สวัสดีค่า เพื่อนๆชาว Openrice ทุกคน
วันนี้ prizella มาชวนเพื่อนๆ Seafood Lover ไปจิบน้ำทะเล
จัดเต็มปลา ปู กุ้ง หมึก ที่ร้านอาหารบ้านๆ ติดทะเลศรีราชา
พร้อมแล้ว ไปอร่อยกับจานเด็ดที่ ป้าแอ๊ด ซีฟู๊ด กันร้านแอ๊ด ซีฟู๊ด
พิกัด และเบอร์โทรร้าน แอ๊ด ตามรูปบนเลยค่ะ
การเดินทาง ถ้ามาจากบางแสน ผ่านตลาดหนองมนตรงมาบนถนนสุขุมวิทที่จะไปศรีราชา
ประมาณ 15-17 กม. ตามป้ายทางไปเกาะลอย เลี้ยวขวาที่แยกไฟแดงที่ 2 สังเกตหน้าซอยจะเป็นที่ว่าการอำเภอ
( แยกไฟแดงแรก คือ ร้านมุมอร่อย ศรีราชา )
เลี้ยวขวาเข้ามาแล้ว ขับตรงต่อไปจนกระทั่งเห็นวงเวียนข้างหน้า ให้เลี้ยวซ้าย
แต่ถ้าใครจะไปเกาะลอย ก็ขับตรงไปเพื่อข้ามสะพาน ( แต่ว่า ช่วงที่เราไปสะพานปิดซ่อมอยู่ จนท.ไม่ให้ขับเข้าไปค่ะ )
เลี้ยวซ้ายมาแล้วก็ขับตรงต่อไปอีกไม่ไกล จะพบหอนาฬิกา ให้โค้งขวาเข้าสู่ถนนเจิมจอมพล
ทางด้านซ้ายมือจะเห็นสวนสาธารณะ ขับตรงต่อไปโดยสังเกตซอยทางขวามือ ซอยเจิมจอมพล 22 อยู่ก่อนถึงโรงพยาบาล
เมื่อเลี้ยวขวาเข้าซอยนี้แล้ว ขับเข้าไปเกือบสุดซอย ร้านจะอยู่ด้านในสุดติดทะเลค่ะ
เพื่อนๆ จะเข้าไปจอดในร้าน ซึ่งพอจะมีที่จอดรถได้ประมาณ 3 คัน
หรือจะหาที่จอดแปะๆก่อนถึง บริเวณกำแพง เอาที่สะดวกของแต่ละคนเลยค่าเก็บภาพซอยทางเข้ามาให้เห็นว่ามันแคบค่ะ ถ้าไม่อยากวุ่นวายขับเข้าไปจอดด้านใน-กลับรถก็ยาก
แนะนำให้หาที่จอดก่อนถึงตัวร้านแล้วเดินเข้าไป น่าจะสะดวกกว่าค่ะบรรยากาศร้าน ภาพบนเป็นโซนฮิตรับลมทะเล ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะเลือกใช้บริการ รวมทั้งแกงส์เราด้วย
จริงๆ ยังมีที่นั่งภายในร้านอีกโซนที่เป็น open air อยู่ก่อนจะถึงเพิงด้านบน แต่คนไม่ค่อยนิยมค่ะ
ที่นั่งในโซนนั้น จะเป็นจุดที่ทางร้านแอ๊ดให้บริการไอศครีมฟรีค่า ( self service ต้องเดินมาตักเองน๊า )

มาดูเมนูกันบ้างเมนูจะมีอาหารมากมายหลายอย่างให้เลือกอร่อย
แต่จานเด่นๆ น่าจะเป็น Seafood ที่มีทั้งปลา กุ้ง ปู หอย หมึก
ใครชอบทานแนวไหน อบ ทอด นึ่ง ต้ม หรือยำ ก็เลือกสั่งไปตามแบบที่ชอบเลยค่า

มาอร่อยด้วยกันเลยเริ่มที่ 2 จานแรกเป็นเมนูสำหรับคนรักปู
บน เนื้อปูผัดพริกต้นหอม ล่าง ปูผัดผงกระหรี่
ทั้ง 2 ตานผัดมารสชาติไทยๆร้อนแรงด้วยพริกสมุนไพรและเคอรี่
แต่จานเด็ดสุดที่อยาก Recommend
ขอยกให้เนื้อปูผัดพริกต้นหอม ที่ให้ปูมาเป็นก้อนๆ รสชาติก็จัดจ้านแบบลงตัว อร่อยนัวยกนิ้วให้เลยจานทอดถัดมา คือ ปลากระพงทอดน้ำปลา
จานนี้อร่อยตามมาตรฐานร้านซีฟู้ด เสียแต่ปลาขนาดมินิไปหน่อยค่า มาถึงเมนูกุ้งกันบ้างนะคะ
บน กุ้งอบวุ้นเส้น ล่าง กุ้งอบเกลือ
ทั้ง 2 เมนูกุ้งมีขนาดกลาง สด และอบมาดี รสชาติผ่าน ทานเล่นเพลินค่าปิดท้ายด้วยเมนูต้มแซบ เป็นของโปรดของสาวๆค่ะ
บน หมึกนึ่งมะนาว ล่าง ปลาทูต้มมะนาว

หม้อแรก หมึกและเครื่องสมุนไพรทั้งพริกกระเทียมจัดเต็มมาแบบเต็มหม้อไฟ
พอได้ลองชิมรส ซดน้ำต้มยำ ขอบอกว่ามันจี๊ดดดจ๊าดดดสะใจสุดๆค่า

หม้อล่าง เป็นเมนูประจำของที่บ้านเราค่ะ
วันนี้ปลาทูมีขนาดเล็ก ดีที่รสจัดออกเปรี้ยวนำ แซบไม่แพ้หม้อไฟเมนูบนเลยอิ่มของคาวกันแล้ว อย่าลืม!! อร่อยกับของหวานที่เป็น complimentary จากร้าน แอ๊ด ซีฟู๊ดนะคะ
เราไปตักไอศครีมกะทิแบบโบราณที่ท๊อปปิ้งถั่วมันๆ ด้านบน

ต้องบอกว่า เป็นมื้อที่อิ่มเอม ด้วยรสชาติที่ดีงาม วัตถุดิบสดจากทะเล ราคาก็ไม่แพง
ส่วนบรรยากาศและการให้บริการเป็นแบบบ้านๆ แต่ก็เป็นร้านที่อาหารอร่อยถูกใจเรามากๆค่า

หลังจากที่เข้าที่พักกันในช่วงเย็นเรียบร้อย คำถามที่ว่าเย็นนี้เราจะกินอะไรกันดีก็เริ่มเข้ามาสู่วงสนทนาค่ะ เนื่องจากที่พักเราอยู่แถวๆนาจอมเทียนพอดี ก็เลยกดเข้าวงในหาร้านอาหารซะเลย แล้วก็มาเจอกับร้านนี้ค่ะขอบอกก่อนว่าที่เลือกร้านนี้ส่วนนึงเป็นเพราะจำนวนรีวิวค่ะและพอเอาชื่อร้านไปเสิร์ชในอากู๋เองก็มีคนไปใช้บริการและชมเชยร้านอยู่ไม่น้อย สำหรับการเดินทางมา สารภาพเลยว่ากดเอาตาม map ในนี้มาค่ะ ไม่หลง ร้านเป็นร้านริมหาดนาจอมเทียนเลย วิวดีมากกกกก มีโต๊ะให้นั่งริมหาดด้วย นั่งรับลมทะเล แนะนำให้มาเร็วหน่อยค่ะ จะสามารถดูพระอาทิตย์ตกรับขอบฟ้าได้สบายๆ ตอนเราไป ขนาดว่าไปเร็วแล้วนะคะ ที่นั่งริมหาดยังเริ่มเต็มแล้วเลยขอนั่งบนบกแทนแล้วกันเมนูที่เราสั่งวันนี้ขอเลือกจากเมนูแนะนำเลยละกัน
:: หมึกผัดไข่เค็ม 150 บาท ::
เมนูนี้แหละ ที่เราอยากแนะนำค่ะ มาถึงที่นี่ยังไงก็ต้องสั่งเพราะขนาดเราเองดูรูปแล้วยังอยากทานอีกเลย เป็นหมึกผัดไข่เค็ม ไม่เหนียวเลย ไม่เค็มมาก กลมกล่อมกำลังดี ที่สำคัญไข่เค็มเค้าเนื้อนวลเนียนมากค่ะ นัวมากๆ รู้สึกแค่ความสากเบาๆ ทานแล้วเหมือนกลืนไปกับหมึกเลย ไม่มีไข่แดงเป็นก้อนๆ ให้เห็นเลยค่ะ เป็นหมึกไข่เค็มที่ติดใจที่สุดเท่าที่ทานมาเลย:: ปลากระทงทอดน้ำปลา 400 บาท ::
เมนูนี้เป็นปลากระพงตัวค่อนข้างใหญ่ค่ะ ทอดมากรอบเหลืองอร่าม คือกรอบมากจิงๆ จนสามารถแทะทานก้างได้ ดูซากที่เหลือจากการทานอาจไม่รู้ว่าเป็นปลาค่ะ 555+ ทอดน้ำปลาเข้าเนื้อดีแต่ไม่เค็มมาก มาพร้อมน้ำจิ้มมะม่วงรสแซบ เรียกว่าอร่อยเข้ากันดีจิงๆ:: กุ้งทอดกระเทียม 150 บาท ::
จิงๆเมนูแนะนำเค้าเป็นกั้งทอดกระเทียมค่ะ แต่เราไม่ใครทานกั้งเลยขอประยุกต์มาเป็นกุ้งทอดกระเทียมแทนละกัน กุ้งเป็นแบบแกะเปลือกมาแล้ว ทอดกระเทียมมาหอมฉุย เนื้อกุ้งทอดแบบไม่แข็งมากค่ะ น้ำมันไม่เยิ้มมาก หอมหลิ่นซอสที่ผัดเบาๆ ถือว่าเป็นอีกเมนูนึงที่น่าลองค่ะข้าวเปล่าเราสั่งเป็นจานค่ะ จานละ 15 บาท ส่วนเครื่องดื่ม น้ำแข็งมาเป็นถังๆ ละ 30 บาทและน้ำอัดลมขวดใหญ่ 40 บาทค่ะอาหารที่นี่จะเป็นสไตล์ราคาไม่แพงมาก แต่ปริมาณก็มาแบบเบาๆ ตามราคา เรียกว่าเหมาะกับคนชอบทานหลายๆ ลองหลายๆ แบบอย่างเราแล้วกัน แต่รสชาตินี่อร่อยมากจิงๆ ค่ะ สมแล้วล่ะค่ะที่เค้ามีกว่าสองร้อยรีวิว ตัวร้านและที่จอดรถค่อนข้างกว้างค่ะ รับแขกได้หลายท่านสบายๆ ซึ่งคนก็มาทานเยอะจิงๆน่ะแหละ ใครสนใจตามมาลองได้นะคะ ^ ^

