更多
2012-04-23
19 瀏覽
เวลาต้องไปทำธุระในสถานที่ๆ ไม่ค่อยจะเป็นเส้นทางประจำเพื่อนๆ ประสบปัญหาเรื่องการวางแผนการเดินทาง และการกะเวลากันบ้างไหมครับ ผมนี่ประจำเลยไม่ว่าใกล้ หรือไกล ปัญหาคือถ้าไม่ใช่เส้นทางประจำจะกะเวลาไม่ถูก แต่ที่แน่ๆ เพื่อเวลาไว้ก่อนดีกว่าผิดเวลา ผิดนัดเป็นดีที่สุด ถนนเพชรบุรีเป็นที่ที่ผมจะต้องเดินทางไปทำธุระ แต่เนื่องจากว่าไปก่อนเวลานัด (จริงๆ ไปตรงเวลานัด แต่เพื่อนต่างหากผิดเวลานัด) ก็เลยต้องหาที่รอ โชคดีที่ MRT เพชรบุรีทางออกที่ 1 เมื่อเดินออกมาจะพบกับร้านกาแฟอยู่ด้านหน้าพอดี สบโอกาสใช้เป็นสถานที่นั่งรอเพื่อนพร้อมดื่มกาแฟรอไปด้วยดีกว่า ร้านนี้อยู่ตรงทางขึ้นของทางออกพอดีและเป็นร้านที่อยู่ตรงมุมตึกแถวใกล้กับสี่
เวลาต้องไปทำธุระในสถานที่ๆ ไม่ค่อยจะเป็นเส้นทางประจำเพื่อนๆ ประสบปัญหาเรื่องการวางแผนการเดินทาง และการกะเวลากันบ้างไหมครับ ผมนี่ประจำเลยไม่ว่าใกล้ หรือไกล ปัญหาคือถ้าไม่ใช่เส้นทางประจำจะกะเวลาไม่ถูก แต่ที่แน่ๆ เพื่อเวลาไว้ก่อนดีกว่าผิดเวลา ผิดนัดเป็นดีที่สุด ถนนเพชรบุรีเป็นที่ที่ผมจะต้องเดินทางไปทำธุระ แต่เนื่องจากว่าไปก่อนเวลานัด (จริงๆ ไปตรงเวลานัด แต่เพื่อนต่างหากผิดเวลานัด) ก็เลยต้องหาที่รอ โชคดีที่ MRT เพชรบุรีทางออกที่ 1 เมื่อเดินออกมาจะพบกับร้านกาแฟอยู่ด้านหน้าพอดี สบโอกาสใช้เป็นสถานที่นั่งรอเพื่อนพร้อมดื่มกาแฟรอไปด้วยดีกว่า ร้านนี้อยู่ตรงทางขึ้นของทางออกพอดีและเป็นร้านที่อยู่ตรงมุมตึกแถวใกล้กับสี่แยกอโศก ดินแดงครับ สังเกตุไม่อยาก เป็นร้าน Open Air
หลายๆ คนที่เคยเห็นผมรีวิวกาแฟ ก็คงจะจำคำพูดของผมได้นะครับว่า กาแฟก็คือกาแฟ ยากแท้จะรีวิวบรรยาย แต่สำหรับครั้งนี้ เนื้อหาที่นำเสนอคงจะไปอยู่ที่ตัวร้าน และบรรยากาศมากกว่าครับข้อสังเกตุแรก เหมือนชื่อร้านจะไม่ชัดเจนจากป้ายที่เห็น เพราะตัวป้ายเน้นไปที่ตัวผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายซะมากกว่า นั่นคือ กาแฟและเบียร์ งงใช่ไหมครับสองอย่างมาอยู่รวมที่เดียวกัน ก็เลยต้องสอดส่องหาข้อมูลภายในร้านและถามเจ้าของร้านสักนิดนึงเพื่อไขความข้องใจ ความว่า ร้านนี้ช่วงเช้าถึงบ่ายจะขายกาแฟครับ เนื่องจากเจ้าของร้านกาแฟขอเช่าที่เดียวกันทำธุรกิจในตอนเช้าเป็นร้านกาแฟ สังเกตุนิดนึงก็จะเห็นป้ายเล็กๆ ภายในร้านเขียนว่าร้าน “Café in Plern Plern” น่าจะตั้งมาเพื่อให้ใช้ชื่อได้ทั้งแบบกลางวัน(กาแฟ) และกลางคือ (เบียร์)
