เวลาเห็นผลไม้ลูกกลมสีเหลืองส้มสดใส มีกลีบดอกบางๆ หุ้มอยู่คล้ายระฆัง ดูน่ารักจนนึกว่าเป็นของปลอม หลายคนคงนึกสงสัยว่าเจ้าผลไม้ชนิดนี้กินได้จริงหรือเปล่า ชื่อของมันคืออะไร และรสชาติเป็นยังไงแน่
Picture credit: pixabay.com
Picture credit: thehealthsite.com
เคพกูสเบอร์รี่ โทงเทงฝรั่ง หรือ ระฆังทอง คือชื่อของผลไม้ชนิดนี้ อยู่ในตระกูลเบอร์รี่ที่อุดมด้วยคุณประโยชน์ไม่แพ้ชนิดอื่นๆ อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เคพกูสเบอร์รี่เป็นผลไม้เมืองหนาว ขนาดผลประมาณลูกเชอร์รี่ มีสีเหลืองไปจนถึงส้ม ซึ่งในไทยเราเองก็มีปลูกอยู่ภายใต้ โครงการหลวง โครงการของในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อช่วยเหลือประชาชนชาวเขาให้เลิกปลูกฝิ่นและมีรายได้ที่ยั่งยืน (คลิกดูผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของโครงการหลวงได้ ที่นี่)
ผลเคพกูสเบอร์รี่สด โครงการหลวง
เคพกูสเบอร์รี่ มีประโยชน์มากมายทั้งด้านสารอาหารภายในผลและคุณสมบัติทางยา เนื่องจากเป็นผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่จึงมีวิตามินซีและเอสูง ช่วยบำรุงกระดูก ฟัน ป้องกันโรคไข้หวัดและภูมิแพ้ เสริมสร้างภูมิต้านทาน บำรุงสายตา ป้องกันโรคตาบอดในที่มืด นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยสารแอนโทไซยานิน ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งปอด มะเร็งตับ หยุดยั้งเซลล์เนื้องอกไม่ให้เจริญเติบโต มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระปริมาณมาก บำรุงผิวพรรณ และลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
Picture credit: pixabay.com
ในด้านสรรพคุณทางยาก็นำมาใช้ได้ทั้งราก ต้น ใบ เมล็ด เยื่อหุ้มผล เช่น ช่วยแก้เหงือกบวม รักษาแผลในปาก แก้ไข้เนื่องจากมีฤทธิ์เย็น แก้ไอ หลอดลมอักเสบ แก้หวัดแดด คางทูม โรคบิด หอบหืด ฝีในคอ ขับพยาธิ เป็นยาระบาย ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดจึงมีส่วนช่วยเรื่องโรคเบาหวาน เป็นต้น
Picture credit: pixabay.com
Picture credit: pixabay.com
หลายคนนิยมกินผล เคพกูสเบอร์รี่ แบบสดๆ เพราะติดใจในรสชาติหวานอมเปรี้ยว หรือนำมาทำเป็นน้ำเคพกูสเบอร์รี่ ปั่นทำสมูทตี้ ทำเป็นไส้พาย ไอศครีม อบแห้ง เชื่อม แต่งหน้าขนมชนิดต่างๆ เป็นต้น ถือเป็นผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่ที่นำไปประยุกต์ได้หลายแบบและเป็นอีก 1 ทางเลือกน่าสนใจสำหรับคนรักสุขภาพ โดย โครงการหลวง มีผลิตภัณฑ์จากเคพกูสเบอร์รี่ 2 ชนิดด้วยกัน นั่นก็คือผลเคพกูสเบอร์รี่สดและน้ำเคพกูสเบอร์รี่ (ดูพิกัดที่ตั้งร้านโครงการหลวงได้ที่นี่ คลิก)
น้ำเคพกูสเบอร์รี่ โครงการหลวง
Picture credit: pixabay.com
Picture credit: pixabay.com
Picture credit: pixabay.com
Picture credit: pixabay.com
Credit: sanook.com, mthai.com, kapook.com,
lovefitt.com, thairath.co.th, medthai.com
อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ที่นี่ คลิก