ไปเที่ยวพัทยาทีไรก็จะเป็นทริปตระเวนกินเสมอ ๆ เพื่อนเราจะเป็นคนหาร้านตลอดเพราะอยากลองนู่นนี่นั่น
คราวนี้เป็นคิวของร้าน Good Farmer Homemade
พิกัดร้านอยู่ในซ.ทัพพระยา 15 เขาพระตำหนัก ตรงเข้าซ.ไปเกือบสุดซ.ร้านอยู่ขวามือ
ร้าน Good Farmer Homemade เดิมชื่อร้านหิมพานต์
ตอนนี้เปลี่ยนเป็น Good Farmer Homemade แล้วค่ะ
แต่หน้าร้านก็ยังมีของตกแต่งตามคอนเซปต์ร้านหิมพานต์อยู่
จุดสังเกตหน้าร้านจะมีรูปปั้นปลาอานนท์ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่
บรรยากาศร้านร่มรื่นมากเลย เรากับเพื่อนมาทานกันช่วง 11 โมงนิด ๆ
คนเลยยังไม่มาก มีอยู่ 2-3 โต๊ะเองเราเลือกนั่งทานโซนนี้นะคะ ใกล้ ๆ เคาน์เตอร์จะได้สั่งอาหารสะดวก ๆเมนูของทางร้านค่ะ น่ารักมุ๊งมิ๊งสมเป็นร้านโฮมเมดเลยจุดเด่นของที่ร้านนี้นอกจากจะเป็นร้านอาหารโฮมเมด
ทางร้านเค้ายังทำฟาร์มไฮโดรโปนิคเองด้วย ผักสดที่ใช้ในร้านก็เป็นผักจากฟาร์มของเค้าเอง
เมนูอาหารของที่ร้านเค้ามีรูปมีส่วนประกอบบอกไว้หมดเลย
แถมแต่ละเมนูก็น่ากินนนน กลุ่มเรานั่งเปิดอยู่นานกว่าจะสั่งได้อ่ะ เลือกไม่ถูก 55คนรักผักน่าจะชอบร้านนี้นะ เครื่องดื่มก็ดูเฮลทตี้มาก
เรากับเพื่อนเป็นสายกินผักนะ (เนื้อก็กิน แหะ ๆ) เห็นแล้วชอบเลย
เดี๋ยวต้องขอลองมีเมนูบัตเตอร์เบียร์ด้วย อยากกินอ่ะแต่จำไม่ได้ทำไมตอนนั้นไม่สั่ง 555เริ่มชิมจากน้ำผักกันดีกว่า สั่งมา 3 แก้วสีคล้าย ๆ กันหมด
คนไม่กินผักเห็นแล้วคงวิ่งหนี แต่เราชอบ จัดมา
แก้วแรก Good Farmer Smoothies 85 บ.
เป็นผัก 3 ชนิดปั่นรวมกัน ไม่เหม็นเขียวนะดื่มได้สบาย ๆSweet Couple 85 บ.
แก้วนี้เป็นการผสมผสานระหว่างผักไฮโดรโปนิกส์และมะเขือเทศเชอรี่อีกแก้วก็สีคล้าย ๆ กัน Good Farmer Tango 85 บ.
ส่วนตัวชอบแก้วแรกมากสุด สดชื่นดีค่ะมาถึงอาหารกันบ้าง
เริ่มจากสลัด Good Farmer Great Salad 150 บ.
สลัดผักสดหลากชนิด แซมด้วยไส้กรอก โรยหน้าด้วยชีส เสิร์ฟพร้อมน้ำสลัดOlive Garden Dory 220 บ.
เป็นปลาย่างราดด้วยมะกอกดำ+เขียวในน้ำมันมะกอก
เสิร์ฟคู่กับสลัดผักไฮโดรโปนิกส์และน้ำสลัด
จานนี้จะออกมัน ๆ เลี่ยน ๆ ไปนิดChicken Piccata อกไก่ทอดโปะชีส เสิร์ฟคู่กับสปาเกตตี้ซอสมะเขือเทศและสลัดผัก
เมนูชีส ๆ กรุ๊ปเราไม่เพคยพลาด เนื้อไก่เป็นส่วนอกก็จะจืด ๆ แข็ง ๆ หน่อยนะ
สปาเกตตี้เส้นนิ่มไปนิด อยากได้แข็งกว่านี้อีกหน่อย แต่โดยรวมจานนี้ก็โอเคนะSalmon Herb Spaghetti 240 บ.
ปลาแซลมอนทอดกรอบ เสิร์ฟคู่กับเส้นสปาเกตตี้ สลัดผัก และน้ำสลัดสไตล์ญี่ปุ่นรสอมเปรี้ยว
ปลาทอดมากรอบดีมากชอบเลย สปาเกตตี้เส้นนิ่มไปเช่นเคย น้ำสลัดอมเปรี้ยวตัดเลี่ยนจานอื่น ๆ ดีเพื่อนอยากลองขนมที่ไม่หนักมาก เลยเลือกไอศครีมโฮมเมดมาทาน
ไอศครีมโฮมเมดเค้ามีหลายรสดีทั้งไวท์มอลต์ , ชาไทย , Brown Sugar Cinnamon
แต่คุณเพื่อนเลือกไอศครีมผักจ้า วันนี้เฮลตี้ตัวจริง 55
Botanic Gelato 50 บ. อันนี้รสออกเขียว ๆ กว่าน้ำปั่น เนื้อไอศครีมไม่เนียนเท่าไหร่
เมนูนี้เราทานได้นะ แต่ไม่ได้ชอบเป็นพิเศษจ้าค่าเสียหายมื้อนี้ 1,195 บ. (มีน้ำเปล่าอีกขวด) ราคาไม่มี++ ถูกมากกกกสำหรับร้านแนวนี้
มีโอกาสไปพัทยาอีกต้องไปซ้ำแน่นอนค่า

วันนี้ได้กลับมาหวนความหลังกับร้านประจำครอบครัว "เทวิกาซีฟู้ด" อีกสักครั้งค่ะ
สำหรับปีนี้ร้านมีความแปลกตาขึ้นคือ ลูกค้าหนาแน่นมากขึ้น อาจจะเพราะร้าน
อยู่ฝั่งตรงข้ามกับศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ และ อยู่ถัดจากศาลเจ้าแม่กวนอิมค่ะ
ช่วงเวลา SUMMER และ ปิดเทอมแบบนี้ ครอบครัวก็มักจะพาลูกหลานมาเที่ยว
และแวะทานอาหารเที่ยงกันที่นี่ พิกัดร้านก็เช่นเดิม จะมาทางเส้นทางบางแสน-อ่างศิลา
หรือ จะมาเส้นถนน อ่างศิลา-สุขุมวิท เข้าได้สองทางค่ะ หากอยู่ฝั่งตรงข้ามศาลเจ้านาจา
มองข้ามมาอีกฟากก็จะเจอร้านพร้อมป้ายตัวหนังสือสีน้ำเงิน ไม่ห่างจาก 7-11 มากนักหากอยากทานหอยนางรมสดๆ มีแผงร้านขายอยู่บริเวณด้านหน้าร้านหลายเจ้ากันเลย เลือกซื้อเลือกทานได้
สดทุกร้าน แอบกระซิบว่าราคาไม่แพงเลยค่ะ
ภายในร้านเทวิกาซีฟู้ดมีโมบายหอยนานาชนิดพร้อมลูกปัดตกแต่งอย่างสวยงาม เวลาลมพัดทีบ้างก็มีเสียงกรุ้งกริ้ง
สร้างความเพลิดเพลินระหว่างทานข้าวมาก ถ้าลูกค้าท่านใดสนใจสามารถซื้อเป็นของฝากกลับบ้านได้
มีป้ายราคาติดทุกอัน เอาล่ะค่ะเมนูแรกที่จะสั่ง คือตั้งใจมาทานโดยเฉพาะเลย คือปูม้านึ่ง โทรสั่งล่วงหน้า มาถึงปุ๊บได้ทานปั๊บ
สั่งมา 3 โล ราคาขึ้นลงตามฤดูกาลค่ะ โลละ 420 บาท เพิ่มค่านึ่ง 60 บาทปลากระพงสามรส ขอแยกน้ำราดมาค่ะ เกรงว่าราดไปปลาที่เค้าทอดมากรอบมากจะแฉะ
น้ำราดสามรสจริงๆค่ะ เปรี้ยวหวานและเค็ม พอจะทานก็ตักน้ำราดลงบนตัวเนื้อปลา พร้อมข้าวสวยร้อนๆ
อร่อยลืมเลยค่ะ จานละ 290 บาทไข่เจียวหอยนางรม ตัวเนื้อไข่ฟูกรอบนอกนุ่มใน พอกัดลงไปเจอเนื้อหอยนางรมที่ไม่ได้สุกมาก ยังคงมีน้ำในตัว
ความหวานของหอยปะทะกับลิ้น เป็นความอร่อยในรอบนี้ซึ่งต่างกับไข่เจียวปูในครั้งก่อน
เสนอจานละ 100 บาทข้าวผัดกุ้ง เม็ดข้าวร่วนซุย ออกจืดไปนิด แต่เค้าให้มะนาวและพริกน้ำปลามาค่ะ
มีกลิ่นหอมไหม้ของกระทะเล็กน้อย กุ้งตัวโตๆทั้งสดและหวาน
นับได้เจ็ดตัว ถือว่าจานนี้คุ้มมากค่ะ 150 บาท ทานทั้งครอบครัวเบ็ดเสร็จมื้อนี้หมดไปเกือบสองพันค่ะ รวมน้ำแข็งและน้ำอัดลมอีกหลายขวด
ราคาและความสดยังน่าคบหาเช่นเดิม
ถ้าใครแวะมาอ่างศิลา ร้านเทวิกาก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ควรเข้ามาลิ้มลองนะคะ
เจ้าของร้านเป็นกันเองมาก ธุรกิจในครอบครัวเช่นเดิม วันไหนที่ลูกค้ามาเยอะก็ต้องใจเย็นนั่งรอไปสักพักก็จะได้รับประทานของอร่อย จะลืมการรอคอยที่ผ่านมาเลยค่ะ

