สวนอาหารเอกโอชา ...ร้านอาหารในเชียงรายที่มีทั้งอาหารไทย จีน อาหารทะเล และอาหารพื้นเมืองภาคเหนือนี้ดูจะเป็นที่นิยมของคนท้องถิ่นไม่น้อยค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาจะเลี้ยงฉลองโอกาสพิเศษหรือเลี้ยงต้อนรับกันก็ดูจะเป็นร้านที่เหมาะทีเดียว เพราะอาณาบริเวณของร้านนี้นั้นใหญ่โตราวกับอาณาจักรย่อมๆ มีทั้งส่วนที่รับลูกค้าทั่วไป ห้องจัดเลี้ยง ห้องคาราโอเกะ สนามเด็กเล่น และลานจอดรถที่กว้างขวางรองรับรถได้ราว 200 คัน ..ครบครันอลังการขนาดนี้แม้บรรยากาศจะเป็นสไตล์สวนอาหารทั่วไป ไม่ได้เน้นตกแต่งเก๋ไก๋สวยงามอะไรมาก แต่ก็เลยทำให้เหมาะกับจะมาสังสรรค์กัน จะพาผู้หลักผู้ใหญ่มาก็ดูดีนะคะ**-เมนูที่ได้ลอง-**

● กุ้งอบวุ้นเส้น (ราคาตามน้ำหนัก) – รสค่อนข้างอ่อน แต่วัตถุดิบจัดเต็ม กุ้งตัวโตๆให้มาเยอะใช้ได้เลยค่ะ● ปลาทับทิมทอดสมุนไพร (ราคาตามน้ำหนัก) – จานนี้ทานได้แบบกรอบๆเพลินๆหอมสมุนไพร รสชาติปลาจะอ่อนๆไม่ได้ปรุงอะไรเยอะ เหมาะกับจะทานเล่นเปล่าๆมากกว่าสั่งมาทานกับข้าวนะ● ทอดมันกุ้ง (ราคา 130 / 200 บาท) – จัดว่าปานกลาง รสชาติยังไม่เป๊ะมาก คือยังไม่ได้สัมผัสของกุ้งเด้งๆเต็มๆ แต่ก็สอบผ่านน่ะค่ะ● ห่อหมกมะพร้าวอ่อน (ราคา 140 บาท) – เสิร์ฟใส่ในลูกมะพร้าวมาดูอลังการ อัดแน่นทั้งกุ้ง หอยแมลงภู่ ปลาหมึก และเนื้อมะพร้าวอ่อน กะทิในห่อหมกทั้งข้นทั้งมันได้ใจทีเดียว แต่ในแง่รสขาติก็ยังปรุงมาอ่อนๆ คนชอบห่อหมกสไตล์รสจัดจ้านหอมเครื่องแกงอาจจะยังไม่ปลื้มนะคะ● ยำปลาดุกฟู (ราคา 100/ 160 บาท) – จานนี้ถือว่าอร่อยใช้ได้ ปลาดุกทอดมากรอบฟู น้ำยำก็จัดว่าโอเค ไม่เผ็ดมาก และเปรี้ยวนำค่ะ● เป็ดตุ๋นเห็ดหอม (ราคาตามน้ำหนัก) – มารู้สึกถูกใจกับจานนี้มากที่สุด รสชาตินั้นปรุงมาอ่อนๆ (เหมือนจะเป็นสไตล์ของที่นี่ไปแล้ว) แต่ก็กลมกล่อมเหมาะเจาะกับเมนูนี้ดีค่ะ เป็ดตุ๋นมานุ่มดี ปลื้มเลยโดยรวมแล้วเราว่าอาหารที่นี่รสชาติอ่อนๆกลางๆ ไม่ถึงกับอร่อยจนห้ามพลาด แต่วัตถุดิบและปริมาณนั้นดูดีสมราคา สถานที่ก็โอ่โถง จะพาใครไปเลี้ยงก็ไม่ขายหน้าน่ะค่ะ อ้อ...ดูในเว็บไซต์ที่นี่เค้าได้รางวัลสุดยอดส้วมแห่งปีด้วยนะ... เสียดายวันนั้นธรรมชาติไม่เรียกร้อง เลยไม่ได้ไปลองพิสูจน์จะได้รีวิวส้วมซะด้วยให้เสร็จสรรพ..555+ ก็เข้าใจอยู่ค่ะว่าร้านนี้เด่นที่บรรยากาศที่เหมาะกับทั้งจัดเลี้ยงและรับทัวร์ เรื่องส้วมนี่ก็เลยเป็นอะไรที่ต้องอวด เพราะกลายเป็นจุดขายได้เลยเหมือนกันนะ มาเที่ยวเชียงรายถ้าผ่านมาร้านนี้เวลาปวด...เอ๊ย..เวลาหิว..ก็ลองแวะดูได้ค่ะ

ร้าน “ใจเย็น” ที่ตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยไคร้ ทางขึ้นดอยตุงสายเก่า จังหวัดเชียงรายนี้ เป็นหนึ่งในร้านเก่าแก่ที่ขึ้นชื่อด้านข้าวซอยและน้ำเงี้ยวค่ะ เคยได้ยินมาว่าข้าวซอยร้านนี้เป็นสูตรจีนฮ่อ ซึ่งจะแตกต่างจากข้าวซอยเชียงใหม่ทั่วๆไปที่เราคุ้นเคยกันอยู่ เมื่อมีโอกาสมาเที่ยวพระตำหนักดอยตุงเราก็เลยต้องขอแวะมาลองดูซักทีค่ะ**-เมนูที่ได้ลอง-**

จากที่ดูๆในเมนูที่แปะเป็นป้ายใหญ่ไว้บนผนังร้าน นอกจากข้าวซอยและน้ำเงี้ยวแล้วที่นี่ยังมีของทานเล่นอย่างข้าวฟืนทอดและแคบหมูด้วย ส่วนถ้าใครพาเด็กเล็กไปก็มีเมนูทานง่ายอย่างเกาเหลาลูกชิ้นหมูให้ด้วยค่ะ แต่สำหรับครั้งนี้เราขอมาลองเมนูพระเอก-นางเอกของทางร้านก่อนนะ[ข้าวซอย]

ข้าวซอยที่นี่มีทั้งข้าวซอยไก่ ข้าวซอยเนื้อ และข้าวซอยลูกชิ้น ราคาชามละ 35 บาทเท่ากันทุกอย่างค่ะ ซึ่งเราเลือกสั่งเป็นข้าวซอยไก่และข้าวซอยเนื้อกันไป ส่วนลูกชิ้นไม่เห็นมีใครอยากลองเลยล่ะ ..555+ เครื่องเคียงต่างๆนั้นจะวางพร้อมไว้ให้บนโต๊ะแล้ว คือมีมะนาวฝาน หอมแดง พริกตำ ผักดองแบบธรรมดา และผักดองใส่พริกป่นแบบกิมจิค่ะเท่าที่ได้ลองพบว่าน้ำซุปข้าวซอยที่นี่จะไม่เข้มข้นมาก คือออกลักษณะเป็นน้ำกะทิที่ใส่เครื่องเทศ-เครื่องแกงพอให้มีรสชาติกลมกล่อม ไม่จัดจ้านมาก และในแง่ของ thickness นั้นน้ำซุปก็ยังคงความเจือจางให้ซดได้คล่องคออยู่ (ต่างจากข้าวซอยทั่วๆไปที่จะเป็นซุปเนื้อข้น-รสเข้มฉุนเครื่องเทศมากกว่านี้น่ะค่ะ) ส่วนเส้นข้าวซอยแม้จะเล็กแต่ก็มีความหนาให้รู้สึก chewy ไม่ได้นิ่มจนเละนะคะ เนื้อน่องไก่และเนื้อวัวก็ตุ๋นมานุ่มดีใช้ได้ค่ะอันที่จริงก็พอทราบมาก่อนว่าข้าวซอยจีนฮ่อนั้นน้ำซุปจะเนื้อบางๆรสไม่เข้มจัดแบบที่ทางร้านทำนี่ล่ะถูกต้องแล้ว และจะว่าไปถ้าจะวัดกันด้วยมาตรฐานของข้าวซอยจีนฮ่อ ก็ต้องถือว่าร้านนี้ทำออกมารสชาติค่อนข้างเข้มข้นทีเดียว แต่สำหรับเรานั้นคุ้นเคยกับข้าวซอยแบบเครื่องแกงเข้มข้นคลั่กถึงอกถึงใจ (กว่านี้) ก็เลยรู้สึกเหมือนยังไม่โดนใจกับข้าวซอยรสนี้เท่าไหร่ คือพอทานได้เพลินๆเป็นประสบการณ์ให้ได้รู้รสชาติข้าวซอยฮ่อ แต่ยังไม่ปลื้มปริ่มถูกใจน่ะค่ะ

[น้ำเงี้ยว]

..นอกจากจะมีขนมจีนน้ำเงี้ยวอย่างที่เราคุ้นเคยกันแล้ว ที่นี่ยังมีการพลิกแพลงเปลี่ยนเส้นเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำเงี้ยวและข้าวซอยเหลืองน้ำเงี้ยวด้วยค่ะ ราคา 35 บาททุกอย่างเหมือนข้าวซอยเลย ส่วนเราเป็นพวกไม่กินเส้นเลยขอสั่งเป็นเกาเหลาน้ำเงี้ยวมาซดเล่น ในชามมีทั้งเนื้อหมูติดกระดูก และหมูสับ รวมไปถึงเลือดหมู รสชาติจัดว่าใช้ได้ค่ะ แต่ยังไม่ถึงกับอร่อยโดดเด่นเท่าเจ้าที่ทำน้ำเงี้ยวโดยเฉพาะนะโดยรวมแล้วร้านนี้ก็เหมาะกับคนที่อยากมาทานข้าวซอยสูตรฮ่อของแท้ถึงถิ่นค่ะ สำหรับคนที่ชอบข้าวซอยฮ่ออยู่แล้วก็คงฟินกันไป กับคนที่อาจจะยังไม่โดนใจเท่าไหร่ก็ถือเป็นการได้ลองเป็นประสบการณ์ ดีไม่ดีชิมไปชิมมาพอคุ้นเคยเข้าอาจติดใจก็ได้นะเอ้อ..

