7
1
0
2-min walk from Exit 6, Asok BTS Station
繼續閱讀
電話號碼
02-204-4000
開飯介紹
Tapas Y Vino ห้องอาหารสเปน ตกแต่งด้วยโทนสีแดง ขนาดของร้านไม่ใหญ่มาก มีโต๊ะธรรมดา และแบบมุมส่วนตัว กับบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเอง เหมาะสำหรับการนัดสังสรรค์ผ่อนคลาย
繼續閱讀
特色
商務用餐
家庭親子
包場派對
營業時間
今日營業
18:00 - 22:30
星期一至日
18:00 - 22:30
以上資料只供參考, 請與餐廳確認詳情
有關獎賞計劃
รีวิวนี้ ได้รับเกียรติอีกครั้งจากการเชิญของ Openrice Thailandให้มาร่วมงาน Openrice Party ครั้งที่ 42 ในฐานะ blogger ครับโดยครั้งนี้ มาจัดงานกันที่ ห้องอาหาร Tapas Y Vinoโรงแรม Pullman Bangkok Grande Sukhumvitเป็นธีมอาหารสเปนแบบ Tapas หลากหลายชนิดจิบ Sangria คู่กันเข้ากันเป็นอย่างดี พร้อมต้อนรับเชฟคนใหม่ของห้องอาหาร Tapas Y Vino กับ"เชฟเชม่า-Chef J'ma" Juan Maria Marrero Ortegoที่บินตรงมาประจำการจากเมืองลาส พัลมาส ประเทศสเปน กันเลยห้องอาหาร Tapas Y Vino ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของโรงแรมPullman Bangkok Grande Sukhumvit ซึ่งสามารถเดินมาได้จากแยกอโศกตัดสุขุมวิท(สถานีรถไฟฟ้า BTS และ MRT) เพียง 300 เมตรภายในห้องอาหาร Tapas Y Vino ตกแต่งผนังด้วยโทนสีแดงส้มเจาะช่องเป็นชั้นโชว์ไวน์ชั้นเลิศนานาชนิด เฟอร์นิเจอร์สีน้ำตาลดำตัดกันกับสีของห้องอาหารทำให้ห้องดูดุดันสไตล์กระทิงดุอย่างไงอย่างงั้นเลยครับในส่วนของอาหารสเปนนั้น เนื่องจากสเปนมีประวัติมายาวนานมีชนชาติมากมายที่ได้ผ่านประเทศสเปน รวมถึงได้นำวัฒนธรรมทางอาหารจากที่ต่าง ๆ หล่อหลอมรวมกันจนเป็นอาหารสเปนอาหารที่ขึ้นชื่อเช่น Paella (ปาเอย่า), Chorizo (โชริโซ่) และ Sangria (ซังกรีอา/แซงเกรีย) ที่เป็นเครื่องดื่ม เป็นต้นอาหารในวันนี้จะเป็นแนว Tapas (ทาปาส-ชิ้นเล็กชิ้นน้อย)ให้กินคู่กันกับ Sangria (ซังกรีอา) ซะส่วนมากครับ ซึ่งเชฟเชม่าก็คิดเมนูออกมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นของคาวและหวานเริ่มต้นกับ Sangria กันก่อน เรามาทำความรู้จักกันสักนิดเจ้า Sangria เนี่ย เป็นเครื่องดื่มสไตล์ไวน์พั้นซ์ หรือ cocktail ก็ว่าได้ครับเพราะผสมอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นตัวหลักคือไวน์แดง จากนั้นก็จะเป็นผลไม้ น้ำผลไม้ อบเชยแท่ง โป๊ยกั๊ก รวมถึงบางสูตร ยังใส่ไวน์ขาว ยันว๊อดก้าและบรั่นดีกันเลยทีเดียว แต่สำหรับวันนี้ที่ได้ลองเป็น Sangria สูตรเบา ๆ ครับ ด้วยส่วนผสมหลักคิอไวน์แดง ว๊อดก้าน้ำผลไม้ ผลไม้ อบเชยและโป๊ยกั๊ก ก็อร่อย ๆ หวาน ๆ สาว ๆ น่าจะชื่นชอบกันผ่านด่านเครื่องดื่มมาแล้ว เข้าสู่อาหารกันเลยครับจานแรกนี้ เป็นจานเด็ดที่เชฟเชม่า ลงทุนผัด/อบกระทะใหญ่มาก ๆโชว์กันบริเวณหน้าห้องอาหารเลย กับ Paella (ปาเอย่า)ข้าวผัด/อบ แบบสเปนสีเหลือง ผัดกับเครื่องเทศและหญ้าฝรั่นพร้อมใส่เนื้อสัตว์นานาชนิด ที่ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารทะเลครับเชฟเชม่า เลือกใส่เนื้อไก่ กุ้ง ปลาหมึกและหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ รสชาติหอมอร่อย สัมผัสแฉะ ๆ คล้าย ๆ รีซ็อตโต้ในอาหารอิตาเลียนแต่รสชาติและกลิ่นไปคนละแนวกันครับ เป็นอาหารที่ว่าใครไปสเปนหรือไปร้านอาหารสเปนแล้วไม่สั่งถือว่ามาไม่ถึงสเปนคล้าย ๆ กับมาประเทศไทยแล้วไม่ได้รอยยิ้มกลับไป เอ้ยย ไม่ได้กินต้มยำกุ้งครับต่อมากับ Tapas ทั้งหลายเริ่มจาก Jamon Serrano หรือแฮมดิบของสเปนแบบที่หมักเกลือทะเลสักระยะแล้วล้างออกผึ่งไว้ให้แห้งประมาณ 1-2 เดือน แล้วจึงนำมาขายหรือปรุงอาหารเชฟเอามา กินกับเนื้อแตงโมเหลือฝานใส่ไว้ในแก้วช็อตอารมณ์ก็คล้าย ๆ กับกิน พาร์ม่าแฮมกับเมลอน แต่จะได้รสที่แตกต่างออกไปนิดหน่อยและยังเอามาลงเป็น Cold Cutsร่วมกับไส้กรอก Chorizo ที่คล้ายกุนเชียงดิบบ้านเราครับแต่มีรสจัดกว่าเยอะและ Morcilla ไส้กรอกเลือดแบบสเปน ที่เป็นที่นิยมในประเทศสเปนเช่นกันรสชาติดีทั้ง 3 ตัวเลยครับต่อกันที่ กุ้งผัดกระเทียมและพริกแห้ง Gambasกุ้งผัดหอม ๆ กินกับกระเทียมและเครื่องเทศที่ปรุงมาอร่อยครับTomates Rellenos มะเขือเทศยัดไส้เปิดหัวมะเขือเทศออกแล้วยัดไส้ครับ ตัวนี้ผมจับรสชาติไม่ได้ว่าไส้ด้านในเป็นอะไร จะผ่าดูก็เกรงใจ เพราะมืดมองยากครับแต่โดยรวมสดชื่นรสมะเขือเทศและไส้ด้านในดีครับPotato Bravas มันฝรั่งตัดครึ่งแล้วคว้าน นำไปทอดวางด้วยซอส aioli ที่มีส่วนผสมของน้ำมันมะกอก ไข่และกระเทียมรสชาติดี เค็มมัน เคี้ยวเพลินครับHam Croquette แฮมหุ้มมันฝรั่งบดชุดเกล็ดขนมปังทอดกินกับซอสทาร์ทา ชิ้นนี้ต้องระวังร้อนลวกปากเลยครับSea bass Tempura ก็ตามชื่อครับ เทมปุระปลากะพงผมยังแอบบงงว่าอาหารสเปนมีเทมปุระด้วยเชฟคงนำมาฟิวชั่นล่ะครับ ก็กรอบนอกนุ่มใน ไม่คาวMontadito de chipirones ปลาหมึกชุบแป้งทอดบนขนมปังกรอบมีซอสมายองเนสมาให้จิ้มตัดรสชาติครับ ส่วนตัวว่ากรอบทั้งปลาหมึก ทั้งขนมปัง เลยคิดว่ามันกรอบไปครับMini Wagyu Burger มินิแฮมเบอเกอร์เนื้อวากิวเนื้อหอมอร่อยดี ระดับมีเดียมฉุ่มช่ำ เนื้อขนมปังก็เข้ากันได้ดีกับเนื้อวากิวและซอสสมุนไพรที่ราดมาด้านบนผมซ้ำหลายรอบมากครับเมนูนี้ จบของคาว ต่อด้วยของหวานChurro ปลาท่องโก๋สเปนโรยน้ำตาล แล้วจะราดหรือจุ่มช็อคโกแล็ตก็อร่อย ผมจัดการรบกวนเชฟเชม่าราดมาให้ ฉ่ำเลย อร่อยดีครับCreme brulee จานใหญ่สะใจคนชอบของหวานแต่ผมไม่ถนัดชิมนิด ๆ หน่อย ๆ ก็หอมอร่อยดี หวานด้วยผมปิดท้ายด้วยไวน์แดงที่นำมาทำ Sangria เพราะดื่มไปดื่มมากลับมาสู่สามัญดีกว่าครับตามด้วยกาแฟร้อนอีกสักแก้วเรียบร้อยเลยก็ต้องขอขอบคุณ Openrice Thailand ที่จัด Openrice Party ครั้งที่ 42ที่ห้องอาหาร Tapas Y Vino โรงแรม Pullman Bangkok Grande Sukhumvitทำให้ผมได้เปิดหูเปิดตากับอาหารสเปน ที่แทบจะไม่มีโอกาสจะหาชิมในกรุงเทพฯ ได้สักเท่าไหร่ เพราะความที่ยังไม่ค่อยแพร่หลายครั้งนี้ที่ได้ชิมลิ้มรส เลยติดใจหลายเมนูอยู่เหมือนกันครับถ้ามีโอกาสอีก จะไปซ้ำแน่นอนครับสนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสำรองโต๊ะได้ที่โทร : 0-2204-4000e-mail : rsvn@pullmanbangkokgrandesukumvit.comfacebook : Tapas Y Vinoขอให้อิ่มอร่อยกับอาหารสเปนสไตล์ Tapas พร้อม Sangria อร่อย ๆ นะครับ