ร้าน "Tuna Ichiban" ที่ศรีราชา หลายคนแถวนี้รู้จัก เพราะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นราคาไม่แพง และรสชาดโอเค ตอนนี้มีสองสาขาแล้ว ที่ห้างฮาร์เบอร์มอลล์ ชั้น 1 เราเคยไปทานที่นั่น แต่รู้สึกว่าไม่อร่อยเท่าที่สาขาการะบุหนิงรีสอร์ท ถ้าจะให้เดา เราว่าน่าจะเป็นที่เชฟคนละชุด 55 ก็เลยเลือกมาทานที่นี่ตลอดค่ะ ร้านอยู่ระหว่างซอยอัญสัมชัญ และเซนต์ปอล ร้านนี้สวยกว่า ที่นั่งเยอะกว่า เพราะอยู่ในโซนของรีสอร์ท มีที่จอดรถสะดวกสบาย วันนั้นไปถึง 19.00 น. มีโต๊ะนั่ง ไม่ต้องรอ กินเสร็จออกมาแป็ปเดียว คนรอคิวเพียบเลย คิดว่าตัวเองโชคดีนะเนี๊ยะวันนี้เน้นแซลมอนกับโรลเยอะหน่อย เพราะอยากกินมานาน เริ่มที่จานแรก ที่หลายโต๊ะสั่ง แซลมอนชิ้นหนา ลายสวย สดสะอาดทานพร้อมกับโซยุและวาซาบิแท้ๆ มันขึ้นจมูก โล่งได้ใจมากค่ะข้าวหน้าเนื้อ ปริมาณกำลังดี ปรุงรสมาได้อร่อย เหยาะพริกป่นพริกไทยเพิ่มรสชาดดีค่ะแซลมอลย่างโป๊ะมาบนข้าวปั้น ราดด้วยมายองเนสและไข่กุ้ง และน้ำจิ้มหวานนิดๆ ทานพร้อมโซยุและวาซาบิ เข้ากันดีเหลือเกินเป็นไซด์เล็ก เป็นโรลที่ราดด้วยน้ำซอสสไปซี่ เพิ่มความแตกต่างให้อร่อยอีกรูปแบบเมนูนี้รับเป็นไซด์เล็กเช่นกัน แต่เมนูนี้คำใหญ่ไปหน่อย รสชาดไม่ค่อยมีอะไรมาก สู้โรล 2 เมนูแรกไม่ได้ค่ะเป็นยำแซลมอนที่รสชาดจัดจ้านสไตล์ไทยมาก แต่เสียอย่างเดียวเค้าใส่แตงกวาไปด้วย เราว่าเหม็นเขียว เหมือนกินตำแตงอยู่เลย ถ้าไม่มีแตงกว่านี่จะอร่อยสุดๆ เลยนะราคาอาหารแต่ละอย่างไม่แพงเลยค่ะ แต่พอมาบวก Service charge กับ Vat ก็เพิ่มไปอีก 100 กว่าบาทเลยทีเดียวค่ะ 

"ส้มตำอมรา" ศรีราชา เป็นร้านส้มตำคุณภาพ ที่อยากจะแนะนำให้มาชิม เพราะส่วนตัวถือเป็นลูกค้าประจำที่นี่  มากี่ครั้ง รสชาด และบริการก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง รู้จักใครก็มักจะแนะนำให้เค้ามากิน จนคนอื่นก็กลายเป็นขาประจำไปเช่นกันค่ะ  ร้านขนาดปานกลาง ทีมีเอกลักษณ์การตกแต่งแบบย้อนยุคนิดๆ ขนาดอยู่ในซอยที่ไม่ใช่ถนนใหญ่ คนก็เต็มตลอด เมนูอาหารไม่ได้เยอะมาก แต่ถือว่าครบในแบบฉบับของร้านขายส้มตำ ที่นี่จะใช้มะนาวแท้ ลูกโตๆ ประกอบเมนูทุกจาน ทำให้รสชาดที่เราทานจะได้ความเปรี้ยวมะนาวที่ไม่ใช่มะนาวผสมสักนิดเลยค่ะ เริ่มต้นด้วยอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มความอร่อย เช่น ข้าวเหนียว และขนมจีนต่อด้วยเมนูแรก ส้มตำปูม้า เป็นส้มตำที่รสชาดลงตัว มะละกอเส้นใสบางกรอบ รสเปรี้ยวหวานกำลังดี ได้รสชาดปูม้าทำให้อร่อยมากขึ้น ตำข้าวโพด เนื้อเหนียวหนุบหนับ บวกกับไข่เค็มลูกโต เป็นไข่แดงเนื้อแน่นเข้ากับตำข้าวโพดมาก ส่วนรสชาดก็อร่อยอย่างที่ชมไว้คอหมูย่างหมักและย่างมาได้น่าทาน ติดมันนิดหน่อย พอให้เนื้อหมูมีความอร่อยเพิ่มขึ้น น้ำจิ้มเป็นน้ำจิ้มมะขาวเปียกเข้มข้น ยิ่งทำให้คอหมูย่างอร่อยมากขึ้นน้ำตกปรุงมาได้อร่อยมาก ชอบที่เค้าหั่นหัวหอมเป็นฝอยเล็กๆ เนื้อคอหมูย่างฝานมาบางกำลังดี น้ำปรุงกับเนื้อเข้ากัน ทั้งนุ่ม ทั้งอร่อยค่ะตับหวาน ลวกตับมาได้นุ่มกำลังดี รสชาดกลมกล่อมเหมือนเดิมต้มแซ่บเปรี้ยวมะนาวและเผ็ดได้ใจ สมกับเป็นต้มแซ่บของแท้ เนื้อกระดูกอ่อนนุ่มกรุบๆ ทานได้ทั้งชิ้น ผสมมากับเห็ดฟางกำลังดีไก่ทอดได้เหลืองกรอบ เสิร์ฟมาตอนร้อน ๆ เนื้อไก่หมักเกลือเค็มนิดๆ ทานพร้อมน้ำจิ้มหวาน ทานแล้วเพลินมากค่ะถ้วยนี้สั่งมาเบิ้ล แต่รสชาดเดียวกับต้มแซ่บกระดูกอ่อนเลย มีแต่เห็ดฟาง รู้งี้สั่งต้มแซ่บกระดูกอ่อนน่าจะคุ้มกว่านะเปรี้ยวแซ่บได้รสชาดยำ เครื่องทะเลชิ้นใหญ่ วุ้นเส้นเหนียวนุ่มคือทุกเมนูเป็นรสชาดแบบฉบับเดียวกัน และอร่อยทุกเมนูจริงๆ แนะนำจริงๆ ค่ะ

ไปเที่ยวพัทยา ขากลับเข้ากรุงเทพ เลยตั้งใจว่าจะหาร้านสวยๆกินบรรยากาศและขนมชิวๆ ซึ่งร้านนี้ดูน่าสนใจดีค่ะ

พอเข้ามา แล้วชอบบรรยากาศจังค่ะ มีหลายโซนให้เลือกนั่งดีจังเลย มีทั้งแบบนั่งริมทะเลเท้าสัมผัสพื้นทราย นั่งโซฟานุ่มๆนอนไปทานไปก็ได้ นั่งเก้าอี้ทั่วไปรับลมทะเลเบาๆ หรือนั่งในห้องแอร์ก็มีค่ะ

เราตั้งใจจะมานั่งทานเครื่องดื่มและขนมชิวๆ แต่เพื่อนบอกว่าของคาวสักจานสองจาน เราก็เลยจัดมาด้วยค่ะ- Capellini Pesto Smoked Salmon Ebiko 185 บาท แองเจิ้ลแฮร์ซอสโหระพาแซลมอนรมควันไข่กุ้ง
รสชาติโอเคค่ะ ได้ความหอมๆโหระพาดี ปลาเนื้อชิ้นใหญ่สดหอมรมควันเบาๆอร่อยดี ไข่กุ้งเค็มๆมัน เพิ่มรสชาติได้ดี แต่เสียตรงน้ำมันเยอะมาก แอบเลี่ยนไปหน่อยค่ะ- Spaghetti Cabonara 185 บาท สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า โรยด้วยเบคอน มีไข่ออนเซ็นด้วย
รสชาติกลางๆค่ะ ไม่ได้เข้มข้นมาก เบคอนกรอบดี แต่บางชิ้นแอบแข็งไปนิด จานนี้ออกเลี่ยนประมาณนึง- Honey Toast 185 บาท เสริฟมาสีสันสวยงามอลังการมากๆค่ะ เป็นขนมปังปิ้ง ตรงกลางมีไอศกรีมวนิลาโปะด้านบนด้วย โอริโอ คิทแคท เวเฟอร์ เพรทซ์แท่ง รอบๆมีผลไม้สดทั้ง แอ๊ปเปิ้ลเขียว แอ๊ปเปิ้ลแดง มะม่วง กล้วย บลูเบอรี่ ราดซอสช็อคโกแลต และยังมีโรยเม็ดเป๊าะแป๊ะรสสตอเบอรี่ด้วยค่ะขนมปังกรอบนอกนุ่มใน อร่อยใช้ได้ค่ะ มีผลไม้สดจัดเต็มชอบมากค่ะ แอ๊ปเปิ้ลเขียวเปรี้ยวดี แอ๊ปเปิ้ลแดงออกหวานเบาๆสดชื่น มะม่วงหวานหอม กล้วยนุ่มๆหอมหวาน บลูเบอรี่เปรี้ยวหวาน ส่วนซอสช็อคโกแลตออกหวานสังเคราะห์ไปนิดไม่ค่อยโดนใจ ไอศกรีมวนิลาออกหวานๆอย่างเดียวไม่หอม ทำให้แสบคอไปนิดค่ะ ไข่มุกเป๊าะแป๊ะเปรี้ยวหวานแตกโป๊ะในปากอร่อยสนุกดี- Coconut Cake 125 บาท เค้กมะพร้าว หน้าตาดีงาม พอลองทานแอบอึ้งเล็กๆ เลยให้เพื่อนลองชิม ๆกันทุกคน และรู้สึกว่ามะพร้าวเริ่มไม่สดแล้ว มีรสเปรี้ยวเบาๆบางคำ แต่เนื้อเค้กนุ่มดีค่ะ ครีมมะพร้าวมันๆไม่หวานไป โอเคค่ะ แต่เสียใจที่ได้ชิ้นนี้มา คาดว่าเราน่าจะได้ชิ้นที่ค้างคืนหรือเปล่าไม่แน่ใจค่ะ ตอนแรกจะเรียกพนักงานมาช่วยชิม แต่ว่ามันไม่ได้เป็นทั้งชิ้น จะเป็นแค่มุมนึง ก็เลยทานไปครึ่งชิ้นตรงส่วนที่ไม่เป็นค่ะ- The Sky Gallery ESPRESSO 135 บาท สั่งเพราะหน้าตาเลยค่ะเมนูนี้ แก้วใสเห็นสีสวยงาม 3 ชั้น ชั้นล่างเป็นน้ำเชื่อมสีฟ้าตามชื่อ the sky ชั้นกลางเป็นกาแฟเอสเพรสโซ่ ส่วนชั้นบนเป็นวิปครีมสีครีม
รสชาติกลางๆค่ะ ออกขมหวานน้ำตาล แต่ไม่ใช่แนวเข้มข้นหวานมัน น่าจะไม่ค่อยใส่นมข้นและครีมเทียมเท่าไหร่ เหมือนแนวกาแฟกับน้ำตาล ส่วนวิปครีมออกมันๆดีแต่จืดไปหน่อยค่ะ- Butterfly & Honey Lime Iced Tea 95 บาท เป็นน้ำมะนาวน้ำผึ้ง มาในแก้วทรงเหยือก น้ำสีม่วงสดใสสวยดีค่ะ รสชาติเปรี้ยวหวาน ทานแล้วสดชื่นอร่อยดีค่ะ- Blue Vanilla (Blueberry, Vanilla Syrub, Rambutan, Lemonade) 165 บาท เสริฟมาแก้วสวยอีกแล้ว สีสัน 2 ชั้นสวยงาม ด้านล่างเป็นน้ำสีม่วง ด้านบนเป็นโซดา มีไม้เสียบผลไม้ข้างๆแก้วสวยๆด้วยค่ะ
คนๆก่อนทาน รสชาติเปรี้ยวหวานเบาๆ แต่เน้นรสโซดาซ่าๆ ไม่ค่อยเข้มข้นผลไม้เท่าไหร่ค่ะ- Thai Green Tea Latte (Hot) 75 บาท แก้วนี้เพื่อนสั่งเพราะความสวยงามอีกแล้ว 55 เป็นชาเขียวร้อน เสริฟมา 3 ชั้นสวยงาม ชั้นล่างสุดเป็นนม ชั้นกลางเป็นชาเขียว ส่วนชั้นบนเป็นฟองนมค่ะ
เราได้ลองชิมของเพื่อน รสออกหวานนิดๆขมหน่อยๆ และมีกลิ่นมะลิค่ะ เราไม่ชอบกลิ่นนี้เท่าไหร่ เลยเฉยๆค่ะ- Cocoa Blended 95 บาท เป็นโกโก้ปั่นใส่วิปครีม แก้วนี้เพื่อนของเพื่อนสั่ง มิกล้าชิมอ่ารวมๆบรรยากาศรอบๆ ที่นั่งมีเยอะดีค่ะใครมาเที่ยวพัทยา ร้านนี้แนะนำเลยค่ะสำหรับบรรยากาศ ดีจริงๆ การบริการก็โอเค ส่วนรสชาติ ส่วนตัวที่สั่งทานยังไม่ค่อยโดดเด่น แต่มานั่งทานเพื่อเน้นชิมสถานที่ด้วย ก็ถือว่าคุ้มค่ะ

La Ferme ..อีกหนึ่งร้านดังของพัทยาที่ใครมาก็ต้องปักหมุดแวะ ชื่อของร้านนั้นมีความหมายว่า The Farm เพื่อสื่อถึงการเลือกสรรวัตถุดิบทั้งเนื้อสัตว์และผักที่สดใหม่จากฟาร์มที่ได้คุณภาพ โดยภาพลักษณ์แล้วเป็นร้านที่โดดเด่นด้วยอาหารฝรั่งเศสและเบลเยี่ยม โดยมีการแทรกความเป็นเอเชียผสมผสานลงไปในบางเมนู ล่าสุดนี้ก็เห็นว่ามีการเพิ่มเติมเมนูอาหารไทยแท้ๆเป็นเซ็ทให้สั่งได้ด้วย หลากหลายดีทีเดียวนะ

***-ทำเลที่ตั้ง/บรรยากาศ-***

ร้านอยู่ด้านหน้าโรงแรม Woodlands Hotel & Resort ใกล้วงเวียนปลาโลมา ตัวร้านอยู่ติดกับร้าน La Baguette โดยภายในร้านมีประตูเปิดเชื่อมถึงกัน สามารถสั่งขนมหรือไอศครีมจากร้าน La Baguette ให้นำมาเสิร์ฟที่โต๊ะได้เลยค่ะ สำหรับบรรยากาศนั้น La Ferme ตกแต่งด้วยสไตล์ Modern French เน้นโทนสีแดงกำมะหยี่ตัดกับสีขาว-ดำของพื้นลายหมากรุก ประดับด้วยโคมไฟและเฟอร์นิเจอร์ไม้อย่างดูมีรสนิยม ตัวร้านเป็นกระจกโปร่งโดยรอบ กลางห้องมีแม่ไก่จำลองขนาดยักษ์ตั้งอยู่ราวกับจะบอกใบ้ให้รู้ถึงเมนูเด็ดของร้าน ส่วนด้านนอกมีที่นั่ง outdoor อยู่ราวๆ 2-3 โต๊ะ โดยรวมแล้วจัดว่าเป็นร้านที่ดู chic สุดๆเลยล่ะค่ะ***-เมนูที่ได้ลอง-***

[Bread]

ตามธรรมเนียมของมื้ออาหารฝรั่ง ก็ต้องมีขนมปังเสิร์ฟมาให้ทานฟรีก่อน 1 ตะกร้า เท่าที่ลองรู้สึกเฉยๆกับเนื้อขนมปัง ยังไม่ถึงกับประทับใจมาก แต่ก็โอเคอยู่น่ะค่ะ[Chicken]

สำหรับเมนูที่โด่งดังที่สุดของทางร้านนั้นได้แก่ไก่ La Ferme ซึ่งเป็นไก่ย่างที่มีให้เลือก 3 แบบคือ Chicken Natural / Honey Roasted Chicken / Chicken “La Ferme” Style (Thai Spicy) ราคา 380 บาท/ไก่ครึ่งตัว และ 660-/ไก่ทั้งตัว ราคานี้มีซอสชนิดต่างๆกับ Side Dish ให้เลือกสั่งได้อย่างละ 1 ชนิดนะคะ เราเลือกสั่งตัวนี้ค่ะ

● Chicken “La Ferme” Style (Thai Spicy) - เห็นเอาชื่อร้านเป็นประกัน ก็เลยขอลองตัวนี้ล่ะ เราเลือกซอสเป็น Provençal sauce ส่วน Side Dish เลือกเป็น French Fries ....ชิมแล้วต้องร้องว้าวววว....ยาวๆเลยค่ะ เพราะไก่เค้าอร่อยเทพสมคำร่ำลือ เนื้อไก่นุ่มฉ่ำทั่วทั้งชิ้น หอมกลิ่นย่างกรุ่น หนังไก่มีกรอบนิดๆหอมเครื่องเทศและปรุงรสชาติมาได้แบบพอดิบพอดี เอากันจริงๆไม่ต้องจิ้มซอสอะไรเลยก็อร่อยแล้ว ฟินเคลิ้มสุดๆ ...ส่วน French Fries ก็จัดว่าทำมาใช้ได้ ทานแกล้มพอเพลินๆค่ะ[Set Lunch]

เนื่องจากไปช่วงมื้อกลางวัน เลยเห็นว่าทางร้านมีชุดอาหารกลางวันในราคา 440 บาทถ้วน (net แล้วค่ะ) เป็นอาหาร 3 คอร์สที่มี :

1. Appetizer หรือ Soup
2. Main Course
3. Tart of the Day หรือ Hot coffee/Hot Tea – เลือกได้อย่างใดอย่างหนึ่งค่ะ

เราเลือกไปตามนี้นะคะ

● Lamb & Barley Soup – เป็นซุปใสที่ใส่เนื้อแกะหั่นลูกเต๋าชิ้นเล็กๆ แครอท มันฝรั่ง และ pearl barley เม็ดนุ่มหนึบ ทานกับขนมปัง focaccia ที่ฝานบางๆมาให้ 2 ชิ้น เมนูนี้เราชอบค่ะ น้ำซุปรสดีกลมกล่อม เนื้อแกะและเครื่องอื่นๆก็ตุ๋นนุ่มกำลังดี อร่อยเลยล่ะ● Pork Chop with Potato Pancake – จานนี้ประกอบไปด้วย pork chop เนื้อนุ่ม ราดด้วย mushroom gravy sauce ที่หอมกลิ่นเห็ดชัดเจน รสชาติเข้มข้นกำลังดีแบบไม่ต้องปรุง ทานคู่กับ Potato Pancake ซึ่งมีลักษณะแบบมันบดที่นำไปจี่ให้ผิวนอกเกรียมนิดๆและเนื้อในนุ่ม ที่จริงแล้วเมนูนี้อร่อยดีงามใช้ได้เลยนะ แต่พอดีว่าสั่งมาพร้อมไก่ย่างที่อร่อยโดดเด่นกว่า ก็เลยถูกเปรียบเทียบให้ดูหมองไปหน่อยน่ะค่ะ● Hot Coffee – เพราะตั้งใจไว้ว่าจะไปสั่งไอศครีมจากฝั่ง La Baguette มาทานเป็นของหวาน คอร์สสุดท้ายของเซ็ทก็เลยเลือกเป็นกาแฟร้อนไปค่ะ เป็นกาแฟดำที่หอมเข้มกลมกล่อมดีงาม crema สีทองสวยทีเดียว ถูกใจมากมายสำหรับไอศครีมที่ไปเลือกมาจากฝั่งของ La Baguette นั้นเป็นรสช็อคโกแลตและ Rum Raisin ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอากาศร้อนหรืออย่างไร แต่รู้สึกว่าเนื้อไอศครีมไม่มีความหนืดแบบที่เคยมาลองคราวที่แล้ว เลยฟินน้อยลงนิดนึงค่ะ แต่ก็ทานเพลินๆโอเคอยู่ล่ะโดยรวมแล้วเป็นอีกร้านหนึ่งที่รู้สึกประทับใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเมนูไก่ย่างที่เป็น signature ของร้าน บรรยากาศของร้านก็ตกแต่งได้ดีมีรสนิยม เห็นแล้วอยากนั่งชิลล์ไปยาวๆ เป็นร้านที่ถ้ามาพัทยาก็ควรแวะดูซักมื้อจริงๆค่ะ

Every cloud has a silver lining...วลีความหมายดีๆนี้เองที่เป็นแรงบันดาลใจของชื่อร้าน Silver Lining ร้านอาหารบรรยากาศดีติดหาดวงศ์อมาตย์พัทยา เจ้าของเดียวกับร้าน The Glass House อันโด่งดัง ซึ่งนอกจากจะคงคอนเซ็ปต์ร้านสวย วิวงามเช่นเดียวกันแล้ว กับร้านนี้ยังได้เชฟหนุ่ม – ธนินทร จันทรวรรณ ผู้มีดีกรีเป็นถึงเชฟกระทะเหล็ก มาช่วยรังสรรค์เมนูซึ่งมีมากกว่า 150 รายการให้อีกด้วย มิหนำซ้ำยังเพิ่มจุดขายสุดเก๋คือหลังคาและผนังกระจกเลื่อนได้ที่ทำให้ร้านนี้กลายเป็น The First and Only Moving Restaurant in the World.. โปรไฟล์ดีงามซะขนาดนี้ เมื่อมีโอกาสก็เลยต้องขอมาลองดูซักทีค่ะ

***-ทำเลที่ตั้ง/การเดินทาง-***

ร้านตั้งอยู่ในโครงการ ZIRE Wongamat Condominium ริมหาดวงศ์อมาตย์ช่วงระหว่างนาเกลือและพัทยาเหนือ ถ้านำรถมาสามารถเข้าได้ทั้งทางซอยนาเกลือ 18, 16 และ 16/2 จากบริเวณที่จอดรถของคอนโดมิเนียม จะมีรถกอล์ฟให้บริการพาไปส่งถึงตัวร้านที่ด้านหน้าชายหาดค่ะ แต่ถ้าใครพักโรงแรมแถวนั้น เดินเลียบชายหาดมาเลยก็ง่ายดีค่ะ

***-บรรยากาศ-***

การตกแต่งของ Silver lining นั้น แม้จะมีความละม้ายชวนให้นึกถึงร้าน The Glass House ซึ่งเป็นร้านเครือเดียวกันอยู่บ้าง แต่จะถูกยกระดับขึ้นใกล้เคียงความเป็น Fine dining มากกว่า มีความละเมียดละไมกับทุกรายละเอียด ตกแต่งได้อย่างดูดีมีรสนิยม ความเป็นแมสน้อยกว่า และ sophisticated มากขึ้น ...สำหรับเราชอบบรรยากาศสไตล์แบบที่นี่มากกว่า จัดว่าโดนใจมากมายค่ะ

สำหรับ Dining area ที่นี่จะแบ่งเป็น 2 ส่วนค่ะ :

[Indoor]

ส่วนแรกคือด้านในที่เป็นห้องติดแอร์ บรรยากาศจะค่อนข้างดูหรูหราเป็นทางการนิดนึง เหมาะกับการแต่งกายแบบ smart casual ในห้องตกแต่งสไตล์ rustic-retro โต๊ะเก้าอี้โซฟาสีเข้ม มีเกราะญี่ปุ่นและเกราะเหล็กตั้งโชว์ มีที่เก็บไวน์อยู่ด้านหนึ่ง และมีวงดนตรีบรรเลงสดอยู่มุมด้านในสุดของห้อง (สำหรับวงดนตรีนี้ทราบมาว่าบางวัน/บางช่วงเวลาก็จะย้ายไปเล่นที่บริเวณลานด้านนอกนะคะ)[Outdoor Area and the Automated Roof]

สำหรับคนชอบนั่งรับลมทะเล และบรรยากาศที่ดูผ่อนคลายสบายๆขึ้นอีกนิด ทางร้านก็มีที่นั่งในส่วน outdoor ทำไล่ระดับเป็นขั้นบันไดไปจนถึงริมหาด เพื่อให้ไม่ว่าจะนั่งตรงไหนก็สามารถมองเห็นวิวทะเลได้หมด ไม่มีใครบังใครค่ะ โดยถ้ามาช่วงกลางวันหรือตอนเย็นที่ยังไม่มืดมากนี่สามารถเห็นวิวไปถึงเกาะล้านเลยทีเดียว สำหรับคนที่กลัวยุง วันที่ไปเราเห็นทางร้านตั้งพัดลมตัวเล็กๆเป่าขาให้ด้วย ไอเดียดีค่ะ ทีเด็ดของที่นั่งด้านนอกที่จัดเป็นไฮไลท์ของร้านนี้เลยก็คือหลังคาและเพดานกระจกขนาดยักษ์ที่เลื่อนเข้า-ออกได้ ทำให้แม้จะนั่งรับลมด้านนอกก็ไม่ต้องกลัวแดดกลัวฝน เพราะสามารถเลื่อนหลังคามาปิดได้ในพริบตา และถึงแม้วันที่สภาพอากาศปกติ ทางร้านก็จะมีการเลื่อนหลังคานี้เสมือนเป็นโชว์อย่างนึงให้ลูกค้าดู โดยจะมี 3 ช่วงเวลาด้วยกันคือ 18.00 น. 20.00 น. และ 22.00 น. ค่ะ[Live Band]

อีกสิ่งหนึ่งที่ประทับใจมากสำหรับที่นี่ก็คือวงดนตรีสด (เล่นทุกวันยกเว้นวันจันทร์ เริ่มเล่นราวๆ 2 ทุ่มโดยประมาณ) ..คือขอบอกเลยว่าเป็นวงระดับฝีมือจริงๆ แตกต่างจากร้านกิน-ดื่มอื่นๆที่เคยเห็นในพัทยาแบบคนละคลาสกันเลย การเลือกเพลงก็จัดว่ามีรสนิยมที่ดีเหมาะกับบรรยากาศร้าน มีการคัดเพลงเด่นๆในแต่ละยุคมาเล่น โดย arrange ให้ร่วมสมัยขึ้นแบบพอดีๆ ไม่เชย แต่ก็ไม่ improvise เยอะจนเว่อร์และไม่ได้สักแต่เล่นเพลงฉาบฉวยตามกระแส ที่สำคัญคือเป๊ะทุกตัวโน้ตทั้งนักร้องและนักดนตรี ดีงามสุดๆบอกเลย

***-เมนูที่ได้ลอง-***

สำหรับอาหารที่นี่จะเน้นสไตล์อาหารญี่ปุ่น อิตาเลียน และฟิวชั่น เครื่องดื่มจึงมีทั้งไวน์ เบียร์ และสาเก โดยไม่ลืมมี cocktails และ mocktails ให้เลือกสั่งกันค่ะ ทราบมาว่าที่นี่ให้ความสำคัญกับคัดสรรวัตถุดิบเป็นพิเศษ แม้แต่กับเมนูที่ฟังดูธรรมดาอย่าง Spaghetti Bolognese ก็ต้องใช้เนื้อวัววากิวกันเลยทีเดียว (เสียดายเราไม่ทานเนื้อวัวเลยอดลองค่ะ) เอาเป็นว่าทุกอย่างต้องใช้ของเกรดท็อปให้สมกับราคาที่ก็สูงอยู่พอสมควรนั่นล่ะ ครั้งนี้เราได้ลองกันไปตามนี้เลย[อาหาร]

● Kochujan lamb cutlet (ราคา 750 บาท) –เห็นราคาสูงประมาณนี้ แต่ serving size ของจานนี้เหมาะจะเป็นของทานเล่นมากกว่าจานหลักนะคะ เมนูนี้มีเนื้อแกะชิ้นเล็กให้ 2 ชิ้น แกล้มซอสที่รสชาติคล้ายน้ำจิ้มสะเต๊ะ แต่เข้ากันได้ดี๊ดี อันที่จริงเมนูนี้ทำมาได้อร่อยอลังการมากค่ะ ตัดทานเข้าไปชิ้นแรกนี่ฟินน้ำตาแทบไหล คือเนื้อแกะมันนุ่มสุดๆ ไม่สาบซักนิดมีหอมกลิ่นเบิร์นที่ผิวเล็กน้อย แต้มซอสนิดนึงนี่คือเป๊ะเลย อร่อยมากกก.. มาเสียท่าตอนใกล้หมด หั่นดูเนื้อแกะด้านในส่วนที่ลึกๆติดกระดูกนั้นไม่สุกค่ะ ดิบแบบทานไม่ได้ต้องเหลือทิ้งไว้เลย คิดว่าคงเป็นเพราะเชฟคงกลัวจะทำออกมา overcooked แล้วเนื้อจะแห้งไม่อร่อยเลยไม่กล้าย่างนาน ทำไปทำมาด้านนอกอร่อยนุ่มได้ดั่งใจ แต่ด้านในเลยไม่สุกซะงั้น แอบเสียดายเบาๆ..● Kochujang pork with rice (ราคา 180 บาท) – เมนูนี้ให้ชื่อไทยว่าหมูผัดซอสเกาหลี ชื่อซอสคล้ายของเมนูแรก แต่รสชาติไม่เหมือนกันนะคะ ชิมดูแล้วซอสของจานนี้จะรสเกาหลีสุดๆสมชื่อ คือเด่นที่รสหวานๆเผ็ดๆ หมูเค้าหมักมาได้นุ่มละมุนสุดๆ ผัดซอสมากับแตงกวา หอมใหญ่ แล้วโรยงานิดนึง เสิร์ฟพร้อมข้าวสวย 1 ถ้วย จัดว่าอร่อยใช้ได้ทีเดียวสำหรับรสชาติแบบเกาหลี แต่คงไม่เหมาะกับคนไม่ชอบรสหวานนะคะ● Salmon Saikyo(ราคา 250 บาท / 2ชิ้น) –nigiri sushi หน้าแซลมอน เบิร์นมาเบาๆแล้วท็อปด้วย saikyo miso รสชาติดีตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น ..แอบงอนนิดนึงว่าดูรูปในเมนูเห็นมี ikuraวางท็อปมาด้านบนด้วย พอของจริงมาเสิร์ฟไหงไม่มีล่ะเนี่ย..แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรน่ะค่ะ อร่อยเลย● Unagi Nigiri(ราคา 300 บาท / 2 ชิ้น) – ซูชิหน้าปลาไหล อร่อยดีงามตามคาด ปลาไหลเนื้อนุ่มย่างมาหอม ข้าวไม่เยอะ ซอสราดก็รสดี ชอบค่ะ● Chocolate Macadamia Cake (ราคา 180 บาท) – เมนูของหวานที่นี่ไม่เยอะเท่าไหร่ อย่างเค้กก็จะมีให้เลือกแค่ 3 ชนิด คือ Toffee Cake, Chocolate Brownie และ Chocolate Macadamia Cake ที่เราเลือกมาชิ้นนี้ ..ถึงจะมีให้เลือกน้อย แต่ชิมดูแล้วคุณภาพเน้นๆค่ะ ต้องบอกเลยว่าเราฟินกับเมนูนี้มากมาย เนื้อเค้กเป็นแบบเนียนนุ่มแน่นคล้ายชีสเค้กที่ได้รสช็อคโกแลตเข้มข้นสะใจ ด้านบนท็อปด้วย Macadamia เม็ดอวบๆแบบจัดเต็ม ทุกเม็ดใหม่กิ๊กกรอบมันไม่มีกลิ่นหืนซักนิด เคลือบคาราเมลมาหอมหวานกำลังดี ..อร่อยระเบิดระเบ้อ![เครื่องดื่ม]

