ส่วนผสมและสัดส่วน
แกงบวดเผือก
แชร์สูตรอร่อย
0
35267
0
คุณแม่ซื้อเผือกมาค่ะ เลยนึกเมนูที่จะเอาเผือกมาทำกิน สุดได้ได้คำตอบ คือ แกงบวดเผือก รสชาติหวานๆมันๆเค็มๆ อร่อยมาก เนื้อเผือกที่แม่ซื้อมาก็อรอ่ยค่ะเคี้ยวแล้วนุ่มหนึบ เข้ากับกะทิจริงๆ ลืมบอกไปค่ะว่าสูตรนี้ทำเผือกกับกะทิแยกกันค่ะ เวลาทานค่อยตักมารวมกัน ชอบแบบนี้มากกว่าค่ะ
1. เผือกหั่นเป็นชิ้นๆ 2 ถ้วย
2. น้ำกะทิ 2 ถ้วย
3. น้ำเปล่า 1 ถ้วย
4. น้ำตาลทราย 40 กรัม
5. น้ำตาลปี๊บ 40 กรัม
6. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
7. ใบเตย 1-2 ใบ
8. น้ำปูนใส
2. น้ำกะทิ 2 ถ้วย
3. น้ำเปล่า 1 ถ้วย
4. น้ำตาลทราย 40 กรัม
5. น้ำตาลปี๊บ 40 กรัม
6. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
7. ใบเตย 1-2 ใบ
8. น้ำปูนใส
วิธีปรุง
1. นำเผือกที่หั่นแล้วไปแช่ในน้ำปูนใสประมาณ 10 นาที แล้วนำไปล้างให้สะอาด และผึ่งให้แห้ง (เพราะยางของเผือกถ้าล้างไม่สะอาดจะทำให้คัน)
2. เตรียมหม้อนึ่ง พอหม้อร้อนแล้ว เอาเผือกเข้าไปนึ่งรอให้สุก
3. ตั้งหม้อใส่น้ำกะทิ ต้มกับใบเตย เติมน้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ เกลือป่นลงไปต้มจนน้ำกะทิเดือดจึงปิดเตา
4. พอเผือกสุกแล้ว จัดใส่ถ้วย ราดด้วยน้ำกะทิ พร้อมรับประทาน
2. เตรียมหม้อนึ่ง พอหม้อร้อนแล้ว เอาเผือกเข้าไปนึ่งรอให้สุก
3. ตั้งหม้อใส่น้ำกะทิ ต้มกับใบเตย เติมน้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ เกลือป่นลงไปต้มจนน้ำกะทิเดือดจึงปิดเตา
4. พอเผือกสุกแล้ว จัดใส่ถ้วย ราดด้วยน้ำกะทิ พร้อมรับประทาน
เคล็ดลับน่ารู้
ขจัดความคันจากเผือก
ตามธรรมชาติที่เปลือกของเผือกจะมียางซึ่งทำให้คันเมื่อสัมผัส และถ้าปอกไม่เป็น เวลานำมาปรุงอาหารับประทานจะเกิดอาการคันได้ มีขั้นตอนปฎิบัติง่าย ๆ ดังนี้
1. ล้างเผือกทั้งหัวให้สะอาด เช็ดให้แห้ง
2. ปอกเปลือกให้หนา แล้วปล่อยให้ยางเหนียวไหลซึมออกจากเนื้อ
3. ใส่น้ำในชาม แล้วผสมน้ำปูนใสหรือน้ำส้มสายชูลงไปแช่เผือกทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง หรือจนกว่ายางเหนียวจะตกตะกอน
4. ล้างเผือกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งก่อนนำไปประกอบอาหาร
อ้างอิง : www.karbstyle.com
ตามธรรมชาติที่เปลือกของเผือกจะมียางซึ่งทำให้คันเมื่อสัมผัส และถ้าปอกไม่เป็น เวลานำมาปรุงอาหารับประทานจะเกิดอาการคันได้ มีขั้นตอนปฎิบัติง่าย ๆ ดังนี้
1. ล้างเผือกทั้งหัวให้สะอาด เช็ดให้แห้ง
2. ปอกเปลือกให้หนา แล้วปล่อยให้ยางเหนียวไหลซึมออกจากเนื้อ
3. ใส่น้ำในชาม แล้วผสมน้ำปูนใสหรือน้ำส้มสายชูลงไปแช่เผือกทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง หรือจนกว่ายางเหนียวจะตกตะกอน
4. ล้างเผือกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งก่อนนำไปประกอบอาหาร
อ้างอิง : www.karbstyle.com
แนะนำ
สูตรอาหารอื่นๆ จาก OoPeanuT~ButteroO
Top