繼續閱讀
เมื่อนึกถึงสเปน...ประเทศที่ร่ำรวยไปด้วยศิลปวัฒนธรรมอันมีเอกลักษณ์อย่างน่าหลงใหลนี้ ..หลายๆคนก็คงจะนึกถึงภาพของนักระบำ Flamenco - นักสู้วัวกระทิง – การเต้นรำ Pasodoble - พระราชวัง Alhambra ซึ่งเป็นมรดกโลก – โบสถ์ Sagrada Familia ของ Antonio Gaudi ใน Barcelona - อุปรากรเรื่อง Carmen และ Man of La Mancha…ฯลฯ ...แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเสน่ห์ของแดนกระทิงดุที่เราสัมผัสได้จากทริปเที่ยวสเปนเมื่อหลายปีก่อนนั้นก็คืออาหารและวัฒนธรรมการกิน-ดื่มของชาวสเปนนี่เองค่ะ ในครั้งนี้ที่ OpenRice ได้ให้โอกาสเราไปร่วม OpenRice Party ครั้งที่ 42 ที่ Tapas Y Vino (ทาปาส อี วีโน่) ซึ่งเป็นห้องอาหารสเปนของโรงแรม Pullman Bangkok Grande Sukhumvit สำหรับเราแล้วจึงเป็นเสมือนการได้ย้อนรำลึกถึงความทรงจำดีๆของทริปที่แสนประทับใจอีกครั้งหนึ่งเลยล่ะ***-เกี่ยวกับ Tapas -***หลายคนคงทราบดีอยู่แล้วว่า Tapas นั้นก็คืออาหารจานเล็กจานน้อยที่เอาไว้ทานกรุบกริบแกล้มกับเครื่องดื่มในบาร์ บรรยากาศการกิน Tapas ในสเปนจึงเป็นการเน้นการพูดคุยและพบปะสังสรรค์กันแบบ casual สบายๆมากกว่าจะเป็นการทานอาหารแบบจริงจัง โดยบางทีก็จะเห็นคนถือเครื่องดื่มกับ Tapas เที่ยวเดินกินยืนกินคุยกับคนโน้นคนนี้ไปทั่วถือเป็นเรื่องปกติคำว่า Tapas นั้นมาจากภาษาสเปนคือ Tapar ซึ่งแปลว่า Lid หรือฝานั่นเอง ว่ากันว่าสมัยก่อนนั้น Tapas ก็คือแผ่นขนมปังหรือแฮมที่เอามาใช้วางปิดปากแก้วเหล้าเชอร์รี่เพื่อกันแมลงวันตอม จากนั้นก็มีการพัฒนาให้หลากหลายมากขึ้นเป็นอาหารจานเล็กๆที่มีทั้ง hot dish และ cold dish ซึ่งหลายๆเมนูก็มาจากอาหารจานหลักนั่นแหละ เพียงแต่มาทำในรูปแบบกะทัดรัดพอดีคำ สามารถเอาจานวางปิดแก้วเหล้าถือเดินไปคุยกับคนโน้นคนนี้ได้สะดวก บางทีเมื่อทานแล้วติดใจก็สามารถสั่งแบบจานใหญ่ๆมาทานเป็น main dish หรือเอามานั่งแชร์กันทานในกลุ่มไปเลยก็ได้ค่ะว่ากันว่าในบางภูมิภาคของสเปนเช่น Andalucia นั้น เมื่อสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่บาร์ก็จะมี tapas ให้ทานได้ฟรีด้วย แต่ถ้าใครสั่งน้ำเปล่าก็ต้องจ่ายค่า tapas คิดราคาเป็นชิ้นๆไป ปัจจุบันนี้ไม่แน่ใจว่ายังมีร้านที่ยังยึดถือปฏิบัติแบบนี้สักกี่ร้าน เพราะโดยมากก็มักจะคิดเงินค่า tapas กันหมดแล้ว ยังไงถ้าใครได้มีโอกาสไปเที่ยว ก่อนเข้าร้านจะลองถามดูก่อนก็ดีค่ะ***-เมนูที่ได้ลอง-***กับการมาทาน Tapas Buffet ครั้งนี้ได้ทางโรงแรมได้แนะนำเชฟชาวสเปนคนใหม่คือเชฟ Juan Maria Marrero Ortego ค่ะ โดยตลอดการทานอาหารมื้อนี้ก็จะได้เห็นเชฟออกมาดูแลการทำอาหารทุกขั้นตอน รวมทั้งมาทำ Paella ให้ทานกันสดๆกับมือเองเลยด้วยนะ เมนูที่ได้ลองก็ตามนี้เลยค่ะSangria … cocktail สีแดงที่ชื่อมีความหมายแปลได้ว่า Blood นี้เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของสเปนที่มีส่วนผสมของไวน์แดง บรั่นดี และผลไม้ต่างๆ รวมกันอยู่ แต่ไหนแต่ไรมา Sangria จะเป็น cocktail ตัวโปรดตัวเดียวที่คนไม่ชอบดื่มแอลกอฮอล์อย่างเราชิมแล้วรู้สึกอร่อย ดื่มได้ไม่ขมไม่เฝื่อน ซึ่งอันนี้เป็นความชอบในรสชาติล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับเรื่อง Alcohol content นะคะ (แอบเห็นตอนผสมแล้ว เทไวน์-เทบรั่นดีกันทีละเป็นขวดๆ แน่ะ) ...สำหรับ Sangria ของที่นี่นั้นเราว่าอร่อยถูกใจที่สุดตั้งแต่เคยได้ลองมาก็ว่าได้ แต่ถ้าคนที่ดื่มแอลกอฮอล์อยู่บ่อยๆเป็นปกติก็อาจจะบ่นว่าหวานไปได้นะ● Wagu Burger – หรือก็คือ Wagyu Burger เวอร์ชั่นภาษาสเปนนี่เอง ทำมาเป็นไซส์มินิขนาดประมาณ 2 คำสมกับจะให้เป็น Tapas เมนูนี้ขอสารภาพว่าอดชิมเนื่องจากเราไม่ทานเนื้อวัว แต่ถามคนที่ได้ลองเห็นบอกว่าเนื้อวากิวนุ่มอร่อยดี แต่ขนมปังเบอร์เกอร์นั้นกรอบแข็งเกินไปน่ะค่ะ● Ham Croquette – เปิดฉากมื้อนี้ของเราด้วย Croquette ไส้แฮมที่ทอดมากรอบนอกนุ่มในไม่อมน้ำมัน จัดว่าใช้ได้อยู่ค่ะ ทานได้เพลินๆ แต่ไม่ถึงกับโดดเด่นนะ● Sea bass Fritters – ปลากะพงชุบแป้งทอดจิ้มทาร์ทาร์ซอส รสชาติกลางๆตามมาตรฐานทั่วไปค่ะ● Montadito de Chipirones (Baby Squid Montadito) – เมนูนี้ก็คือ calamari เวอร์ชั่นสเปนที่มีการปรุงรสด้วยการโรยผง paprika ให้รู้สึกซู่ซ่าฉุนเครื่องเทศขึ้นอีกนิด มีทั้งแบบให้ทานเปล่าๆและแบบที่วางมาบนแผ่นขนมปังคล้าย canapé ซึ่งเราว่าทานแบบเปล่าๆฟินกว่าจ้ะ● Tomates Rellenos (Cherry Tomatoes Stuffed) – สิ่งหนึ่งที่จำได้จากทริปเยือนสเปนของตัวเองก็คือมะเขือเทศที่โน่นทั้งสด ทั้งเต่ง มาพร้อมกับความหวานกรอบชนิดที่กัดดังกร๊อบ แตกต่างจากมะเขือเทศของบ้านเราอย่างชัดเจน ซึ่งก็เลยทำให้อาหารที่มีมะเขือเทศเป็นส่วนประกอบของเค้าอร่อยไปซะหมดทุกอย่าง ....เป็นความอร่อยที่เกิดจากคุณภาพของวัตถุดิบตามธรรมชาติล้วนๆแบบที่เครื่องปรุงใดๆก็ทดแทนไม่ได้น่ะค่ะ ดังนั้นการปรุงอาหารเมนูที่ต้องใช้มะเขือเทศจึงกลายเป็นโจทย์ยากสุดหินสำหรับบรรดาเชฟสเปนพลัดถิ่นไปโดยปริยาย ..กับเมนูมะเขือเทศยัดไส้จานนี้เชฟเลือกใช้มะเขือเทศราชินีลูกเล็กของบ้านเรา ยัดไส้ที่มีรสค่อนข้างเค็มจัด ท็อปด้วยแฮมชิ้นจิ๋วซึ่งก็เค็มอีก คงเพื่อจะให้ตัดกับรสเปรี้ยวของมะเขือเทศ แต่เลยกลายเป็นรสชาติจัดจ้านเกินพอดีไป ไม่ค่อยกลมกล่อมน่ะค่ะ ● Patatas Bravas (Potato Bravas) – เป็นเมนู Tapas ที่พบได้ทั่วไปในสเปน โดยทั่วไปจะเห็นเป็นมันฝรั่งทอดหั่นชิ้นหนาๆกองๆใส่จาน จิ้มซอส Aioli ซึ่งเป็นซอสของอาหารสเปนที่มีลักษณะคล้ายมายองเนสแต่มีการปรุงรสด้วยกระเทียมบดและใช้น้ำมันมะกอกแทนน้ำมัน Canola ...พูดง่ายๆคือทำให้รู้สึกมีรสมีชาติขึ้น และเลี่ยนน้อยกว่ามายองเนสนั่นเองค่ะ ..สำหรับ Patatas Bravas ของที่นี่นั้นเนื่องจากเป็นห้องอาหารค่อนข้างหรูในโรงแรม เมนูที่ดูง่ายๆนี้เลยถูกยกระดับให้มี presentation ที่สวยงามน่าลิ้มลองดูประณีตยิ่งขึ้น คือใช้มันฝรั่งหัวเล็ก ผ่าครึ่งได้ขนาดพอดีคำ คว้านตรงกลางเพื่อหยอดใส่ซอส Aioli แล้วโรยหน้าด้วยผง paprika เพิ่มกลิ่นหอมของพริกที่ไม่ทำให้เผ็ดจนเสียรส อร่อยถูกใจมากๆเลยล่ะ (แอบหยิบซ้ำรัวๆ)● Cold Cuts – เท่าที่เห็นมี Jamón Serrano หรือ Serrano Ham ซึ่งนอกจากจะแล่วางมาบนถาดแล้วยังโชว์ขาหมูแฮมไว้ให้เห็นทั้งขา - และ Chorizo ซึ่งเป็นไส้กรอกปรุงรสชนิดหนึ่งที่ขึ้นชื่อของสเปน ในระดับบุฟเฟต์แล้วก็ต้องถือว่าเป็น Cold Cuts ที่คุณภาพดีใช้ได้ทีเดียว ชอบค่ะ แต่สำหรับคนที่อยากมาลอง cured ham ตัวท็อปของสเปนอย่าง Jamón ibérico ที่จัดเป็นหนึ่งในแฮมชนิดที่คุณภาพดีที่สุด (และก็แพงที่สุดด้วย) ของโลกล่ะก็ อาจจะมีให้สั่งในเมนู A la carte นะคะ เพราะแอบเห็นมีขาหมูกีบดำตั้งแอบๆอยู่มุมนึงด้วยล่ะ ถ้าสนใจคงต้องลองถามดู แต่แน่นอนว่าไม่มีในบุฟเฟต์ค่ะ● Chupitode Melon con Jamon Serrano ( Serrano Ham and Watermelon Shot) – Serrano Ham ตัวเดียวกับในมุม Cold Cuts เอามาจัดใส่ถ้วยให้ทานพร้อมกับแตงโมเหลืองฝานบางๆ เข้ากันดีใช้ได้เหมือนกันนะ● Gambas – เมนูนี้เป็นอาหารประจำถิ่นของภูมิภาค Catalonia ทางตอนเหนือของสเปน มีชื่อเต็มๆว่า Gambas al Ajillo หรือที่แปลว่า Garlic Shrimp นั่นเองค่ะ ของที่นี่ใช้กุ้งตัวอวบผัดกับน้ำมันมะกอก ปรุงกลิ่นรสด้วย parsley จัดวางเป็นคำๆสวยงาม เสิร์ฟแบบมีชิ้นกระเทียมฝานท็อปมาด้านบน อร่อยทานเพลินใช้ได้เลย● Paella – ปาเอญ่า เมนูอาหารสเปนยอดฮิตที่เราเรียกกันว่าข้าวผัดสเปนนี้ อันที่จริงถ้าจะว่ากันด้วยกรรมวิธีการปรุงแล้ว ต้องจัดว่าเป็น “สตูว์” แบบหนึ่งค่ะ เพราะแม้เวลาเสิร์ฟใส่จานมาจะหน้าตาคล้ายข้าวผัด แต่ขั้นตอนการทำไม่ได้มีการผัดใดๆทั้งสิ้น แต่เป็นการหุงเคี่ยวข้าวร่วมกับเนื้อสัตว์ต่างๆ (ที่นิยมก็มักจะเป็นพวกอาหารทะเลค่ะ) ในกระทะใบโต ซึ่งเชฟก็ได้มาทำโชว์ให้ดูกันสดๆตั้งแต่ยังเหลวๆเคี่ยวเดือดปุดๆ จนสุกแห้งหมาดๆ มีความแฉะเล็กน้อย ..สำหรับที่ได้ชิมนี้จะเป็น Paella ที่ใส่กุ้ง ปลาหมึก หอยแมลงภู่ และเนื้อไก่ ปกติแล้ว Paella นั้นไม่ใช่ของโปรดของเรา ตอนไปลองที่สเปนก็ไม่ได้รู้สึกว่าอร่อย (อาจเพราะเป็นมื้อที่ทัวร์จัดให้ ซึ่งก็คงไม่ใช่เจ้าเด็ดของที่โน่นมั้งนะ) แต่พอมาลองของที่นี่ ..แม้จะยังไม่ถึงกับชอบมากจนติดอกติดใจ แต่ก็รู้สึกว่าอร่อยกว่าที่ไปลองมาถึงถิ่นที่โน่นซะอีกแน่ะ คือสัมผัสของเมล็ดข้าวนั้นนุ่มนวลกว่า รสชาติก็กลมกล่อมดี ค่อนข้างถูกจริตลิ้นคนไทยอย่างเราดีค่ะ● Churros – ทำออกมาได้กรอบนอกนุ่มใน แป้งพรุนเนื้อฉ่ำกำลังดี ทอดมาร้อนๆไม่อมน้ำมัน โรยน้ำตาลกับผง cinnamon เล็กน้อย ทานกับซอสช็อคโกแลตที่ราดมาอร่อยที่สุด ดีงามมากๆค่ะ● Crema Catalana (Catalan Cream) – ขนมชนิดนี้ที่จริงแล้วก็คือ Crème brûlée นี่เองค่ะ แต่ที่สเปนจะเรียกกันว่า Crema Catalana ..โดยทั่วไปแล้วเวอร์ชั่นของสเปนนั้นจะแตกต่างกับของฝรั่งเศสเล็กน้อยตรงที่มักมีการปรุงรสด้วยกลิ่นของผิวส้มและ Cinnamon (ของฝรั่งเศสมักแต่งกลิ่นด้วยวานิลลา) และมักจะเสิร์ฟใน cazuela mold ซึ่งเป็นจานแบนๆบางๆ ทำให้ได้ชั้นของครีมคัสตาร์ดนุ่มๆด้านในที่บางกว่าของทางฝรั่งเศสที่มักใช้ถ้วย ramekin ซึ่งมีขนาดเล็กแต่มีความสูงมากกว่า สำหรับเราแล้วชอบรสชาติแบบของสเปนเพราะกลิ่นผิวส้มกับ Cinnamon นั้นทำให้รู้สึกสดชื่น ชั้นของครีมคัสตาร์ดที่บางกว่าก็ทำให้ได้รสชาติของผิวด้านบนที่เป็นแผ่นน้ำตาลไหม้กรอบๆหอมๆชัดเจนขึ้น ...ของที่ Tapas Y Vino นี้บอกได้เลยว่าทำออกมาถูกต้องตรงเป๊ะตามตำรับของสเปนทุกอย่าง เนื้อครีมคัสตาร์ดด้านในนุ่มนวล แผ่นน้ำตาลไหม้ที่เคลือบผิวก็หอมกำลังดี ตัดกับความเปรี้ยวที่สดชื่นของลูกสตรอเบอร์รี่สดที่ท็อปมาด้านบน รสชาตินี่คือสุดแสนจะเพอร์เฟ็คถูกใจไร้ที่ติ หอมกลิ่นผิวส้มอ่อนๆกำลังดีปนกลิ่นอบเชยบางๆจากแท่ง cinnamon ที่วางมาให้ ..อร่อยมากกก...(กอไก่ล้านตัว) ..ปลื้มปริ่มน้ำตาจิไหล...● Hot Coffee – สั่งกาแฟดำร้อนๆมาปิดท้ายมื้อนี้กันซะหน่อย ในเมื่อเป็นร้านอาหารสเปนก็เลยต้องใช้เมล็ดกาแฟแบรนด์ของสเปน คือ Catunambu ค่ะ ชงมาหน้าตาดูจะเข้มข้น แต่ชิมจริงๆแล้วยังไม่หอมแรงเท่ากาแฟอิตาเลียน เลยจิบได้แบบเพลินๆ กลิ่นรสเป็นแบบ nutty นิดๆ ไม่เปรี้ยว และไม่เข้มมาก***- ข้อมูลพื้นฐาน-***ห้องอาหาร Tapas Y Vino เปิดให้บริการเฉพาะในช่วงมื้อเย็นเท่านั้นค่ะ ซึ่งนอกจากจะมีอาหารจานเล็กจานน้อยจำพวก Tapas หลากชนิดและไวน์นำเข้าจากสเปนแล้ว ยังมีอาหารสัญชาติสเปนจำพวกอื่นๆ ทั้งจานหลัก ของหวาน ชา-กาแฟให้ได้เลือกสั่งมาลิ้มลองกันด้วย โดยสามารถเลือกสั่งอาหารได้ในรูปแบบต่างๆตามนี้เลย...