2
1
0
เบอร์โทร.
086-914-0777
089-755-2623
เวลาเปิด-ปิด
วันนี้
08:00 - 18:00
จันทร์ - อาทิตย์
08:00 - 18:00
ข้อมูลข้างต้นใช้เพื่ออ้างอิงเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลกับร้านอาหารอีกครั้ง
เมนูแนะนำ
ศาลากาแฟ @ แม่ริม ร้านนี้เพื่อนเจ้าถิ่นพามาค่ะ หลังจากตะบี้ตะบันฟาดเค้กไปหลายชิ้น เพื่อนก็บอกว่ามีร้านอยากพามาทาน เอิ่มมม ทำไมไม่บอกแต่แรกคร๊าาาา ย่อยไม่ทันเลยเรา เส้นทางที่มา พูดเลยค่ะ ว่าจะไม่ได้เลย อยู่นอกเมือง สลับซับซ้อน เข้ามาลึก เหมือนเข้าป่ามาเรื่อยๆ คือเราก็มั่นใจกับเพื่อนเน๊อะ เลยไม่สนใจจะจำทางเลย 55 พอมาถึง เฮ้ยยย รู้สึกปลอดโปร่งมากกกก บรรยากาศดีฝุดๆ ร่มรื่น ต้นไม้เยอะ มีมุมให้ถ่ายรูป นั่งพักผ่อนเยอะมากกก แต่ยังงงกับเส้นทาง ไม่ได้ถ่ายรูปมาซักรูปเลย เดินชมบรรยากาศ แล้วก็สั่งอาหารค่ะ ที่นี่มีทั้งเครื่องดื่ม อาหารจานเดียว ราคาไม่แพงมาก แถมอร่อยอีกด้วย แถมบรรยากาศดีๆ ที่ได้เจอ คุ้มเว่อร์กับที่ดั้นดนมา อาหารที่สั่งไปหน้าตาดี รสชาติก็ดีทุกจานค่ะ คือลืมเรื่องที่เพิ่งทานเค้กไปหมดสิ้น 555 ถ้ามีโอกาสก็ไปทานอีกค่ะ แต่คงต้องหาข้อมูลเส้นทาง เปิด GPS แพร๊พพพนะคะ
อ่านต่อ
ร้านอาหารเมืองชียงใหม่ที่จะมาแนะนำร้านต่อไปเป็นร้านอาหาร – ร้านกาแฟที่มีชื่อเสียงแห่งอำเภอแม่ริมครับ บรรยากาศร้านดี๊ .... ดี .... ทีเดียวครับ เหมือนนั่งทานอาหาร – ทานกาแฟอยู่กลางป่า อิอิอิศาลากาแฟ แม่ริม เชียงใหม่ร้านศาลากาแฟมาไม่ยากครับ แต่ต้องแยกออกจากถนนหลักแล้ววิ่งตามเส้นรองสักครู่ครับ จากเชียงใหม่ถึงอำเภอแม่ริมเราใช้โชตนา (หมายเลข 107) ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักที่จะไปอำเภอแม่ริมครับ พอเลยที่ทำการไปรษณีย์แม่ริมทางซ้ายมือ ที่ว่าการอำเภอแม่ริมและสถานีตำรวจภูธรอำเภอแม่ริมทางซ้ายมือแล้วให้เลี้ยวซ้ายตรงไฟแดงครับ จะเป้นทางที่เข้าไปวัดแม่ริม และวัดป่าดาราภิรมย์ครับ จะผ่านวัดแม่ริมทางด้านขวามือ พอข้ามคลองชลประทานก็จะผ่านทางเข้าวัดป่าดาราภิรมย์ทางซ้ายมือ ขับตรงต่อไปเรื่อยๆ ไปเลี้ยวซ้ายอีกทีเลยสำนักงานประปาแม่ริม (อยู่ทางขวามือ) ครับ ขับตรงมาเรื่อยๆประมาณ 2 กิโมเมตรให้เลี้ยวซ้ายที่ภาพในรูป (ไม่สามารถบอกเป็นตัวอักษรได้เพราะไม่มี landmark อะไรเลยครับ) แล้วขับตรงไปอีกไม่ไกลก็จะถึงร้านศาลากาแฟแล้วครับ ให้สังเกตป้ายร้านรูปสีเหลี่ยมจตรัสสีเขียวติดอยู่ตามแยกนะครับ รับรองไม่หลงครับมีเรื่องมาเล่าก่อนที่จะรีวิวร้านนี้ครับ คือว่าร้านนี้ไปทานมาตั้งแต่ตอนที่ไปเที่ยวเชียงใหม่เดือนธันวาคมที่แล้ว ทีนี้ร้านอาหารที่อยู่ใน list ยังมีอยู่เยอะ (มาก) ครับ ก็เลยยังไม่ได้รีวิว พอกลับมาเชียงใหม่ได้ไม่นานก็ได้ข่าวว่าร้านศาลากาแฟโดนไฟไหม้ใหญ่ รู้สึกเสียดายมากๆที่ไม่ยอมรีวิวร้านศาลากาแฟก่อน แต่ยังไม่ลบรูปครับ เก็บรูปไว้ดูก่อน พอไม่นานมานี้ได้ข่าวว่าร้านศาลากาแฟเค้ากลับมาเปิดบริการอีกครั้งหนึ่งรู้สึกดีใจมากกกกกกกกก ก็เลยรีบเอารูปร้านอาหารในทริปเชียงใหม่กลับมาโพสครับร้านศาลากาแฟเป็นร้านกาแฟ + อาหารประเภทสวนอาหารครับ ตัวร้านตั้งอยู่ในสวนบนพื้นที่เชิงเขาขนาดใหญ่มากๆ เฉพาะตัวร้านเป็นอาคารไม้สไตล์ทันสมัยสร้างเรียงกัน 3 หลัง แต่ละหลังห่างกันพอประมาณมีทางเดินเชื่อมถึงกันหมด อาคารที่ใกล้ทางเข้ามากที่สุดเป็นอาคารหลักครับ มีเคาน์เตอร์ชงกาแฟ ตู้เค้ก และแคชเชียร์ มีที่นั่งประมาณหนึ่ง ส่วนอาคารอีก 2 หลังเป็นที่นั่งทั้งหมดครับ นอกจากนั้นยังไม่ที่นั่งภายนอกอาคารอยู่ในสวน มีโต๊ะที่นั่งเป็นจุดๆ ก็มีหลายโต๊ะอยู่นะครับ ที่สำคัญมีร่องน้ำเล็กๆไหลผ่านสวนด้วย นั่งชิวๆ จิบกาแฟไป ฟังเสียงน้ำไหลไปมันช่างมีความสุขมว๊ากกกก ครับเราไปถึงที่ร้านศาลากาแฟตอนสายๆ หลังจากที่ไปเที่ยวชมพระตำหนักดาราภิรมย์เสร็จแล้ว เลยยังไม่รู้สึกหิวอาหารหนัก เลยสั่งกาแฟกับขนมมาชิมกันก่อนครับเครื่องดื่มแก้วแรกคือลาเต้ปั่นเพิ่มวิปปิ้งครีม ราคา 95 บาท ลาเต้คาราเมลเย็นเพิ่มวิปปิ้งครีม ราคา 85 บาทลาเต้เย็น ราคา 65 บาทเครื่องดื่มทั้ง 3 แก้วได้ชิมแก้วเดียวนะครับ (แก้วของตัวเอง) ลองชิมชั้นของกาแฟดูแล้วเข้มข้นใช้ได้เลยนะครับ พอคนผสมกับชั้นของนมแล้วชิมดูรสของกาแฟดรอปไปนิดนึงเพราะผสมกับนมแต่จะได้รสหวานนิดๆ แล้วก็รสมันๆของนมเข้ามาแทน โดยรวมก็อร่อยเลยครับ สารภาพว่าชอบกาแฟลาเต้เย็นที่เสิร์ฟมาแบบแยกชั้นนมกับกาแฟอยู่แล้วครับ เห็นไม่ได้ครับ ต้องปรี่เข้าไปสั่งทู๊กกกกก .... ที รู้สึกว่าเสิร์ฟแบบนี้น่ากินกว่าที่ผสมกาแฟกับนมมาแล้วอ่ะครับ ยิ่งใส่มาในแก้วใบใหญ่ๆ สูงๆ สีฟ้าๆ ยิ่งน่ากินไปกันใหญ่ครับขนมชิ้นแรกที่สั่งมา แอบเปิ้ลพาย (Apple Pie) ราคา 70 บาทแอบเปิ้ลพายชิ้นนี้เสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีมชอคโกแลตชิปด้วยนะครับ ตัวพายกรอบๆ นุ่มๆ เค็มนิดๆ ไส้เป็นแอบเปิ้ลเปรี้ยวๆ หวานๆ ใส่มาเยอะเลยครับ เรียกได้ว่าแอ๊บเปิ้ลล้วนๆเลยครับ และหน้าครัมเปิ้ลรสเค็มๆ มันๆ รสสัมผัสกรุบๆ ได้รสชาติมากๆครับขนมชิ้นที่สอง ชีสเค้กส้ม (Orange Cheese Cake) ราคา 60 บาทปกติไม่โปรดมากนะครับขนมประเภท cheese cake เนี่ยะ เพราะรู้สึกว่าเนื้อเค้กมันหนักมากไป มันมากไป รสจัด ทำให้อิ่มเร็ว แต่ cheese cake ร้านศาลากาแฟเนื้อไม่หมักมากครับ ยังมีความนุ่มอยู่บ้าง พอเนื้อเค้กไม่หนักมาก ก็มี่ความมันจนเกินไปด้วย รสก็ไม่จัดจนเกินไป ทำให้รู้สึกว่าทานได้มากขึ้น และถึงแม้ว่าหน้า cheese cake จะเป็นซอสส้มซึ่งทำให้มีความเปรี้ยวมากกว่าปกติ (ปกติ cheese cake จะออกรสเปรี้ยวๆ อยู่แล้ว) แต่ซอสส้มให้รสเปรี้ยวที่แตกต่างออกไป เป็นความเปรี้ยวๆที่สดชื่นก็เลยทำให้เอร็ดอร่อยกับ Orange Cheese Cake ชิ้นนี้ได้ขึ้นเป็นกองเชียวครับถ้าผ่านมาแถวๆแม่ริม และพอที่มีเวลาที่จะแวะทานกาแฟในร้านบรรยากาศบนเนินเขาดีๆ ละก็อย่าลืมแวะที่ร้านศาลากาแฟนะครับ รับรองว่าบรรยากาศดีจริงๆ กาแฟกับขนมก็อร่อยครับChubby Lawyer’s Café’ ………………………………… ร้านอร่อย ....... ตามใจฉัน
อ่านต่อ
วิธีไปร้านคงไม่ต้องบอกกันแล้วนะ ดูตามแผนที่เอานะเออ คนรีวิวขี้เกียจเขียน 555 เอาเป็นว่าดูตามแผนที่ ไม่งั้นก็สอบถามว่าการประปาแม่ริมไปทางไหน ถ้าเจอ ก็เลี้ยวเข้าซอยตรงข้ามการประปา ขับไปตามป้ายบอกทางของร้านเลย...ร้านนี่ทำเอาคนหลงทางบ่อย เลยต้องมีป้ายบอก 555เป็นร้านที่ชวนให้หลงทางในการมาสุดๆ หากใครอ่านแผนที่ไม่ชำนาญ แค่นี่ขนาดว่าหาทางเข้ายาก ยังมีรถยนต์หรูหราไฮโซ ยันบิ๊กไบค์เข้ามาจอดเต็มร้านเลยตอนอิฉันมา จนเกือบไม่มีที่จอด...แสดงให้เห็นว่าร้านนี่มีดีแน่จริง ไม่งั้นคนไม่ถ่อสังขารหาทางมาเจี๊ยะให้ได้ร้านตกแต่งบรรยากาศเหมือนอยู่ในสวนขวัญ เป็นบ้านไม้สองชั้นท่ามกลางป่า เสียดายไม่มีวิวให้ชม แต่ไฮไลต์เด่นของร้านอยู่บนชั้นสอง ตกแต่งสไตล์เหมือนบ้านคุณตาคุณยายมาก เงียบสงบ เหมาะไปนอนกลิ้งเล่นแบบไม่แคร์สายตาผู้ใด้เมนูอาหารของที่นี่เริ่มตั้งแต่ 8 โมงเช้าจนถึง 6 เย็น ไม่มีอาหารเช้า(แต่ถ้ากินแบบมื้อสายพอได้อยู่)ถึงแม้ชื่อร้านจะบอกว่าเป็นร้านขายกาแฟ...แต่เมนูหนักท้องของที่นี่ก็มิได้ด้อยกว่าแต่อย่างใดเมนูแรกที่นำมาเสิร์ฟก่อนคือ ลาเต้คาราเมลเย็น (60 บาท) และ ชาเอิร์ลเกย์ (60 บาท) แก้วใหญ่ รสชาติเย็นชื่นใจ โดยเฉพาะลาเต้ ที่มีรสหวานของคาราเมลมาช่วยซอฟท์ความขมของกาแฟลง และทำให้หวานกำลังพอดี ไม่เหมือนลาเต้ที่ข้าเจ้าเคยดื่มแล้วรู้สึกไร้รสชาติยังไงชอบกล...แก้วนี่ผ่าน!เมนูต่อมาเป็นอาหาร...เบาๆกันสักหน่อยกับ สลัดหมูย่างน้ำใส (90 บาท) จัดเต็มมาทั้งผักทั้งหมู กินคนเดียวยังไม่หมดเลย สมควรสั่งมาแบ่งกันกินหลายคน ส่วนน้ำสลัดก็เปรี้ยวได้ใจกำลังพอดีหนักขึ้นมาอีกนิดกับ สปาเกตี้หอยลาย (120 บาท) อันนี้เสิร์ฟมาจาน(ปีก)ใหญ่ทีเดียว โรยตกแต่งผักชีเป็นลูกเล่น รสชาติไม่เผ็ด หอมใช้ได้และเพิ่มความหนักขึ้นมาขีดสุดกับพิซซ่ามาการิต้า (250 บาท) เป็นพิซซ่าแป้งบางแบบ 6 ชิ้น เป็นพิซซ่ามังสวิรัติ มีแต่มะเขือเทศกับผลเบซิส ชีสมอสซาเรล่านุ่มลิ้น อร่อยสุดๆ ไม่หนักท้องมากนัก แนะนำเลย!ของหวานล้างปากตบท้ายสองชิ้นด้วย พายมะพร้าว (70 บาท) พายดูไส้เลอะๆไปหน่อย หอมกลิ่นมะพร้าวเล็กน้อย แต่รสชาติก็โอเคทีรามิสุ (80 บาท) เนื้อเค้กเลอะนิดหน่อย แต่ไม่มากเท่าพายมะพร้าว กลิ่นหอม รสชาติใช้ได้สรุปโดยภาพรวม ถ้าประเมินในสายตาของสาวเหนือที่เห็นมีคนเข้าร้านกันแน่นในช่วงเที่ยง มีตั้งแต่หนุ่มบิ๊กไบค์ขับรถเที่ยว ยันไฮโซขับเบนซ์ ทำให้เชื่อแล้วว่า หนทางกว่าจะมาร้านนี่ได้ ดูไม่ใช่เรื่องยากลำบากสำหรับลูกค้าที่จะมากิ๋นของลำๆ และจิบกาแฟรื่นรมย์อยู่ในบรรยากาศแบบดอยได้(แม้จะเป็นดอยเตี้ยไปหน่อย) นี่ถ้าเปิดเป็นมื้อเย็นด้วย เติมไฟวอร์มไลค์ มีดนตรีประกอบสักนิด น่าจะแจ่มไม่น้อยเรื่องการให้บริการ ก็ถือว่าใช้ได้ พนักงานเคาน์เตอร์อาจจะไม่ค่อยยิ้มนัก แต่อิฉันไม่ค่อยวอรี่ ส่วนพนักงานเสิร์ฟยิ้มแย้มแจ่มใสใช้ได้เรื่องอาหารหลัก-ตามสั่ง ถือว่าใช้ได้ โดยเฉพาะสลัดและพิซซ่า แต่เค้กในส่วนที่สาวเหนือสั่งมาอาจต้องปรับปรุงเรื่องเนื้อเค้กที่เลอะไปหน่อย แต่เมนูเค้กอันอื่นไม่ได้ลอง...อันนี้สาวเหนือคงฝากให้เพื่อนๆไปลองชิมเค้กอื่นกันเอง ไม่แน่อาจจะเจอชิ้นที่ดีกว่าที่อิฉันรีวิวก็ได้
อ่านต่อ