นักรีวิวร้านอาหาร

ตั้งใจมากินฟัวกราส์ แต่เมนูฟัวกราส์หมดทั้ง 2 ตัวเลย เมนูที่นี่ไม่เหมือนที่จามจุรีสแควร์ หายไปหลายตัวมาก ตัวที่อยากกินก็ไม่มีที่นี่ Side Dishes บางตัวก็หมด
เมนูสาขาเป็นกระดาษแผ่นพับ 3 ตอน คือถ้าเปียกก็เละเลย เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ไม่มีภาษาไทย คุณแม่กับคุณป้าที่ไปด้วยเลยนั่งเฉยๆ ให้เราสั่ง มีหน้าที่กินและจ่ายตังค์อย่างเดียว ถ้าหวังจะกินแล้วอิ่มลืมไปได้เลยคะ อาหารแต่ละจานปริมาณน้อย เน้นอร่อยรู้รสแล้วพอ

-ขนมปังกรอบที่มาเสิร์ฟทานคู่กับเนย ขนมปังกรอบน่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นขนมปังแข็ง แข็งมากคะ กัดไม่เข้า เอามีดหั่นไม่ขาด ต้องเอามีดกระแทกสไลด์แรงๆ เนยรสปะแล่มๆ ไม่ผ่านอย่างแรง -Caesar Salad (romaine lettuce,caesar dressing,anchovies,crouton) มี 2 ไซส์คือเล็ก (220- ) ใหญ่ (330-) ผักสดกรอบ น้ำสลัดให้มาพอดี ไม่เยอะมาก ขนมปังกรอบไม่ร่วนและไม่แข็งไป เบคอนกรอบแต่แข็งไปนิดหน่อย-Chilean Seabass (bacon mushroom ragout,ponzu burre blanc) 690- เทใจให้จานนี้อย่างไม่มีข้อกังขาเลย ปลากระพงขาว เนื้อนอกจะเกรียมนิดหน่อย กรอบ เนื้อในนุ่มมาก ซอสออกเปรี้ยวหน่อยๆ แต่ถ้าทานพร้อมกันทั้งปลา เบค่อน เห็ดจะเข้ากันอร่อยมาก -Wagyu Beef Tartare (dijon mustard creme,confit egg yolk,toasted ciabatta) 490- เป็นเนื้อสด ชิ้นไม่ใหญ่ หั่นเล็กๆมาหลายๆชิ้น พร้อมไข่แดงที่ไม่สุก มีแป้งหรืออะไรซักอย่างทอด รูปร่างคล้ายแคปหมู รสชาติมันๆ ทานพร้อมกันอร่อยดีคะ เมนูนี้มีขนมปังเสิร์ฟด้วย เป็นขนมปัง ciabatta ของชาวอิตาลี่ เป็นแบบใส่น้ำเยอะ ทำให้เนื้อขนมปังมีช่องอากาศเยอะ เพราะเวลานวดจะไม่ไล่ลม (อิงข้อมูลจากกูเกิ้ล) แต่ขนมปังนี้ขอบแข็ง เนื้อเหนียว กลิ่นไหม้มาก ไม่อร่อย -Citrus Cured Salmon (smoked salmon mousse,shaved baby fennel,lemon cream,horse radish) 440- ตัวแซลมอลรมควัน สด เหมือนซาซิมิคือไม่มีกลิ่นหรือการรมใดๆทั้งนั้น แต่นุ่มอยู่ มีมูสให้กินด้วยกัน กินแล้วคิดไม่ออกว่ามันคือรสชาติของอะไร ออกเปรี้ยวๆมันๆปะแล่มๆไม่อร่อย ถามพนักงาน พนักงานบอกปลาไหลปั่นเป็นมูส... ไม่รู้ว่าฟังผิดหรืออะไร แต่ตอนนั้นตกใจ แบบ เห้ย! มันใช่เหรอ จานนี้ไม่ผ่าน มีดำๆทอด จำไม่ได้ว่าคือแบล็คโรสแมรี่หรืออะไร ลืมแล้ว แต่เรียกกับคุณแม่ว่าขี้กะทะ กินแล้วกรุบๆ อร่อย -เครื่องดื่ม ไม่ได้รีเควสเจาะจงอะไรไป บอกน้ำเปล่า พนักงานเอา Acqua Panna natural mineral water 0.75L มาให้ (220-) ซีดไปจ๊ะ น้ำกินในแก้วไวน์ ดูหรูไฮ

