เพื่อนๆคงจะได้ยินกันบ่อยๆว่าผักและผลไม้สดๆจะให้ประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าผักและผลไม้ที่ถูกนำไปประกอบอาหารหรือผ่านความร้อนแล้ว เพราะว่าวิตามินซีที่อยู่ในพืชจะถูกทำลายไปโดยความร้อน ผู้บริโภคอย่างเราจึงจะไม่ได้รับคุณค่าทางสารอาหารได้อย่างเต็มที่ แต่สำหรับข้าวโพดแล้วตรงกันข้ามเลยล่ะค่ะ ไม่ใช่ว่าวิตามินซีในข้าวโพดไม่ถูกทำลายในความร้อนหรอกนะคะ แต่ว่าเมื่อนำข้าวโพดมาผ่านการต้มแล้วจะออกฤทธิ์ล้างพิษได้เป็นอย่างดีนั่นเอง
นักวิจัยของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์แห่งสหรัฐอเมริกา รายงานผลการวิจัยว่า ข้าวโพดหวานที่ปรุงสุกแล้ว จะออกฤทธิ์ล้างพิษในร่างกายสูงขึ้น นักวิจัยทำการทดลองด้วยการต้มข้าวโพดหวานด้วยอุณหภูมิสูง 115 องศาเซลเซียส ในเวลานานต่างกัน 10, 25 และ 50 องศาเซลเซียส ผลปรากฎว่า ยิ่งต้มนาน ก็จะยิ่งทำให้มีสารซึ่งเป็นตัวล้างพิษเพิ่มขึ้น 22, 44 และ 53 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ
ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่า สารที่ออกฤทธิ์เป็นตัวล้างพิษนี้จะช่วยทำลายล้างพิษของพวกอนุมูลอิสระตัวอันตรายต่อเซลล์อวัยวะต่างๆ อีกทั้งยังเป็นตัวก่อการร้ายที่จะทำให้เกิดโรคที่มีเหตุมาจากความชรา เช่น ต้อกระจก, โรคสมองเสื่อม รวมทั้งโรคร้ายอย่างโรคหัวใจ และโรคมะเร็งด้วย
กรดเฟรุลิก (Ferulic acid) เป็นสารสำคัญช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมีประสิทธิภาพ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงถูกใช้สำหรับต่อต้านความชรา ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง โรคหัวใจ ไข้หวัด รักษาสุขภาพของกล้ามเนื้อ ต่อต้านผลกระทบจากรังสีอัลตราไวโอเลตซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนัง
นักวิจัยกลุ่มนี้กล่าวว่า ข้าวโพดหวานต้มหรือปิ้ง จะปล่อยสารประกอบที่เรียกว่า กรดเฟรุลิกออกมา ยิ่งผ่านความร้อนสูงก็ยิ่งออกมามาก และยิ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เนื่องจากกรดเฟรุลิกจัดอยู่ในพวกพฤษเคมี ซึ่งในผักและผลไม้มีอยู่ไม่มากนัก แต่อุดมอยู่ในฝักข้าวโพดดังนั้นการทำสุกจึงช่วยให้มันปล่อยกรดเฟรุลิกออกมาได้มากขึ้น
เครดิตภาพ : sailusfood, theage, spiciefoodie