มาแอ่วเจียงฮายทั้งที พอถึงตอนจะซื้อของกินของฝากก็นึกถึงหมูยอกับแหนมนี่ล่ะค่ะเป็นอันดับแรก สำหรับหมูยอนั้นเจ้าถิ่นที่ไปด้วยกันแนะนำว่าร้านสุจินต์หมูยอที่อยู่เก่าแก่มาตั้ง 50 ปีนี่ล่ะเด็ดที่สุดแล้ว แถมสาขานี้ที่อยู่ใกล้หอนาฬิกาชนิดที่ว่าชะโงกนิดเดียวเห็นนี่ก็ทำเลสะดวกชวนให้แวะสุดๆ หน้าร้านโชว์ป้ายเชลล์ชวนชิมรับประกันความอร่อยเห็นเด่นชัด หาไม่ยากเลยค่ะภายในร้านนอกจากหมูยอแล้วก็ยังมีอาหารอื่นๆขาย โดยมากเป็นแหนมหลากแบบหลายแพ็คเกจ แค็ปหมู น้ำพริกต่างๆ รวมไปถึงของที่คนกรุงหาทานยากหน่อยแบบเมี่ยงเปรี้ยวและเมี่ยงหวานด้วย ..สำหรับเราขอลองไปตามนี้ค่ะ

● หมูยอแบบธรรมดา (หมูล้วน) – หมูยอรสคลาสสิคนี้มีทั้งแบบห่อใหญ่ (40 บาท) และห่อเล็ก (30 บาท) ค่ะ ถ้าอยากจะกินร้อนๆเดี๋ยวนั้นทางร้านก็จะนึ่งแล้วหั่นใส่ถุงพลาสติคมีไม้ให้จิ้มกินเสร็จสรรพเรียบร้อย ซึ่งเราก็เลยจัดไปตรงนั้นเลยถุงนึง อร่อยสมคำร่ำลือค่ะ คือทานแล้วรู้สึกเลยว่าเป็นเนื้อหมูแน่นๆไม่แป้งๆ ขนาดทานเปล่าๆไม่ได้จิ้มไม่ได้ปรุงก็ยังฟิน

● หมูยอรสพริกไทยดำ – ตัวนี้จะมีแต่ห่อเล็ก (30 บาท) ซึ่งเราก็สั่งแบบให้อุ่น+หั่นมาทานกันถุงนึงก่อนอีกเช่นกัน เทียบดูแล้วเสียงส่วนใหญ่ปลื้มแบบธรรมดามากกว่า แต่สำหรับเราแล้วถ้าทานเปล่าๆก็ชอบทั้งสองแบบนั่นล่ะค่ะ แต่ถ้าจะเอาไปยำหรือปรุงอาหารล่ะก็ซื้อแบบธรรมดาไปก็น่าจะเหมาะกว่าน่ะนะ

● แหนม (ราคา 50 บาท) – ซื้อแหนมกลับมาลองซะด้วยอีกดุ้นนึง ถึงแม้จะไม่ใช่สินค้าเด่นแบบหมูยอ แต่ก็อร่อยใช้ได้เลยนะคะ

ก็เป็นอีกร้านอร่อยทำเลสะดวกสำหรับคนที่จะหาซื้อของกินของฝาก หรือแค่อยากจะหาของทานเล่นระหว่างเดินเที่ยวก็เหมาะ ถ้ามาเที่ยวแถวๆหอนาฬิกาก็ลองมองหาดูได้ค่ะ

ในบรรดาไร่ชายอดฮิตของจังหวัดเชียงรายที่คนนิยมไปเยี่ยมชมกันนั้น ไร่ชา 101 ซึ่งเป็นแหล่งปลูกชาอู่หลงที่มีขนาดใหญ่แห่งแรกในดอยแม่สลองนี้ก็จัดว่าน่าแวะน่าเที่ยวค่ะ ที่นี่ดูจะเน้นที่การปลูกชาหลากหลายพันธุ์แบบจริงจังและมีการเปิดให้เข้าไปลองชิมชาและเลือกซื้อชาชนิดต่างๆเป็นหลัก เรื่องของการจัดแต่งสถานที่ให้สวยงามเก๋ไก๋ มีมุมให้แวะแชะแวะเที่ยวก็เลยเป็นเรื่องรองลงไป เสน่ห์ของที่นี่จึงอยู่ที่การได้มาชมไร่ชาขั้นบันไดในบรรยากาศธรรมชาติแบบไม่ต้องปรุงแต่งมาก และยังเหมาะกับคนที่อยากมาสัมผัสประสบการณ์ชิมชาและทำความรู้จักกับชาชนิดต่างๆแบบเจาะลึกอีกด้วยค่ะ

**-บรรยากาศ-**

แม้จะบอกว่าไร่ชาของที่นี่ไม่ค่อยมีการจัดแต่งสถานที่เพื่อรับนักท่องเที่ยวมากนัก แต่ทิวทัศน์ของที่นี่ก็มีความสวยงามตามธรรมชาติของไร่ชาขั้นบันไดที่โอบล้อมด้วยเทือกเขาดอยแม่สลอง น่าชมไปอีกแบบค่ะ ด้านบนจะมีอาคารขนาดใหญ่สำหรับให้แวะชิมชาและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของทางไร่ซึ่งมีทั้งชาหลากหลายชนิดและอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการชงชา ด้านนอกมีมุมขายเครื่องดื่มจำพวกชานมไข่มุก ข้างๆกันจะมีส่วนที่เป็นร้านอาหารซึ่งดูเป็นแบบเรียบง่ายไม่ได้ตกแต่งอะไรมาก โดยรอบมีระเบียงให้เดินชมทิวทัศน์ได้สะดวกค่ะ**-Tea Tasting-**

สำหรับคนที่สนใจอยากมา tea tasting แบบเจาะลึกจริงจังกันถึงแหล่งผลิตกลางไร่ชานี่น่าจะถูกใจกับบรรยากาศการชิมชาของที่นี่ค่ะ ในห้องชิมชา (และขายชา) จะเป็นเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่ซึ่งแต่ละด้านจะจัดที่นั่งไว้ให้ชิมชากันแบบสบายๆ มีพนักงานมาสาธิตการชงชาให้ดูและแนะนำชาชนิดต่างๆของทางไร่ให้ได้ชิมเปรียบเทียบกัน อยากรู้อะไร (เกี่ยวกับชานะคะ) ก็สอบถามได้แบบใกล้ชิด ถูกใจตัวไหนก็สั่งซื้อกลับบ้านได้เลย ส่วนราคานั้นสามารถต่อรองได้ เพราะพนักงานขายที่นี่น่ารัก เทคนิคการขายแพรวพราว ลด แลก แจก แถมกันกระจายทีเดียว ชาของไร่นี้เท่าที่ทราบยังไม่มีหน้าร้านในกรุงเทพฯเพราะเน้นขายส่งให้รายย่อยเอาไปติดแบรนด์ขายกันเอง สำหรับคนทั่วไปถ้าอยากได้ต้องสั่งซื้อให้ส่งไปรษณีย์เอา เมื่อมีโอกาสไปเยือนถึงที่ก็เลยต้องซื้อติดไม้ติดมือกันมาซะหน่อยค่ะชาที่นิยมปลูกกันแถวดอยแม่สลองนี้จะเป็นชาอู่หลงพันธุ์จินซวนและพันธุ์หยวนจื่อซึ่งได้รับองค์ความรู้จากสถานีวิจัยใบชาแห่งไต้หวัน โดยอดีตกองพลที่ 93 ทหารจีนคณะชาติก๊กมินตั๋งเป็นผู้นำเข้ามา จากที่ได้เห็นนั้นนอกจากชาอู่หลงที่เป็นตัวเด่นแล้ว ที่นี่ยังมีชาแดง ชาเขียวมัทฉะ ขายด้วย ส่วนที่ลองไปก็ตามนี้เลยค่ะ

● ชาอู่หลงก้านอ่อน หรือชาอู่หลงเบอร์ 17 - เป็นชาอู่หลงสายพันธุ์หยวนจื่อซึ่งจัดเป็นตัวท็อปของที่นี่ ลักษณะเป็นชากึ่งหมักที่ให้น้ำชาสีเหลืองทองรสชาติเข้มข้นปานกลางไม่แรงมาก แต่โดดเด่นที่กลิ่นหอมนุ่มนวลและให้ความชุ่มคอมากกว่าชาชนิดอื่นๆ ทราบมาว่าชาสายพันธุ์นี้ที่ปลูกในประเทศไทยนั้นเคยได้รับรางวัลที่ 1 ในการประกวดชาโลกด้วยล่ะค่ะ

● ชาอู่หลงเบอร์ 12 – เป็นชาอู่หลงสายพันธุ์จินซวน ซึ่งรสชาติจะเข้มข้นกว่าเบอร์ 17 แต่ในแง่ความชุ่มคอยังแพ้อยู่นิดนึง และเคยได้รับรางวัลที่ 2 จากการประกวดชาโลกค่ะ