โดยรวม อาหารอร่อยบางจาน อาหารช้า และพนักงานรับออเดอร์ไม่ค่อยเคลียร์ สั่งแล้วบางเมนูไม่ได้จด ตอนทวนไม่ค่อยเคลียร์ มีลูกค้าชาวต่างชาติเป็นส่วนมาก แต่ไม่ได้ยินพนักงานพูดภาษาอังกฤษเลย เก็บโต๊ะและจัดโต๊ะนานพอสมควร เวลาลูกค้าลุกไปแล้ว กว่าจะเก็บกว่าจะตั้งโต๊ะทิ้งช่วงพอสมควร ทำให้ลูกค้าต้องยืนรอ ทั้งๆที่โต๊ะว่าง คิดว่าไปสาขาจามจุรีสแควร์ดีกว่าคะ

อยากกินโทสต์แต่ว่าขี้เกียจเดินไปกิน after you ที่พารากอน เลยแวะ Daikori ice ชั้น 7 MBK
อยู่ข้างๆ Swensen ตรงข้าม MK restaurant ตัวร้านไม่กว้างมากนัก มีโต๊ะประมาณ 6-7 ที่
ที่โต๊ะเป็นกระจกใส ภายในเป็นจานโมเดลอาหารแต่ละโต๊ะแตกต่างกันออกไป (แอบเปิดโต๊ะมาจิ้มด้วยแหละ หยึยๆมือ สนุกสนาน) ยืนส่องเมนูอยู่ไม่นานก็ตกลงกปลงใจสั่งเจ้า Daikori kori Toast 179- โดยที่เราสามารถเลือกรสชาติของน้ำแข็งไสได้

มีทั้งหมด 10 รสชาติ ได้แก่
-mango
-melon
-strawberry
-hokkaido milk
-milk tea
-lychee
-toffee nut coffee
-banana choco
-chocolate
-matcha green tea โดย 5 รสชาติแรกจะเป็นตัว Recommend แต่เราสั่ง chocolate kori ไป
รอ ร๊อ รอ~ นานนิดหน่อย (หรือว่ามาก) ประมาณ 10-15 นาที พนักงานยกมาเสิร์ฟแบบวางขอบโต๊ะแล้วเดินหายไปเลย

หน้าตาโดยรวมหน้าทานมาก โทสต์ถูกหั่นออกมาเป็นลูกเต๋าพอดีคำ ขอบขนมปังใส่น้ำแข็งไสไว้จนพูน ตกแต่งด้วยวิปครีม สตรอเบอร์รี่ กล้วย และมีถ้วยน้ำผึ้งมาให้ด้วย (แต่น้อย)
คำแรกที่กินโทสต์ บอกได้คำเดียว ... อร่อยมากกกกกกกกก กรอบและนุ่มในคำเดียวกัน
น้ำแข็งไสนุ่ม รสช็อคโกแลตไม่หวาน ออกขมนิดหน่อย ตัดกันดี เสียดายให้น้ำผึ้งมาน้อย
กล้วย วิปครีม สตรอเบอร์รี่ไม่สมควรมีบทบาท ตกแต่งสวยงามเฉยๆ กินแล้วไม่ค่อยเข้ากัน
เมื่อกินน้ำแข็งไสจนหมด เราก็มากินขอบขนมปังต่อ ซึ่งแข็งและกรอบมาก ไม่ค่อยอร่อย แต่ตัวเนื้อโคตรอร่อยยยยยย โดยรวม : ของหวานจานนี้อร่อยคะ น้ำแข็งไสเหมือนจะเป็นตัวเดียวกับบิงซูของร้าน School Food คงจะชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป
พนักงานไม่ค่อยมีมนุษย์สัมพันธ์ ไม่ยิ้มแย้ม ตอนเสิร์ฟนี่แทบจะกระแทกจานได้ ไม่ขออนุญาติเสิร์ฟอะไรทั้งนั้น นั่งคุยกับแฟนอยู่ เอาจานวางมุมโต๊ะ พร้อมมีดส้อมแล้วเดินไปเลย ตอนนั่งทานไม่เห็นพนักงานเลยซักคน ไม่รู้ไปไหน (ตอนรับออเดอร์ด้วย นั่งอยู่นานไม่เดินมา จนต้องเดินไปสั่งเอง)