● A la carte – สั่งอาหารแยกเป็นจานๆตามเมนูในเล่ม แน่นอนว่าข้อดีคือมีตัวเลือกของอาหารให้สั่งได้มากกว่า เหมาะสำหรับคนที่อยากมาลิ้มลองอาหารสเปนแบบจริงจังหลากหลายโดยไม่ได้จำกัดอยู่กับแค่ Tapas เท่านั้น สำหรับเมนู A la carte นี้จะให้บริการตั้งแต่ 18.00 – 23.00 น. (Last order 22.30 น.) ค่ะ● Tapas Fiesta – สำหรับคนที่ชื่นชอบ Tapas แต่ไม่อยากจัดมื้อใหญ่แบบบุฟเฟต์ สามารถสั่ง Tapas เดี่ยวๆได้ในราคาจานละ 120++ บาทค่ะ นอกจากนี้ยังสามารถสั่งเป็นเซ็ทได้ โดยในเซ็ทเราสามารถเลือก Tapas ได้ 5 ชนิด เสิร์ฟมาพร้อมเครื่องดื่มซึ่งเลือกได้ระหว่างไวน์ 1 ขวด หรือ Sangria 1 เหยือก ราคาเซ็ทละ 990++ บาท ชุดเซ็ทแบบนี้จะให้บริการตั้งแต่ 18.00 – 21.00 ค่ะ● Free Flow Wine and Tapas Buffet (ราคาคนละ 1,200++ บาท) – แต่เดิมนั้นบางคนอาจจะเคยทราบมาว่าที่นี่จะมีบุฟเฟต์ Tapas ทุกวันศุกร์ แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็นมีบุฟเฟต์ให้บริการทุกคืนตั้งแต่ 18.00 – 21.00 น.ค่ะ สะดวกจะไปคืนไหนก็โทร.จองกันได้เลย โดยเครื่องดื่มจะเป็น House Wine (มีทั้งไวน์แดงและไวน์ขาว) และ Soft Drinks ส่วนอาหารในบุฟเฟต์นั้นก็จะเป็น Tapas หลากชนิดที่เชฟคัดเลือกมาจากในเมนู A la carte เอามาจัดวางบนเคาน์เตอร์ให้เลือกหยิบได้ตามใจชอบ แต่จะไม่รวมไปถึงอาหารจานหลัก ดังนั้นตามปกติแล้วในไลน์บุฟเฟต์ก็จะไม่มี Paella หรือข้าวผัดสเปนรวมอยู่ ถ้าอยากลองคงต้องสั่งเพิ่มเป็น a la carte เอา ยกเว้นแต่ว่าถ้าจองบุฟเฟต์ไปเป็นกลุ่มใหญ่มากๆแบบแทบจะเหมาทั้งห้อง (เหมือนกับที่เราไปกันในครั้งนี้) ก็จะสามารถ request ขอให้เชฟทำ Paella แถมให้เป็นกรณีพิเศษได้ค่ะ***-ทำเลที่ตั้ง / การเดินทาง-***ห้องอาหาร Tapas Y Vino นี้ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของโรงแรม Pullman Bangkok Grande Sukhumvit ค่ะ ตัวโรงแรมอยู่บนถนนอโศกตรงข้ามกับสยามสมาคม สามารถเดินทางไปได้โดยรถไฟฟ้าทั้ง BTS (ออกที่สถานีอโศก) และ MRT (ออกที่สถานีสุขุมวิท) นะคะ***-บรรยากาศ-***แม้ว่าตามหลักแล้วการทาน Tapas จะมีบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ง่ายๆ สบายๆ เฮฮา ..แต่เนื่องจากที่ Tapas Y Vino นี้อยู่ในโรงแรมกลางย่านธุรกิจ บรรยากาศก็เลยดูโก้หรูอยู่พอสมควร โดยมีทั้งส่วนที่เป็นห้องส่วนตัวสำหรับแขกวีไอพีที่ไปกันหลายคน ตกแต่งหรูหราด้วยโซฟาทรงสูงสีแดง และโต๊ะที่นั่งด้านนอกบริเวณใกล้เคาน์เตอร์เตรียมอาหารและชั้นเก็บไวน์ซึ่งสามารถนั่งดูบรรดาเชฟปรุงอาหารกันแบบ Live Cooking ได้เลย พื้นที่ของห้องอาหารนี้ดูแล้วไม่ใหญ่นัก ตกแต่งโดยรอบด้วยรูปภาพและของประดับที่สื่อถึงความเป็นสเปนอย่างชัดเจน เน้นสีแดงเป็นหลัก ดูแล้วจะไปเดทก็ได้ จะคุยธุรกิจก็ดี จะไปแฮงเอาท์ก็เหมาะนั่นล่ะค่ะอาหารสเปนนั้นแม้ว่าในบ้านเราจะยังไม่เป็นที่นิยมแพร่หลายมากนัก คือยังมีร้านอาหารแนวนี้อยู่เพียงไม่กี่ร้าน แต่ก็เป็นอาหารที่มีความหลากหลาย มีการใช้เครื่องปรุงและเครื่องเทศต่างๆค่อนข้างมาก จัดเป็นอาหารฝรั่งที่มีรสมีชาติและไม่ค่อยเลี่ยนซึ่งน่าจะถูกจริตคนไทยอย่างเราๆอยู่ไม่น้อย ฉะนั้นสำหรับคนที่อยากลองทานอาหารสเปนดูเพื่อเป็นประสบการณ์ หรือแม้แต่คนที่ชอบทานอาหารสเปนอยู่แต่ดั้งเดิมแล้ว ที่นี่ก็จัดว่าเป็นตัวเลือกหนึ่งที่เหมาะใจใช้ได้ทีเดียวค่ะ ถ้ามีโอกาสก็มาลองจัดกันดูได้นะคะ
繼續閱讀
สำหรับวันนี้ก็จะพาไปเปิดประสบการณ์ใหม่ (ของเจ้าของบล็อกเอง ฮา) กับอาหารสเปนกันบ้างนะคะ เป็นการได้รับเชิญไปในฐานะบล็อกเกอร์ ร่วมกับน้องอ้นและน้องชื่น (เป็นเซ็ตเดียวกันที่เค้าจะเชิญไปตลอดสิน่ะ) ในงาน Openrice Party ครั้งที่ 42 ณ ห้องอาหาร Tapas Y Vino (ทาปาส อี วีโน - ภาษาสเปน แปลว่า ทาปาส และ ไวน์ค่ะ) ที่โรงแรมพูลแมน แบงค็อค แกรนด์ สุขุมวิท กันนะคะพิกัดของโรงแรม ถ้าวิ่งไปจากทางถนนเพชรบุรี วิ่งเส้นอโศกที่จะชนกับสุขุมวิท ก่อนจะถึงสุขุมวิท รร.จะอยู่ทางซ้ายมือค่ะ แผนที่เล็กหน่อยนะคะ หาได้เท่านี้ง่ะวันนั้นเราเอารถไปค่ะ ก็เอารถไปจอดที่อาคารจอดรถนะคะ แล้วก็นำบัตรมาประทับตราค่ะ จอดเสร็จก็ลงลิฟท์มาที่ชั้น G ก่อน พอออกจากลิฟท์ก็เลี้ยวซ้ายไป เพื่อเดินทะลุข้ามถนนเล็กๆ ระหว่างอาคารรร.กับอาคารจอดรถไปที่ตัวรร.ค่ะจากนั้นเราก็เดินเลยลิฟท์ที่จะขึ้นห้องอาหารไปเก็บภาพที่ล็อบบี้ก่อนค่ะ สวยแปลกตาดีหันหน้าเข้าเคาน์เตอร์รีเซพชั่น จะเห็นช่องว่างด้านหลังนะคะ นั่นแหละค่ะ ทางที่จะเข้าไปยังลิฟท์ค่ะ เข้าไปด้านหลัง ลิฟท์จะอยู่ทางขวามือนะคะออกจากลิฟท์ไปก็เลี้ยวไปทางขวาค่ะ จะเจอเคาน์เตอร์ติดต่อตามภาพ ซึ่งชั้นนี้จะมีอีกห้องอาหารด้วยนะคะหันหน้าเข้าเคาน์เตอร์ เลี้ยวขวาก็จะเป็นส่วนของห้องอาหาร Tapas Y Vino แล้วค่ะ ภาพนี้คือที่นั่งโซนด้านนอกนะคะหลังจากลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าไปในห้องอาหารค่ะ จะมีชุดโซฟาต้อนรับอยู่ตามภาพเลย พร้อมภาพที่ติดที่ผนังที่ให้ความรู้สึกสเป๊น สเปนอ้ะหันไปทางขวามือ ก็จะเป็นที่นั่งและครัวเปิดสำหรับประกอบอาหารและทาปาสต่างๆ ตามภาพนะคะ แต่โดยปกติโต๊ะเค้าจะแยกๆ กันมากกว่านี้นะคะ อันนี้จัดให้คณะสื่อมวลชนและโอเพิ่นไรเซอร์โดยเฉพาะค่ะด้านในสุดของห้องจะเป็นโต๊ะกึ่งๆ ส่วนตัวค่ะ ตรงนี้จัดไว้ให้สื่อฯ ที่ทางรร.