● ชาแดง – เป็นชากึ่งหมักเช่นเดียวกับชาอู่หลงสองสายพันธุ์แรก แต่ผ่านการทำปฏิกิริยากับอ็อกซิเจนในระหว่างการหมักมามากกว่าชาอู่หลง 2 ตัวแรก (แต่ยังไม่ถึงกับผ่านการหมักเต็มกระบวนการเท่ากับ black tea หรือชาฝรั่งนะคะ) ทำให้ได้น้ำชาสีค่อนข้างแดง รสชาติเข้มข้นขึ้น มีรสฝาดเล็กน้อย และไม่ค่อยชุ่มคอ ซึ่งชาเย็นใส่นมแบบไทยๆที่เราคุ้นเคยกันก็คือชาแดงนี่เอง แต่ตอนชิมชาพนักงานจะทำเป็นชาร้อนให้ลองค่ะ

● ชาเขียวมัทฉะ – แน่นอนว่ามาในรูปแบบผงชาเขียว ซึ่งเป็นแบบที่เหมาะจะไปทำเป็นชาเขียวเย็นหรือเอาไปทำขนมน่ะค่ะ ตัวนี้พนักงานชงเป็นแบบชาเย็นใส่นมให้ โดยใส่ผงชาเขียวในน้ำร้อนเล็กน้อย คนให้กระจายตัว แล้วจึงเติมนมสดลงไป แต่งรสหวานด้วยน้ำเชื่อม เป็นชาเขียวเย็นแบบที่ชอบคือหอมกลิ่นชาเด่นชัดและไม่หวานมากค่ะ

**-มุมขายเครื่องดื่ม-**

มุมนี้จะอยู่ด้านนอกห้องชิมชา มีชานมไข่มุกที่ชงจากชาอู่หลงให้สั่งมากินกันเดี๋ยวนั้น โดยในเมนูนอกจากชานมอู่หลง ชาเขียวนมสด และชาอู่หลงน้ำผึ้งแล้ว ยังมีกาแฟเย็น สตรอเบอร์รี่นมสด และน้ำเสาวรสให้เลือกสั่งด้วย ราคา 50 บาทเท่ากันหมดทุกอย่าง ซึ่งเราเลือกเป็นชาเขียวนมสดเพราะติดใจมาจากในห้องชิมชาค่ะ ตัวชาฮ้อม-หอมถูกใจแบบที่ชอบเด๊ะ ติดที่ไข่มุกไม่ค่อยนุ่มหนึบเท่าไหร่ ไม่งั้นฟินได้ยิ่งกว่านี้อีกนะ..นอกจากเครื่องดื่มชาไข่มุกแบบต่างๆแล้ว ยังเห็นมีชาอู่หลงหมักจุลินทรีย์ใส่ขวดคล้ายๆขวดไวน์วางขายอยู่ ซึ่งแม้ชิมดูแล้วรสชาติคล้ายเหล้า-ไวน์ แต่เค้าบอกว่าไม่มีแอลกอฮอลล์ค่ะ ใครสนใจก็ลองดูได้ แต่สำหรับเราซึ่งดื่มไวน์ไม่เป็นแล้ว ก็รู้สึกว่าชาที่มีกลิ่นหมักจุลินทรีย์ขื่นๆนี่รสชาติมันพิลึกพิลั่นไม่ถูกโฉลกเอาซะเลยล่ะ

สำหรับในส่วนของร้านอาหารนั้นเราไม่ได้เข้าไปลองค่ะ เนื่องจากช่วงที่ไปยังเช้าตรู่เพิ่งทานข้าวเช้ากันมาอิ่มๆ กับการมาครั้งนี้เลยเน้นไปที่การชิมชาและเลือกซื้อชาเท่านั้น ถ้ามาเที่ยวดอยแม่สลองแล้วอยากมาชมไร่ชาพร้อมกับลอง tea tasting และเลือกซื้อชาแบบนี้ก็ลองแวะที่นี่ดูได้ค่ะ

เมื่อมีโอกาสมาเที่ยวเชียงราย ทริปเยือนไร่ชาเพื่อชิมชาพร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศไร่ชาสวยๆก็เป็นอะไรที่ต้องจัดค่ะ หนึ่งในไร่ชาที่คนนิยมแวะมาแชะ-ชิม-ชม กันก็คือไร่ชาฉุยฟงที่อำเภอแม่จันนี่เอง ความงดงามของทัศนียภาพที่นี่ทำให้ได้รับเลือกให้เป็นสถานที่ถ่ายภาพยนตร์โฆษณาและละครโทรทัศน์หลายเรื่อง ชวนให้อยากตามรอยไปฟินกันบ้างทีเดียวค่ะ

**-บรรยากาศ-**

ทราบมาว่าชื่อไร่ชา “ฉุยฟง” นั้นเป็นภาษาจีนที่แปลเป็นไทยได้ว่า “ภูเขาที่เขียวชอุ่ม” ซึ่งก็เป็นการนิยามลักษณะของไร่ที่เป็นเนินหลังเต่าและปลูกชาแบบขั้นบันไดไล่ระดับสวยงามเขียวชอุ่มไปทั้งไร่ได้อย่างดี ที่นี่เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้เข้าไปเยี่ยมชมและถ่ายรูปกันได้ฟรี มีอาคารไม้หลังใหญ่ที่เป็นร้านขายผลิตภัณฑ์ของทางไร่และร้านอาหารต่อเป็นระเบียงยื่นออกไปให้มองเห็นทิวทัศน์ไร่ชากว้างใหญ่สุดสายตา เหมาะกับการนั่งชิลล์ชมวิวระหว่างทานอาหาร-จิบชาเป็นที่สุด เรื่องบรรยากาศที่นี่นับว่าชนะเลิศให้ 5 ดาวไปเลยค่ะ**- Tea Tasting-**

สำหรับคนที่ชื่นชอบชาแบบจริงจังและคาดหวังว่าจะได้ไปลองชิมชาหลากหลายชนิดของทางไร่แบบเจาะลึกเป็นเรื่องเป็นราวนั้น ต้องขอเตือนไว้ก่อนเลยว่าที่นี่ไม่ตอบโจทย์ค่ะ เพราะพื้นที่ส่วนที่ให้ “ชิมชา” นั้นเป็นแค่มุมเล็กๆในร้าน มีชาแบบที่ชงเตรียมไว้เยอะๆใส่จอกไว้ให้หยิบชิมคนละถ้วย มีเชิญชวนบ้างแต่ไม่ได้อธิบายอะไรมาก ดูจะเน้นที่การมาช็อปปิ้งซื้อชาแพ็คเกจจิ้งสวยๆกลับไปเป็นของที่ระลึกหรือของฝากกันมากกว่า ซึ่งก็พอเข้าใจอยู่ว่าที่นี่นั้นได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก จะให้มานั่งละเลียดชิมชาเทียบตัวโน้นตัวนี้ก็คงจะไม่ได้น่ะค่ะ เน้นมาไว-ซื้อไว-เสร็จไวน่าจะเหมาะกว่า และสำหรับคนกรุงเทพฯที่ขี้เกียจแบกชากลับบ้านทีละหลายๆกล่อง หรือยังไม่มีโอกาสแวะไปเชียงรายแต่อยากจะลิ้มลองชาของทางไร่บ้าง แนะนำให้แวะที่ Gourmet Market สยามพารากอนเลยค่ะ เพราะเค้ามีบูธของไร่ชาฉุยฟงมาขายอยู่ด้วย สะดวกดีทีเดียว นอกจากที่พารากอนแล้วเค้ายังมีบูธขายชาตามห้างอื่นๆและโรงแรมต่างๆด้วย ถ้าสนใจลองดูในเว็บไซต์ของทางไร่ได้ค่ะ

**-เมนูที่ได้ลอง-**

● ไอศครีมชาเขียว (ราคา 50 บาท) – ไอศกรีมที่นี่มีทั้งรสชาเขียว ชาไทย ช็อคโกแลต และวานิลลา ขายกันเป็นถ้วยกระดาษแบบสำเร็จรูป แต่มาถึงไร่ชาทั้งทีเราก็เลยขอเลือกรสชาเขียวไว้ก่อนค่ะ กลิ่นรสชาเขียวหอมใช้ได้อยู่ แต่ยังไม่ถึงกับน่าประทับใจอะไรมากนะ● ชาเขียว ลาวา (ราคา 90 บาท) – เนื้อเค้กส่วนที่เป็นเชลล์นั้นบางเฉียบ เจาะนิดเดียวก็เจอลาวาชาเขียวหลั่งไหลแบบท่วมท้น ทานคู่กับวิปครีมที่แต่งมาข้างๆเข้ากันดีค่ะ จานนี้ส่วนตัวเรารู้สึกว่าอร่อยพอใช้ได้แต่หวานไปนิด ส่วนอีกคนในกลุ่มกลับชอบเมนูนี้สุดๆ ติดใจถึงขนาดอยากได้สูตรจะเอาไปทำเองที่บ้านบ้างเลยเชียวล่ะ● ชาอู่หลงก้านอ่อน – สั่งมาเป็นชาร้อน เสิร์ฟมาเป็นกากระเบื้องพร้อมจอกชา 4 ใบครบตามจำนวนคน หอมชุ่มคอดีค่ะโดยรวมแล้วที่นี่เหมาะกับการมาแวะชมและถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ที่สุดแสนจะงดงามของไร่ชากว้างใหญ่สุดสายตาแบบพาโนรามา จัดมื้อเล็กๆทานขนม นั่งชิลล์จิบชาชมวิวแจ่มๆซักมื้อ หรือจะจัดเป็นมื้อใหญ่ไปเลยที่นี่ก็มีของคาวให้บริการ เท่าที่ลองชิมขนมมื้อเล็กๆดูรสชาติและราคาก็จัดว่าปานกลางค่อนข้างดีไม่ถึงกับเลิศมากค่ะ ถ้าเน้นชิมชาจริงจังหรือไม่ชอบบรรยากาศที่มีการปรุงแต่งมาก (touristy ว่างั้นเถอะ) ก็อาจจะยังไม่ปลื้มกับที่นี่นัก แต่พูดถึงเฉพาะเรื่องวิวนี่ของเค้าสวยงามกินขาดจริงๆ ถ้ายังไม่เคยไปชมก็น่าแวะดูซักครั้งค่ะ

