更多
2015-10-07
84 瀏覽
สำหรับวันนี้ก็จะเป็นการรีวิวห้องอาหารปทุมมาศ รร.สุโกศล นะคะ ซึ่งการไปครั้งนี้ก็เป็นการชวนไปของคุณอ้น บล็อกเกอร์ท่านเดิมค่ะ โดยชวนบล็อกเกอร์ไปอีกหลายท่านค่ะ ก็มีน้องชื่น บาบิบูเบะฯ น้องเหมียว nanareview เมเม่ คุณเบนซ์ นะคะ ซึ่งการไปกินครั้งนี้ นอกเหนือจากการเป็น Sunday Brunch ของที่นี่แล้ว ในช่วงนี้จะมีเทศกาลอาหารโมร็อกโกตั้งแต่วันที่ 3-11 ตุลาคมนี่หละค่ะ (เลยรีบรีวิวเผื่อใครสนใจจะไปลองกินค่ะ) ซึ่งที่มีการจัดนี่ก็เพราะคุณกมลา สุโกศลเจ้าของโรงแรมนี้เป็นประธานสมาคมมิตรภาพไทยและโมรอคโกค่ะ ก็เลยร่วมกับสถานฑูตโมร็อกโกจัดอาหารโมร็อกโกในห้องอาหารแห่งนี้ได้รับประทานกันค่ะก่อนอื่นเรามารู้จักกับประเทศโมร็อกโกกันก่อนดีกว่าเนาะ
ก่อนอื่นเรามารู้จักกับประเทศโมร็อกโกกันก่อนดีกว่าเนาะ สำหรับที่ตั้งของโมร็อกโก ก็อยู่ในทวีปแอฟริกานะคะ ตามภาพนี้เลยค่า ส่วนข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับประเทศโมร็อกโกก็มีดังนี้นะคะ
ที่ตั้ง ตั้งอยู่ที่มุมตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา ทิศเหนือติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทิศตะวันตกติดมหาสมุทรแอตแลนติก ทิศใต้ติด ประเทศมอริเตเนีย และทิศตะวันออกติดประเทศแอลจีเรีย
พื้นที่ 446,550 ตารางกิโลเมตร (นอกจากนี้ ยังมีดินแดนซาฮาราตะวันตก ซึ่งมีพื้นที่ 252,120 ตารางกิโลเมตร โดยโมร็อกโกได้อ้างสิทธิเหนือดินแดนดังกล่าว และยังคงเป็นกรณีพิพาทกับกลุ่มการเมืองท้องถิ่นและกับแอลจีเรียด้วย)
เมืองหลวง กรุงราบัต (Rabat)
ประชากร 33 ล้านคน โดยเป็นชาวอาหรับ-เบอร์เบอร์ ร้อยละ 99.1 ชาวยิว ร้อยละ 0.2 และเชื้อชาติอื่นๆ ร้อยละ 0.7
ภูมิอากาศ บริเวณแถบชายฝั่งทะเลมีอากาศแบบเมอดิเตอเรเนียน แต่อากาศแห้ง แล้งแบบทะเลทรายทางตอนในของประเทศ
ภาษา ภาษาอาหรับเป็นภาษาราชการ ภาษาต่างประเทศที่ใช้กันทั่วไป คือ ภาษาฝรั่งเศส นอกจากนี้มีภาษาท้องถิ่นเบอร์เบอร์ (Berber)