เชิญมาโดยเฉพาะนะคะมาดูกันดีกว่าว่าวันนั้นมีอะไรให้เรากินกันบ้างนะคะ อิอิSurrano Ham and watermelon shot ค่ะcold cut ต่างๆระหว่างเก็บรูป เชฟก็เริ่มลงมือทำอาหารจานพิเศษแบบร้อนๆ ให้รับประทานกันค่ะ กับเมนู Paella ปาเอญ่า หรือข้าวผัดสเปนนั่นเองค่ะก็เลยไปหาข้อมูลเรื่องอาหารเมนูนี้มาให้ ได้มาจากวิกิพีเดียดังนี้นะคะปาเอยา (สเปน: paella) หรือ ปาเอ็ลยาดาร์ร็อส (คาตาลัน: paella d'arròs) เป็นชื่อเรียกอาหารประจำชาติอย่างหนึ่งของประเทศสเปน มีส่วนประกอบหลักที่สำคัญคือข้าวซึ่งนำไปหุง (มิใช่ผัด) กับเนื้อสัตว์และเครื่องเทศด้วยน้ำสต็อกในกระทะแบนใหญ่ ต้นกำเนิดของปาเอยานั้นมาจากแคว้นบาเลนเซียซึ่งเป็นแหล่งผลิตข้าวอันดับต้น ๆ ของประเทศสเปน อาหารจานนี้เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความเรียบง่ายทางขนบธรรมเนียมและประวัติศาสตร์ของแคว้นบาเลนเซียได้เป็นอย่างดีความมีชื่อเสียงและแพร่หลายของปาเอยานั้นมาจากการที่สามารถดัดแปลงใช้วัตถุดิบที่หาได้ตามแต่ละท้องถิ่นสร้างปาเอยาที่มีลักษณะเฉพาะของแต่ละแคว้นขึ้นมาได้โดยง่าย ยกตัวอย่างเช่น แคว้นกาลิเซียซึ่งมีที่ตั้งอยู่ติดกับทะเล สามารถใช้อาหารทะเล เช่น กุ้ง หอย ปลา หรือปลาหมึก เป็นส่วนประกอบหลักทำปาเอยาทะเล ในขณะที่บางแคว้นที่อยู่ตอนในของประเทศ เช่น แคว้นคาสตีลและเลออน สามารถใช้เนื้อหมูหรือเนื้อไก่ซึ่งสามารถหาได้ง่ายกว่ามาใช้เป็นส่วนประกอบหลักในแคว้นบาเลนเซีย พื้นที่ที่เชื่อกันว่าเป็นแหล่งกำเนิดของอาหารจานนี้คือบริเวณทะเลสาบอัลบูเฟรา (Albufera) ทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศสเปน มีที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองบาเลนเซีย นอกจากนี้ลักษณะทางภูมิศาสตร์ก็เอื้ออำนวยต่อการใช้วัตถุดิบอื่น ๆ ในการทำปาเอยาเช่นดียวกัน สำหรับปาเอยาสูตรต้นตำรับนั้น ในหนังสือของดีโอนีซีโอ เปเรซ (Dionisio Pérez) นักเขียนและนักหนังสือพิมพ์ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอาหารสเปน กล่าวว่า วัตถุดิบที่รวมอยู่ด้วยได้แก่ ปลาไหล หอยทาก และถั่วเขียว อุปกรณ์ที่ใช้คือ หม้อก้นโค้งที่มีฝาปิดได้และใช้ความร้อนจากไฟที่เกิดจากการก่อฟืนในสมัยแรก ๆ นั้นปาเอยาเป็นเพียงอาหารที่ใช้เรียกผู้คนเข้ามาร่วมเฉลิมฉลองในเทศกาลต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ได้มีการจัดงานเทศกาลการเฉลิมฉลองสำหรับปาเอยาโดยเฉพาะ หนึ่งในงานที่มีชื่อเสียงมากจัดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1961 ซึ่งมีการแข่งขันทำปาเอยานานาชาติในเมืองซวยกา (Sueca) แคว้นบาเลนเซีย จากงานนี้ได้ก่อให้เกิดธรรมเนียมปฏิบัติที่พบเห็นได้ทั่วไปตามเทศกาลต่าง ๆ ในแต่ละเมืองของแคว้นบาเลนเซียในปัจจุบัน โดยจะมีการใช้กระทะขนาดใหญ่และก่อไฟจากฟืนเพื่อทำ "ปาเอยายักษ์" แจกให้กับผู้ที่มาร่วมงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ การทำปาเอยาในลักษณะนี้มีชื่อเรียกเหมือนกันในทุกเมืองว่า "Paelles al Carrer"โฉมหน้าของเชฟ Juan Maria Marrero Ortego ซึ่งมาจาก Las Palmas สเปนค่ะเชฟบอกว่า ต้องใช้เวลาในการทำ 40 นาทีค่ะ ใช้ไฟอ่อนๆ ในการทำนะคะคลิปสำหรับการทำเมนูนี้ตั้งแต่แรกจนจบค่ะระหว่างที่เชฟทำอาหารไป เราก็หันกลับไปเก็บภาพทาปาสอื่นๆ ต่อค่ะ เมนูต่อไปCherry tomatoes stuffed ค่ะอาหารทยอยมา แต่ Sangria (แซงเกรีย) เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ แฮ่...ก็เลยไปหาข้อมูลแซงเกรียมาเพิ่ม ได้มาจากลิงก์นี้ ดังนี้นะคะรู้จักไหม? Glühwein (อ่านว่า กลู-ไวน์) หรืออีกชื่อที่คุณอาจจะพอคุ้นหู คือ “แซงเกรีย”(sangria) นั่นเอง ทั้งแซงเกรียและGlühwein มีความเหมือน และความต่าง คล้ายพี่น้องท้องเดียวกันSangria wine Spainเพราะวันนี้จะขอแนะนำสูตรแซงเกรีย เลยอยากพูดถึงประวัติของเครื่องดื่มสัญชาติสเปนชนิดนี้สักหน่อย ถ้าคุณลองค้นหาบน Google จะพบว่า แซงเกรีย คือ ไวน์แดงชนิดหนึ่งจากเสปน…จุดเริ่มต้นของเครื่องดื่มชนิดนี้ มีมาตั้งแต่สมัยโรมัน โดยชาวโรมันที่ออกท่องเที่ยวในยุโรปยุคนั้น ได้เข้ามาบุกรุกในเขตคาบสมุทรไอบีเรีย และนำวัฒนธรรมต่างๆของพวกเขาเข้ามายังดินแดนแห่งนี้ และหนึ่งในวัฒนธรรมเหล่าคือ ไวน์! ชาวโรมันนำเถาองุ่นมาปลูก และทำไวน์ คนท้องถิ่นแห่งนี้ จึงรู้จักกับวัฒนธรรมการจิบไวน์ ประกอบกับน้ำดื่มในสมัยนั้น ยังไม่ค่อยสะอาดเท่าที่ควร พวกเขาจึงหันมาดื่มเครื่องดื่มที่ได้จากการหมักบ่ม อย่างไวน์ และเบียร์ เพราะมีความปลอดภัยมากกว่า แต่เนื่องจากไวน์ในยุคนั้น ยังมีคุณภาพไม่ดีนัก พวกเขาจึงใช้วิธีนำสมุนไพรต่างๆ และสารเพิ่มความหวานลงมาผสมร่วมด้วย เพื่อให้ไวน์มีรสชาตีน่ารับประทานยิ่งขึ้นตั้งแต่นั้นมา การบริโภคไวน์เริ่มเป็นที่แพร่หลายมากขึ้นในยุโรป ในช่วงยุคกลาง ไวน์ถูกเรียกว่า “hippocras” ต่อมาในช่วงยุค 1700 และ 1800 มันถูกเรียกว่า พันช์ (Punch) เมื่อหลายสิ่งหลายอย่างเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่ยุคโรมัน น้ำดื่มเริ่มมีความสะอาดปลอดภัยมากขึ้น คุณภาพไวน์เริ่มดีขึ้น แต่วัฒนธรรมเครื่องดื่ม Sangria Fruit Wine Romans Spain ประเภทแซงเกรียยังคงสืบทอดมาใน 2 ประเทศ คือ เยอรมัน และสเปน โดยในเยอรมันเครื่องดื่มชนิดนี้ถูกเรียกว่า Glühwein ในขณะที่สเปน ยังคงเรียกว่า Sangria โดยปรกติแล้ว Glühwein ทำขึ้นโดยการผสมสมุนไพร และเสิร์ฟในอุณหภูมิร้อน ในขณะที่แซงเกรียจะเน้นเสิร์ฟเย็น และผสมผลไม้เป็นหลัก จึงพูดได้ว่าเครื่องดื่มสองชนิดนี้ มีความเหมือนที่แตกต่าง ราวกับมาจากบรรพบุรุษคนละคนกันแต่หากถามว่า แซงเกรียมีสัญชาติสเปนจริงๆหรือไม่? คำตอบยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ แต่ที่แน่นอนคือ แซงเกรียที่ถูกทำออกมาดี มีฝีมือ จะมีรสชาติที่สดชื่นมาก เหมาะสำหรับจิบเรียกน้ำย่อยในช่วงหน้าร้อนได้อย่างดีเยี่ยม ถ้าเป็นไปได้ ควรทำเอง ดีกว่าออกไปซื้อแบบที่เป็นกล่องสำเร็จรูป สูตรแซงเกรียอร่อยๆน่าทาน ผมขอแนะนำ สูตรนี้ ทำง่ายๆ ใช้เวลาเล็กน้อย แต่อาจซับซ้อนตรงที่ต้องเอาผลไม้มาย่างก่อน เพื่อให้ได้แซงเกรียหอมๆ สูตรนี้เกือบคล้ายกับ Glühwein แต่ผสมสปาร์กลิ้งไวน์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความซาบซ่าให้กับวันร้อนๆของคุณกระชุ่มกระชวยยิ่งขึ้นได้อีกด้วย ลองดูครับ!