ถ้าพูดถึงที่เที่ยวยอดฮิตในจังหวัดเชียงรายล่ะก็ เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงสิงห์ปาร์คหรือไร่บุญรอด แหล่งท่องเที่ยวแบบฟาร์มทัวร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยแห่งนี้กันค่ะ ซึ่งนอกจากที่นี่จะมีกิจกรรมต่างๆมากมาย และวิวสวยๆให้ถ่ายรูปอีกเพียบแล้ว ยังมีร้านอาหารขนาดใหญ่คือร้านภูภิรมย์นี้ตั้งอยู่กลางไร่อีกด้วย แน่นอนว่าสำหรับคนที่มาเที่ยวที่นี่นั้นก็ถือว่าเป็นร้านที่ควรต้องแวะ แต่สำหรับคนที่แค่ตั้งใจจะมาทานอาหารอย่างเดียว ทางไร่ก็จะมีรถกอล์ฟมาส่งให้ถึงบริเวณร้านอาหารซึ่งอยู่บนเนินด้วย สะดวกดีทีเดียวค่ะ**-บรรยากาศ-**

ตัวร้านเป็นอาคารไม้หลังใหญ่ดูโอ่โถงสวยงาม โดยรอบเปิดโล่งรับลมเย็นๆกับอากาศบริสุทธิ์ภายในไร่ มีระเบียงยื่นรอบด้านเห็นทิวทัศน์สวยๆโดยรอบแบบ 360 องศา เหมาะกับการมานั่งทอดอารมณ์ชมวิว ทานอาหารอร่อยๆแบบชิลล์ๆเป็นที่สุดค่ะ**-เมนูที่ได้ลอง-**

อาหารที่นี่ใช้วัตถุดิบจากผลิตภัณฑ์ภายในไร่ รับประกันคุณภาพและความสดใหม่ได้ระดับนึงเลยล่ะค่ะ แต่อาจเป็นเพราะเหตุนี้ที่ทำให้วันที่ไปนั้นเมนูบางอย่างก็ไม่มีขาย ..แบบว่าถ้าผลิตภัณฑ์บางอย่างในไร่เกิดขาดแคลนก็งดบางเมนูไปเลย..มั้งนะ ที่ได้ลองไปมีตามนี้ค่ะ

● ออร์เดิร์ฟเมือง (ราคา 200 บาท) – เริ่มมื้อนี้กันด้วยของว่างเบาๆสไตล์อาหารเหนือแท้ๆก่อนค่ะ จานนี้ประกอบไปด้วย ไส้อั่ว หมูยอ แหนมสด น้ำพริกหนุ่มผักต้ม และแคบหมูกรอบๆมาให้ทานเล่นกันเพลินๆ รสชาติจัดอยู่ในเกณฑ์ดีทุกอย่างค่ะ● แกงฮังเล (ราคา 180 บาท) – เครื่องแกงฮังเลหอมได้ใจ รสชาติน้ำแกงก็เข้มข้นกลมกล่อมกำลังดี เนื้อหมูติดมันนั้นยังไม่ถึงกับเปื่อยนุ่มที่สุด แต่ก็จัดว่าใช้ได้เลยล่ะค่ะ นี่ถ้าเคี่ยวหมูได้นุ่มกว่านี้อีกนิดล่ะแจ่มเลย● ยำยอดชาสดทอดกรอบ (ราคา 120 บาท) – เมนูนี้ถูกใจให้เต็มห้าดาวค่ะ ยอดชาอ่อนชุบแป้งทอดมากรอบกริ๊บโรยถั่วลิสงคั่วใหม่ๆ เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำยำรสจัดจ้านแต่ก็กลมกล่อมครบทั้งเปรี้ยว-หวาน-เค็ม-เผ็ดกำลังดี ใส่กุ้งสดเนื้อเด้งๆและแครอทคลุกมาด้วย ทานคู่กับยอดใบชาทอดกรอบนี่คือฟินที่สุด ปลื้มค่ะ ปลื้มมมม...● เป็ดทอดซอสมะขาม (ราคา 200 บาท) – จานนี้ก็จัดว่าเด็ดทีเดียว เป็ดเนื้อนุ่ม หนังกรอบ ซอสมะขามที่ราดมาก็เปรี้ยวหวานกำลังดี๊ดี อร่อยไม่ผิดหวังค่ะ**-การบริการ-**

แม้อาหารทุกเมนูที่สั่งมาจะอร่อยถูกใจจัดว่าเด็ด แต่อาจเป็นความบังเอิญที่โต๊ะเราเจอการบริการที่ไม่ค่อยน่าประทับใจนัก เป็นอะไรที่จับต้องไม่ได้แต่รู้สึกได้จากน้ำเสียงและแววตา ซึ่งถ้าไม่คิดอะไรมากก็ต้องถือว่าพนักงานทำหน้าที่ได้ไม่ตกหล่นค่ะ อาหารมาครบ ไม่ช้า คิดตังค์ไม่ผิด ไม่มีวาจาไม่สุภาพ กับการมาทานอาหารมื้อนึงเท่านี้ก็คงพอแล้วมั้ง.. เทียบกับการได้มาทานอาหารอร่อยๆในบรรยากาศดีๆแบบนี้ก็เลยต้องถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยน่ะค่ะ

โดยรวมแล้วที่นี่เป็นร้านหนึ่งที่รู้สึกว่าถ้ามาเชียงรายแล้วไม่ควรพลาด เพราะโดดเด่นทั้งบรรยากาศและรสชาติอาหาร ราคาก็จัดว่าไม่ถูกไม่แพง สมเหตุสมผลดีอยู่ น่ามาลองกันซักมื้อค่ะ

หลายคนที่มาเที่ยวเชียงรายคงต้องเคยได้ยินชื่อเสียงของร้าน “ป้าอ้วนบัวลอยมือถือ” กันบ้างแน่ๆ ร้านนี้ลักษณะเป็นแผงลอยไม่มีที่นั่ง คนกินก็เลยต้องใช้มือตัวเอง (หรือมือคนข้างๆก็ได้ตามสะดวก..555+) ถือยืนโซ้ยกันตรงนั้น หน้าร้านขึ้นป้ายการันตีความอร่อยจากการที่ได้ขึ้นโต๊ะเสวยสมเด็จพระเทพมา 8 ปี รวม 13 ครั้งด้วยกัน โดยป้าอ้วนปักหลักขายอยู่หน้าตลาดไนท์บาร์ซาร์ทุกวันตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม ...ยกเว้นวันที่ฝนตกหรือรับไปออกงานที่ไหน แต่ละวันก็เห็นมีลูกค้าเนืองแน่นทั้งคนไทยทั้งฝรั่ง แค่เดินผ่านก็รู้สึกได้ว่าร้านนี้ไม่ธรรมดา สำหรับเราเองในทริปนี้แวะไปร้านนี้ถึง 2 วันก็เพราะทานครั้งแรกแล้วติดใจจนอยากกลับไปทานอีกเลยล่ะค่ะ**-เมนู-**

บัวลอยร้านดังระดับนี้นั้นย่อมไม่ใช่บัวลอยเพลนๆธรรมดาๆแบบว่ามาถึงสั่ง “บัวลอย”คำเดียวจบ ...แต่เป็นบัวลอยฟิวชั่นที่มีอ็อปชั่นให้เลือกเยอะเชียวค่ะ ดั้งเดิมนั้นได้ยินมาว่าป้าเสิร์ฟบัวลอยใส่กะลามะพร้าวบ้าง กระทงใบตองบ้าง ..กิ๊บเก๋ไม่เบา แต่ของเราที่ไปนั้นเจอแต่ใส่ถ้วยโฟม สงสัยพอขายดีเข้าคงหากะลากับใบตองไม่ทัน เรื่องรักษ์โลกร้อนก็เลยต้องพักไว้ก่อนนะคะ ส่วนเมนูที่เราลองไปก็ตามนี้เลย ราคา 25 บาททุกเมนู เรียงลำดับตามความฟินนะจ๊ะ..

● บัวลอยไอศครีมสลิ่มมะพร้าวอ่อน – เมนูนี้ยกให้เป็นอันดับหนึ่งในใจเรา คืออร่อยระเบิดระเบ้อโดนใจแบบถ้วยเดียวไม่พอต้องขอสอง บัวลอยป้าแป้งนุ่มเหนียว น้ำกะทิเข้มข้นหวานมันกำลังดี๊ดีหอมกลิ่นงา ราดมาบนไอศครีมกะทิที่อร่อยไม่แพ้กัน ใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนกับสลิ่มมาให้ด้วย เข้ากันดีที่สุดในโลกกก..บอกเลย● บัวลอยไข่เค็มมะพร้าวอ่อน – เปลี่ยนจากบัวลอยหวานๆเย็นๆมาเป็นบัวลอยกึ่งหวานกึ่งเค็มร้อนๆบ้าง เมนูนี้น่าจะเหมาะกับคนที่ไม่ชอบรสหวานมากนัก พอได้ความเค็มและมันจากไข่เค็มมาเบรคก็ทำให้ได้ความอร่อยไปอีกแบบ คือมีความหวาน-เค็ม-มันครบรส เสริมทัพด้วยชิ้นมะพร้าวอ่อนนิ่มๆ อร่อยดี ที่จริงเมนูนี้เราก็ชอบค่ะ แต่เทียบกับเมนูแรกเราว่ายังสู้ไม่ได้อยู่นิดนะ● บัวลอยผลไม้รวมมะพร้าวอ่อน – เป็นบัวลอยที่ใส่มะพร้าวอ่อนกับผลไม้แห้งเป็นชิ้นๆมาด้วย ตัวบัวลอยอร่อยหวานมันเข้มข้นดีตามมาตรฐานป้า แต่รู้สึกว่าผลไม้แห้งที่ใส่มามันไม่ได้เสริมให้บัวลอยอร่อยขึ้นหรือไปสร้างรสชาติใหม่ๆให้รู้สึกโดดเด่นขึ้นมา เทียบกับเมนูอื่นๆแล้วก็เลยทำให้ถ้วยนี้ดูธรรมดาเกินไปหน่อยค่ะโดยรวมแล้วบัวลอยของป้าอ้วนนี้จัดว่าเด็ดจริงค่ะ แม้แต่คนที่ไม่ชอบอะไรพลิกแพลง จะไปสั่งแค่บัวลอยธรรมดาๆเปล่าๆ (20 บาท) สักถ้วยก็ยังเป็นบัวลอยที่จัดว่าอร่อยกว่าร้านทั่วๆไป คือมีความหวานมันปนเค็มกะทิเล็กน้อยเคี่ยวกลมกล่อมเข้ากับแป้งบัวลอยที่เหนียวนุ่ม มีความหอมของงาที่ใส่มาชัดเจน สมกับที่เป็นเจ้าเด็ดของที่นี่ ถ้าแวะมาเที่ยวเชียงรายไม่ควรพลาดค่ะ