สำหรับในส่วนของราคาค่าอาหาร ถ้าเป็นมื้อกลางวันปกติจากราคา 1160 ลดเหลือ 896 บาท มื้อเย็นจาก 1300 บาทเหลือ 1005 บาท และซันเดย์บรันช์ จาก 1600 บาทเหลือ 1237 แต่ถ้าแอดไลน์ @thesukosol ราคาดินเนอร์จะเหลือ 750 บาทนะคะ โดย 1 คูปอง (ทางไลน์) จะได้ 1 สิทธิ์และได้ครั้งเดียวนะคะ โดยสิทธิ์ตัวหลังนี่ใช้ได้ตั้งแต่ 2-31 ตุลาคมนี้ค่ะ ถ้าใครอยากดูรายละเอียดเพิ่มเติม ลองเข้าไปดูที่เว็บไซต์ของโรงแรมหรือเฟซบุ๊คของรร.ตามนี้เลยนะคะ
http://www.thesukosol.com
http://www.facebook.com/TheSukosolBangkok
วันนั้นเรานั่งรถไปนะคะ วิธีการไปเคยรีวิวแล้วในเอนทรี่หลินฟ้า เพราะฉะนั้นไม่บอกซ้ำนะคะ แฮ่.. หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้ว เราก็กดลิฟท์ไปที่ชั้น 1 ซึ่งเป็นชั้นล็อบบี้ค่ะ จากนั้นก็เดินไปทางที่จะไปหน้ารร.ก็จะเจอห้องอาหารนี้อยู่ทางซ้ายมือตามภาพเลยนะคะ เดินผ่านโซนที่นั่งโซนแรกเข้าไป ก็จะเป็นไลน์อาหารและโต๊ะค่ะ จากนั้นเดินเข้าไปด้านในอีกก็จะเป็นที่นั่งโซนของเราแล้วค่ะ สำหรับซันเดย์บรันช์วันนั้น ก็จะรวมเครื่องดื่มคือน้ำเปล่า และในไลน์ก็มีน้ำส้มกับน้ำสับปะรดตามภาพนะคะ นอกจากนั้นก็มีสปาร์คลิ่งไวน์ให้ด้วยคนละหนึ่งแก้วค่ะ นอกจากอาหารโมร็อกโกแล้ว ก็ยังมีอาหารอื่นๆ ตามปกติของซันเดย์บรันช์ของที่นี่ด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นซุ้มอาหารญี่ปุ่นหรืออื่นๆ เดี๋ยวจะพาไปดูละกันนะคะ
อย่างเซ็ตแรกก็จะเป็นส้มตำและยำแบบไทยๆ ค่ะ ส่วนรูปล่างขวาเป็นชาโมร็อกโกนะคะ มีให้เลือกสองแบบคือแบบธรรมดากับแบบหวานค่ะ จะตั้งอยู่ตรงใกล้ๆ ทางเข้าจากทางเดินมาในไลน์หลักของอาหารเลยหละค่ะ สลัดค่ะ มีน้ำสลัดให้หลากหลายตามปกติ และซุปที่มีสองอย่างคือซุปล็อบสเตอร์กับต้มยำกุ้งค่ะ (สองอย่างนี้ไม่ได้กินเลย แหะๆ) ส่วนที่ไลน์อาหารที่เป็นลักษณะกับข้าว ก็จะมีข้าวให้ทั้งข้าวสวยและข้าวกล้อง (ไรซ์เบอร์รี่เลยหละค่ะ) ซึ่งอันนี้โอเคมาก เราชอบ แฮ่... กับข้าวก็มีทั้งแกงเผ็ด ผัดขี้เมาทะเล หมูผัดำพริกสด ผัดผักรวม เนื้อวัวทำอะไรสักสิ่ง และซีฟู้ดผัดซอสเอกซ์โอค่ะ ซึ่งทั้งมวลนี้เราไม่ได้ชิมเลยนะคะ เอารูปมาให้ดูหน้าตาแล้วกันเนาะ นอกจากเมนูแบบไทยๆ แล้วก็มีเมนูแบบฝรั่งด้วยนะคะ ได้แก่ Salmon in Tomat / Pork with Pepper Sauce / กราแตง / มันฝรั่งอบ ค่ะ ซึ่งไม่ได้ชิมอีกเช่นกัน แหะๆ ต่อไปเป็นส่วนสเตชั่นเทปันนะคะ ซึ่งตรงนี้มีฟัวกราส์ด้วยค่ะ นอกจากนั้นก็มีเนื้ออบ (หรือย่างหว่า) แซลมอนย่าง และติ่มซำต่างๆ ค่ะ และในบริเวณเดียวกันก็มีกระเพาะปลา โรตี+มะตะบะไก่ และขนมจีนค่ะ ปลายสเตชั่นเลยก็จะเป็นพวกพาสต้าต่างๆ ค่ะ ซึ่งก็มีเส้นและซอสสี่อย่างให้เลือกนะคะ (ไม่ได้ลองอีกเช่นกันค่ะ) ยังเลาะที่ไลน์วงนอกต่อนะคะ ฝั่งที่ติดผนังอีกฝั่งจะเป็นผลไม้และขนมหวานค่ะ ซึ่งมีทั้งขนมหวานแบบไทยและแบบตะวันตก ซึ่งก็มีทั้งเค้ก ทาร์ต ฯลฯ ปิดท้ายขนมหวานด้วยฟองดูร์ช็อกโกแลต (จะมีเฉพาะดินเนอร์กับซันเดย์บรันช์ค่ะ) และสเตชั่นทำเครปตามสั่งค่ะ ไปดูไลน์ตรงกลางกันบ้างนะคะ ถัดจากไลน์สลัดที่โพสต์รูปไปก่อนหน้านี้แล้ว ก็จะเป็นเมนูอาหารไทยเพิ่มเติมค่ะ ไม่ว่าจะเป็นข้าวตัง น้ำพริกต่างๆ ได้แก่ น้ำพริกกะปิ หลน และน้ำพริกปลาสลิดค่ะ ถัดเข้าไปอีกก็จะเป็นเมี่ยงไทยและเมี่ยงลาวค่ะ สำหรับใครที่ชอบซีฟู้ด ก็มีซีฟู้ดออนไอซ์ให้ด้วยนะคะ ช้อยส์ก็ตามภาพเลยนะฮับ มีทั้ง กุ้ง หอยต่างๆ และกั้งค่ะ ต่อไปค่ะ ดูไลน์อาหารโมร็อกโกกันบ้างนะคะ แฮ่... ซึ่งเมนูในวันนั้นก็มี TAGINE M’KALI OF CHICKEN (เป็นสตูว์ที่ผสมผสานด้วยเนื้อแกะหรือไก่ (วันนี้เป็นไก่ค่ะ) ตุ๋นด้วยมะนาว มะกอกและผลไม้อบแห้ง) LAMB STEW WITH LENTIL / PASTILLA (พายกรอบไส้ต่างๆ-วันนี้เป็นไก่ค่ะ) COUSCOUS (ข้าวบาเลย์หรือเมล็ดข้าวเซโมลินา นำมานึ่งจนนุ่มกับครีม น้ำสต็อกเนื้อ เสิร์ฟคู่กับเนื้อสัตว์และผักอบ – วันนั้นเป็นแกะค่ะ) ส่วนตัวของหวานที่เหมือนส้มโรยอะไรสักอย่างนี่ไม่มีป้ายบอกค่ะ ไม่รู้ว่าชื่อเมนูอะไรค่ะ แหะๆ และปิดท้ายกันที่สลัดทัคทูก้าและซาลุค (สลัดผักย่างที่ประกอบด้วยมะเขือเทศ มะเขือม่วง และพริกเขียวค่ะ) วันนั้นก็มีทั้งมะเขือม่วง ซุคชินี่ capsicum และแครอทค่ะ เลยเอาข้อมูลเกี่ยวกับอาหารโมร็อกโกมาฝากกันค่า เครดิตจากลิงก์นี้
http://www.oceansmile.com/Morocco/Morocco-food.htm
• อาหารโมร็อกโก ส่วนใหญ่ประกอบด้วยแป้ง เนื้อสัตว์ และเครื่องเทศ และผักดอง
• โมร็อกโก เป็นประเทศที่มีจุดเชื่อมต่อระหว่างทวีปแอฟริกาและยุโรป ทำให้ภูมิประเทศและภูมิอากาศนั้นมีความหลากหลาย รวมทั้งมีประวัติศาสตร์การเป็นเมืองขึ้นของทั้งฝรั่งเศส และสเปนมาอย่างยาวนาน ส่งผลให้โมร็อกโกกลายเป็นดินแดนต้องมนต์ที่ทรงเสน่ห์อันลี้ลับ ร่ำรวยทั้งศิลปะและวัฒนธรรม เหมือนเช่นเดียวกับอาหารของโมร็อกโกที่ได้รับอิทธิพลจากทั้งยุโรปและแอฟริกาทำให้มีความโดดเด่นและลงตัวที่สุด จึงไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิดว่าทำไมอาหารประจำชาติของโมร็อกโกจึงกำลังเป็นที่นิยมไปทั่วโลก
อาหารโมร็อกโกนั้นขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติและกลิ่นหอม ด้วยนำนานาเครื่องเทศจากท้องถิ่นมาผสมผสานกันอย่างลงตัว รวมถึงการจัดตกแต่งที่ได้รับอิทธิพลจากทางยุโรปและแอฟริกา ที่ใช้น้ำมันมะกอก ผลมะกอก อบเชยมาผสมกับยี่หร่า การใช้ผงปาปริก้า หญ้าฝรั่น ขมิ้นป่น เม็ดผักชี ผงคาราเวย์ ผลไม้และธัญพืชต่างๆ อีกมากมาย รวมถึงสมุนไพรนานาชนิดมาใช้เป็นส่วนประกอบในแบบตอนใต้ของสเปน ผสมกับอาหารจากชาติแอฟริกา ที่มีการใช้ขนมปังนานาชนิดกับเมล็ดธัญพืชต่างๆ นอกจากนี้ยังได้รับอิทธิพลของอาหารฝรั่งเศส และอิตาเลียนที่นำมาปรับใช้กับอาหารโมร็อกโกในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเพื่อปรุงรสชาติอาหาร และสร้างความสดชื่นให้กลิ่นหอมรัญจวนใจ ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของอาหารโมร็อกโกไม่เป็นรองอาหารชาติใดในโลก
แม้จะอุดมไปด้วยเครื่องเทศมากมาย แต่การใช้เครื่องเทศของทางโมร็อกโกจะไม่ได้ใช้ในปริมาณมากเหมือนทางอินเดีย แต่จะใช้ปริมาณน้อยเพียงเพื่อเพิ่มกลิ่นและรสชาติของอาหารเท่านั้น เพราะโดยแท้จริงแล้วอาหารโมร็อกโกจะเน้นรสชาติของพืชผลที่นำมาปรุงอาหารมากกว่า เช่น ความหวานของผักต่างๆ ความหวานของอินทผาลัมและลูกพรุน ความเปรี้ยวของมะนาวดอง กลิ่นหอมสดชื่นของน้ำดอกส้ม ที่นอกจากนิยมนำมาใช้เป็นน้ำหอมแล้ว ยังนำมาใช้ปรุงอาหารที่มีรสชาติหวานอีกด้วย
• คูสคูส Couscous มีลักษณะคล้ายแป้งป่นเม็ดกลม เป็นอาหารดั้งเดิมในแถบแอฟริกา ทำจากแป้งวีทผสมกับแป้งเซโมลิน่า ที่มักเสิร์ฟคู่กับสตูว์เนื้อสัตว์และผักอบ
• Chicken Pastilla เมนูพายเนื้อสัตว์แบบเก่าแก่ และถือเป็นอาหารประจำชาติชั้นสูง ที่ใช้เสิร์ฟในงานแต่งงาน ทำจากเนื้อไก่ตุ๋นฉีก ห่อด้วยแป้งฟิลโล ซึ่งตัวแป้งมีลักษณะกรอบมัน เป็นพายที่ใช้การห่อแบบวงกลม มีรสชาติออกหวานและเค็ม หอมกลิ่นอบเชย ซึ่งต้องผ่านกรรมวิธีหลายขั้นตอน กว่าจะได้พายไก่ที่หอมเครื่องเทศ เคี้ยวแล้วให้ความกรุบกรอบของอัลมอนด์อบบดละเอียด
• Seafood Tagine เมนูนี้บ่งบอกรูปแบบเฉพาะสไตล์โมร็อกโกได้เป็นอย่างดี เพราะ ทาร์จีน ที่อยู่ในชื่อเมนู แท้จริงเป็นภาชนะจากแถบแอฟริกาเหนือ หน้าตาคล้ายหม้อดินเผา ทนความร้อนได้สูงและใช้ปรุงอาหารให้สุกได้ด้วย อีกทั้ง ทาร์จีนยังใช้เรียกวิธีทำอาหารให้สุกแบบช้าๆ ด้วยการเคี่ยวอาหารในอุณหภูมิต่ำจนเนื้อและผักสุกนุ่ม เวลาเสิร์ฟเปิดฝาทาร์จีนออก ปล่อยให้กลิ่นเครื่องเทศหอมฟุ้งขณะรับประทาน เมนูนี้ให้รสชาติคล้ายกับผัดเปรี้ยวหวานของไทย สามารถใช้ทั้ง ซีฟู้ด เนื้อไก่ เนื้อแกะ เนื้อวัว และเนื้อกระต่าย ในการปรุงได้เช่นกัน
• Mezze plate เมนูออร์เดิร์ฟที่ต้องเสิร์ฟแผ่นแป้งพิตต้าคู่กับเครื่องจิ้มหลายชนิด เช่น บาบากานูส ที่ทำจากมะเขือม่วงบดผสมเครื่องปรุงต่างๆ ทั้ง กระเทียม น้ำมันมะกอกและเครื่องเทศต่างๆ แบบโมร็อกโก ฮัมมูส ซอสจิ้มที่ทำจากถั่วลูกไก่ต้มจนสุกบดละเอียด ปรุงรสชาติด้วยทาฮิเน่ ซอสที่ทำจากเมล็ดงา,โยเกิร์ต, กระเทียม, เลมอนและน้ำมันมะกอก แล้วบดให้ละเอียดเนียนจนมีลักษณะเป็นมูส
มาทิสซาร์ มัชชาล่า แยมมะเขือเทศที่ปรุงจากเนื้อมะเขือเทศผสมน้ำผึ้ง ผงขิง เคี่ยวจนสุกเหนียวให้มีลักษณะเหมือนแยม ก่อนเสิร์ฟโรยด้วยงาขาวอบสุก ถัดมาเป็น ฮัมมูสสลัด คือ ถั่วลูกไก่ต้มสุกบดละเอียดและปรุงรสด้วยเครื่องเทศ และ ซาร์ลูค เครื่องจิ้มที่เปิดจากส่วนผสมของมะเขือม่วงปรุงสุกจะย่างหรือทอดก็ได้ นำมาคลุกเคล้ากับกระเทียม มะเขือเทศสับ ผัดและปรุงรสด้วยเครื่องเทศ น้ำมะนาวและน้ำมันมะกอก
นอกจากนี้ เสน่ห์ของอาหารโมร็อกโก ยังอยู่ที่การใช้มือเปิบ ไปพร้อมๆ กับการฉีกแผ่นแป้งพิตต้า ทานคู่กับเมนูต่างๆ ตามชอบ เท่านี้ก็สามารถอิ่มท้องได้กับรสชาติที่หอมกรุ่นด้วยเครื่องเทศ
• ขนมหวานของชาวโมร็อก ก็มีให้เลือกหลายเมนูเช่นกัน แต่ละจานหน้าตาสวย หวานหอม ส่วนผสมหลักของขนมโมร็อกโก คือ แป้ง น้ำผึ้ง ผลไม้อบแห้ง อาทิ Halwa tamer ขนมสอดไส้อินทผาลัมบดราดด้วยน้ำตาลไอซิ่ง Sellou ถั่วผสมแป้งอบกับเนยน้ำผึ้งและน้ำมันงา บางเมนูแต่งด้วยกลิ่นกุหลาบหอมชื่นใจ อย่าง Muhallabia ขนมพุดดิ้งกลิ่นกุหลาบ ที่ให้ความรู้สึกนุ่มลิ้น ด้วยเนื้อพุดดิ้งเนียนๆ ส่งกลิ่นหอมด้วยกลีบกุหลาบ
มาดูไลน์อาหารกันต่อนะคะ สำหรับใครที่กินแบบครบขั้นตอนแบบตะวันตก ก็ขาดขนมปังกับชีสไม่ได้นะคะ ที่นี่มีบรีด้วย (เจ้าของบล็อกชอบบรี แหะๆ แต่ตัวชีสของสวิสที่นี่ก็อร่อยนะคะ กลิ่นแรง แต่อร่อยดีค่ะ) นอกจากนั้นก็มีโคลท์คัท ผักย่าง และมีสลัดมันฝรั่ง (ที่มีหอมเจียวโรย) กับสลัดซีฟู้ดด้วยค่ะ รีวิวสิ่งที่ได้กินวันนั้นนะคะ อันดับแรก ในส่วนของชาโมร็อกโก ก็มีสองแบบให้เลือกนะคะ แบบใส่น้ำตาลกับไม่ใส่น้ำตาลค่ะ ตัวใส่น้ำตาล ตอนแรกหวานมากๆ เลยค่ะ แต่พอรอบสองที่เราไปเอา (หลังจากมีคุ้กกี้มาแล้ว รอบแรกยังไม่มีคุ้กกี้ค่ะ แหะๆ) กลับหวานน้อยลงนะคะ น่าจะผสมรสใหม่ค่ะ ฟัวกราส์ค่ะ ของเราเค้าทำมาไหม้ไปหน่อยค่ะ แล้วซอสก็ไม่ช่วยส่งรสเท่าไหร่ เสียดายง่ะ น่าจะอร่อยกว่านี้ เสียดายฟัวกราส์ แหะๆ สลัดและชีสค่ะ บรีอร่อยเช่นเคย สลัดผักกับน้ำสลัดแบบเทาซั่นไอส์แลนด์ก็มาตรฐานทั่วไปค่ะ ส่วนสลัดมันฝรั่ง เราว่าหอมเจียวมันไม่เข้าง่ะค่ะ กลิ่นมันโดดกลบรสแล้วรสของสลัดเองก็ไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ค่ะ ส่วนสลัดซีฟู้ด ก็โอเคค่ะ สำหรับอาหารโมร็อกโกทั้งหมดนะคะ รีวิวเป็นอย่างๆ ไปเลยแล้วกันนะคะ แหะๆ Tagine M’Kali of Chicken รสชาติดีค่ะ เครื่องเทศไม่ได้แรงมากนะคะ เราว่ากินง่ายใช้ได้เลย แต่พอกินกับมะกอกแล้วเราว่าไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ค่ะ รสชาติมันโดดออกจากกันน่ะ
Lamb Stew with Lentil ตัวนี้แกะนุ่มดีค่ะ กลิ่นแกะชัดดี (ถ้าคนไม่ชอบอาจจะไม่ค่อยชอบนะคะ แต่เราชอบน่ะนะ แหะๆ) อร่อยค่ะ
Pastilla ตัวนี้รสชาติจะออกหวานหน่อยๆ ค่ะ มีกลิ่นเครื่องเทศชัดกว่าเมนูแรก แต่ก็ยังไม่ได้แรงเกินไปค่ะ
Couscous with Lamb อร่อยค่ะ เนื้อแกะนุ่มอีกแล้ว ชอบจัง กลิ่นแกะชัดอีกเช่นกันนะคะ อร่อยดีค่ะ