ต่อไปกับอีกหนึ่งเมนูทาปาสค่ะกับ Mini Wagu BurgerBaby Squid Montadito ค่ะGambas ค่ะPotato Bravas ค่ะHam Croquette ค่ะมีการนำแฮมมาสไลด์ให้สดๆ ด้วยนะคะต่อไปเป็นเมนูปลากะพงค่ะ ป้ายเขียนแค่ Sea bass นะคะ แหะๆเชฟก็ยังทำปาเอญ่าต่อไปค่ะ ตกแต่งหน้าด้วยซีฟู้ดก่อนจะใช้ฟอยล์ปิดเพื่อจะอบค่ะหลังจากชมหมดแล้วก็ได้เวลามาลองกินกันแล้วค่ะอันดับแรกเลยกับแซงเกรีย...อ่า ต้องบอกก่อนว่านี่คือการดื่มแซงเกรีย (และกินอาหารสเปน) ครั้งแรกของเราค่ะเอาแบบตรงไปตรงมานะคะ แหะๆ รสชาติซับซ้อนแบบที่เรียกว่า..แปลกลิ้นเลยค่ะ เหมือนไวน์ ผสมน้ำผลไม้ ผสมยาดองน่ะค่ะ แหะๆส่วนนี่คืออาหารที่เราได้ชิมวันนั้นค่ะ ไม่ได้ตักมาครบทุกอย่างนะคะ แหะๆตัวนี้จะมีรสเค็มของแองโชวี่และมีรสเปรี้ยวของมะเขือเทศค่ะ รสมันเลยตัดกันโชะเชะมากๆ (แต่ของคนอื่นเค้าบอกว่ามะเขือเทศของเค้าไม่เปรี้ยวกันนะคะ)มินิวากิวเบอร์เกอร์ ตัวแป้งเบอร์เกอร์กรอบแข็งมากๆ ค่ะ (คือนึกว่ามันจะนิ่มเหมือนเบอร์เกอร์ทั่วไปง่ะ) เลยค่อนข้างคัลเจอร์ช็อคนิดหน่อย ส่วนเนื้อโอเคค่ะ ทำได้ไม่สุกเกิน ฉ่ำกำลังดีค่ะแต่จะเห็นว่าเค้ามีซอสที่น่าจะผสมเครื่องเทศบางชนิด (ไม่แน่ใจว่ายี่หร่าหรือเปล่านะคะ) ซึ่งทำให้กลิ่นของยี่หร่ามันกลบรสและกลิ่นของเนื้อวัวไปพอควรค่ะตัวนี้กรอบนอกนิดๆ ข้างในชุ่มเหลว รสชาติออกนวลๆ มันๆ แบบสไตล์ตะวันตกค่ะต่อไปค่ะ เมนูนี้อร่อยนะคะ กริลล์มาค่อนข้างดี หอม กุ้งก็เด้งดี รสชาติดีค่ะตัวนี้จะมีรสมายองเนสอมเปรี้ยวนิดๆ เนื้อของมันฝรั่งโอเคค่ะ เห็นหลายคนก็ชอบเมนูนี้นะคะสำหรับเมนูนี้ เป็นอีกเมนูที่ชอบค่ะ กินแล้วค่อนข้างสดชื่นมากๆ เลยค่ะ ส่วนสีเหลืองๆ ตอนแรกกินแล้วแบบรู้สึกคุ้นมากว่ามันคืออะไร แล้วก็ถามเพื่อนร่วมโต๊ะ ทุกคนก็ลองกินแล้วนึกไม่ออก จนเดินไปดูชื่ออาหาร แล้วก็กลับมาตอบว่าเมลอน ซึ่งเราก็รู้สึกว่าไม่น่าใช่ เพราะรสและกลิ่นมันไม่ใช่เมลอน สุดท้ายก็ได้คำตอบว่าเป็นแตงโมเหลืองค่ะ ฮาาอีกหนึ่งเมนูที่ได้ลองค่ะ สำหรับเราเมนูนี้กรอบดี (เกิ๊น) แต่โดยรวมแห้งเกินไปค่ะต่อไปเป็นปาเอญ่าค่ะ ซีฟู้ดมาจัดเต็มมากๆ ค่ะ รสชาติออกนัวๆ นวลๆ ค่ะ ตัวข้าวเป็นเม็ดจริง แต่ยังมีความชุ่มอยู่ค่อนข้างมากนะคะ กุ้งหวานดี (แม้จะสุกไม่สุด น่าจะเป็นความตั้งใจของเชฟหละค่ะ) ไก่นุ่มสุกกำลังดี เมนูนี้ให้กลิ่นทะเลที่ค่อนข้างเด่นนะคะหลังจากปล่อยให้สมาชิกได้กินกันสักครู่ ทางโอเพิ่นไรซ์ก็ได้แนะนำทีมของทางโรงแรม Pullman Bangkok Grand Sukhumvit กันนะคะ ก็มีทั้งทีมประชาสัมพันธ์ เชฟ และ General Manager มาพูดคุยกันค่ะจากนั้นของหวานก็เริ่มมาแล้วค่ะ มีสองอย่างนะคะ คือ คาตาลัน ครีม (Catalan Cream) คล้ายๆ กับครีมบูเล่หละนะคะ มีสองหน้าคือราสเบอร์รี่กับสตรอเบอรี่ กับ ชูโรส (Churros) หรือปาท่องโก๋สเปนค่ะสำหรับผลการชิมนะคะตัวคาตาลันครีม จะออกหวานค่ะ มีผลไม้ตัดเปรี้ยวเล็กน้อย ส่วนชูรอส กรอบนุ่ม หนึบนิดๆ แต่เราว่าราดช็อกโกแลตมาเยอะไปนิดหนึ่งค่ะ แหะๆกินขนมก็ต้องคู่กับชาหรือกาแฟนะคะ ที่นี่มีชาให้เลือกหลากหลายพอควรค่ะปิดท้ายกันด้วยภาพหมู่ของคณะที่ไปร่วมชิมกันวันนั้นค่ะ ทั้งโอเพิ่นไรเซอร์ ทีมงานโอเพิ่นไรซ์และสื่อมวลชนอื่นๆ ที่ทางรร.เชิญมาค่ะสรุปสำหรับที่นี่นะคะก็เรียกได้ว่าเป็นห้องอาหารที่หากใครอยากลองกินอาหารสเปน ก็จะได้รับการกินอาหารจากฝีมือเชฟชาวสเปนแท้ๆ หละค่ะ ตัวเราเองก็เป็นครั้งแรกที่ได้กินอาหารสเปนเหมือนกัน ก็เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ของตัวเองหละค่ะขอบคุณทาง Openrice Thailand ที่ชวนไปในครั้งนี้และขอบคุณทีมของ Pullman Bangkok Grand Sukhumvit ที่ดูแลเป็นอย่างดีด้วยค่ะ
繼續閱讀
มีโอกาสไปร่วมกิจกรรมก๊วนชวนกินกับทางเว็บ OpenRice ครั้งที่ 42 คราวนี้จัดขึ้นที่ห้องอาหาร ทาปาส อี วีโน่ (Tapas Y Vino) โรงแรม Pullman Bangkok Grande sukhumvit สำหรับการเดินทางมาที่โรงแรมนี้สามารถมาได้ทั้งทาง BTS ลงสถานีอโศก และ MRT ลงสถานีสุขุมวิท โรงแรมอยู่ริมถนนอโศกมนตรี จากแยกอโศกเดินย้อนขึ้นไปไม่ไกลก็จะเจอโรงแรมอยู่ตรงข้ามสยามสมาคม ส่วนใครนำรถมาก็จอดได้ที่โรงแรมเลยจ้าห้องอาหาร Tapas Y Vino อยู่ที่ชั้น 2 เข้ามาที่ล็อบบี้เดินอ้อมไปด้านหลังจะมีบันไดเลื่อนอยู่ ขึ้นมาถึงก็จะเจอห้องอาหารอยู่ขวามือ ทีมงาน OpenRice มาคอยต้อนรับอยู่หน้าห้องอาหาร ลงทะเบียนแล้วก็เข้าไปสำรวจห้องอาหารกันเลยค่าTapas Y Vino เป็นห้องอาหารที่ให้บริการอาหารสเปนแท้ต้นตำรับได้รับรางวัลการันตีความอร่อยจากหลาย ๆ สถาบันบรรยากาศด้านนอก และด้านในห้องอาหารใช้โทนสีแดงตามสไตล์สเปนแดนกระทิงดุห้องอาหารไม่ใหญ่มาก เป็นห้องแนวยาว ครัวเป็นแบบเปิดสามารถมองเห็นการปรุงอาหารของเชฟได้จากมุมที่นั่งโคมไฟสวย ๆ ให้บรรยากาศย้อนยุคTapas Y Vino ยังเป็นที่รวมไวน์เลิศรสจากสเปน และประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกมีห้องไพรเวทอยู่ด้านใน สำหรับท่านที่ต้องการความเป็นส่วนตัวของตกแต่งสไตล์เสปน เห็นกระทิงแล้วนึกถึงมาธาดอร์เลยอาหารที่เราได้ทานกันในวันนั้นเป็นอาหารสเปนสไตล์ทาปาส หรืออาหารที่ทำเป็นคำเล็ก ๆChupito de melon con Jamon serranoเรียกสั้น ๆ ว่า Jamon ละกันนะ Jamon ก็คือแฮมดิบสไตล์สเปน หรือที่เรารู้จักกันในชื่อพาร์ม่าแฮมนั่นแหละ ในถ้วยนี้จะเสิร์ฟมาคู่กับแตงโมเหลืองฝานบาง ๆนอกจาก Jamon ก็จะมี Chorizo ซึ่งเป็นแฮมดิบอีกอย่างหนึ่งของสเปน คล้าย ๆ ซาลามี่ขาหมูดิบหมักเกลือ เวลาจะทานก็แล่เป็นแผ่นบาง ๆ ทานคู่กับมะกอก ถั่ว ผลไม้Tomates rellenosMontadito de chipironesSea bassHam CroquetteMini wagu burgerGambas Al AjilloPotato BravasChef Juan Maria Marrero Ortego ที่อิมพอร์ตมาจากสเปนลงมือทำข้าวผัดสเปนหรือ Paella กระทะเบิ้มให้ได้ทานกันขั้นแรกก็ผัดผักต่าง ๆ ในกระทะก่อน จะบอกว่าหอมมากกก แล้วตามด้วยเนื้อไก่ ตามด้วยน้ำซุปผัด ๆ เคี่ยว ๆ จนข้าวซึมซับน้ำซุปเข้าไป เรียงซีฟู๊ดด้านบน ทั้งหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ , กุ้ง ปลาหมึก ใช้ฟอล์ยปิดแล้วปล่อยให้เคี่ยวต่อไปซักพัก แค่นี้ก็เรียบร้อยค่ะมาถึงของหวานกันบ้าง ขนมหวานที่คล้ายกับเครมบรูเล ในแคว้นกาตาลุญญาของสเปนเรียกขนมแบบนี้ว่า "เกรมากาตาลานา" (crema catalana) แปลว่า ครีมแบบกาตาลุญญา บ้างก็เรียกว่า "เกรมากรามาดา" (crema cremada)ที่แปลว่า "ครีมเผา" *อ้างอิง wikipediaชูโรส (Churros) หรือที่เราเรียกกันว่าปาท่องโก๋สเปนเครื่องดื่มทางห้องอาหารจัด Sangria มาให้ชิมกันSangria แก้วนี้เป็นการนำทั้งไวน์แดง ไวน์ขาว บรั่นดี ผลไม้ ฯลฯ มาผสมเข้าด้วยกันถ้าถามว่ารสชาตเป็นไง ก็ผสม ๆ กันหลายอย่าง ออกแนว ๆ ค๊อกเทลไม่ขม รสเบา ๆ จิบง่ายแต่เหล้าแอบแรง 55ทีมงาน OpenRice และทางโรงแรมกล่าวเปิดงาน และแนะนำเกี่ยวกับห้องอาหาร Tapas Y Vinoถึงเวลาชิมกันแล้วค่า ชอบทาปาสตรงที่ทำมาชิ้นเล็ก ๆ นี่แหละ หยิบมาชิมอย่างละนิดอย่างละหน่อย จิบเครื่องดื่มแกล้มไปด้วย เผลอ ๆ ก็อิ่มเหมือนกันนะ (มึนด้วย 55)- Sea bass เป็นปลาชุบแป้งทอด ชิ้นแรกที่หยิบมานี่ปลาชิ้นบางไปหน่อย ส่วนตัวแป้งกรอบมาก ๆ กินแล้วไม่ค่อยรู้สึกถึงปลาเท่าไหร่ แต่พอหยิบชิ้นที่ 2 มากินปลาชิ้นหนากำลังดี แป้งก็กรอบดีเหมือนเดิม เมนูนี้เราชอบนะ- Potato Bravas เป็นมันฝรั่งอบหยอดด้วยมายองเนสโรยด้วยปาปริก้า มันอบเนื้อหนึบ ๆ ดี กลิ่นและรสปาปริก้าชัด อร่อยดีค่ะ เราชอบ- Montadito de chipirones ด้านบนเป็นปลาหมึกชุบแป้งทอด ด้านล่างเป็นขนมปังกรอบที่ห้องอาหารนี้ทำเมนูกรอบ ๆ ได้กรอบดีจริง ๆ นะ ตัวขนมปังนี่กรอบกรวม ๆ เลย ปลาหมึกชุบแป้งทอดก็กรอบแต่เราว่ากรอบกับกรอบมาเจอกันไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ ทานแยกจะดีกว่าจ้า- Ham Croquette คร็อกเก้ส่วนตัวชอบอยู่แล้ว ชิ้นนี้ก็โอเคค่ะอร่อยดี- Gambas Al Ajillo กุ้งกระเทียมแบบสเปน กุ้งเด้งดีปรุงรสมาอ่อน ๆ- Mini wagu burger แม้แต่เมนูนี้ขนมปังยังกรอบมาก จริง ๆ ถ้าเปลี่ยนเป็นขนมปังนุ่ม ๆ ดูจะเข้ากันมากกว่าค่ะ ส่วนเนื้อวากิวก็โอเคนะคะไม่แห้งจนเกินไป- Chupito de melon con Jamon serrano แฮมตัวนี้จะรสเค็มหน่อยทานคู่กับแตงโมฝานบาง ๆ ก็ช่วยให้มีรสหวานตัดรสเค็มลองบรรดาแฮมดิบหมักเกลือซะหน่อย รสจะเค็มน้อยกว่าตัวที่เสิร์ฟกับแตงโมนะ ทานเปล่า ๆ ได้เลย ส่วนTomates rellenos เป็นมะเขือเทศกับแองโชวี่ แองโชวี่ก็จะเค็ม ๆ ทานคู่กับมะเขือเทศเชอรี่ก็จะตัดรสเค็มได้ ส่วนเมนูอื่นก็คือหยิบมาซ้ำรอบ 3 จัดเบา ๆ เน้นแฮมดิบข้าวผัดสเปนหรือ ปาเอญ่า (Paella) เป็นข้าวผัดที่ทานแล้วจะคล้าย ๆ ข้าวต้ม เพราะมีการนำไปเคี่ยวกับน้ำซุป ปรุงรสอ่อน ๆ เน้นรสชาตความสดใหม่ของวัตถุดิบ จานนี้เป็นแบบรวมมิตรใส่มาทั้งเนื้อไก่ หอยแมลงภู่ ปลาหมึก และกุ้งมาถึงขนมหวานกันบ้าง หลาย ๆ คนน่าจะรู้จักดี ชูโรส (Churros) หรือปาท่องโก๋สเปน เราเคยกินแบบที่ทำเป็นแท่งยาว ๆ แป้งจะแข็ง ๆ และเหนียวกว่านี้ ของที่นี่ชิมแล้วคล้าย ๆ โดนัทสไตล์พอน เดอริง แต่ว่าไม่หนึบเท่า กินแบบโรยน้ำตาล+ชินนาม่อน หรือจะราดช็อคโกแลตด้วยก็ได้"เกรมากาตาลานา" (crema catalana)หรือ "เกรมากรามาดา" (crema cremada) รสชาติแบบเครมบูเล่นั่นแหละ เป็นคัสตาร์ดเนียน ๆ ครีมมี่ ๆ หน้ากรอบ ๆ ตัดรสหวานด้วยผลไม้สด เพิ่มความหอมด้วยการเสิร์ฟพร้อมแท่งอบเชยจุดไฟมีขนมก็ต้องมีเครื่องดื่มทานคู่กัน เราสั่งกาแฟมาทานกับขนม เค้าบอกเป็นกาแฟจากสเปนแบรนด์ Catunambu เราดื่มแบบใส่นมด้วย ก็รสนุ่ม ๆ ไม่ขมมากส่วนเพื่อน ๆ ดื่มชาก็มีให้เลือกหลายกลิ่นทั้ง Earl Grey , Peppermint เลือกดื่มได้ตามชอบค่าสำหรับใครที่อยากลองทานอาหารสเปน ทาปาส อี วีโน่ (Tapas Y Vino) ก็เป็นอีก 1 ทางเลือกอันดับต้น ๆ ของร้านอาหารสเปนในกทม.ที่มีครบทุกอย่าง ทั้งอาหารที่เลือกใช้วัตถุดิบอย่างดี มีไวน์จากหลากหลายประเทศ บรรยากาศสวย ๆ บริการดี รวมไปถึงทำเลที่ตั้งที่เดินทางสะดวกนึกถึงอาหารสเปนเมื่อไหร่ก็ลองแวะมาชิมได้ที่ ทาปาส อี วีโน่ (Tapas Y Vino)ขอบคุณทีมงาน OpenRice เช่นเคยนะคะทีชวนไปเปิดประสบการ์ณใหม่ ๆ อยู่เสมอ
繼續閱讀
ในที่สุดก็ได้กลับมาร่วมกิจกรรม OpenRice Party ก๊วนชวนกินอีกครั้งหลังจากห่างหายไปร่วมปี 555 ครั้งนี้ก็เป็นก๊วนชวนกินครั้งที่ 42 แล้วน้าาาาา ครั้งนี้เราไปปาร์ตี้กันที่ห้องอาหาร Tapas Y Vino ที่โรงแรม Pullman Bangkok Grande Sukumvit แรกๆ ก็ลังเลอยู่ว่าจะไปดีหรือเปล่านะเพราะเราไม่ถนัดอาหารสไตล์นี้ไม่เคยกินด้วยซ้ำ และแอลอกฮอล์เราก็ไม่ดื่มสุดท้ายลองมาดูแล้วกันมาลองอาหารแบบที่เราไม่เคยบ้าง สร้างความแปลกใหม่ให้ชีวิต อิอิโรงแรมนี้อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล อยู่ใจกลางเมืองย่านอโศก ถนนอโศกมนตรี หากใครงงๆ เหมือนเราตอนแรกให้สังเกตจากห้าง terminal 21 ค่ะ เข้ามาทางถนนอโศกมนตรีเพียงเล็กน้อย จะเห็นตึกของโรงแรมที่สูงลิ่ว แต่พอดีเราลืมถ่ายรูปตึกมาอ่ะค่ะ แหะๆ โรงแรมจะอยู่ทางขวาเมื่อค่ะ การเดินทางก็ง่ายดายยิ่งนักสามารถเดินทางได้ทั้งรถเมล์ รถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที สำหรับรถเมล์หากเป็นสายที่ผ่านหน้าโรงแรมเลยจะมีน้อยสายนักเท่าที่จำได้ก็มี 136 นะคะ รถเมล์ส่วนมากจะผ่านทางเส้นสุขุมวิทค่ะ หากเป็นรถไฟฟ้าบีทีเอสจะลงที่สถานีอโศกตรงสี่แยกพอดีเราก็เดินมาเล็กน้อย แต่หากเป็นรถไฟฟ้าใตดินเอ็มอาร์ทีจะเข้ามาในถนนอโศกมนตรีมากกว่าก็จะเดินน้อยลงค่ะเมื่อเข้ามาในโรงแรมแล้วเราก็หาบันไดเลื่อนขึ้นเลยค่ะ พอขึ้นไปปุ๊บก็จะเจอห้องอาหารพอดีอยู่ทางขวามือ การตกแต่งออกโทนสีดำแดงตามสไตล์ของกระทิงดุ
ห้องอาหาร Tapas Y Vino เป็นภาษาสเปน Tapas แปลว่า อาหารสไตล์ทาปาส Y อ่านว่า อี แปลว่า และ สุดท้ายคือ Vino อ่านว่า วีโน แปลว่า ไวน์ ค่ะ ดังนั้น Tapas Y Vino จึงแปลได้ความหมายว่า ทาปาสและไวน์ค่ะ ตามชื่อที่ได้อ่านเลยค่ะ ห้องอาหารนี้จะบริการอาหารสเปนแท้รสชาติต้นตำรับ สร้างสรรค์อย่างพิถีพิถันด้วยฝีมือเชฟมืออาชีพมากประสบการณ์ และยังมีบริการไวน์เลิศรสจากสเปนและประเทศต่างๆ ทั่วโลกทั้งจากโลกเก่าและโลกใหม่ซึ่งเป็นไวน์บาร์ที่เหมาะสำหรับคอไวน์อย่างแท้จริง ห้องอาหารขนาดไม่ใหญ่มาก มีโซนที่นั่งส่วนตัวด้วยนะคะ ไพรเวทสุดๆภายในห้องอาหารมีตู้โชว์ไวน์อยู่ด้านข้างๆ หลากหลายชนิด และเมื่อตอนที่เข้ามาทางประตูหากเหลือบไปมองทางซ้ายมือจะเห็นมีตู้เย็นแช่ไวน์อยู่ด้วยค่ะครั้งนี้เรามาไม่สายนะคะ เลยมีเวลาสำรวจตรวจตราและถ่ายรูปได้อย่างเต็มที่ค่ะ แอบเสียใจเล็กน้อยว่าห้องอาหารค่อนข้างสลัวรูปที่ออกมาแสงสีอาจไม่ค่อยสวยนะคะ >< งานในครั้งที่นอกจากจะมีพวกเราๆ กันแล้วได้ยินมาว่ามีสื่อด้วยค่ะเมื่อถึงเวลาอันสมควรก็ลงมือรับประทานกันได้ เมนูก็มีมากมายทั้ง Cold cuts เป็นแฮมดิบสไตล์สเปนจะออกคล้ายกับซาลามีที่เคยกินนะคะChupito de melon con jamon Serrano หรือ Serrano ham and watermelon shot ถ้วยนี้จะเป็นแฮมดิบอีกอย่างที่มีรสออกค่อนข้างเค็มเสิร์ฟมาคู่กับแตงโมสีเหลืองที่ฝานจนบางรสออกหวาน ทำให้รสชาติกลมกล่อมพอดีค่ะTomates rellenos หรือ Cherry tomatoes stuffed เมนูนี้จะเป็นมะเขือเทศลูกเล็กแต่ไม่เล็กมากมีขนาดพอดีคำมีอะไรอยู่ข้างในก็ไม่แน่ใจค่ะ แต่เห็นพี่ๆเขาว่าเป็นแองโชวี่ รสชาติของมะเขือเทศจะไม่ออกรสมากนักแต่แองโชวี่ออกเค็มมากเมนูนี้เลยออกรสเค็มโดดเกินไปค่ะHam Croquette เมนูนี้ชอบมากกกกกก อร่อยมากกกกก ยิ่งตอนที่เพิ่งขึ้นมาร้อนๆ จิ้มกับทาทาร์ซอสเยอะๆ เยิ้มมากกกกก ฟินเลยค่ะPotato Braves เมนูนี้เป็นมันฝรั่งอบโรยหน้าด้วยมายองเนสและผงปาปริก้าทำให้รสชาติเข้มข้น มันนุ่มพอดีมีรสชาติกลมกล่อมของมายองเนสและมีรสจัดจ้านของผงปาปริก้าทำให้เมนูนี้ออกแปลกสำหรับเราแต่แปลกพร้อมทั้งอร่อยมากกกกกก รสชาติเข้ากันได้พอดิบพอดี ขนาดก็พอดีคำเคี้ยวได้เพลินๆ เลยค่ะMontadito de chipirones หรือ Baby squid montadito เป็นปลาหมึกชุบแป้งทอดที่วางบนขนมปังกรอบ ซึ่งเราว่าเมนูนี้มันออกกรอบเกินไปอ่ะค่ะหากว่าจะกินคู่กันเพราะปลาหมึกชุบแป้งทอดก็กรอบแล้วมาเจอขนมปังกรอบอีก ขนมปังกรอบของเขาก็ออกกรอบมากไปจนออกแข็งค่ะ แต่สำหรับเราเมนูหากกินแยกแล้วราดด้วยทาทาร์ซอสก็อร่อยไปอีกแบบนะคะ 555Gambas เมนูนี้เป็นกุ้งซึ่งเราไม่รู้ว่าไปปรุงด้วยวิธีไหน แต่เสิร์ฟมาเป็นคำๆ มีกระเทียมหั่นบางด้วยชิ้นนึง ซึ่งรสชาติก็ไม่ได้มีอะไรเด่นสำหรับเราค่ะ แต่ชอบความสดของกุ้งค่ะSea bass เป็นปลาชุบแป้งทอด ชิ้นไม่ใหญ่ปลาเนื้อไม่หนาตัวแป้งชุบทอดทำให้ดูชิ้นใหญ่ขึ้นมาร้อนๆราดด้วยทาทาร์ซอสก็ฟินสิคะ อร่อยค่ะเมนูนี้ที่จริงความชอบของเราอาจจะอยู่ที่ทาทาร์ซอสก็เป็นได้ ครั้งแรกที่ไปตักจะเป็นทาทาร์ซอสแบบเพียวค่ะ แต่ไปตักครั้งที่สองรู้สึกว่าเขาจะใส่มัสตาร์ดเพิ่มลงไปมั้งคะ ทาทารฺซอสของเราเลยเพิ่มขึ้นจมูกเลย 555และเมนูคาวเมนูสุดท้ายคือ Mini wagu burger เมนูนี้เป็นเบอร์เกอร์เนื้อขนาดเล็กค่ะ แต่เนื้อมาชิ้นแน่นๆ มากเลยค่ะ ส่วนรสชาติอันนี้เราไม่ได้ลองค่ะเพราะไม่กินเนื้อ 😅ระหว่างที่เรานั่งทานไปเชฟของเราก็ปรุงอาหารไปเรื่อยๆ คอยเสิร์ฟให้พวกเราค่ะส่วนของหวานมีอยู่สองเมนูคือ Churros เป็นปาท่องโก๋สเปนค่ะ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ลองชิม อร่ยดีนะคะ แป้งหนึบๆ หวานนิดๆ ราดด้วยซอสช็อกโกแลต เคี้ยวเพลินๆ อร่อยดีค่ะส่วนอีกเมนูเป็น crema catalana ลักษณะคล้ายๆ Crème Brûlée ค่ะ เนื้อคัสตาร์ดนุ่มๆ ด้านบนกรอบๆ มีสองหน้าผลไม้คือสตอเบอร์รี่และราสเบอร์รี่ค่ะ ของเรามาจานนี้เป็นราสเบอร์รี่ ออกเปรี้ยวหวานกินกันเนื้อคัสตาร์ดพอดีเบยยยยย แต่เราว่าถ้าทำเนื้อหนากว่านี้น่าจะอร่อยขึ้นนะคะ หรืออาจจะเป็นความขอบส่วนตัวของเราก็ได้ค่ะและสุดท้ายคือเครื่องดื่ม เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่วันนี้ทางห้องอาหารเสิร์ฟมาให้เป็น Sangria ซึ่งเป็นการผสมของไวน์แดง ไวน์ขาว วิสกี้และน้ำผลไม้ ส่วนรสชาติ เราก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะเพราไม่ดื่มแอลกอฮอล์ 😆มีเครื่องดื่มปิดท้ายด้วยนะคะ เลือกทานได้ว่าจะเลือกเป็นชาหรือกาแฟ เราเลือกเป็น Jasmine Tea ค่ะ ได้มาเป็น Greentea natural jasmine tea ชาออกค่อนข้างเข้มและขม ไม่ค่อยหอมมะลิเท่าไหร่ค่ะ เราชอบชาอ่อนๆ หอมๆ มะลิหน่อยน่ะค่ะอ้อออ ลืมไปอย่างคือวันนี้มีเมนูพิเศษคร่าาาา ที่ทางห้องอาหารจัดให้ โดยมีเชฟ Juan Maria Marrero Ortego ที่เพิ่งมาจากสเปนไม่นานมาปรุงให้ดูให้ชิมกันสดๆ เลยค่ะ เมนูนี้คือ Paella หรือข้าวผัดสเปน รสชาติก็แปลกๆ สำหรับเราดี จะไม่อร่อยก็ไม่ใช่ จะอร่อยก็ไม่เชิง กินได้เรื่อยๆ 5555 ข้าวเขาจะออกเละหน่อยแต่ก็ไม่แฉะแบบข้าวต้มของเราทีเดียวเครื่องที่ใส่ก็มีทั้งหอยแมลงภู่ ปลาหมึก กุ้ง ไก่ หอมใหญ่ กระเทียม หอมใหญ่ แครอท ถั่วลันเตาแต่เสียใจทำไมตักให้เราไม่มีหอยแมลงภู่เลย TT แต่เมนูนี้กุ้งจะออกเละหน่อยไม่รู้ว่าสุกหรือเปล่า เพราะเท่าที่เห็นจากขั้นตอนการทำเขาจะผัดจนกระทั่งทุกอย่างสมบูรณ์แล้วจะวางกุ้งตัวใหญ่และหอยแมลงภู่เรียงสวยไว้ข้างบนก่อนห่อด้วยอะลูมิเนียมฟอยล์ค่ะ ไม่แน่ใจว่าห่อนานแค่ไหนจึงจะทานได้นะคะขอออกตัวก่อนว่าอาหารสเปนสไตล์แบบนี้เป็นอะไรที่เราเพิ่งเขียนครั้งแรก ข้อมูลไม่แน่ใจว่าจะถูกต้องหรือมีส่วนไหนผิดพลาดหรือไม่ หากมีข้อผิดพลาดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
繼續閱讀