1
0
0
以上資料只供參考, 請與餐廳確認詳情
招牌菜
Sashimi
食評 (1)
等級4 2015-05-18
263 瀏覽
รีวิวนี้ จะพาไปทานอาหารญี่ปุ่นแนว Fusion/Izakaya กันครับแต่ร้านนี้ต้องขอบอกว่า Exclusive สุด ๆ ด้วยที่นั่งจำนวนจำกัดที่นั่งประมาณ 30 ที่นั่ง ตกแต่งแนวโมเดิร์น คอนเทมโพลารี่ประกอบกับเพลงแจ๊ซเบา ๆ คลอระหว่างมื้ออาหาร พร้อมกับเครื่องดื่มที่แสนจะเข้ากันอย่างลงตัวครับ กับ ร้าน"Midori Japanese Izakaya Cuisine""Midori Japanese Izakaya Cuisine" ตั้งอยู่ที่ หมู่บ้านสัมมากรถ.รามคำแหง 110-112 ตรงเข้ามาบริเวณริมทะเลสาปใหญ่ของตัวหมู่บ้าน ก็จะเห็นร้านทรงกล่อง 1 ชั้น สีขาวพร้อมป้ายชื่อร้านชัดเจนครับ(ทะเลสาปอยู่ทางขวามือ ร้านอยู่ซ้ายมือ จอดรถได้ 2 ฝั่ง)เปิดให้บริการ ทุกวันอังคาร-วันอาทิตย์ 2 รอบเวลา/วัน11.30-14.30 น. จะเน้นเมนูอาหารเซ็ต/ข้าวหน้าต่าง ๆซึ่งจะมีโปรโมชั่นราคาพิเศษออกมาให้ได้ลองด้วย แต่ก็ยังให้บริการอาหารตามเมนูเช่นกัน17.30-22.30 น. จะเป็นอาหารและเครื่องดื่มตามเมนูครับร้านหยุดทุกวันจันทร์ครับทางร้านดูแลเองแค่เจ้าของร้านคือ คุณแน๊ต สรัญนพเทพหัสดิน ณ อยุธยาซึ่งได้แรงบันดาลใจในการเปิดร้านมาจากที่คุณแนต เคยทำงานอยู่ในแวดวง F&Bของโรงแรมใจกลางเมือง แต่บ้านพัก อยู่ย่านรามคำแหง118ซึ่งถือว่าชานเมืองพอควรจึงมีแนวความคิดว่าอยากทำร้านอาหารใกล้ ๆ บ้านประกอบกับเป็นคนชื่นชอบในอาหารญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเลยอยากทำร้านอาหารญี่ปุ่นเพื่อคนที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นเช่นเดียวกันได้ทานอาหารญี่ปุ่นที่คุณภาพและรสชาติดีแบบไม่ต้องเข้าไปในเมืองจึงเกิดเป็นไอเดียทำร้านที่เป็นModern Fusion Izakaya Cuisine ขึ้น โดยกำลังสำคัญคือหุ้นส่วนของคุณแนตคือเชฟชาวญี่่ปุ่นฝีมือยาวนานกว่า 20 ปี Chef Miji Hiroโดย Chef Hiro นั้นเคยเป็นเพื่อนร่วมงานในร้านอาหารญี่ปุ่นสมัยที่คุณแน๊ตยังศึกษาอยู่ที่ประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่ง Chef Hiro นั้น ถนัดการทำอาหาร Modern Fusionโดยเฉพาะการจัดการกับ เนื้อแกะ เนื้อวัว และปลาChef Hiroซึ่งแม้จะเป็นทางเจ้าของร้านมาดูแลคนเดียวในเรื่องของการบริการ แต่ก็ไม่ได้ติดขัดอะไรเพราะรับออเดอร์ได้รวดเร็ว เชฟก็ทำอาหารได้อย่างรวดเร็ว ไม่ได้รอนานอะไรมากมาย เพราะระหว่างรออาหารก็สามารถฟังเพลงแจ๊ซสบาย ๆ ได้เพลินครับรายการอาหารของทางร้าน "Midori Japanese Izakaya Cuisine"จะเป็นแนว Modern Fusion ผสมผสานรสชาติต่าง ๆ ผ่านการคิดค้นปรุงแต่งให้เป็นแบบฉบับของทางร้านแต่แบบ Original/Traditional ที่เน้นรสชาติของวัตถุดิบสด ๆ โดยเฉพาะก็ยังมีให้ได้เลือกอยู่ครับโดยบรรดาปลาดิบที่ร้านแห่งนี้ ก็เข้าปลากันถึง 3 วัน/สัปดาห์คือวันอังคาร วันศุกร์ และวันเสาร์เย็น(หรือวันอาทิตย์เช้า)เรามาดูหน้าตาเมนูอาหารกันครับ จะเป็นแผ่นกระดาษลักษณะนี้จากซ้าย เมนูเครื่องดื่ม เมนูอาหาร และเมนูอาหารกลางวันเนื่องจากวันนี้ที่มาทำรีวิว เป็นมื้อเย็นผมเลยขอเริ่มจากเมนูเครื่องดื่มและเมนูอาหาร โดยเว้นเมนูอาหารกลางวันไว้ก่อนนะครับเริ่มจากเครื่องดื่ม โดยทางร้านมีให้เลือก เป็นชาร้อน/เย็น เซ็นฉะเบียร์สดอาซาฮี Asahi Draft beer ราคาแก้วละ 90 บาท ราคานี้ตลอดทั้งคืนแต่จะมีช่วง Happy Hour เวลา 17.30-19.30 น.ที่จัดเป็นซื้อ 2 แก้ว แถม 1 แก้วครับ ถัดมาเป็นอาหารจานแรกครับ กับเป็นจานปลาดิบรวม ชื่อ Midori Grand Sushi Sashimi Platterราคาสอบถามทางร้าน เปลี่ยนแปลงแล้วแต่วัน และชนิดของปลาความสดของปลาที่มาทำ sashimi ดีเลยครับ เชฟแล่ปลาได้สวยงามไม่หนาไม่บางเกินไป ไม่ว่าจะเป็น แซลมอน ฮามาจิ และมากุโร่ ส่วนอากามิ(ทูน่าส่วนเนื้อแดง)ถัดมาในส่วนของ นิกิริ ซูชิ nikiri sushi ก็ทำได้ดีไม่ว่าจะเป็นรสข้าว ขนาดข้าวกับปลา และเนื้อปลาอย่างแซลมอนที่รนไฟมาก็ทำได้ดีครับแต่ตัวแคลิฟอร์เนียมากินั้น ไข่กุ้ง(ปลาบิน)น้อยไปสักหน่อยครับ ต่อกับที่ของทานเล่น อย่างไข่หวานญี่ปุ่น Japanese Omelet 90 บาทเชฟทำไข่หวาน ออกมาได้นุ่ม รสละมุน ตัวไข่พับสลับกันเป็นชั้นความหนาเท่า ๆ กันอย่างสวยงามเก๋ไก๋ด้วยการนาบเหล็กร้อนชื่อร้านให้ดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น จากซูชิ และของทานเล่น ก้าวเข้ามาสู่จานสลัด กับ Mix Bean Salad with Grilled Chicken 180 บาทจานนี้เป็นจานที่ผมชื่นชอบมากทีเดียว ขอ Recommendกับการผสมผสาน ของถั่วหลาย ๆ ชนิด คลุกเคล้ากับน้ำสลัดสไตล์พอนซึ ที่มีรสเปรี้ยวนำ เค็มหวานตามมา มีกระเทียมตัดเล็กน้อยที่สำคัญส่วนประกอบเด็ดของจานนี้สำหรับผมคือ ชาหมัก(ใบชาเขียวหมักได้รสชาติดีมาก ๆ ทานเล่นหรือพร้อมถั่วก็เด็ด) ตกแต่งด้วยมะเขือเทศสีแดงสดสวย ด้านบนท็อปปิ้งด้วยเนื้อไก่ย่างส่วนสะโพก ที่ย่างออกมาได้อย่างชุ่มฉ่ำอยู่ครับจานถัดมา เป็นจานที่ทางร้านและเชฟอยากให้ลองก่อนทีจะบรรจุลงในเมนูอย่างเป็นทางการ กับAustralian Gyu tataki เนื้อสันในออสเตรเลีย เบิร์นผิวโดยรอบให้ด้านนอกส่งกลิ่นหอมของไขมันที่โดนเผาแต่ด้านในยังคงคงความดิบและแดงสดของตัวเนื้ออยู่ แล้วสไลด์บางจัดวางเคียงกับต้นหอมญี่ปุ่นซอยตามยาวราดซอสพอนซึสูตรเฉพาะ รสชาติยอดเยี่ยมชวนทานแบบไม่วางตะเกียบ จบด้วยการโรยต้นหอมสับที่เข้ากันดีเป็นจานทีเด็ด ที่น่าจะรีบใส่ลงในเมนูเลยล่ะครับของเบา ๆ ผ่านไปแล้ว เข้าสู่จานหลัก Main dish กันบ้างครับแต่ก่อนเข้าจานหลัก ขอตัดรสด้วย Cocktail สักแก้วครับกับ Chu-hi peach (Sho-chu Cocktail) ราคาสอบถามทางร้านเป็นสาเก/โชจู ผสมกับน้ำลูกพีช ให้รสหอมหวาน ทานง่ายแก้วนี้สาว ๆ น่าจะชอบ เพราะขนาดผมแมน ๆ ยังโอเคเลยครับ มาถึงจานหลัก กับ ไก่เทริยากิสูตรพิเศษของทางร้านมิโดริ เสิร์ฟพร้อม ฟองครีมดอกกะหล่ำปลีMidori Crispy Juicy Teriyaki Chicken Serve withCreamy Cauliflower Puree 360 บาทไก่ถูกย่างมาอย่างดี โดยใช้หลักการนาบกระทะให้หนังไก่เหลืองกรอบ แต่ส่วนเนื้อสุกดีและยังชุ่มฉ่ำราดซอสเทริยากิสูตรเฉพาะของทางร้าน ซึ่งจัดว่าเยี่ยมหรือจะทานพร้อมกับฟองครีมดอกกะหล่ำปลีที่รสชาติหอม หวาน มัน แต่เบา ๆ ก็ลงตัว แต่ใครจะกินพร้อมกันทั้งซอสเทริยากิและฟองครีมดอกกะหล่ำ อย่างผมก็อร่อยและไม่ผิดอะไรครับ จานนี้ก็ Recommend เลย Main dish จานหลักอีกจานที่ได้ลอง เป็นจานปลาครับ กับ3 Days Marinated Atlantic Salmon Saikyo yoki 450 บาทจานนี้เป็นปลาแซลมอนหั่นแบบ filet (ฟิลเล่ต์ตัดขวางไร้กระดูก)นำมาหมักปรุงรสให้เข้าถึงรสชาตินานถึง 3 วันแล้วนำมาย่าง/กริล/เบิร์น ได้ระดับความสุกที่สุดยอดด้านนอกหอมกลิ่นไหม้ แต่ด้านในสุกได้พอดีมีความชุ่มฉ่ำเนื้อปลาชิ้นใหญ่หนา นั้นถูกราดด้วยซอสไซเกียวโยกิรสหวานนำที่เชฟคิดค้นขึ้นมาเอง โดยการนำมิโซะ(เต้าเจี้ยว)มาปรับแต่งจัดวางท็อปปิ้งด้านบนด้วยไข่ปลาแซลมอนรสเปรี้ยวด้วยการหมักส้มยูซุ แต่งด้วยผิวส้มยูซุและใบสะระแหน่สวยงามเป็นอีกจานที่ Recommend ให้ลองฝีมือเชฟในการควบคุมไฟครับ จากนั้นเพื่อความอยู่ท้อง ผมเลยสั่งEngawa Aburi Nigiri 240 บาท (4 คำ) มาเพิ่มเติมอีกที่ครับเอ็นกาวะ-ครีบปลาตาเดียว ของร้านนี้จะนุ่มนิ่มลื่น ๆ มัน ๆจะไม่กรอบเหมือนร้านอื่นที่เคยทานครับ แต่สดแน่นอนวาซาบิที่ร้านนี้ ดีมาก ๆ เลยครับหอมฉุนสดใหม่รวมไปถึงโชยุ ก็ใช้อย่างดี รสชาติดีครับยังมีอีกครับ ก่อนจะไปของหวานกัน กับ ข้าวราดแกงกะหรี่หมูทอดMidori Special Curry Rice Pork Katsu 290 บาทข้าวญี่ปุ่นหุงอย่างดี กับหมูสันนอกเนื้อนุ่มทอดมาชุ่มฉ่ำแต่ติดที่แป้งกรอบแข็งไปนิดครับ ส่วนตัวแกงกะหรี่นั้นระดับความเข้มและข้น ของตัวแกงและรสชาตินั้นดีเลยครับเคี่ยวมาได้งวด เต็มเปี่ยมไปด้วยรสชาติของตัวเครื่องต่าง ๆ ที่นำมาทำแกงเลยล่ะครับ เสียดายตักราดมาน้อยไปนิดเพราะตักกินพร้อมกับหมู ข้าว ผัก แล้วหมดเร็วเหลือเกินของคาวจบไปแล้วมากันที่ของหวาน ที่คนรักขนมและของหวาน รวมถึงสาว ๆ ที่น่าจะถูกอกถูกใจครับกับ YUZU Orange Cheese cake with YUZU emulsion 120 บาท(ชีสเค้กส้มยูซุพร้อมครีมผสมส้มยูซุ)และ Black Sesame Creme Brulee 90 บาท(เครมบูเล่งาดำ)ตัวแรก YUZU Orange Cheese cake with YUZU emulsionชีสเค้กหอมและรสเปรี้ยวอ่อน ๆ ของส้มยูซุ เนื้อชีสเค้กเบา ๆเนียน ๆ ด้านบนอบมาได้สีน้ำตาลสวยงาม แต่งด้วยผิวส้มยูซุและครีมซอสที่เป็นฟองละเอียดผสมส้มยูซุ เบา ๆ สบาย ๆ ครับจานนี้อีกตัวนึง Black Sesame Creme Bruleeเนื้องาดำด้านล่างเนียน หอม งา อร่อยดีครับแต่ด้านบนที่เป็นผิวน้ำตาลที่ผ่านการรนไฟให้ไหม้นั้นมีความหนาค่อนข้างมาก รวมถึงค่อนข้างไหม้เมื่อทานผสมกับเนื้องาดำแล้ว จะทำให้ได้รับความหวานแต่หวานปนขมเพราะอารมณ์ของน้ำตาลไหม้กับตัวงาดำที่มีกลิ่นไหม้ในตัวอยู่แล้วครับ ถ้าน้ำตาลด้านบนน้อยกว่านี้และผ่านไฟให้ไหม้น้อยกว่านี้ ผมว่าจะดีมาก ๆ ครับ เป็นอันจบการรีวิวร้าน Midori Japanese Izakaya Cuisineด้วยความอิ่ม อร่อย สมราคา รสชาติและบรรยากาศแม้การเดินทางอาจจะประสบปัญหาการจราจรย่านสุขาภิบาล 3รามคำแหง จะติดขัดบ้างก็ตาม แต่ถ้าได้มีโอกาสอยากให้มาลิ้มลองรสมือเชฟที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 20 ปีรวมถึงความเฟรนด์ลี่เป็นกันเองของคุณแน๊ต เจ้าของร้านคนเก่งว่าจะเด็ดขนาดไหนกันนะครับ กับ"ร้านอาหารญี่ปุ่น แนว Izakaya & Fusion รังสรรค์รสชาติด้วยฝีมือกว่า 20 ปี ฝีมือเชฟชาวญี่ปุ่นแท้ ๆGood taste, Great creation, Combination with Drink & Music "สนใจติดต่อจองที่นั่ง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่https://www.facebook.com/pages/Midori-japanese-Izakaya-cuisineโทร. 099-289-3655, 0-2729-4575ขอให้มีความสุข อิ่ม อร่อย กับการรีวิวในรอบนี้กันนะครับ 繼續閱讀
(以上食評乃用戶個人意見 , 並不代表OpenRice之觀點。)