จ.เจริญชัย – ร้านข้าวต้มมื้อค่ำในตัวเมืองเชียงรายนี้อยู่คู่ถนนสนามบินเก่ามานานถึง 31 ปี จนมีชื่อเสียงโด่งดังพอตัวทีเดียว...อยู่มาได้นานขนาดนี้ทั้งๆที่ร้านไม่ได้สวยงามโดดเด่นอะไร แถมไม่ติดแอร์อีกต่างหาก.. ทำให้พอเชื่อถือได้ว่ารสมือคงต้องไม่เบาเลยล่ะค่ะ

**-ทำเลที่ตั้ง/บรรยากาศ-**

เดิน : ร้านอยู่บริเวณใจกลางตัวเมืองเชียงราย จากไนท์บาร์ซาถ้าเดินมาตามถนนเปมะวิภาต ข้ามถนนเจ็ดยอด แล้วเดินต่อเยื้องขวาเข้าถนนข้างโรงแรมกรุงทองจนมาทะลุออกถนนสนามบินก็จะเห็นร้านอยู่ฝั่งตรงข้าม ใช้เวลาเดินราว 10-15 นาทีค่ะ

รถยนต์ : ถ้าขับรถมาจากหอนาฬิกาให้ตรงมาทางสี่แยกวัดมิ่งเมืองแล้วเลี้ยวซ้ายมาไม่ถึง 200 เมตรก็จะเจอร้านอยู่ขวามือค่ะ ลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ริมถนน หน้าร้านเป็นบริเวณที่เตรียมอาหารแบบเดียวกับร้านข้าวต้มทั่วไป มีป้ายร้านแขวนไว้มุมสูงนิดนึงนะคะ ทางร้านไม่มีที่จอดรถให้ ต้องอาศัยจอดข้างถนนเอาค่ะ

บรรยากาศร้านนั้นพูดง่ายๆก็คือร้านริมถนนธรรมดานี่เอง แต่มีขนาดใหญ่หน่อย คงเพราะต้องรองรับลูกค้าจำนวนมาก เท่าที่ไปเห็นนี่แค่ราวห้าโมงเย็นของวันธรรมดาคนก็นั่งกันเกือบเต็มร้านแล้วล่ะค่ะ ถ้าไปช่วงพีคจริงๆแบบทุ่มครึ่ง-สองทุ่มหรือช่วงเทศกาลนี่น่าจะต้องมีการรอคิว รอโต๊ะว่างกันบ้างนะ**-เมนูที่ได้ลอง-**

เมนูของที่นี่จะจัดกลุ่มอาหารแยกไว้เป็นพวกๆแล้วบอกราคารวมกันเป็นช่วงราคาไว้ตรงมุม เช่น 30-60/80/100/120 บาท และแน่นอนว่าร้านสไตล์นี้ไม่มีใบเสร็จ เลยไม่สามารถจะลงราคาแยกเป็นแต่ละจานไว้ในรีวิวนี้ได้นะคะ แต่โดยรวมๆแล้วกับข้าวทั่วไปจะอยู่ที่ 60-80 เป็นหลัก ถ้ามีเป็ดหรือซีฟู้ดก็ขึ้นมาที่ 100/120/130 และแพงสุดคือสั่งพวกปลาทับทิมเป็นตัวๆจะประมาณ 200 บาท ประมาณนี้น่ะค่ะ สำหรับข้าวก็มีให้เลือกสั่งทั้งข้าวสวยและข้าวต้ม ของเราลองไปตามนี้เลย

● เป็ดพะโล้ – เนื้อเป็ดนุ่มดีพอใช้ได้ ความอร่อยอยู่ที่น้ำพะโล้เข้มข้นที่ซึมซาบเข้ากับเนื้อเป็ดเป็นอย่างดี ทำให้แม้ว่าจะติดหนังเป็ดมาหนาอยู่แต่ก็ไม่ค่อยเลี่ยนเพราะหนังที่ติดมาเปื่อยนุ่มและได้รสพะโล้ทำให้มีรสมีชาติ จานนี้ถูกใจสุดๆค่ะ● จับฉ่าย – ค่อนข้างธรรมดา น้ำยังใสจ๋องแจ๋งเหมือนเคี่ยวมายังไม่ได้ที่ รสชาติเลยไม่เข้มข้นเท่าที่ควร ไม่ค่อยปลื้มค่ะ● ผัดมะเขือเสวย – จานนี้ผัดมาได้อร่อยฟินเฟ่อร์สมกับเป็นเมนูแนะนำ ชิ้นมะเขือนิ่มแต่ไม่เละ ผัดมารสชาติเข้มข้นกลมกล่อมแทรกด้วยรสเผ็ดเล็กน้อยจากพริกสดพอให้ซู่ซ่า มีหมูสับใส่มาเสริมทัพยิ่งลงตัว ผัดมาแบบหอมควันไฟทีเดียว ชอบมากๆ● หมูสับผัดพริกสด – หมูสับผัดมากับมะเขือเปราะ มะเขือพวง พริกสด ใบกะเพรา ใบมะกรูด และขิง ข่า ..แค่ดู + ได้กลิ่นตอนผัดมาวางหอมๆก็รู้สึกได้ถึงความเผ็ดร้อนแซ่บถึงทรวงแบบชวนน้ำลายสอที่สุด พอชิมแล้วรสชาติไม่ผิดหวังจริงๆค่ะ คือแม้จะเผ็ดแต่ก็ปรุงมาได้กลมกล่อมไม่เสียสมดุล กลิ่นผักสมุนไพรที่ใส่มาก็ชูรส อร่อยถึงอกถึงใจจริงๆค่ะโดยรวมแล้วต้องยอมรับว่ารสมือเค้าเลิศสมคำร่ำลือ การบริการเป็นไปแบบเรียบง่าย คือทำไปตามหน้าที่ไม่ต้องมีโอภาปราศัยเชิญชวนอะไรมาก เน้นงานเสร็จ อาหารอร่อย เป็นอันใช้ได้ ถือว่าโอเคค่ะ ถ้าไม่ได้เน้นว่าจะหาร้านบรรยากาศดี วิวสวยอะไรมาก เอาแค่รสชาติดี ทำเลสะดวก ที่นี่ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะเลยล่ะค่ะ

ใครจะคิดว่า จะมีร้านขนมน่านั่งสุดฟิน อยู่บนไร่ชาที่จังหวัดเชียงราย ครั้งแรกที่ไปรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศรอบๆ ร้านที่ตั้งอยู่บนเขา บนไร่ชาที่มีอาณาเขตเขียวชอุ่มไกลสุดลูกหูลูกตา ทิวทัศน์สวยงาม ในนาม "ฉุยฟงที" เสียดายแต่อากาศร้อนไปหน่อย ไม่ค่อยสมกับบรรยากาศโซนภาคเหนือของประเทศเท่าไร แต่ก็ดีใจที่ได้มาเยือน ให้รู้ว่ามีร้านที่น่าไปอีกที่ที่อยากจะขอไปสัมผัสอีกครั้งตอนหนาวๆ บ้างค่ะ ในร้านตกแต่งสวยงาม ดูบรรจงสร้างสรรค์ร้านให้มีมูลค่าไปสะทุกอย่าง ที่ร้านมีขายทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน พวกเราเลือกทานอาหารหวาน เริ่มต้นที่เอกลักษณ์ของหวานที่นี่ จะปักมาด้วยใบชา เก๋ไก๋มาก ตัวแป้งโรลนิ่มมาก หอมใบชา ส่วนเนื้อครีมก็เนียมนุ่มลิ้น ครีมแบบเดียวกัน รสชาดดีและหอมมาก เพิ่มเนื้อกล้วยหอมทำให้รสชาดอร่อยยิ่งขึ้นเราให้เป็นไฮไลท์ที่นี่เลย ทั้งหน้าตาและรสชาด เครปทั้งสองชิ้น แบบว่าเนื้อเนียมนุ่มมาก อร่อยสุดๆ แถมด้วยเค้กมะพร้าวอ่อนที่ชั้นของครีมมะพร้าวอ่อน เป็นเนื้อครีมผสมเนื้อมะพร้าว แทบละลายในปาก อร่อยมาก ประทับใจมากค่ะจริงแล้วๆ ถ้าได้ทานกับชาร้อน จะรู้สึกเข้ากันมากกว่า เพราะจะช่วยลดความเลี่ยน แต่สั่งชาเย็นมาแล้ว ก็ลองสักหน่อย ชาหอมดี รสชาดออกเหมือนชามะนาวที่มีเนื้อเฉาก๋วยผสมด้วย

รู้สึกประทับใจตัวขนมที่นี่มาก อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ เป็นไปได้อย่างที่บอกถ้าได้มาวันธรรมดาแล้วอากาศเย็นสักนิด ที่นี่จะเป็นริมนั่งทานขนม จิบชา กาแฟที่ดีที่สุดเลย ออที่นี่ขายของฝาก โปสการ์ดน่ารักด้วย มีเอกลักษณ์ เราพลาดที่รอไปหาซื้อที่อื่น ซึ่งที่นี่สวยกว่าที่อื่นเยอะเลย

สวัสดีค้า ยังคงอยู่ที่เชียงราย ทริปนี้ตะลุยกินมากๆ ร้านนี้ตอนแรกไม่ได้อยู่ในแพลนที่จะไปทาน แต่บังเอิญเจอในหนังสือเล่มนึงของเชียงราย ร้านสวย บรรยากาศดี ไสตล์ญี่ปุ่น จึงจัดเลย 555

ร้าน Ryokan Cafe' (เรียวกัง คาเฟ่) คาเฟ่เล็กๆสไตล์ญี่ปุ่น ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ชนบทของญี่ปุ่น ใครก็ตามที่ได้มาสัมผัสจะเพลิดเพลินไปกับท้องฟ้าสีสดใส บรรยากาศท้องทุ่งสีเขียวขจี สบายตาสบายใจ มีความสุขมากกกกทางร้านเน้นเครื่องดื่ม มีกว่าร้อยเมนูให้เลือกตามใจชอบ อาหารจะเป็นอาหารจานเดียว แนวฟิวชั่นญี่ปุ่น ผสมล้านนานิดๆ ให้ผู้ที่มาเยือนได้ลิ้มลองของแปลกใหม่เครื่องดื่มวันนี้เลือก Matcha Float น่ากินฝุดๆ ตอนแรกคิดว่าเป็นนมปั่น แต่ป่าวจ้า เป็น coconut milk ปั่น คิคิ กินคู่กับไอครีมชาเขียว อร่อยไปอีกแบบ ไอครีมชาเขียวอร่อยมากๆเข้มข้มชาเขียวแท้ๆ เลิฟเลย😍เนื่องด้วยเมนูอาหารที่นี่มีไม่กี่อย่าง จึงสั่งข้าวหน้าแกงกระหรี่หมูทอด กับ ไก่ทอดมาอย่างละที่ ปกติตัวเองไม่ชอบทานแกงกะหรี่ แต่ของที่นี่ทานได้คะ อร่อยอีกต่างหาก กลิ่นเครื่องเทศไม่แรง รสชาติกลมกล่อม ไม่เผ็ดเกิน ส่วนหมูทอดและไก่ทอด ไม่เหนี่ยว ไม่อมน้ำมัน อร่อยมาก ข้าวญี่ปุ่นของที่นี่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี เพราะที่นี่ปลูกข้าวเองด้วยนะคะ ^^ ที่สำคัญจานใหญ่มากให้เยอะสุดๆ กินเที่ยงอิ่มถึงเย็นได้เลย 5555ทานเสร็จก็ได้เวลาเดินย่อยบริเวณรอบๆร้านสักหน่อย ตกแต่งได้น่ารักตามสไตล์ญี่ปุ่น มุมถ่ายรูปเพียบ!ใครอยากได้ของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน ทางร้านมีขนมปัง,ข้าวสารญี่ปุ่น,งาน Ceramics จำหน่ายก้วยนะคะ เราซื้อขนมปังชาเขียวใส้ถั่วแดงกลับบ้าน ชิมแล้วอร่อยมาก ขนมปังนิ่ม ถั่วแดงก็อร่อย ไม่หวาน เสียดายซื้อกลับแค่ถุงเดียว เสียใจ😂หากใครไปเที่ยวเชียงรายมีเวลาว่างลองมาร้านนี้นะคะ ไม่ผิดหวังจริงๆ นอกจากนี้ยังมีห้องพักสไตล์ญี่ปุ่นให้บริการเพียง 4 ห้องเท่านั้น ใครสนใจลองสอบถามกันดูนะคะ บายๆค้า

ห่างหายจากการเขียนรีวิวไปนานเป็นปี แอบหนีไปเที่ยวเก็บร้านอร่อยให้เพื่อนๆมาค่ะ
รีวิวนี้เลยจะขอพาไปชิมไกลซักหน่อยแล้วกันนะคะ

วันนี้จะพาไปแอ่วเชียงรายกันเจ้า
ร้านอาหารที่เราจะพาไปชิมวันนี้ ถือเป็นร้านโปรดของเราเลยก็ว่าได้
ถ้ามีโอกาสได้ไปเชียงราย ก็ต้องขอแวะมาที่นี่ค่ะ
“ร้านอาหารภูภิรมย์” แห่งไร่บุญรอด ของบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัดจ้า

การเดินทาง
อยู่เส้นทางเดียวกับวัดร่องขุ่นของอาจารย์เฉลิมชัยเลยค่ะ
วัดจะถึงก่อนหลังจากนั้นขับตรงไป พอถึงแยกให้เลี้ยวขวา
จากแยกไปไม่ไกลมาก ไร่บุญรอด จะอยู่ด้านซ้ายค่ะ
จุดสังเกตุจะมีสิงห์ตัวโตสีทองอร่ามอยู่ด้านหน้าเลยค่ะบรรยากาศร้าน
เมื่อเราเข้าไปถึงไร่บุญรอดแล้ว ด้านหน้าจะเป็นไร่ดอกไม้สีสันสดใสบานสะพรั่งคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างพวกเราอยู่เต็มเลยค่ะ
ไม่ได้มีแค่ดอกไม้นะคะ แต่ยังมีผลไม้ต่างๆ ไร่ชา และแปลงปลูกข้าวบาร์เลต์
ถ้าไม่หิว ไม่รีบร้อนกันมาก แนะนำให้นั่งรถเที่ยวชมไร่กันก่อน
ทางไร่จะมีรถรับ-ส่งไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว
และที่สำคัญการเข้าชมในไร่บุญรอดนั้นไม่เสียค่าใช้จ่าย เข้าชมฟรีค่ะ

พูดถึงบรรยากาศไร่ไปก็เยอะแล้ว มาพูดถึงบรรยากาศร้านกันบ้าง
“ร้านอาหารภูภิรมย์” จะตั้งอยู่ด้านในสุดของไร่เลยค่ะ
สามารถขับรถยนต์ส่วนตัวเข้าไปตามป้ายได้เลย
เป็นร้านอาหารบรรยากาศดี ท่ามกลางไร่ชาสุดลูกหูลูกตา
มี 2 ชั้น ส่วนตัวเราชอบนั่งชั้นบนค่ะ จะได้ชมวิวได้เต็มที่
ถ้าแดดไม่ร้อนมาก แนะนำให้นั่งด้านนอกเลยค่า ชิวสุดๆขอเริ่มจากออเดิร์ฟง่ายๆก่อนแล้วกันนะคะ
“กุ้งกระเบื้อง” เมนูทานเล่น เสิร์ฟพร้อมซอสเสาวรส
รสชาติไม่โดดเด่นอะไรมาก แต่นั่งทานเพลินๆก็หมดไปในพริบตาค่าเมนูต่อไป “ยำยอดชาทอดกรอบ”
ยอดชาชุบแป้งทอด เสิร์ฟมาพร้อมน้ำยำ
รสชาติไม่ค่อยจัดจ้านโดนใจเราซักเท่าไหร่
เนื่องจากทางร้านต้องทำรสชาติกลางๆไว้ สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย
แต่คอนเฟิร์มว่าถ้าน้ำยำรสจัดกว่านี้ เมนูนี้จะเกร๋มากค่ะ
เพราะใบชาสดมาก และทอดมากรุบกรอบสุดๆเมนูถัดไปยังเป็นเมนูเบาๆอยู่ค่ะ “เห็ดหอมสดทอด”
มาพร้อมกับซอสเปรี้ยว ไม่จิ้มซอสอร่อยกว่าค่ะ 555+
ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ บอกเลยว่า มันเริ้ดนะเธอออมาแอ่วเหนือแล้ว ไม่มีเมนูพื้นเมืองก็กระไรอยู่นะ
มาถึงเมนูสุดเริ้ด “แกงฮังเล” รสชาติเข้มข้นฝุดๆ
หมูเคี่ยวจนนิ่มสุดๆ เครื่องแกงจัดเต็มแบบไม่ยั้งเลยค่ะ
ทานกับข้าวสวยร้อนๆ หมูนี่ไม่ต้องพูดถึง แทบละลายในปากเลยค่ะ
เป็นเมนูโปรดเราเลย มาที่นี่ทีไร ต้องสั่งทู๊กทีมาถึงเมนูสุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุดละค่ะ
“ไก่ย่างภูภิรมย์” เมนูนี้มาแล้วต้องโดนนะคะ
ถ้าไม่โดน แปลว่ามาไม่ถึงภูภิรมย์นะ บอกเลยยยย
เป็นไก่ย่างที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมา (เว่อป่ะหล่ะ)
แต่คือมันอร่อยจริงๆนะ นุ่มสุดๆ แทบละลายในปาก
มุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้ง อู้วฟู่ววววเลย
เนื้อนุ่มขนาดนี้ แอบสงสัย นี่ใช้เบียร์สิงห์หมักไว้รึป่าวค๊าเนี่ย
เห้ย! คือต้องโดนนะ เมนูนี้ Recommend จิงจังของคาวไปแล้ว ทีนี้มาต่อด้วยของหวานกันค่ะ
เมนูแรก “กล้วยหอมทอดราดน้ำผึ้ง” กรอบนอก นุ่มใน อร่อยอีกละข้ะ!!!
Topping ด้วยไอศครีมวานิลลา เข้าก๊าน เข้ากันฝุดๆขอผลไม้ล้างปากอีกซักหน่อยละกัน “เมล่อนญี่ปุ่น”
ผ่าเรียงมาอย่างสวยงาม โปะน้ำแข็งเพิ่มความเย็นชื่นใจด้วย
จะบอกว่ารสชาติหวานสู้ครั้งก่อนไม่ได้ง่ะ T_T
มันต้องหอม หวานกว่านี้ม่ายช่ายเร๊อะ แง๊! การบริการ
ระดับพี่สิงห์แล้ว รับรองว่าบริการเริ้ดถูกใจแน่นอนค่ะ
ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาที่นี่ พนักงานต้อนรับอย่างดี
อาหารรอไม่นานมากค่ะ นั่งชมบรรยากาศเพลินๆ แปปเดียว