ร้านก๋วยจั๊บน้ำข้นตลาดพลูร้านนี้เปิดมานานมากแล้วคะ เกือบ 40 ปีได้ เป็นร้านริมถนน อยู่ระหว่างซอยวุฒากาศ 32 และ วุฒากาศ 34 ที่จอดรถก็จะมีบ้าง ไม่มีบ้าง ที่นั่งมีทั้งในร้านและนอกร้าน แต่นอกร้านจะแมลงวันเยอะ

ก๋วยจั๊บน้ำข้นที่นี่ เค้าลวกเส้นทีละไม่เยอะ ไม่ค้างนาน เส้นจะได้ไม่เละ แถมเส้นที่นี่ยังไม่ติดกันเป็นก้อนอีกด้วย เครื่องในก็ไม่คาว ทั้งกระเพาะ ปอด ไส้ เลือด ตับสดมากๆ ปกติเวลากินเครื่องในจะมีกลิ่นคาวหน่อยๆ แต่ร้านนี้ไม่มีเลย น้ำซุปก็เข้มข้นสะใจ ราคาน่าคบ ชามละ 40 บาทเท่านั้น ให้เยอะแบบไม่มีกั๊ก พิเศษและเกาเหลา 50 บาท กินทีไรต้องเบิ้ลทุกที

ร้านนี้จะปิดประมาณ 4 โมงกว่า เพราะของหมดเร็ว บางวันบ่าย 3 ก็ปิดแล้ว เพราะเถ้าแก่ทั้งหลายชอบมาซื้อไปเลี้ยงลูกน้อง เคยเจอสั่ง 40 ถุง ป้าเจ้าของร้านแทบจะยกหม้อให้แทน

ใครที่อยากลองกินก๋วยจั๊บน้ำข้นถึงเครื่องต้องมาลองร้านนี้ สามารถนั่งบีทีเอสมาลงที่วุฒากาศได้ แล้วเดินหรือนั่งรถกระป๋องมาได้คะ

ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ตึก The Mercury Ville ชั้น 3 อยู่ระหว่างร้าน Mos Burger และ Sushi OO
ขนาดของร้านไม่ใหญ่มาก มีทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน
อาหารที่นี่จะเป็นแบบคอมโบคือมีสลัด ซุปและมันฝรั่งทอดอยู่ในเซต ราคาตั้งแต่ 200-400 บาท
มีทั้งสเต็ก แกงกะหรี่ เนื้อ ปลา พิซซ่า แพนเค้ก

เราสั่ง Salmon & Roes Combo (320-) จานนี้ให้ 10/10 ไปเลย
แซลมอนเอาไปเผาไฟ ทำให้สุกแค่ด้านนอก ด้านในยังดิบๆ นุ่มอร่อย ไข่ปลาไม่คาว ออกหวาน กินแล้วเข้ากัน ข้างใต้มีข้าวและไข่ออนเซ็น ราดด้วยซอสคล้ายๆเทริยากิ มีสาหร่ายและปลาแห้งที่โรยทาโกยากิ มีคลื่นช่ายด้วย แต่กินแล้วเหม็นเขียวเลยเขี่ยทิ้งไป น้ำสลัดผักออกเปรี้ยวๆ กินแก้เลี่ยนได้ดี มันฝรั่งทอด ให้มาไม่เยอะ นิ่มไปหน่อย ไม่ค่อยกรอบ โดยรวมแล้วปลื้มมากถึงมากที่สุดสำหรับจานนี้ มีของคาวก็ต้องมีของหวาน เลยสั่ง Rich Butter Pancake (120-) แบบเบสิคไป
ตัวแป้งไม่ใช้แป้งแบนๆ แต่เป็นแป้งฟูหนา เนื้อแน่น ทานคู่กับน้ำผึ้ง ไม่รู้ว่าเป็นน้ำผึ้งหรืออะไร หวานเลี่ยน ไม่หอม ไม่อร่อย ไม่ชอบ จานนี้ไม่ให้ผ่านคะ ไปร้านที่ขายขนมหวานโดยตรงดีกว่า พนักงานไม่ค่อยใส่ใจ เรียกแล้วไม่ค่อยหัน เพราะอยู่แต่ตรงบาร์ด้านหน้า โซนลูกค้านั่งแคบ ไม่มีที่ ทำให้ยืนไม่ได้ แต่เอาแต่คุยกัน เรียกสั่งเพิ่ม คิดเงิน ไม่สนใจเลย ชูมือโบกกับพี่สาวตั้งนาน ไม่มีใครมอง