เป็นช่วงเวลา 9 โมงเช้า แต่เชื่อไหมครับว่า เจ้าของร้านชงกาแฟเหงื่อท่วมตัว ไม่ใช่คิวรอเยอะหรอกครับ แต่ประเทศไทยนี่มันร้อนน่าดู ขนาดอยู่มาตั้งแต่เกิด เมืองนอกมีหิมะตกก็ไม่เคยไป ยังต้องปรับตัวทุกหน้าร้อนที่อุณหภูมิเพิ่มขึ้นทุกทีสิ ซึ่งลูกค้าอย่างผมนั่งรอก็เหงื่อท่วมด้วยเช่นกัน โชคดีได้บริการจากเจ้าของร้านใจดี เปิดพัดลมกระหน่ำให้ชนิดเปิดหัวเถิกกันไปข้างเลย สะใจมาก
Cappuccino เป็นกาแฟที่สั่งดื่มครับ เจ้าของร้านอัธยาศัยดีมาก ถามว่าชอบหวานไหม บอกตามตรงเวลาเจอคำถามนี้ตอบยากครับ เคยตอบบางร้านไปว่าหวาน เล่นซะน้ำตาลหก เคยบอกบางร้านไปว่าพอดี แต่พอดีของเค้านี้รสกาแฟเบาเหมือนน้ำแข็งละลายซะเจือปน บอกว่าไม่หวาน บางร้านก็เล่นเอาจนขม สรุปเอาไงดี วันนี้ดูแล้วว่าต้องทำธุระที่อื่นต่อด้วย บอกไปก่อนละกันว่าไม่หวาน สรุป เล่นเอาซะหาน้ำตาลไม่เจอ (ผมผิดเอง เพราะจริงๆ ควรจะบอกไปว่า เอาหวานน้อย น่าจะเคลียร์กว่า)
แต่สรุปดื่มรอเพื่อนไปได้สักพัก เหมือนคุณเจ้าของร้านจะสังเกตุเห็นว่ากาแฟไม่พร่อง เลยถามว่ากาแฟขมไปเปล่า เพราะเห็นผมบอกว่าไม่หวาน ก็เลยใส่น้ำตาลนิดเดียว ผมก็เผลอบอกไปตรงๆ ว่า ขมเล่นตาแข็งเลย คุณเจ้าของบอกว่างั้นไม่ต้องดื่มแล้ว เดี๋ยเค้าชงให้ใหม่ (ประทับใจมาก) แต่ผมคิดว่ามันเป็นความผิดผมเองที่สื่อสารออกไปไม่ดี เลยปฎิเสธอีกอย่างวันนี้มีธุระยาวทั้งวัน ตาจะได้สว่างไปเลย ต้องขอบคุณในอัธยาศัย และไมตรีจากเจ้าของร้านมากๆ 
แหม! แต่ไม่อยากบอกเลยว่า รอเพื่อนจะเซ็งขนาดไหน กาแฟจะขมยังไง แต่ที่รอเพลิน เพลินไปได้เรื่อยๆ ก็ตรงที่เจ้าของเปิดเพลงสากลประมาณยุค 70-80 ที่ชื่นชอบให้ฟังไปเรื่อยๆ และที่สำคัญ มีลูกค้าโต๊ะถัดไป หน้าตาหล่อมากกกกกก ให้แอบมองเพลินๆ มันก็เลยได้ใช้สายตาละเลียดดูอย่างช้าๆ เพิ่มความหวานทางสายตาเวลาดื่มกาแฟขมๆ ได้เป็นอย่างดีเลย 555張貼
