องทุกอย่างเข้ากันอย่างดี ถึงหน้าตาของเมนูนี้เวลาคลุกให้เข้ากันแล้วจะไม่สวยงามเท่ากับเมื่อตอนที่ยกมาเสิร์ฟ แต่รสชาติของข้าวคลุกกะปิเวลาคลุกเครื่องทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้วกลมกล่อมมากๆ มีหวานนิดๆของหมูหวาน รสเปรี้ยวของมะม่วงซอยที่ซอยมาอย่างละเอียดมากๆ และมีรสเผ็ดๆของพริกขี้หนูซอยเพิ่มเข้ามานิดๆ ทำให้รับประทานได้มากขึ้น คุณแม่ของ “เพื่อนอ้น” ได้อธิบายให้เราฟังว่ากะปิที่เอามาทำข้าวคลุกกะปิต้องสั่งมาแยกกับกะปิที่ตำน้ำพริกเพราะต้องใช้กะปิที่ทำจากเคยแท้ๆรสชาติติดหวานๆนิดๆที่ปลายลิ้นเท่านั้นทีนี้มาถึงอาหารจานหลักกันบ้างนะครับ ข้าวคั่วกลิ้งปลาสลิดเมนูนี้ “เพื่อนอ้น” เอาปลาสลิดแห้งมาขูดเนื้อให้ฟูๆ แล้วนำไปทอดจนกรอบก่อนจะเอามาผัดกับน้ำพริกคั่วกลิ้งซึ่งตำกันเองและเป็นสูตรเฉพาของร้านครัวย่า คั่วกลิ้งปลาสลิดรสสัมผัสกรอบๆ หอมเครื่องแกงและใบมะกรูดที่ซอยละเอียดยิบๆเตะจมูกมาก่อนใครก่อนที่จะยกมาเสิร์ฟอีก รสของคั่วกลิ้งไม่ได้เผ็ดจี๊ดๆตั้งแต่คำแรกที่ตักเข้าปากเหมือนคั่วกลิ้งทั่วไปนะครับ แต่จะค่อยๆเผ็ดซึมลึกทีละนิดๆ รู้ตัวอีกทีตอนกินไปครึ่งจานเหงื่อเริ่มออกหัวครับ ดีที่เมนูนี้มีน้ำซุปมาให้ซดแก้เผ็ดด้วยขนมจีน - น้ำยาเมนูนี้คาอยู่ในใจเจ้าของบล็อกตั้งแต่มาร้านครัวย่าตั้งแต่คราวที่แล้วครับ คราวที่แล้วสั่งขนมจีนน้ำพริกรสกลมกล่อม - เครื่องอลังการมาทานก็เลยยั้งเมนู ขนมจีน - น้ำยา เอาไว้ มาคราวนี้ก็เลยเลือกเมนู ขนมจีน - น้ำยา มาทานเป็นอย่างแรก ขอบอกว่าน้ำยาร้านครัวย่ารส “ผู้ดี” มากๆครับ แอบตักชิมเฉพาะน้ำยาก่อนก็ได้รสที่ละมุนมากๆ น้ำยาข้นด้วยเนื้อปลาที่โขลกลงไปในน้ำยา รสชาติเมื่อชิมครั้งแรกก็ไม่ได้ออกรสเผ็ดจี๊ดจ๊าดนะครับ น้ำยาออกรสเผ็ดก็จริงแต่เป็นรสเผ็ดที่ละมุนมากๆ พอทานๆไปเรื่อยๆ รสเผ็ดถึงมากขึ้นๆทีละนิดๆครับ และก็หอมเครื่องแกงที่โขลกกันเองในร้านมากๆเลยครับอันนี้แอบกระซิบท่านผู้อ่านนิดนึงนะครับเครื่องแกงบดด้วยเครื่องกับเครื่องแกงโขลกเองนั้นจะมีกลิ่นที่ต่างกันมากครับ เครื่องแกงที่บดที่มีขายตามตลาดทั่วไปจะผ่านการบดด้วยเครื่องเฉยๆ ไม่ได้ผ่านการตำ การขยี้ ความหอมของเครื่องสมุนไพรเช่น หอมแดง ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด จะน้อยกว่าเครื่องแกงที่ผ่านการขโลกด้วยครก เพราะการขโลกด้วยครกคือการตำให้กระทบกับของครกกับสากต่อมน้ำมันที่อยู่ในสมุนไพรต่างๆจะแตกออกและส่งกลิ่นหอมเฉพาะตัวออกมาทำให้เครื่องแกงมีกลิ่นหอมอบอวลแล้วการผัดเครื่องแกงกับน้ำมันหรือกระทิก็จะทำให้น้ำมันหอมระเหยของสมุนไพรส่งกลิ่นหอมขึ้นไปอีกครับ เดี๋ยวนี้หาร้านอาหารที่ตำเครื่องแกงเองยากนะครับเพราะยุ่งยากเปลืองเวลา แต่ที่ร้านครัวย่ายังตำเครื่องแกงสูตรเฉพาะกันเองครับ “เพื่อนอ้น” บอกว่าเหนื่อยและเสียเวลากว่าก็จริงแต่จะให้ซื้อเครื่องแกงจากตลาดก็ไม่เอาครับสตูว์ลิ้นวัวเมนูนี้ฝรั่งจ๋าเลยครับ ลิ้ววัวไม่ได้เหนียวจนเคี้ยวไม่ออกนะครับ เคี้ยวแล้วมันเด้งๆสู้ฟันมากครับ น้ำซอสก็กลมกล่อมมากๆครับออกรส หวาน ๆ เปรี้ยวนิดๆ ตามรสของซอสมะเขือเทศเท่านั้น ลิ้นวัวก็ชุ่มน้ำซอสมากครับ เคี้ยวไปๆน้ำซอสที่อยู่ในลิ้นวัวก็ค่อยๆซึมออกมาๆ ชุ่มฉ่ำมากๆครับ “เพื่อนอ้น” บอกว่าถ้าไม่กินเนื้อวัวก็มีสตูว์ลิ้นหมูให้เลือกชิมนะครับแกงมัสหมั่นไก่แกงถ้วยนี้นอกจาก “เพื่อนอ้น” จะภูมิใจนำเสนอแล้วยังเป็นเมนูที่เจ้าของบล็อกอยากลองชิมมานานแล้วด้วย ด้วยเห็นรูปของ “เพื่อนอ้น” กับคุณแม่ที่ไปเลือกซื้อเครื่องเทศในตลาดที่ “เพื่อนอ้น” โพสลงใน FB แล้วรู้สึกได้เลยว่าแกงถ้วยนี้จะต้องหอมกรุ่นกลิ่นเครื่องเทศแน่ๆ แล้วก็ไม่ผิดหวังเลยครับ ..... แกงมัสมั่นไก่ถ้วยนี้หอมกลิ่นเครื่องเทศมากๆ และหอมยิ่งกว่าแกงมัสมั่นของเจ้าไหนๆเพราะ “เพื่อนอ้น” บอกว่านอกจากจะเลือกเครื่องเทศมาใส่แกงมัสมั่นเองแล้วน้ำพริกแกงมัสมั่นที่ร้านครัวย่ายังตำแล้วผัดใหม่ๆกันแทบทุกวัน มีเครื่องเทศบางอย่างที่ใส่มากกว่าแกงมัสหมั่นของเจ้าอื่นๆถึงได้ทำให้แกงมัสหมั่นที่ร้านครัวย่าหอมฟุ้งจรุงใจเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญแกงมัสหมั่นไก่ถ้วยนี้ไม่มีมันลอยหน้าเลยนะครับ ดูข้นน่าซดแบบคลีนๆ น่ากินสุดๆ เพราะ “เพื่อนอ้น” บอกเคล็ดลับมาว่าตอนที่เคี่ยวไก่กับหางกะทิได้ช้อนมันไก่ทิ้งหมดครับแกงถ้วยนี้ถึงได้ดูน่ากินอย่างนี้ส่วนของหวานปิดท้าย “เพื่อนอ้น” ภูมิใจเสนอ ข้าวเหนียวน้ำกะทิ (สด) ทุเรียน ครับข้าวเหนียวก็มูนโดยคุณแม่เองโดยใช้กะทิคั้นข้นๆจากตลาด คุณแม่เล่าให้ฟังว่าคุณแม่มักจะไปจู้จี้กับแม่ค้าเพราะอยากได้ของดีๆมาให้ลูกค้าทาน อย่างกะทิก็เหมือนกัน กะทิที่เอามามูนข้าวเหนียวก็ต้องเป็นกะทิขูดขาว ถ้าไปสั่งแม่ค้าคั้นก็ต้องให้แม่ค้าเค้าปอกเปลือกที่ดำๆจากเนื้อมะพร้าวทิ้งให้หมดถึงจะได้กะทิขูดขาวมามูนข้าวเหนียว กะทิที่เอามาทำน้ำกะทิก็จะต้องเอาแต่หัวกะทิ จากมะพร้าวขูด 2 – 3 กิโล คุณแม่ให้แม่ค้าคั้นเอาหัวกะทิมาเพียงกิโลเดียว คุณแม่ยกตัวอย่างให้ฟัง แล้วแม่ค้าสมัยนี้จะชอบเอามะพร้าวแช่น้ำก่อนขูดกะทิที่ได้จะเสียง่าย สังเกตุจากที่ตั้งกรทิไว้ข้างนอกตู้เย็นไม่นานก็จะมีกลิ่นไม่ดี คุณแม่มีเคล็ดลับก้นครัวที่ง่ายๆ แบบที่คิดไม่ถึงในการรักษาน้ำกะทิ (สด) ทุเรียนไม่ให้เสีย .... แต่จะเป็นเคล็ดลับอะไรต้องไปถามคุณแม่กับตัวดูเองนะครับข้าวเหนียวน้ำกะทิทุเรียน (สด) ถ้วยนี้หวานไม่มากครับและได้ความหอมมันจากหัวกะทิคั้นสดมาเต็มที่ ข้าวเหนียวมูนที่ใส่มาก็เม็ดสวย หอมละมุน ส่วนทุเรียนที่เอามาทำเมนูนี้ก็เป็นทุเรียนพันธุ์ชะนี .... ทุเรียนชะนีซื้อที่กรุงเทพฯก็ว่าแพงแล้วลองไปซื้อที่เชียงใหม่ซิครับ แพงกว่ากรุงเทพฯหลายเท่านัก แล้วคุณแม่ใส่เนื้อทุเรียนมาต่อถ้วยไม่ใช่น้อยๆเลยครับ ถามคุณแม่ว่าทำไมไม่ใช้ทุเรียนพันธุ์อื่นคุณแม่บอกว่าทุเรียนพันธุ์ชะนีมีกลิ่นหอม มีรสหวานๆ มันๆ ถ้าเป็นหมอนทองไม่เหมาะเอามาทำน้ำกะทิทุเรียนเพราะว่าจะติดรสขมๆที่ปลายลิ้นได้กลับมากินข้าวร้านครัวย่าอีกครั้งก็เหมือนกับการที่ได้มากินข้าวบ้านเพื่อนรักอีกที “เพื่อนอ้น” ถ่ายทอดเอาฝีมือของคุณแม่มาครบถ้วนทุกอย่างตั้งแต่การเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ เอาใจใส่ในการปรุงอาหารนอกจากเพื่อจะให้อาหารออกมาแบบเน้นคุณภาพแล้วยังเป็นการเอาใจลูกค้าด้วยอาหารที่อร่อยและดีอีกด้วย มาคราวนี้เห็นความมั่นใจในการเป็นเจ้าของร้านอาหารที่มีคุณภาพฉายแววชัดๆในสายตาคุณเพื่อนก็ให้ภูมิใจและดีใจกับ “เพื่อนอ้น” ด้วยจริงๆครับ  อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