นึกถึงอาหารเกาหลีคงไม่พ้นบิบิมบับ จาจังเมี่ยนอย่างที่เห็นในหนังกันบ่อยๆ แต่ที่นี่ School Food เค้ามีเมนูไม่เหมือนใคร เป็นอาหารเกาหลีฟิวชั่นรูปแบบใหม่ ที่ลองแล้วจะติดใจ

ร้านตั้งอยู่ที่อาคาร Mercury Ville ตรง BTS ชิดลม ทางออก 4 เข้าห้างมาเดินตรงมาสุดก็จะเจอเลย อยู่ข้างๆร้าน Sushi-oo
ร้านกว้างขวาง มีวิวริมกระจก โต๊ะและเก้าอี้มีหลายแบบคละกันไป สามารถเลือกนั่งตามที่ชอบได้เลยคะ

พนักงานที่นี่เวลารับออเดอร์จะนั่งคุกเข่า เพราะที่นี่เค้าไม่ให้ยืนค้ำหัวลูกค้า สอบถามเมนู ก็จะอธิบายแทบทุกเมนู เมนูแนะนำที่นี่ เค้าจะใช้คำว่า Chef's Choice ซึ่งตัวที่แนะนำแต่ละตัวนี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ คะ

หมวดมาริ : มาริคือข้าวปั้นของคนเกาหลี คล้ายๆซูชิ แต่จะไม่จิ้มโชยุ เป็นจิ้มมายองเนสแทน หรือกินเปล่าๆ ก็อร่อย ตัวที่แนะนำ คือ
-มาริหมึกดำ เป็นข้าวที่นำไปคลุกกับหมึกของปลาหมึกจากสเปน สอดไส้ด้วยปลาหมึกผัดซอสเทอริยากิและจางอาชิ (ผักดองของคนเกาหลี) ใครได้กินเป็นต้องเบิ้ล !!!
-บลูมมิ่งมาริ เป็นไส้เนื้อบดห่อด้วยมอสเซอเรลล่าชีสและไข่ พร้อมซอสสูตรเฉพาะ
มาริจะมี 2 ไซส์ คือ R (7 ชิ้น) กับ L (14 ชิ้น) โดยไซส์เล็กจะตกแต่งด้วยการวาดรูปดอกไม้และจัดเรียงเป็นรูปดอกไม้ เรียกได้ว่าน่ารักเหมาะแก่การถ่ายรูปมากมากหมวดต๊อกบกกี : เป็นเส้นแป้งข้าวเจ้าเหนียบหนึบๆ เป็นอาหารว่างของคนเกาหลี ซึ่งที่ School Food ได้ฟิวชั่นเมนูนี้ขึ้นมา โดยมี 2 แบบ คือ ซอสสคูลฟู้ด และ คาโบนาร่า