ค่าเสียหาย
สำหรับค่าเสียหายมื้อนี้ประมาณเกือบๆ 1,500 บาทค่ะ
ถือว่าไม่แพงมากนะคะ สำหรับอาหารอร่อย และบรรยากาศดีๆแบบนี้

เพื่อนๆที่ไปเที่ยวเชียงราย ยังไงอย่าลืมแวะไปชิมกันได้นะค๊า
รับรองว่าไม่ผิดหวัง ยิ่งถ้าได้ไปช่วงหน้าหนาวนะ
พี่รับประกันความฟินเลยแหล่ะ อิอิ

Choui Fong Tea-ไร่ชาฉุยฟง

ตามรอยละครดัง "ไร่ชาฉุยฟง" ป้ายที่บอกทางไปไร่ชาชื่อดัง บอกตรงๆ ไม่เคยคิดจะเข้าไปเลยแบบว่ามีแต่ไร่ชา จะไปทำอะไรค่ะ ใกล้บ้านไมเกิน 10กิโลเนี้ย ถนนก็ลูกรัง ฝุ่นคละคลุ้ง เข้าไปทีก็หัวแดง แต่ก็ทนกระแสไม่ไหวทำให้ต้องไป หลังจากมีครั้งแรกก็มีครั้งต่อๆมา ไปเองบ้าง ไปกับเพื่อนบ้าง ใครอยากไปก็พาไป เพราะมันใกล้ไม่ต้องขึ้นดอยไปให้ลำบาก มุมถ่ายรูปก็เยอะ อาหารทานเล่นก็มี ชอบถ่ายรูปวิว รูปคนก็มีมุมให้ถ่ายเยอะมาก
ด้วยไร่ชาฉุยฟงมีสองที่ บางทีทำให้คนที่มาเที่ยวเกิดความสับสน ถ้าหากต้องการเที่ยวและให้ได้บรรยากาศและการเดินทางไม่ไกลมาก แนะนำไร่ชาฉุยฟงที่อำเภอแม่จัน ซึ่งเดินทางจากถนนสายหลักเข้าไปเพียง 4 กิโมเมตรเท่านั้น แต่บรรยากาศเมื่อเข้าไปภายในไร่แล้ว สวยงามไม่แพ้ ไร่ที่อยู่บนดอยแม่สลองเลย

จุดเด่น
หลังจากต้องเขียนบทความนี้ จึงได้เปิดพี่กู๋ เพื่อหาข้อมูล จึงได้อ่านบทสัมภาษณ์ของคุณสุบิน วนัสพิทักษกุล เจ้าของไร่ชาฉุยฟง คำว่า“ฉุยฟง”ในภาษาจีน หมายถึง “ภูเขาที่เขียวชอุ่ม” ด้วยพื้นที่กว่าพันไร่ ทำให้เรามองไปตรงไหนของไร่ก็พบกับความเขียวชะอุ่ม (สปริงเกอร์ฉีดน้ำทั้งวันละ ฮ่าาา) และมุมยอดฮิตสำหรับถ่ายรูปก็คือบริเวณหน้าร้านอาหาร ก็ต้องทำใจกันนิดหนึ่งว่า อาจจะมีภาพคนอื่นติดมาโดยมิได้ตั้งใจ แม้อยากจะถ่ายคนเดียว จริงๆแล้วบริเวณอื่นก็มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปนะ ฉะนั้นอย่ายึดติดไปมุมอื่นบ้างก็ได้

อาหาร
อาหารยอดฮิตของที่นี่ถ้ามาแล้วก็คงไม่พลาดที่ต้องชิมชาเขียวนมสด ซึ่งส่วนตัวรู้สึกว่ามันชาเขียวมากๆ อยากรู้ว่าเป็นไงต้องมาลอง เมนูต่อมาก็เป็นพวกเค้ก เช่นเค้กชาเขียว เค้กชาไทย เค้กชอกโกแลต ฮันนี้โทรสต์ชาเขียว ซึ่งรสชาติก็กลางๆ ทานได้เรื่อย อีกเมนูก็คือ ขนมจีบ เนื้อแน่นเต็มคำ อร่อยใช้ได้เหมือนกัน สนนราคาของอาหารก็อยู่ในราคากลางๆ ไม่แพงมาก

การเดินทาง
เดินทางด้วยรถส่วนตัวจะสะดวก และง่ายกว่า โดยการเดินทางมาตามถนนเส้นเชียงราย-แม่สาย สามารถเข้าได้สองทางดังนี้
1. เลี้ยวซ้ายทางขึ้นดอยแม่สลอง เข้าไปประมาณ 4 กม. จะพบป้ายบอกทางเข้าไปไร่ชาฉุยฟงขับรถต่อไปอีกประมาณ 2-3 กม. ก็จะถึง เส้นทางค่อนข้างดี แต่ค่อนข้างเปลี่ยว หากไม่คุ้นทาง แนะนำให้ใช้เส้นทางที่สอง

2. จากทางขึ้นดอยแม่สลอง ให้ขับต่อมาถนนเส้นทางไปแม่สาย อีกประมาณ2-3 กม. จะเจอทางเข้าไปไร่ ซอยหมู่บ้านสันสลีหลวง อยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งซอยจะตรงข้ามกับร้านดาวจำรัสแสง เข้าไปตามถนนเรื่อยๆ ประมาณ 3-4 กม. ก็จะเจอไร่ชาฉุยฟง ถนนเส้นนี้จะเป็นหลุมเป็นบ่อบ้าง แต่สองข้างทางเป็นบ้านคนเสียส่วนมาก ไม่เปลี่ยว

โดยรวม ใครชื่นชอบธรรมชาติ ชอบถ่ายรูป ตามรอยละครดัง เช่น เรื่องรักออกอากาศ และเรื่องแววมยุรา ทางช่อง 3 เรื่องชิงนาง ทางช่อง 7 (บอกตรงๆว่าก็เพิ่งรู้ว่าเรื่องพวกนี้นึกว่าเรื่องธรณีนี่นี้ใครครอง) ก็เป็นอีกเส้นทางที่ไม่น่าพลาดสำหรับคนที่มาท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย

Melt in Your Mouth ร้านน้องใหม่ที่ผมเชื่อว่า อีกไม่นานจะดังแน่ๆ และต้องดอกจันไว้ตัวโตๆ ว่า ถ้าไปเชียงรายต้องไม่พลาด เพราะความสวยงามของร้าน และบรรยากาศ ที่ตกแต่งในสไตล์อังกฤษ ตัวอาคารอิฐสีเทา สวนสวย เฟอร์นิเจอร์ภายในเน้นโทนสีขาว ดูคลาสสิคสะอาดตา ที่สำคัญติดริมน้ำ และสามารถถ่ายรูปได้ทุกมุมของร้านจริงๆ เหมาะสำหรับนักแชะ นักแชร์มากครับ นี่คือจุดเด่นในเรื่องของสถานที่

จุดเด่นต่อมาที่ผมได้สัมผัสคือ เรื่องของขนมหวานและเครื่องดื่ม ซึ่งต้องยกนิ้วให้ในความ “กล้า” ของเจ้าของร้าน ที่กล้าใช้วัตถุดิบคุณภาพดี เกรดนำเข้า ทั้งขนม ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม กล้าใช้เครื่องชงกาแฟ ราคาเกือบ 8 แสนบาท คาดว่าน่าจะเป็นเครื่องแรกในเมืองไทย “Spirit Triplette” คือชื่อเรียกของเจ้าเครื่องนี้ จนทำให้ผมแทบไม่เชื่อว่า มีร้านแบบนี้ด้วยหรือ ในจ.เชียงราย

วันนี้โชคดีมาก ที่ผมมากันหลายคน เลยมีโอกาสได้สั่งขนมมาลองชิมหลายเมนู รวมทั้งอาหารและเครื่องดื่มด้วย ราคาขนมของที่นี่อยู่ระหว่าง 95-125 บาท ในฐานะคนทำขนม และได้ลองชิมหลายๆ ชนิดแล้ว ขอการันตีว่า “ไม่แพง” หากเทียบกับคุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้ รวมถึงหน้าตาและความสดใหม่ของขนม โดยเฉพาะผลไม้สดของที่นี่ ผมกล้าฟันธงได้เลยว่าเป็นร้านเดียวในเชียงรายที่ใช้ผลไม้นำเข้า ทั้งบลูเบอรี่ แบล็คเบอรี่และราสเบอรี่ ทานแล้วสดฉ่ำจริงๆ ขนมส่วนใหญ่ของที่นี่ 80 % เป็นแบบไม่อบ ทำได้น่าทานทุกเมนูเลย ไปดูกันครับว่าผมสั่งอะไรมาชิมบ้าง

