ตระเวนเที่ยว ตะลอนชิม - ถ้าจะพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองไทย ที่นักท่องเที่ยวตั้งตารอคอยเพื่อจะเดินทางไปถึง หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อเขาคิชฌกูฏ จันทบุรี
ติดอยู่ในรายชื่อแน่ๆ นั่นก็เพราะเขาคิชฌกูฏ จันทบุรี ไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาได้ตลอดทั้งปี แต่มีระยะเวลาที่ค่อนข้างแน่นอน อย่างในปี 2557 นี้ งานนมัสการรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาคิชฌกูฏ ได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 มกราคม 2557 ถึงวันที่ 1 เมษายน 2557 เป็นช่วงเวลาที่พุทธศาสนิกชนจะได้นมัสการ รอยพระพุทธบาทพลวง เขาคิชฌกูฏ
เพื่อเสริมสิริมงคลในช่วงต้นปี ซึ่งการจัดเดินป่าขึ้นยอดเขาคิชฌกูฏ ถือเป็นประเพณีที่ชาวไทยผู้เลื่อมใสในศาสนาพุทธได้ปฏิบัติสืบทอดกันมานาน เพราะเชื่อกันว่าการได้นมัสการรอยพระพุทธบาทจะได้บุญสูง เสมือนการได้เข้าเฝ้าองค์พระศาสดา อันเป็นกุศลยิ่งใหญ่ ทั้งยังเป็นการฝึกจิตใจให้มีความอดทนไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก โดยในแต่ละปีที่เขาคิชฌกูฏ จันทบุรี จะมีผู้คนหลั่งไหลจากทั่วทุกสารทิศในประเทศไทย ดั้นด้นเดินทางมาที่นี่นับแสนนับล้าน เพราะช่วงเวลาที่เปิดให้ขึ้นมาเขาคิชฌกูฏได้มีเพียง 2 เดือนเท่านั้น แล้วหลังจากนั้นก็ถึงเวลาตะลอนชิม คราวนี้ขอแวะไปทานอาหารทะเล ที่เรือนริมน้ำซีฟู๊ด หรือถ้าใครจะไปเที่ยวที่ไหนกันต่อแล้วอยากหาร้านอาหารอร่อยๆ แถวนั้นล่ะก็ คลิกหาร้านอาหาร จันทบุรี ได้เลย
เขาคิชฌกูฏ จันทบุรี หรืออุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ รู้จักกันดีว่าเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางพุทธศาสนา ตามประวัติศาสตร์บอกว่าเขาคิชฌกูฏอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงราชคฤห์ แปลว่า ภูเขาแร้งกระพือปีก เคยเป็นสถานที่ประทับของพระพุทธเจ้าในอดีต การได้นมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง เขาคิชฌกูฏ เปรียบเสมือนกับการได้เข้าเฝ้าองค์พระศาสดา โดยพระบาทพลวง หรือพระพุทธบาทพลวง ประดิษฐานอยู่บนเขาคิชฌกูฏ เป็นรอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่ กว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร อยู่บนยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเล 1,000 เมตร และถือว่าเป็นรอยพระพุทธบาทที่สูงที่สุดของประเทศไทย ซึ่งถูกค้นพบราวพ.ศ. 2397
ใกล้กับรอยพระพุทธบาทพลวง เขาคิชฌกูฏ ยังมีหินลูกพระบาทตั้งอยู่ริมผา หินกลมก้อนใหญ่หนึ่งในปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่มาผูกกับตำนานทางพระพุทธศาสนา แล้วยังมีศิลาเจดีย์ ถ้ำฤาษี ลานแข่งรถพระอินทร์ หินที่มีรูปร่างคล้ายเต่าและช้างขนาดยักษ์อีกด้วย
นอกจากเรื่องราวของความศักดิ์สิทธิ์แล้ว อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ จันทบุรี ยังมีความงดงามของทัศนียภาพอีกด้วย เพราะที่นี่เป็นต้นน้ำสำคัญของแม่น้ำจันทบุรี โดยมีสถานที่น่าสนใจมากมายเช่น น้ำตกกระทิง และเมื่อเดินทางไปจนถึงยอดเขาพระบาท จะสามารถมองเห็นความงามของเทือกเขาสระบาป เขาสุกิม เกาะนมสาว และทั่วตัวเมืองจันทบุรี ซึ่งยอดเขาพระบาทอยู่ห่างจากลานพระบาทไปอีก 800 เมตร แต่เชื่อเถอะว่าคุ้มค่าที่แลกกับการชมทัศนียภาพสวยงามและอากาศเย็นสบายที่มีให้สูดอย่างเต็มปอด
ใครที่อยากมานมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง เขาคิชฌกูฏ สามารถเดินทางโดยใช้ถนนสุขุมวิท เมื่อถึงสี่แยกเขาไร่ยาให้แยกซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 3249 ระยะทาง 24 กิโลเมตร จะถึงอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ หรือสามารถนั่งรถสองแถวสีฟ้าสายจันทบุรี-จันทเขลม ขึ้นรถได้ที่ที่ทำการไปรษณีย์ท่าแฉลบ แต่หากมาจากตัวอำเภอเมืองจันทบุรี ให้ผ่านแยกเขาไร่ยา ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3249 ระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร โดยใช้ทางขึ้นเขาพระบาทพลวง เมื่อถึงวัดพระบาทพลวงจอดรถไว้ แล้วนั่งรถสองแถวบริการขึ้นเขาพระบาทออกจากวัดพลวงไปสิ้นสุดที่บริเวณทางขึ้นยอดเขาพระบาท รถขึ้นยอดเขาแบ่งเป็น 2 ช่วง ค่าโดยสารช่วงละ 50 บาทต่อคน ไปและกลับ 200 บาท
ส่วนค่าเข้าอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท ระหว่างทางเพื่อไปนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง เขาคิชฌกูฏ มีบริการไม้เท้าให้เช่าสำหรับผู้สูงอายุราคาอันละ 5 บาท หรือเลือกบริการแคร่แบกหามในราคาเที่ยวละ 400 บาท
รอยพระพุทธบาทพลวง เขาคิชฌกูฏ แผนที่
อิ่มบุญ อิ่มสุข กันไปแล้ว ก็ต้องหามื้ออร่อยๆ ให้อิ่มท้องกันบ้าง ตามไปอิ่มอร่อยกันได้ที่ร้านอาหารทะเล เรือนริมน้ำซีฟู๊ด กันต่อได้ในตอนหน้านะคะ
เครดิต: https://www.facebook.com/pages/เขาพระบาทพลวง-จันทบุรี/ www.dhammajak.net
อิ่มบุญต้นปีนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง เขาคิชฌกูฏ แล้วไปอิ่มท้องที่เรือนริมน้ำซีฟู๊ด (ที่ชิม)
รวมเมนูเด็ดร้านอาหารไทยขึ้นชื่อ