-ซอสสคูลฟู้ด เป็นซอสแดงเผ็ด สูตรของทางร้าน ส่วนประกอบคือ ผักและแผ่นเต้าหู้ปลา มี 3 ตัว คือ
Street Topokki , Cheese Street Tteok และ Pork Cutlet with Spicy Cheese Tteok
ซึ่งถ้าทานเผ็ดไม่ได้ ไม่แนะนำให้ทาน เพราะบางคนสั่งมาถึงกับน้ำหูน้ำตาไหล กินไม่ได้-คาโบนาร่าซอส เป็นการฟิวชั่นกับอิตาเลี่ยน โดยใช้ซอสคาโบนาร่าที่เราคุ้นเคยกับการกินสปาเกตตี้ ส่วนประกอบคือ เห็ดและเบคอน มี 3 ตัวเช่นกัน คือ
Carbonara Topokki เป็นตัวออริจินอล ติดหวาน ทานมากๆ อาจเลี่ยนได้
Soy Carbonara Topokki เป็นเมนูโปรดของเราเลย ตัวนี้จะเพิ่มวุ้นเส้นเกาหลีเข้ามาเพิ่ม เคี้ยวแล้วจะกรึบๆ และซอสเป็นซอยซอสกับพริกสด กินแล้วไม่เลี่ยน
Spicy Carbonara Topokki เป็นการผสมระหว่างตัว Street Topokki กับ Carbonara Topokki คือความเผ็ดจะหารครึ่งกัน กินแล้วไม่เลี่ยนหมวดเส้น : จะมีทั้งบะหมี่เย็น บะหมี่แห้ง ที่คนสั่งเยอะ ๆ ก็มี
-สตูว์ ราเมน อ่านชื่อแล้วคงจะคิดว่าเป็นเนื้อกันแต่ไม่ใช่คะ สตูว์ ราเมน เป็นเส้นมาม่าเกาหลีกับผักล้วนๆ อีกทั้งน้ำซุปยังเป็นกิมจิ เรียกได้ว่าซดเพลินจนหมดชามกันเลยทีเดียว
-คาลบิ โจวเมี่ยน เป็นบะหมี่แห้ง เส้นโจวเมี่ยนจะคล้ายๆเส้นสปาเกตตี้แต่หนึบกว่า เคี้ยวสนุกปาก ทานคู่กับหมูย่างและฟิชซอสจากเกาะเชจู รสชาติจะมันๆ อธิบายไม่ถูก แต่เรียกได้ว่าอีก 1 จานโปรดเลยละหมวดข้าว : ข้าวยำที่นี่จะเสิร์ฟมาในกะทะร้อน พอพนักงานมาเสิร์ฟก็จะคลุกให้ เพราะไม่อย่างนั้นหัวหอมที่รองไว้ใต้กะทะจะไหม้ ขนาดใหญ่มาก กินคนเดียวไม่หมดแน่นอน เมนูข้าวมีหลายตัวคะ
-ข้าวยำไข่ข้นเนื้อตุ๋นจางอาชิ ซึ่งจางอาชิมี 2 รสคือ รสเผ็ดกับซอยซอส แนะนำเป็นรสจัดคะ เพราะมันเข้ากันกว่า ตัวจางอาชิไม่ได้มีรสชาติเผ็ดอะไร แต่เน้นแต่งกลิ่นมากกว่า ตัวนี้ถ้าคนไม่ทานเนื้อสามารถสั่งเป็นหมูแทนได้คะ เวลาผัดจะหอมเนยมากมาก
-ข้าวผัดเนื้อกะทะร้อน เนื้อที่คลุกจะหั่นเป็นชิ้นเล็กๆคะ ไม่ใหญ่
-ข้าวผัดสแปมกะทะร้อน (สำหรับคนที่ไม่รู้ว่าสแปมคืออะไร สแปมคือแฮมคะ)
-ข้าวผัดกิมจิเบคอนกะทะร้อน เรียกได้ว่าเมนูยอดฮิตเลยคะ มองไปทางไหนก็เจอแต่คนสั่ง เป็นการผสมกันของผักกิมจิ แครอท หัวหอมทั้งหลาย เวลาคลุกแล้วเข้ากันมากมาก เปรี้ยวบ้างเค็มบ้าง แต่รสไม่ออกจัดคะ
เมนูข้าวยำจะมีสาหร่ายและไข่ดาวด้วย เวลาคลุกไข่ก็จะไปคลุกกับข้าวเลย ถ้าใครไม่ชอบสามารถบอกพนักงานได้คะว่าไม่คลุกหรือจะคลุกเอง
-ข้าวหน้าเนื้อบูลโกกิ ตัวนี้จะไม่คลุกคะ เพราะถ้าคลุกแล้วข้าวจะแฉะ อารมณ์เหมือนข้าวหมูย่างเกาหลี ที่มีน้ำเยอะๆ
-ข้าวห่อไข่เบคอน ตัวนี้เวลาทานต้องทานคู่กับซอสที่เค้าราดมา ไม่งั้นมันจะจืดคะ
-สตูว์ เต้าหู้ ซีฟู้ด เมนูนี้เป็นเซต เสิร์ฟพร้อมข้าวและสลัด ตัวซุปประกอบไปด้วยเต้าหู้ กุ้ง ปลาหมึก หอยตลับ ไข่ เสิร์ฟมาในหม้อร้อนๆเดือดปุดๆหมวดอื่นๆ : หมวดนี้จะมีสลัดกับของทานเล่นนิดหน่อย
-สลัดไก่เคจัน เป็นอีกหนึ่งเมนูยอดฮิตที่เห็นแทบทุกโต๊ะคะ ไก่เคจันคือไก่ทอดที่มีกลิ่นของเครื่องเทศ ตัวสลัดราดด้วยน้ำมัสตาร์ดสูตรของทางร้าน เข้ากันดีเชียวละ
-สลัดกิมจิสด ตัวนี้จะมีชีสแผ่นและผงชีสด้วย น้ำสลัดเป็นกิมจิ และยังมีกิมจิสดอีกด้วย
-หมูชุบเกล็ดขนมปัง เมนูนี้ขอเตือนเลยนะว่ามันใหญ่มว๊ากกกกกก เป็นหมูแผ่นบางๆ ชุบเกล็ดขนมปังแล้วนำไปทอด กรอบทุกคำที่เคี้ยว
-เฟรนฟรายส์ ของที่นี่เค้าจะนำไปชุบแป้งแล้วทอดอีกที ถ้ามาเสิร์ฟแล้วเห็นสีเข้มผิดปกติไม่ต้องตกใจ ทานคู่กับซอสที่ทางร้านผสมเอง เรียกได้ว่าสุดยอด ทานตอนร้อนๆ อร่อยเพลิน
-แฮช บราวน์ เป็นมันบดชุบแป้งทอด โรยด้วยชีส จิ้มกินตัวซอสตัวเดียวกับเฟรนฟรายส์
-ชิลลี่ ชีส ทอทิย่า เป็นแผ่นแป้ง จิ้มกับซอสที่มีส่วนผสมของเนื้อ ถั่วแดง และชีส ของทานเล่นยอดฮิตของฝรั่งหมวดเครื่องดื่ม : ที่นี่ไม่ได้มีแต่น้ำทั่วไปเท่านั้น แต่ยังมี !!!
-เบียร์นกฮูก ฮิตาชิโน อันโด่งดังจากญี่ปุ่น
-โซจู เครื่องดื่มยอดฮิตของคนเกาหลี ไว้ทานเวลากินข้าวเพื่อช่วยย่อย
-ม็อกโกลี เหล้าข้าวของคนเกาหลี ขวดเท่าน้ำอัดลม