● Japanese Green Tea (ราคา 90 บาท) – ความที่สั่งอาหารเน้นหนักไปทางเมนูญี่ปุ่น/เกาหลี เลยสั่งชาเขียวร้อนมาจิบคู่กันซะหน่อยที่นี่เสิร์ฟมาในกาแก้วคู่กับจอกแก้วใสเก๋ไก๋ทีเดียว ชาเขียวเค้าหอมใช้ได้เลยนะ● Hot Americano (ราคา 90 บาท)– สั่งแก้วนี้มาทานคู่กับเค้กแสนอร่อย กาแฟเค้าจัดว่าดีงามทีเดียวล่ะค่ะ ราคาก็ไม่ได้แรงนะถ้าเทียบกับร้านข้างนอก จัดว่าโอเคเลยกับการมาลองในครั้งนี้แม้ว่าบางอย่างจะมีพลาดบ้างอะไรบ้าง แต่ในภาพรวมแล้วประทับใจกับร้านนี้มากๆค่ะ ทั้งบรรยากาศ ทั้งการบริการที่เป๊ะสุดๆ อาหารนั้นแม้ราคาจะสูงหน่อยแต่ก็จัดว่าอร่อยและใช้ความพิถีพิถันมากทีเดียว เป็นร้านหนึ่งที่ถ้ามาพัทยาก็ควรจะหาโอกาสลองมาจัดดูซักมื้อค่ะ แนะนำว่าถ้ามาช่วงเสาร์-อาทิตย์ควรโทรจองก่อนนะคะ (โทร. 098 930 9800) เพราะถ้าพลาดนี่เสียดายแย่เลย

(((ทำความรู้จักก๋วยเตี๋ยวหน้ามนกันก่อน)))

ร้านก๋วยเตี๋ยวหน้ามน ร้านสุดฮิตที่เด็ก ม.บูรพา รู้จักกันอย่างดีนะคะ ซึ่งเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวแนวใหม่ ที่คุณมน ชื่อเต็มๆ ว่าคุณกมล จารุสิริลาภ เจ้าของร้านสุดแนวเป็นผู้บริหารจัดการร้านค่ะ

จริงๆ แล้ว ครอบครัวคุณมนเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวมานนกว่า 20 ปีแล้วค่ะ ชื่อร้านก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟเจ๊บ๊วยต้นโพธิ์ อยู่ที่ตลาดหนองมนค่ะ ซึ่งตอนนั้นคุณมนทำร้านอาหารในแนวผับ บาร์ แต่ด้วยเรื่องสุขภาพ คุณมนเลยเลิกทำ และมาตามความฝันในวัยเด็ก คือ เปิดร้านก๋วยเตี๋ยว และร้านขนมหวาน เลยทำการขยายกิจการร้านก๋วยเตี๋ยวต่อจากคุณแม่ค่ะ 

ซึ่งถ้ามาร้านก๋วยเตี๋ยวหน้ามน เมนูเด็ดที่ต้องสั่งคือ ก๋วยเตี๋ยวโบราณผสมลูกเงาะ ซึ่งเป็นก๋วยเตี๋ยวต้มยำแห้ง ใส่ลูกเงาะ คือเหมือนลูกชิ้นหมูใส่วุ้นเส้น กับก๋วยเตี๋ยวเต้าหู้พะโล้ ซึ่งเป็นเต้าหู้ขาวอย่างดี มาปรุงผสมเครื่องยาจีน และก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ ซึ่งใช้ซอสสูตรพิเศษของคุณพ่อคุณมนเองค่ะ

(((การเดินทาง)))

การเดินทางไปร้านก็ง่ายมากๆ ค่ะ เพราะร้านอยู่ใกล้ตลาดหนองมน จากตลาดหนองมน ก็วิ่งเข้าถนนสันติเกษม แล้วก็เลี้ยวเข้า ถนนสันติเกษม ซ.2 ค่ะ ขับตรงไปเรื่อยๆ พอถึงโค้งๆ ก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนมาบมะยม จะเจอร้านอยู่ซ้ายมือนะคะ แต่สามารถจอดรถเข้าที่จอดรถทางขวามือได้เลยค่ะ เป็นที่จอดรถของร้านหน้ามนหนมหวาน ซึ่งเป็นร้านของคุณมนเหมือนกันค่ะ

(((บรรยากาศ-บริการ)))

ชอบการแต่งร้านมากๆ ดูกิ๊บเก๋ ยูเรก้า เป็นการแต่งร้านออกสไตล์จีน แบบโมเดิร์นหน่อยค่ะ มีของตกแต่งต่างๆ สไตล์จีน เช่น หุ่นเชิดมังกร แขวนอยู่กลางร้าน หุ่นรูปประธานาธิบดีจีน 

สำหรับการบริการนะคะ จะเป็นกึ่งการบริการตัวเองค่ะ คือ บนโต๊ะจะมีเมนูตั้งอยู่ทุกโต๊ะ พร้อมทั้งสมุดฉีกเล็กๆ และดินสอ 

โดยเวลาสั่งอาหาร ให้เขียนแยกกันค่ะ คือ สั่งข้าว 1 ใบ สั่งก๋วยเตี๋ยว 1 ใบ และสั่งน้ำ อีก 1 ใบ จากนั้นก็ยื่นให้พนักงานค่ะ แล้วพนักงานก็จะเสิร์ฟอาหารให้ที่โต๊ะ

(((อาหาร)))

อาหารค่อนข้างหลากหลายนะคะ มีทั้งก๋วยเตี๋ยวต้มยำ เย็นตาโฟ ก๋วยเตี๋ยวเต้าหู้ ข้าวราดจานเดียวต่างๆ เมนูลวกจิ้ม

สำหรับการสั่งเมนูก๋วยเตี๋ยว ต้องเลือกเส้นด้วยนะคะ ซึ่งสามารถเลือกเส้นได้ตามนี้ค่ะ

- เส้นเล็ก
- เส้นใหญ่
- หมี่ขาว
- เกี๊ยมอี๋
- บะหมี่
- วุ้นเส้น

หรือ จะเลือกเป็นเกาเหลา หรือ ใส่เกี๊ยวหมู หรือ เกี๊ยวปลา แทนเส้นก๋วยเตี๋ยวก็ได้ค่ะ

(((อาหารที่ลอง)))

ไปกับคุณแม่สองคน สั่งมาลองสามอย่างค่ะ

>>> วุ้นเส้นโบราณ + เงาะ พิเศษ (50) 5/5

คือวุ้นแห้งยำใส่ไข่ เพิ่มลูกเงาะมาอีก 3 ลูก และมีน้ำซุปถ้วยเล็กๆ มาให้ด้วย

เครื่องก็จะมี หมูสับ ตับ หมูชิ้น ลูกชิ้นหมู ลูกเงาะ เกี๊ยวกรอบ และไข่ต้มยางมะตูมค่ะ

ตัวก๋วยเตี๋ยวจะเป็นวุ้นเส้นแห้ง ที่ปรุงรสชาติยำมาให้แล้ว รสชาติยำทำได้ดีค่ะ กลมกล่อม ไม่ต้องปรุงเพิ่ม

เครื่องทั้งตับ หมู ลูกชิ้นหมู และหมูสับ รสชาติโอเคเลยค่ะ 

สำหรับลูกเงาะก็เหมือนกับหมูบะช่อใส่วุ้นเส้นผสมไปด้วยค่ะ วุ้นเส้นก็จะแพรมๆ ออกมานอกหมู ทำให้เหมือนเป็นลูกเงาะค่ะ อร่อยดีมากๆ

ข้อติอยู่ที่น้ำซุปที่มาด้วยค่ะ จืดไปหน่อยค่ะ

>>> วุ้นเส้นน้ำไข่ เพิ่มลูกเงาะ (40) 4/5

ก็จะเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำนะคะ ซึ่งเครื่องในก๋วยเตี๋ยวจะเป็นลูกชิ้นปลา มีลูกชิ้นปลาแบบกลม ฮือก๊วย หมูบะช่อ เกี๊ยวกรอบ และไข่ต้มยางมะตูม และสั่งเพิ่มลูกเงาะมาด้วยค่ะ

สำหรับชามนี้น้ำซุปอร่อยดีนะคะ กลมกล่อม ต่างจากซุปที่มากับก๋วยเตี๋ยวโบราณ ชามนี้โอเคค่ะ

เครื่องทุกอย่างก็รสชาติดีค่ะ ลูกชิ้น และหมูบะช่อ อร่อยดีค่ะ

>>> เกาเหลาเต้าหู้พะโล้ (35) 4/5

เป็นเต้าหู้พะโล้ในน้ำซุปค่ะ เต้าหู้พะโล้ชิ้นใหญ่ๆ มาหลายชิ้นมาก เต้าหู้พะโลอร่อยมากค่ะ

แต่น้ำซุปไม่ใช่น้ำซุปพะโล้ค่ะ อกรสอ่อนไปหน่อย ไม่รู้สึกถึงพะโล้

แต่เต้าหู้อร่อยมากๆ ต คุณแม่ติดใจจนซื้อแต่เต้าหู้พะโล้ใส่ถุงกลับค่ะ สามชิ้น 10 บาท

>>> โอเลี้ยง (15 x 2)

มาอย่างขมเลยค่ะ ต้องรอให้น้ำแข็งละลายให้เจือจางซักหน่อย

(((สรุป)))

โดยรวมชอบมากๆ เลยนะคะ ก๋วยเตี๋ยวรสชาติดี หรือถ้าไม่อยากทานก๋วยเตี๋ยวก็มีเมนูอื่นหลากหลายให้ลองด้วยค่ะ 

ถนนเส้นเขาตาโลต้องขับออกมาจากใจกลางพัทยาประมาณ 20 นาที เป็นถนนเส้นเล็กๆที่เห็นได้ชัดว่าเป็นแหล่งที่ผู้คนอยู่อาศัยกันที่นี่จริงๆ ไม่ใช่สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ บนถนนเส้นนี้เริ่มมีร้านอาหาร คาเฟ่น่ารักๆ โผล่ขึ้นมาหลายร้าน รวมทั้งร้าน Sib Cafe&Bistro ซึ่งน่าดีใจที่เรามีโอกาสได้คุยกับเจ้าของร้านซึ่งเป็นคนหนุ่มในพื้นที่และอัทยาศัยดีมากๆด้วย ร้านเพิ่งเปิดเมื่อปี 2015 นี่เอง ร้านข้างๆเป็นร้านอาหารไทยโดยเจ้าของเดียวกัน