ต่อไปเป็นเมนูไทยๆ กันบ้างนะคะ ตัวข้าวตัง เครื่องหน้าโอเคนะคะ แต่ตัวข้าวตังแข็งไปนิดหนึ่งค่ะ ส่วนลาบเป็ด เครื่องเยอะจัดเต็มดีค่ะ แต่ไม่ได้เผ็ดมากนะคะ ส่วนยำปูอัดรสชาติดีค่ะ ออกหวานนิดหน่อย และยำทะเล รสชาติโอเคค่ะ จะเผ็ดที่สุดในบรรดายำทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้เผ็ดจัดมากนักนะคะ ส่วนตัวน้ำพริกต่างๆ ตัวหลนรสชาติดีค่ะ อ่อนกะทิไปนิด แต่รสชาติและเครื่องจัดเต็มหอมดีค่ะ น้ำพริกปลาสลิดก็อร่อยหละ แต่น้ำพริกกะปิ แม้จะใช้กะปิดี แต่รสชาติยังไม่ค่อยโดนเรานะคะ เราว่าอีกสองตัวนั่นอร่อยกว่าค่ะ
ล็อตต่อไปค่ะ ตัวเนื้อ จะเห็นว่าออกแนวมีเดียมแรร์กันเลยทีเดียว อร่อยดีนะคะ ชุ่มฉ่ำดีค่ะ ส่วนตัวมะตะบะไก่ รสชาติดีค่ะ แป้งออกนุ่มแน่นนะคะ ไม่ได้กรอบนิดๆ เหมือนเจ้าอื่น โรตีก็เหมือนกันค่ะ แป้งนุ่มหนา ไม่กรอบเหมือนกันค่ะ แต่โอทั้งคู่ค่ะ ส่วนเมี่ยง รสชาติโอเคเลยค่ะ ตินิดเดียวตรงกุ้ง ไม่ชอบที่ทอดอะค่ะ มันทำให้สัมผัสไม่คุ้นเท่าไหร่ ถ้าเป็นกุ้งแบบไม่ทอดน่าจะดีกว่านะคะ ต่อไปเป็นขนมไทยกับชาและคุ้กกี้แบบโมร็อกโกนะคะ ซึ่งในบรรดาคุ้กกี้นี่มีกาเซลฮอร์นที่เป็นคุ้กกี้แบบโมร็อกโกดั้งเดิมด้วยนะคะ ซึ่งเราแนะนำว่า ถ้าอยากลองชา ให้กินพร้อมคุ้กกี้ค่ะ จะช่วยส่งรสกันมากกว่านะคะ ถ้ากินคุ้กกี้แยก หรือชาแยก จะไม่อร่อยเท่ากินคู่กันค่ะ แต่ตัวคุ้กกี้ที่มีเมล็ดอัลมอนด์แปะข้างบนนี่อร่อยค่ะ อร่อยสุดในบรรดาสามคุ้กกี้ที่เราเอามาค่ะ ส่วนตัวชาจะมีกลิ่นเฉพาะค่ะ และเทกซ์เจอร์ที่ค่อนข้างมีความหนืดนิดๆ แตกต่างจากชาทั่วไปค่ะ อร่อยดีค่ะ เราชอบนะคะ (ป,ล,แต่แก้วชาเขาสวยดีเนาะคะ ชอบจัง) ส่วนของหวานแบบไทยนะคะ ตัวตะโก้เผือก หอมดีนะคะ แต่รสชาติยังเบาๆ ไป แต่กลิ่นเด่นมากค่ะ หอมมาก ส่วนข้าวเหนียวมูนหน้าปลา ข้าวเหนียวนุ่มดีค่ะ ตัวหน้าปลาก็รสชาติดีค่ะ ส่วนกล้วยบวชชี น้ำกะทิไม่เลี่ยนเกินนะคะ แต่กล้วยมันเปรี้ยวไปนิดหนึ่งน่ะค่ะ ตัวเครปค่ะ เลือกไส้ได้ตามต้องการเลยค่ะ เราเลือกเป็นไส้หมูหยองน้ำพริกเผา แล้วก็บอกไม่ให้เค้าใส่ซอสมะเขือเทศหละ แต่พอกินแล้วรู้สึกว่าใส่ซอสมะเขือเทศน่าจะได้รสชาติที่ดีกว่าและสัมผัสที่สมดุลกว่าหละค่ะ เพราะมันแห้งไปนิดหนึ่งง่ะ ถ้าใครจะสั่งไส้นี้ก็ให้ใส่ซอสมะเขือเทศด้วยแล้วกันนะคะ ซึ่งเราสั่งได้นะคะว่าจะเอาแผ่นเล็กๆ กว่าปกติ อย่างตอนเราสั่งเราก็สั่งแบบนั้นค่ะ (แต่ก็ยังใหญ่พอควรอยู่ดี แหะๆ) ต่อไปไปดูกิจกรรมอื่นๆ ที่มีในช่วงระหว่างนี้เช่นกันนะคะ อันดับแรกที่หน้าห้องอาหารเลยค่ะ จะมีเพ้นท์เฮนน่าให้ฟรีค่ะ ซึ่งวันนั้นน้องชื่น และน้องเหมียวกับผู้ติดตามก็ได้ทดลองกันด้วยนะคะ ช่างทำไวมาก ฝีมือดีมาก มีโรยกากเพชรด้วยนะเอ้า ใกล้ๆ กันก็จะมีน้ำมัน OR’GAN จำหน่ายด้วยค่ะ ซึ่งจะมีคุณลักษณะพิเศษในการที่จะดูดพวกสารพิษที่ตกค้างตามรูขุมขนได้มากถึง 1.6 เท่าค่ะ อย่างเซ็ตในกล่องนั่นราคาปกติอยู่ที่ 4000 บาท แต่เฉพาะในงานนี้จำหน่ายที่ 3000 บาทค่ะ ซึ่งน้องที่เป็นคนดูแลผลิตภัณฑ์ตัวนี้แจ้งว่า ในต่างประเทศนี่ดังมาก แต่คนไทยยังไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่ค่ะ แถมเอาเมล็ดมาให้ดูด้วยค่ะ ทั้งแบบก่อนแกะเปลือกและแบบเนื้อในค่ะ ซึ่งต้นเจ้านี่นี่มีอายุถึง 200 ปีเลยนะคะ เอาข้อมูลอาร์กันออยล์มาให้ดูนะคะ แล้วจะเห็นว่าเป็นน้ำมันที่น่าสนใจขนาดไหน
จากนั้นทางประชาสัมพันธ์ก็พาไปยังอีกโซนหนึ่งค่ะ ซึ่งจะมีของตกแต่งแบบโมร็อกโกจำหน่ายค่ะ สวยงามทั้งนั้นเลย ถ้าใครชอบสไตล์นี้มาดูได้นะคะ งานฝีมือสวยมากๆ ค่ะ ถัดไปด้านในก็จะมีมุมให้ถ่ายรูป โดยของตกแต่งทั้งหมดนี่มาจากบ้านท่านฑูตเลยนะคะ สวยงามมากๆ เลยแหละค่ะ ให้ดูภาพหมู่ของบรรดาบล็อกเกอร์ที่ไป ทั้งที่ตรงฉากประกอบที่ประดับด้วยของใช้ต่างๆ จากบ้านท่านทูต และรูปที่พวกเราได้ถ่ายกับท่านทูต H.E. Mr. Abdelilah EL HOUSNI ท่านทูตแห่งราชอาณาจักรโมร็อกโกประจำประเทศไทยค่ะ สรุปสำหรับการกินบุฟเฟท์ที่นี่นะคะ บอกเลยว่ามีช้อยส์ให้เลือกหลากหลายมากเลยหละค่ะ (เราเองมาสองรอบแล้ว กินไม่ซ้ำยังไม่ครบเลยง่า) และถ้าใครอยากลองกินอาหารโมร็อกโก ก็ถือว่าเป็นอาหารที่ไม่ได้กินยากนะคะ เมนูแกะที่เรากินทั้งสองตัวอร่อยหละค่ะ (แต่กลิ่นแกะชัดหน่อยนะคะ ซึ่งเราชอบหละ อิอิ) แล้วก็ไม่ใช่อาหารชาติที่เราจะหากินกันได้ง่ายๆ เท่าไหร่นะคะ รวมทั้งข้าวของต่างๆ จากบ้านท่านทูตที่นำมาประดับตกแต่งไว้ให้ถ่ายรูปก็สวยงามน่าชมมากๆ เลยหละค่ะ ถ้าท่านใดจะไป ก็ต้องไปภายใน 11 ตุลาคมนี้เท่านั้นนะคะ
張貼