- Pannacotta (ราคา 125 บาท) เสิร์ฟมาในแก้วพาเฟต์ทรงสวย ฐานล่างสุดเป็นบลูเบอรี่ฟิลลิ่ง ตามมาด้วยชั้นพันนาคอตต้าเนื้อเนียน นุ่ม ไม่หวาน ด้านบนเป็นซอสเบอรี่ และผลไม้สดหลากชนิด ที่เมื่อทานด้วยกันทั้งหมด มันช่างเข้ากันและให้รสชาติที่ดีมากๆ เมนูนี้ผมให้ 10/10 ไปเลยครับ
- Blueberry Pie (95 บาท) เสิร์ฟมาในถ้วยไอศกรีม ฐานเป็นแครกเกอร์ เหมือนมีกลิ่นมะนาวนิดๆ (เดาเอา) ตามด้วยชั้นครีมชีสนุ่ม อมเปรี้ยวนิดๆ และบลูเบอร์รี่ เมนูนี้ยังไม่โดนเท่าไหร่ (ไม่ใช่ไม่อร่อยนะครับ) ให้ 7/10
- Banoffie ตัวนี้จำราคาไม่ได้ ไม่ขอบรรยายครับ ดูจากรูปเลย บอกได้แต่ว่าอร่อยมาก จนต้องให้ 9/10
- Crepe Cake จำราคาไม่ได้เหมือนกัน .. จุดเด่นของเครปเค้กที่นี่ คือใช้วิปครีมสด ซึ่งจะให้รสชาติที่หวาน มัน มีความหอม และมีรสสัมผัสนุ่มนวลมาก สลับกับชั้นเครป ที่ใช้การซ้อนแผ่นแป้ง 2 ชั้น แป้งค่อนข้างบางและไม่เหนียวมาก ถ้าเทียบกับที่อื่น ราดมาด้วยซอสเบอรี่เข้มข้น หวานอมเปรี้ยวกำลังดี 8/10 ครับ
- Very Strawberry Cheese Cake (125 บาท) ชิ้นนี้ก็อร่อยถูกใจ ชั้นครีมชีสหอมมัน เปรี้ยวนิดๆ ทานคู่กับสตรอเบอรี่สด ให้คะแนน 8/10

นอกจากนั้นยังได้ลองสั่งลาเต้ร้อน มาทานคู่กับขนม ลาเต้แก้วโตๆ จิบได้นานๆ ชิลๆ รสชาติดีได้มาตรฐานครับ แก้วละ 75 บาท เสียดายเหมือนกัน ผมไม่รู้ว่ามีเมล็ดกาแฟนำเข้าพิเศษด้วย จะได้สั่งมาลอง และมีเครื่องดื่มอีกอย่างหนึ่งเหมือนกันที่ไม่ควรพลาด คือชา Mariage ของฝรั่งเศส ซึ่งมีขายเฉพาะในโรงแรมห้าดาว และห้างดังๆ ในกทม. มีกลิ่นและรสชาติให้เลือกเกือบ 20 ชนิด (คราวหน้าไม่พลาดแน่ๆ)

ชิมขนมและเครื่องดื่มไปแล้ว มาลองเทสต์อาหารกันบ้าง ผมสั่ง 2 เมนู 2 สไตล์ที่แตกต่างกันสุดขั้วเลยครับ คือข้าวสวย+ลาบหมูคั่ว (165 บาท ทานได้ 2 คน) และ สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า (185 บาท) ลาบหมูคั่วรสชาติใช้ได้ครับ กลมกล่อมกำลังดี ไม่เผ็ดมาก แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก ส่วนคาโบนาร่า ถึงรส ถึงเครื่องมากๆ โดยเฉพาะชีสที่โรยมาในจาน และซอสที่เข้มข้น กลมกล่อม เค็มนิดๆ กำลังดี แต่ออกจะมันและเลี่ยนไปหน่อยสำหรับผม ทำให้ทานได้ไม่หมดจาน เพราะเลี่ยนมากๆ ถ้าพูดถึงเฉพาะ 2 เมนูนี้ ผมว่า อาหารยังไม่โดนใจครับ ด้วยราคาที่สูงไปนิด ผมให้ 7/10

นอกจากเมนูที่ผมได้ลองชิมแล้ว ที่นี่ยังมีอาหารอื่นๆ อีกหลายเมนู ทั้ง สลัด แซนด์วิช พาสต้า อาหารทานเล่น อาหารเหนือ ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายพอสมควร

ส่วนการบริการ ถือว่าค่อนข้างดีครับ พนักงานหลายคนสุภาพ แนะนำเมนูและรายละเอียดต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญเจ้าของก็อัธยาศัยดี มาคอยบริการลูกค้าด้วยตัวเอง เป็นกันเองดีครับ ดูภาพรวมแล้วการบริการอาจจะยังไม่สมบูรณ์แบบมากนัก ด้วยความเป็นร้านใหม่ แต่ก็ไม่ขาดตกบกพร่องอะไร .. แต่ขอตินิดเดียว ที่ร้านไม่มีแอร์ครับ ไปนั่งในช่วงบ่ายนี่ค่อนข้างร้อนเหมือนกัน

สรุปแล้ว ร้านนี้เป็นร้านที่พิถีพิถัน ใส่ใจในรายละเอียดทุกอย่างเลยครับ เป็นร้านที่ “ไม่ควรพลาด” อย่างยิ่ง หากท่านใดได้มีโอกาสไปเยือนจ.เชียงราย หรือหลายคนที่อยู่เชียงรายอยู่แล้ว แนะนำให้ไปลองสักครั้งครับ เพราะร้านนี้ “ฉีก” จากร้านอื่นๆ กล้าที่จะแตกต่างจริงๆ ครับ คุ้มค่ามากกับการได้ไปเยือนครั้งนี้ และต้องมีครั้งต่อๆ ไปอย่างแน่นอน

มาต่อกันเลยดีกว่า หายไปนานเลย พอดีไปทำธุระ แหะๆๆ

เมนูต่อมาก็คือ แกงส้มชะอม ไข่ กุ้งขอบอกว่าชามนี้ได้เยอะมากๆ ไข่ชะอมเต็มหม้อเลย
แต่รสชาดออกจะหวาน น่าจะทำให้รสจัดกว่านี้อีกต่อมาเป็น ปลานึ่งมะนาว ทางร้านไม่มีปลาทั้งตัว
เลยต้องสั่งปลาแบบชิ้นมาทาน ก็ถือว่าทำให้ทานง่ายดี
แต่ถ้ามาทั้งตัวจะดูน่าทานกว่าจ้าจานนี้รสชาดโอเคเลย ไม่จัดมาก เนื้อปลากระพงสดพอใช้
แต่ส่วนตัวอยากให้รสจัดสุดๆเลย แล้วก็ผักนึ่งใต้ชิ้นปลามันน้อยไปหน่อย แหะๆๆจานปิดท้าย มาช้าที่สุดคือ "ขลุ่ยกุ้ง"
จริงๆเมนูนี้สั่งเป็นอย่างแรกเลย แต่มาช้าที่สุดซะงั้น
น่าจะมาเป็นออเดิร์ฟ แต่มาช้าสุดก็ทานหมดอยู่ดี อิอิ
ทอดมากรอบมากๆ แต่ไส้ข้างในรู้สึกว่ากุ้งยังน้อยไปหน่อย
แต่โดยรวมแล้วเมนูนี้โอเคเลยล่ะ ทานเพลินมากๆถ่ายรูปรวมสักหน่อย ระหว่างศึกแย่งชิงอาหารกัน อิอิแถมๆภาพบรรยากาศร้านริมแม่น้ำกกยามค่ำคืน
เครดิตรูปนี้จากแฟนเพจของร้าน Gusto Bar & Restaurant นะจ๊ะสรุปวันนี้ทานไปประมาณ 1100+ จำไม่ได้แน่นอนว่าเท่าไหร่กันแน่
แต่มีข้าวเปล่าโถนึงกับน้ำเปล่า2ขวด ที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาด้วย
วันนี้มีเจ้ามือ และก็ต้องขอขอบคุณเจ้ามือมา ณ ที่นี้ด้วยจ้า

ร้านนี้จากอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมุ่งไปข้ามสะพานแม่น้ำกกแล้วเลี้ยวซ้ายซอยแรกที่เชิงสะพานเลยค่ะ ขับไปซัก 200 เมตรก็เลี้ยวซ้ายเข้าซอยไปตามป้ายร้านนี้เลยค่ะ ลักษณะตกแต่งเหมือนบ้านอยู่ริมแม่น้ำกกที่มีบริเวณและสวยงาม ขณะนี้เวลาบ่ายสามโมงกว่าเลยนั่งเล่นสั่งเครื่องดื่มและขนมเค้กมาชิมกัน
เริ่มด้วยเครื่องดื่มชื่อล้างพิษ 85 บาท เป็นน้ำมะนาวผสมสะระแหน่ปั่นเสิร์ฟมาพร้อมน้ำผึ้งเติมเพิ่มความหวานให้กลมกล่อมก็อร่อยดีแฮะ
ของเพื่อนเป็นกาแฟเย็นชาเขียว 165 บาท เพื่อนบอกเฉยๆ
เค้กมะพร้าว 80 บาท ฟูนุ่มใช้ได้ ไม่หวานมากชอบค่ะ
และช็อคโกแลตเครปเค้ก 110 บาท ก็รสชาติเข้มข้นชุ่มฉ่ำดี คิดเงินมา 4 อย่าง 440 บาท
ราคาเหมือนอยู่ร้านแถวทองหล่อ ค่อนข้างสวนทางกับชื่อร้านพอสมควรนะคะ
สรุปความเห็นเกี่ยวกับร้านนี้
1.รสชาติเครื่องดื่มพอไปได้ รสชาติเค้กก็ดีอยู่
2.ราคาเทียบกับคุณภาพเครื่องดื่มและเค้กที่ได้ชิมรู้สึกว่าค่อนข้างแพง แต่ถ้าเอาบรรยากาศด้วยก็โอเคล่ะ
3.การบริการพอใช้ได้
4.บรรยากาศร้านนั่งชิลดี มีหลายมุมให้เลือกค่ะ