บรรยากาศร้านโปร่งโล่งเพดานสูงไม่อึดอัด ตกแต่งได้สวย ไม่มากไปไม่น้อยไป นั่งได้หลายมุม มีทั้งโซฟาเตี้ยๆที่เหมาะมานั่งจิบกาแฟและโต๊ะสูงที่เหมาะกับทานข้าว ทั้งร้านเปิดแอร์เย็นฉ่ำเมนูอาหารเป็นแนวฝรั่งทั้งหมด ราคาก็ระดับคาเฟ่สวยๆในกรุงเทพบอกเลยว่าอาหารทุกจานอร่อยหมด อิ่มปลื้มกลิ้งกลับโรงแรม
- Pork Ribs 280.-
ซี่โครงหมูเนื้อนุ่มที่ใช้มีดเลาะเนื้อออกมาได้ง่ายๆ ซอสที่ทามาก็หอมอร่อย จริงๆจานนี้เรียกได้ว่าคุ้ม เพราะเลาะเนื้อออกมาได้เยอะกว่าที่คิดไว้พอสมควรเลย- Spaghetti Marinara 240.-
มารินาร่าเป็นซอสที่มีเบสเป็นซอสมะเขือเทศผสมกับเครื่องเทศอื่นๆ รสชาติออกเปรี้ยว ซึ่งไปกันได้ดีกับเครื่องทะเลสดๆชิ้นใหญ่ๆที่ใส่มา แถมยังช่วยตัดเลี่ยนจากการกินอาหารจานอื่นๆอีกด้วย พิมพ์ไปก็น้ำลายไหล อยากกินอีก
 - Ceasar Salad 160.-
ราคาจานนี้เรียกได้ว่าถูกเลย ปกติกินทีไรก็ 200 ขึ้นทุกที ผักสดกรอบ ราดด้วยน้ำสลัดซีซาร์ที่ดูจะข้นกว่าที่เคยกินทั่วไป รสชาติน้ำสลัดเข้มข้นอร่อยใส่มาในปริมาณที่พอดีกับผักสลัด- Mango Passion Fruit 120.-
แก้วนี้ผิดจากที่คาดหวังไว้หน่อย คือคาดว่าจะออกมะม่วงมากกว่านี้ (เป็นคนชอบมะม่วงปั่นมากๆ) แต่แก้วนี้ผสมเสาวรสลงมาจนกลืนรสมะม่วงไปหมดเลย เลยออกเป็นรสผสมๆที่ไม่เด่นไปทางมะม่วงหรือทางเสารสเลย- Apple Kiwi Soda 90.-
แก้วนี้เราคิดว่าแพงไปหน่อย รสชาติเฉยๆ- French Toast 190.-
สุดท้ายนี้เป็นตัวที่เราตั้งหน้าตั้งตารอคอยจริงๆ คือมาร้านนี้เพราะตั้งใจมากินจานนี้โดยเฉพาะ ใครที่ยังไม่เคยลองกินเฟรนซ์โทส อยากให้ลองดูสักหน่อย ส่วนตัวเราชอบมากกว่า โทสต์ขนมปังชิ้นใหญ่ที่อัดเนยเข้าไปตรงกลางมาก

เฟรนซ์โทสจะใช้ขนมปังที่ที่หั่นมาชิ้นเล็กกว่า แต่ผ่านการปิ้งและเคลือบจนทั่วด้วยส่วนผสมของนม ไข่ น้ำตาล อบเชย กลิ่นวนิลา จนได้ขนมปังปิ้งที่หอมหวาน กินคู่กับผลไม้เบอร์รี่รสเปรี้ยว กล้วยหอม ไอศรีมและแยมบลูเบอร์รี่ ราดทับด้วยไซรัป เข้าปากคำแรกก็พูดได้เลยว่าฟินเฟร่อ และร้านนี้ก็แต่งจานได้พิถีพิถันมากๆ คนทำใส่ใจดีจริงๆสรุปเลยว่าเป็นร้านที่ควรมาลองเป็นอย่างยิ่ง อาหารอร่อย เครื่องดื่มธรรมดาไปนิด ส่วนเฟรนซ์โทสต์อร่อยเริ่ดที่สุดๆๆ

วันนี้เราพามาทานร้านกาแฟและเค้กอร่อยๆที่พัทยากันค่ะ ร้านนี้อยู่ในซอยสุขุมวิท30 เดินทางพัทยาเหนือ มาเส้นสุขุมวิทแล้วเข้าซอยมาทางจะเจอร้าน บ้านย่าคาเฟ่ ซึ่งสามารถนำรถเข้าไปจอดด้านในร้านได้เลยค่ะ ด้านหลังร้าน โดยร้านนี้จะมีขายทั้งเครื่องดื่มเย็นต่างๆ เช่นกาแฟ โกโก้ ชาเขียว แถมมีขนมเค้กอร่อยๆที่เจ้าของร้านทำเองเลยค่ะ แต่ละวันจะมีเค้กหลากหลายแบบ โชว์อยู่ที่ตู้เค้กค่ะ ราคาเค้กชิ้นละ 55 บาท หรือหากใครที่มาเร็วอยากทานพวกแซนวิส อาหารเช้าที่นี่ก็มีบริการเช่นกันค่ะ เพราะเห็นฝรั่งเค้าสั่งทานกัน ร้านเปิด 8.00-20.00น.ค่ะ ที่นั่งในร้านน่านั่งมากค่ะ มีมุมส่วนตัวของแต่ละโต๊ะ เป็นห้องแอร์ด้านใน หรือ อยากนั่งแบบ openair ก็ด้านนอกได้เลยค่ะ เราสั่งเครื่องดื่มมาทานกันดีกว่าค่ะ เลือกทานกาแฟเย็น กันโกโก้เย็นค่ะ โดยเสริฟใส่ในแก้วเหยือกขนาดกลางเยอะอยู่ค่ะ น่าทานมากค่ะ

กาแฟเย็น ราคา 55 บาท รสชาติเมื่อผสมกับน้ำแข็งออกจืดไปหน่อยค่ะ เพราะอากาศร้อนน้ำแข็งละลายเร็วด้วยแต่ก็อร่อยค่ะ ชงสดใหม่ๆค่ะโกโก้เย็น 55 บาท รสชาติอร่อยดีค่ะ หวานกำลังดี ทานเพลินเลยค่ะ แต่ถ้าเข้าข้นขึ้นหน่อยก็จะดีค่ะ

เราเลือกเค้กมาทานคู่กันด้วยค่ะ วันนี้อยากนั่งชิวนานๆหน่อยค่ะ
 รสชาติเค้กอร่อยค่ะ ขนาดชิ้นกำลังดี เนื้อเค้กนุ่มดีค่ะ มีความเข้มของชอคโกแลตลงตัวมากค่ะ แถมตกแต่งมาได้สวยงามมากค่ะเครปเค้ก ราคา 55 บาท  เครปเค้กทำมาสวยงามน่าทานมากค่ะ เป็นชั้นๆหลากสีสรร แถมด้านบนราดแยมสตอเบอร์รี่อร่อยมากค่ะ เนื้อเค้กนุ่มดี มีครีมแทรกระหว่างชั้นหวานกำลังดีตัดรสกับแยมสตอเบอร์รี่เปรี้ยวๆลงตัวดีค่ะ สาวๆน่าจะชอบเพราะออกรสชาติหวานๆเปรี้ยวๆค่ะโอริโอ้เค้ก ราคา 55 บาท ชิ้นนี้เนื้อคล้ายๆกับชอคโกแลตเค้กแต่ครีมเป็นครีมมีโอริโอ้ผสมค่ะ ไม่หวานจนเกินไปอร่อยลงตัวค่ะ มีชิ้นโอริโอ้ด้านบนด้วยอร่อยมากค่ะนอกจากนี้ยังมีเค้กมะพร้าว เค้กส้มที่เค้าว่าอร่อยนะคะ ไว้มาคราวหน้าต้องลองสั่งทานดูค่ะ
รสชาติ: หากใครชอบทานเค้ก แนะนำว่ามาลองทานดูนะคะ เจ้าของทำเองอร่อยมากค่ะ แถมมีหลากหลายด้วยค่ะ
ความคุ้มค่า: รสชาติอร่อยคุ้มค่ากับราคาดีค่ะ ทั้งเครื่องดื่มแก้วใหญ่ และเค้กอร่อยๆ
ราคา: ราคาไม่แพงเท่าไหร่ค่ะ เพราะค่าครองชีพจังหวัดนี้ค่อนข้างสูงนะคะ และเน้นขายทั้งต่างชาติและคนไทยค่ะ
สถานที่: สถานที่น่านั่งดีค่ะ จอดรถก็สะดวก ไม่ไกลจากถนนใหญ่ด้วยค่ะ เหมาะกับการนั่งพักผ่อน สังสรรค์กับเพื่อนค่ะ
บรืการ :เจ้าของร้าน บริการเป็นกันเองดีค่ะ เป็นร้านที่ทำกันเองเลยมีคนบริการไม่เยอะค่ะ

Chillout Space หรือ Chillout Bar นี้เป็น coffee shop ซึ่งตั้งอยู่บริเวณ Lobby ของโรงแรม Pullman Pattaya Hotel G ค่ะ เน้นเสิร์ฟเครื่องดื่มสไตล์ชา-กาแฟ ขนมเค้ก และเบเกอรี่ต่างๆ เหมาะกับจะมานั่งชิลล์จัดมื้อเบาๆตอนบ่ายๆในยามที่อากาศร้อนเปรี้ยงเกินกว่าจะนึกอยากไปเล่นน้ำทะเลหรือเดินชายหาดดีนักเลย..***-บรรยากาศ-***

แม้เนื้อที่จะไม่มากและไม่ได้อยู่ติดสระน้ำหรือชายหาดเหมือนอย่างบาร์เครื่องดื่มหรือห้องอาหาร The Beach Club Restaurant ของทางโรงแรม แต่ในส่วนของ Chillout Space นี้ก็จัดผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกใสทั้งหมด เผยให้เห็นสวนสวยร่มรื่นภายนอก และไม่ลืมที่จะจัดที่นั่งเป็นแบบโซฟาน่าสบายไว้ให้ได้เอนกายชมสวนกันจริงๆ ส่วนคนที่ไม่ถนัดกับการนั่งทานบนโซฟาก็สามารถเลือกมุมที่เป็นโต๊ะนั่งพนักสูงแบบปกติได้ ช่วงที่ไปเป็นช่วงก่อนปีใหม่ ตามโต๊ะเลยมีการตกแต่งตุ๊กตา snowman ให้เข้ากับเทศกาลด้วย น่ารักดีจริงๆค่ะ***-เวลาเปิดบริการ-***

เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-23.00 น. ค่ะ

***-เมนูที่ได้ลอง-***

แม้จะมีขนมเค้กและเบเกอรี่ต่างๆให้เลือกหลากหลาย แต่เรามาสะดุดตากับเซ็ท Afternoon Tea ชุดนี้ค่ะ...● Tea Time at Chill Out Bar (ราคา 299++ บาท) – ในเซ็ทจะประกอบไปด้วย

- แซนด์วิชเปิดหน้าอันเล็กๆแบบ canapé 2 ชิ้น เป็นหน้าแฮมกับมะกอกดองและหน้าแซลมอนรมควัน รสชาติโอเคถูกใจทั้งคู่ค่ะ

- Scone – ขัดใจอยู่นิดว่า Scone ที่นี่เสิร์ฟมาแบบเย็นชืด แต่ขอให้อุ่นให้พนักงานก็จัดการให้ค่ะ แยมที่ให้มาหวานไปนิดแต่ก็ทานเข้ากันได้อยู่ จะมาขัดใจอีกเรื่องก็คือที่นี่ใช้ครีมแบบ whipped cream ใส่ถ้วยมาให้ทานกับ Scone แทนที่จะเป็นเนยสด เลยมีแต่ความมันที่ไม่มีความหอมเนย ไม่ปลื้มเท่าไหร่ค่ะ- Macaron – สีชมพูหวานแหววมาเลย รู้สึกว่ามันแข็งไปนิดและรสชาติหวานเกินงามไปหน่อยนะคะ

- Panna Cotta – ตัวนี้ทำออกมาได้โอเคค่ะ ชอบๆ

- Chocolate ชิ้นพอดีคำ 1 ชิ้น - แม้จะไม่ถึงกับเป็นช็อกโกแลตชั้นเลิศ แต่ก็เป็น dark chocolate ที่เข้มข้นพอสมควรค่ะ- Fruit Tart – อร่อยสดชื่นดี เป็นชิ้นที่ปลื้มที่สุดในบรรดาของหวานในเซ็ทล่ะ

- Chocolate Cake – เนื้อนุ่มฉ่ำใช้ได้ทีเดียว ชั้นครีมช็อคโกแลตก็เข้มข้น อร่อยค่ะ- ชาร้อน 1 กา – สามารถเลือกชาชนิดที่ชอบได้เลย ของที่นี่ใช้ชาของ Dilmahค่ะ เราเลือกเป็น Earl Grey Tea กลิ่นรสก็ตามมาตรฐานแบรนด์เค้าแหละ●Hot Americano – แม้จะมีชาให้ในเซ็ทแล้ว แต่คนติดกาแฟอย่างเรายังไงๆก็ต้องสั่งกาแฟร้อนมาปิดท้ายซักแก้วค่ะ กาแฟที่นี่หอมใช้ได้ จิบเพลินทีเดียว แอบนึกในใจว่ามันคนละเกรดกับกาแฟร้อนที่เค้าเสิร์ฟในบุฟเฟต์มื้อเช้าเลยนะโดยรวมแล้วก็เป็น coffee shop ในโรงแรมที่บรรยากาศดี คุณภาพเบเกอรี่จะปานกลาง คือในแง่ฝีไม้ลายมือคงเทียบกับเบเกอรี่ร้านดังๆไม่ได้ แต่รสชาติและวัตถุดิบก็จะยังรักษามาตรฐานโรงแรมไว้ไม่ตกหล่น ถ้าใครมาเที่ยวโซนพัทยาเหนือแล้วอยากหาที่นั่งชิลล์ทานขนมจิบเครื่องดื่มสบายๆโดยไม่ต้องวิ่งรถเข้าเมืองก็แวะที่นี่ได้ค่ะ

Surf & Turf – ร้านอาหารบรรยากาศชิลล์ๆตกแต่งเน้นธีมชายทะเลด้วยเก้าอี้หวายและกระดานโต้คลื่นนี้ตั้งอยู่บนชายหาดพัทยาเหนือค่ะ ร้านไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่ก็มีการแบ่งโซนที่นั่งเป็นสัดส่วนทั้งโต๊ะเก้าอี้ด้านหน้าติดชายทะเล (แน่นอนว่าเป็นโซนสุดฮอตในยามพระอาทิตย์ตกดิน) และโซนด้านในอาคารสำหรับคนกลัวยุงกัด ความที่ร้านนี้อยู่ใกล้โรงแรมที่พัก พอตกเย็นก็เลยขอเดินเลาะชายหาดแวะไปลองกันซะหน่อยค่ะ สำหรับคนที่มาจากทางถนนพัทยา-นาเกลือให้เข้าซอยนาเกลือ 16 แล้วตามป้ายบอกทางเข้ามาเรื่อยๆ ร้านจะอยู่สุดถนนริมหาดพอดีค่ะ***-เมนูที่ได้ลอง-***

● ทอดมันข้าวโพด (ราคา 160 บาท) – เมนูนี้สั่งเพราะมองปร๊าด...เห็นคำว่า “ทอดมันข้าวโพด” แล้วนึกถึงข้าวโพดผสมหมูสับที่นำมาปรุงรสด้วยรากผักชี เกิดนึกอยากทานขึ้นมาเพราะแม้จะเป็นเมนูที่ทำไม่ยากแต่ก็ไม่ค่อยเห็นจะมีให้สั่งสักกี่ร้าน เลยรีบจิ้มนิ้วสั่งปุ๊บเลย ..ปรากฏว่าพอมาเสิร์ฟ ..มันคือข้าวโพดทอดค่ะ มีชุบแป้งผสมงาดำมา ปรุงรสด้วยรากผักชีบ้าง แต่ไม่มีแม้แต่วิญญาณหมู เสิร์ฟมา 4 ชิ้นแบบก้อนบิ๊กบึ้มใหญ่โตจะได้ดูสมราคา น้ำจิ้มเป็นแบบน้ำเชื่อมใส่ถั่วแบบเดียวกับข้าวโพดทอดที่ขายตามแผงเต้าหู้ทอดไม่มีผิด ...คาใจจนต้องเอาเมนูมาอ่านอีกที เออ..ใช่..ในคำบรรยายทั้งภาษาไทยและอังกฤษไม่ได้บอกซักคำว่าใส่หมู ส่วนนึงเราก็คงอ่านไม่ดีเองสินะ (แต่โดยทั่วไปถ้าใช้คำว่า “ทอดมันข้าวโพด” นี่คนทั่วไปน่าจะเข้าใจว่าต้องมีหมูรึเปล่าน้า??) ในแง่รสชาตินั้นเป็นข้าวโพดทอดที่กรอบนอกนุ่มใน รสชาติดีอร่อยใช้ได้ทีเดียว แต่ปริมาณเยอะเกินไปสำหรับจะเป็นของว่างอย่างที่มันควรจะเป็น ..เอากันจริงๆถ้าทำมาในปริมาณน้อยกว่านี้ซักครึ่งนึง แต่ทำแบบทอดมันข้าวโพดของแท้ใส่หมูสับปรุงรสด้วยน่าจะฟินกว่าน่ะค่ะ● ส้มตำไข่ 3 สมุทร (ราคา 210 บาท) – เป็นส้มตำที่ประกอบไปด้วยไข่ปู ไข่แมงดา และไข่ปลาหมึก ด้วยวัตถุดิบแล้วถูกใจคนชอบสารพัดไข่อย่างเรามากมาย เมนูนี้พนักงานถามด้วยความห่วงใยว่าทานเผ็ดได้มั๊ย เราก็พยักหน้าหงึกเพราะปกติแล้วก็ไม่ใช่คนกินเผ็ดไม่ได้ ..แต่พอยกมาเสิร์ฟ..คือมันไม่ใช่แค่เผ็ดในเลเวลปกติ แต่มันคือเผ็ดค่อนข้างโดด นำมาด้วยรสเปรี้ยวแบบพุ่งปรี๊ดที่ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าเกินพอดีไปนิด ..จะว่าไปแล้วอาหารพวกตำและยำนี่จะให้อร่อยเป๊ะมันต้องศาสตร์และศิลป์จริงๆค่ะ เพราะแม้ว่าปกติแล้วเราจะทานเผ็ดได้และชอบรสเปรี้ยว แต่ถ้าสัดส่วนไม่พอดีก็ยังไม่ได้ส้มตำที่อร่อยโดนใจอยู่ดีนั่นเอง กับจานนี้เลยจัดว่ารสชาติทานได้แต่ไม่ถึงกับฟิน และมีดีที่วัตถุดิบที่จัดทั้ง 3 ไข่มาแบบเต็มที่ไม่มีกั๊กนี่เอง● ต้มจืดซีฟู้ดสาหร่ายทะเล (ราคา 200 บาท) – ต้มจืดถ้วยย่อมๆ ใส่กุ้งและปลาหมึกมาเยอะพอใช้ ปรุงรสมาดีทีเดียว หอมสาหร่ายและกระเทียมเจียว ราคาแรงไปนิดถ้าเทียบกับปริมาณ แต่จัดว่าเป็นชามที่รสชาติดีที่สุดในมื้อนี้ล่ะค่ะ...อันที่จริงกับอาหารวันนี้ถ้าดูกันเดี่ยวๆจานต่อจานรสชาติไม่ได้แย่ จัดว่าใช้ได้ทีเดียว แต่เราคงโชคไม่ดีที่เหมือนสื่อสารไม่เข้าใจกับทางร้าน เลยทำให้ภาพรวมของมื้อออกมาไม่น่าประทับใจเท่าที่ควร สังเกตดูร้านนี้ลูกค้าประจำค่อนข้างเยอะ (ท่าทางเหมือนเป็นเจ้าถิ่นมากกว่านักท่องเที่ยวนะคะ) มีเติมเข้ามาแน่นตลอด คิดว่าถ้าเป็นคนที่รู้จักเมนูของร้านเป็นอย่างดี รู้ว่าควรจะสั่งอะไรยังไง ก็น่าจะเป็นร้านที่โอเคใช้ได้นะ ถ้ามาเที่ยวย่านนี้อยากหาร้านริมทะเลมานั่งชิลล์ดูพระอาทิตย์ตกดินก็ลองแวะดูได้ค่ะ