ระดับ4 2015-01-24
125 วิว
ก่อนอื่นขอสวัสดีปีใหม่ 2558 กันก่อนครับขอให้ปีนี้ทุกท่านมีแต่ความสุข ร่ำรวย ๆ อิ่มหนำสำราญไร้โรคภัยไข้เจ็บ ประสบความสำเร็จทุกสิ่งอย่างครับตัวผมนั้นได้มีโอกาสไปเที่ยวเชียงใหม่ ก็เลยนำร้านอาหารร้านกาแฟ ร้านหมูกระทะ ที่โด่งดังมารีวิวฝากกันครับก่อนอื่นเริ่มจากร้านอาหารก่อนเลยครับ"ร้านครัวย่า" เป็นร้านอาหารเก่าแก่ที่มีไม่กี่โต๊ะแต่อบอุ่น มีไม่กี่เมนูแต่อิ่มอร่อยได้ง่าย ๆอยู่ภายในรั้วบ้านซึ่งใช้บริเวณหน้าตัวบ้านทำเป็นร้านอาหารในหมู่บ้านเชียงใหม่เลคแลนด์ ถนนเลียบคลองชลประทานอาหารมีให้เลือกดูเป็นเมนู 1 แผ่น 2 หน้า แต่สั่งเลยอร่อยทุกอย่างเป็นแนวตำหรับชาววัง ตำหรับโบราณ หาทานไม่ได้ง่าย ๆ ด้วยนะ และแต่ละวันก็จะมีอาหารประจำวันให้ได้ลิ้มรสด้วยครับแต่เสียดายที่วันที่ไปนั้น ครัวจะปิดอยู่แล้ว และบางอย่างก็หมดแล้วเลยได้แต่ชิมนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ก็พอทำให้รู้ได้ว่า ร้านนี้อร่อยจริง!ที่ได้ลองชิมก็มีผัดไทกุ้งสด เส้นนุ่ม ผัดได้กลิ่นหอม และหน้าตาดีใส ๆ สะอาด ๆข้าวห่อทอด(อาจจะจำชื่อผิด) ด้านในคล้ายแหนม/ไส้กรอกเปรี้ยวห่อแผ่นแป้งแล้วนำไปทอด อันนี้ทีเด็ดเหมือนกันครับหมูแดดเดียว ทอดได้หอมฉุย รสดีกลมกล่อมมาพร้อมกระเทียมและใบมะกรูดทอดกรอบเข้ากันดีหมูย่าง หมักได้รสชาติเข้มข้น หมูนุ่ม อร่อยครับสตูว์ลิ้นหมู ตุ๋นลิ้นได้นุ่มละลาย รสชาติครบสูตรไม่มีความเหนียวและเหม็นสาบแม้แต่น้อยข้าวสวย เป็นข้าวหอมมะลิหุงได้นุ่มละมุนครับเครื่องดื่ม น้ำอัญชันตะไคร้ หอมตะไคร้แต่ไม่ฉุนรสหวานกำลังดี ไม่ทำให้เสียรสชาติอาหารแต่อย่างใดร้านนี้รอบนี้ขอรีวิวสั้น ๆ เพราะว่าตั้งใจมาดื่มกาแฟและขนมร้าน A/sa/ma Cafe ในบทความต่อไปมากกว่าครับ ^^ สนใจติดต่อสอบถามอาหารและการเดินทางได้ที่เบอร์โทร 087-300-5145, 089-433-3883ร้านเปิด 09.00-14.00 น. ทุกวันรับเงินสด และบัตรเครดิต(ชาร์จ 3%) อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)