-เอธี่ คือ น้ำผลไม้ผสมกับโซดา มี หลายรส ส่วนมากจะเป็นเปรี้ยวกับหวาน มี
Viva la kiwi athie เป็นเนื้อกีวี่ปั่นผสมนมเปรี้ยวและโซดา รสชาติออกเปรี้ยว
Sparkling sunrire athie เป็นเนื้อพีชปั่นผสมน้ำเชื่อมและโซดา ออกหวาน
Fine blue athie เป็นเนื้อสัปปะรดปั่นผสมน้ำเชื่อม Blue curacao เวลาทานแล้วจะมีเนื้อ หวาน อร่อย
Cotton strawberry athie เป็นเนื้อสตรอเบอรี่ปั่นผสมน้ำเปรี้ยวและโซดา รสชาติออกหวานๆเปรี้ยวๆ
ruby orange athie เป็นส้มคั้นผสมมะนาวและโซดา รสชาติออกเปรี้ยวซ่า
เครื่องดื่มเอธี่ต้องคนให้เข้ากันก่อนดื่มเพราะเนื้อจะได้กระจายตัว

หมวดของหวาน : จะมีแค่ 2 ตัว คือ บิงซูและเมล่อน บิงซู
-บิงซู เป็นน้ำแข็งรสนมที่ทานคู่กับถั่วแดงและถั่ว
-เมล่อน บิงซู จำกัดเสิร์ฟแค่ 10 ที่/วัน เป็นน้ำแข็งรสนมที่ตกแต่งด้วยเมล่อนหวานฉ่ำ โรยหน้าด้วยอัลมอน ทานแล้วหวานจับใจ เย็นสดชื่น

โดยรวมแล้วอาหารรสชาติถูกปากคนไทย เพราะผ่านการฟิวชั่นมาแล้ว ไม่ใช่รสคนเกาหลีแท้ๆ ราคาน่าคบ ไม่แพงจนเกินไป (สามารถใช้บัตรนักเรียน บัตรพนักงานลดได้ 10% และบัตรอื่นๆตามโปรโมชั่น) พนักงานบริการดี อาหารได้เร็ว แต่ถ้าคนเยอะอาจจะต้องรอนานนิดนึง มาตรฐานอาหารเท่าเดิม ครั้งก่อนเป็นยังไง ครั้งต่อๆไปก็เหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง