更多
2016-07-22
48 瀏覽
สำหรับวันนี้จะพาไปรับประทานอาหารกันที่ร้านที่มีมาอย่างยาวนาน (แต่ข้าพเจ้าเพิ่งจะได้ไปกิน เชยชะมัด) นั่นก็คือร้านขวัญจิตร ณ พหลโยธิน 34 นั่นเองหละค่าาเว็บไซต์ของทางร้านhttp://www.kwanchitr.info/เฟซบุ๊คของร้านhttps://web.facebook.com/Kwanchitrrestaurant/เปิดตัวกันด้วยเมนูบางส่วนที่ได้หม่ำ ณ วันนั้นแล้วกันนะฮ้าบบบบสำหรับพิกัดของร้านนะคะ เราเอารถไปค่ะ ก็พอเลยเมเจอร์รัชโยธินไป ให้ขับจนเลยแยกเสนาฯ ไป เลยแยกเกษตรฯ ไป แล้วก็ยูเทิร์นค่ะ จากนั้นก็วิ่งมาทางพหลฝั่งเลขคู่เรื่อยๆ พอเจอซอย 34/2 ให้เริ่มชะลอ พอเลยซอย 34/1 มาก็จะเจอร้านขวัญจิตรอยู่ริมถนนเลยนะคะ แต่ถ้าเลี้ยวไม่ทันจะไปเข้าทางซอย 34 ก็ได้ค่ะ เลี้ยวเข้
เว็บไซต์ของทางร้าน
http://www.kwanchitr.info/
เฟซบุ๊คของร้าน
https://web.facebook.com/Kwanchitrrestaurant/
เปิดตัวกันด้วยเมนูบางส่วนที่ได้หม่ำ ณ วันนั้นแล้วกันนะฮ้าบบบบ สำหรับพิกัดของร้านนะคะ เราเอารถไปค่ะ ก็พอเลยเมเจอร์รัชโยธินไป ให้ขับจนเลยแยกเสนาฯ ไป เลยแยกเกษตรฯ ไป แล้วก็ยูเทิร์นค่ะ จากนั้นก็วิ่งมาทางพหลฝั่งเลขคู่เรื่อยๆ พอเจอซอย 34/2 ให้เริ่มชะลอ พอเลยซอย 34/1 มาก็จะเจอร้านขวัญจิตรอยู่ริมถนนเลยนะคะ แต่ถ้าเลี้ยวไม่ทันจะไปเข้าทางซอย 34 ก็ได้ค่ะ เลี้ยวเข้าซอยแล้วก็จะมีทางให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางข้างร้านได้อีกทางนะคะ ทั้งหมดนี้คือ ถึงก่อนร.พ.เมโยค่ะ
อันซ้ายบนนี้คือทางเข้าจากด้านพหลโยธินค่ะ ส่วนรูปขวาล่างจะเป็นทางเข้าทางซอยพหลโยธิน 34 นะฮับ สำหรับที่จอดรถ บริเวณแถวๆ ร้านทั้งหมดจะจอดได้ราว 30-40 คันค่ะ จากนั้นจะต้องไปจอดด้านในซอยเข้าไปอีก ก็จอดได้อีกหลายสิบคันเช่นกันนะคะ
ร้านจะมีด้วยกันสามอาคารค่ะ อาคารหลังแรกจะเป็นอาคารที่อยู่ด้านริมถนนพหลโยธิน จะเน้นขายพวกเบเกอรี่ ของกินเล่นต่างๆ รวมทั้งไอศกรีมและเค้กด้วยนะคะ (เป็น outsource ค่ะ) หรือหากใครจะซื้อไส้กรอก ผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของร้านนี้ก็สามารถซื้อได้เช่นกันค่ะ ซึ่งโซนนี้หากมาในช่วงเวลาเช้าราว 8.30 ก่อนช่วง 10 หรือ 11 โมง จะเป็นโซนเดียวที่เปิดนะคะ ซึ่งก็สามารถใช้บริการตรงนี้ได้ค่ะ (ร้านนี้เปิด 8.30-22.00 น.นะคะ มากินกันได้ทุกมื้อเลยทีเดียวค่า) ส่วนอีกสองอาคารซึ่งจะเปิดในเวลาสายกว่า จะเป็นอาคารเรือนกระจก และอาคารซึ่งเป็นบ้านเก่าที่นำมาดัดแปลงค่ะ อาคารเรือนกระจก ค่อนข้างโปร่งๆ ตามภาพนะคะ จะเป็นส่วนที่สองที่เปิดมาเป็นร้านอาหารค่ะ ส่วนอาคารอีกหลังจะเป็นบ้านเก่าอายุ 80 ปีเลยค่ะ และเคยถูกปิดตายอยู่ราว 20 ปี ก่อนที่เมื่อสามปีก่อน คุณหนึ่ง ทายาทรุ่นที่สามที่ดูแลร้านนี้จะนำมาดัดแปลงเป็นอีกส่วนของร้านอาหารนะคะ ซึ่งอาคารหลังนี้จะมีทั้งโซนห้องแอร์ โซนเอาท์ดอร์ตรงระเบียง และโซนริมน้ำ ซึ่งตอนแรกเรานึกว่าคลองค่ะ ก่อนคุณหนึ่งจะบอกว่าเป็นสระน้ำในบ้านครับ ฮาา แต่ในช่วงฤดูฝนนี่โซนริมคลองจะปิดนะคะ เนื่องจากฝนตกบ่อยค่ะ นอกจากนั้นชั้นสองของอาคารนี้จะเป็นห้องวีไอพีด้วยนะคะ ซึ่งหากกินถึงยอดที่กำหนดก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มค่ะ (กิน 10000 บาทขึ้นไป) ห้องวีไอพีมีทั้งสิ้น 12 ที่นั่งนะฮับ แต่ที่ชั้นล่าง หากต้องการความเป็นส่วนตัว ก็มีส่วนที่เป็นห้องซึ่งมีประตูกั้นด้วยนะคะ ตอนแรกทางคุณหนึ่งเตรียมตรงนี้ไว้ให้ แต่ไปๆ มาก็ย้ายไปเรือนกระจกกันค่ะ เพราะจะถ่ายรูปง่ายกว่าน่ะนะ แฮ่...
และนี่คือคุณหนึ่ง ยอดขวัญ ลุลิตานนท์ ทายาทรุ่นที่สามที่ดูแลร้านขวัญจิตร ณ ปัจจุบันนะคะ (รุ่นแรกจะเป็นคุณป้าของคุณหนึ่งค่ะ) เท่าที่สัมผัสกันวันนั้น คุณหนึ่งเป็นคนอัธยาศัยดีมากกกก แบบว่าเป็นเจ้าของร้านที่ช่วยลูกน้องดูแลแขก ช่วยเสิร์ฟ แล้วก็แบบ..ไม่เห็นคุณหนึ่งหงุดหงิดอะไรใครเลยค่ะ (แม้ว่าคณะเราจะวุ่นวาย เรื่องมากแค่ไหนก็ตาม ฮา) ซึ่งการมาดูแลร้านนี้ ก็เกิดจากตอนที่คุณหนึ่งกลับมาจากต่างประเทศ เมื่อปี 2003 (2546) แล้วก็เห็นว่า ร้านเดิมที่มีอยู่ (ตรงเบเกอรี่ ณ ปัจจุบัน) ซึ่งจำหน่ายเฉพาะไส้กรอก น่าจะได้รับการขยับขยาย โดยเริ่มจากมีที่นั่ง 4-5 โต๊ะ แต่พอ 4-5 เดือนต่อมา ปรากฏว่าลูกค้าเยอะขึ้นๆ ในที่สุดก็สร้างเรือนกระจกเพิ่มขึ้นค่ะ แล้วก็ขยายที่ริมน้ำ จนเมื่อสามปีที่แล้วก็ทำการบูรณะตัวบ้านเก่าที่ปิดตายให้เป็นร้านอีกค่ะ
แต่ถึงจะมีสามโซนแล้ว แต่ขอบอกว่า พอตอนเที่ยงปุ๊บนี่เต็มทุกที่นั่งนะฮ้าบบบ เหอๆ เพราะฉะนั้น...แนะนำให้โทร.จองก่อนดีกว่าค่ะ (วันที่เราไปเป็นวันหยุดอาสาฬหบูชาด้วยนะคะ)
และจากการพูดคุย ก็ทำให้ทราบว่า ที่ร้านส่วนใหญ่ถ้าเป็นวันธรรมดา จะเป็นชาวออฟฟิศกันค่ะ แต่ถ้าเป็นวันหยุดหรือเสาร์อาทิตย์ ก็จะเป็นแนวครอบครัวกันนะคะ อย่างวันนั้นที่เราไปก็มีมาเป็นครอบครัวกันซะเยอะเลยหละค่ะ
มาดูเมนูของร้านนี้กันบ้างดีกว่านะคะ ราคาก็สูงอยู่ ตามระดับของทางร้านหละค่ะ เนื่องจากตัวอักษรเล็กมาก จะลงรูปแบบไม่รวมรูปให้บางอันนะคะ แต่อันอื่นขอรวมรูปหน่อย ไม่งั้นจะเยอะเกิ๊น
เอาหละค่ะมาดูกันว่าวันนั้นได้ลองอะไรกันไปบ้างเนาะคะ เริ่มจากเครื่องดื่มกันก่อนเลยค่าาา น้ำมะเฟืองปั่น - ไม่ได้ชิมค่ะ ดูหน้าตาเฉยๆ แล้วกันนะคะ
น้ำพั้นช์ปั่น - ของเราเอง สดชื่นมากค่ะ ไม่หวานจัด หวานกำลังดี เปรี้ยวแฝงนิดๆ
ชาเขียวน้ำผึ้งมะนาวปั่น - แทบไม่ได้รสชาเขียวเลยค่ะ น้ำผึ้งกับมะนาวเด่นมาก หอมน้ำผึ้งและเปรี้ยวมะนาวค่ะ เราชอบนะคะ อร่อยดีอ้ะ
หิมาลายา - เป็นน้ำแอปเปิ้ลเขียวผสมกับน้ำกีวี่ค่ะ รสและกลิ่นแอปเปิ้ลเขียวเด่นมากกกกกก (ซึ่งเราไม่ชอบแอปเปิ้ลเขียวค่ะ เลยไม่ชอบบบบ) รสจะเปรี้ยวเด่นนะคะสำหรับตัวนี้
เริ่มเข้าสู่อาหารกันค่ะ กับจานแรกของเรา ข้าวหมูอบพร้อมสลัด ราคา 150 บาท+เซอร์วิสชาร์จ 10% ค่ะ คุณหนึ่งบอกว่า เป็นเมนูอาหารกลางวันประจำบ้านของบ้านคุณหนึ่งเลยค่ะ ตอนเด็กๆ จะได้กินกันบ่อยมากๆ ตัวหมูทำมาได้ดีค่ะ หอมมาก และนิ่มเปื่อยพอควร แต่ยังไม่ถึงกับเละนะคะ ตัวซอสที่ให้มาสองตัว ตัวที่เป็นเหมือนน้ำเกรวี่ที่อยู่ในถ้วยทรงสูงเราว่าช่วยส่งรสชาติให้อร่อยกว่าตัวที่เหมือนน้ำจิ้มแจ่วค่ะ จะทำให้รสออกมาละมุนพอดีมากกว่า ตัวน้ำจิ้มแจ่วมันเค็มไปนิดนะคะ แหะๆ
ส่วนตัวสลัดที่เป็นไซด์ดิชนั้น...สารภาพว่าไม่ได้กินค่ะ แหะๆ
ต่อไปค่ะ กับเมนูอันโด่งดังของร้านนี้ ไส้กรอกขวัญจิตร (พร้อมโบโลน่า) 380 บาท+ นะคะ ตัวไส้กรอกจะมีด้วยกันสามแบบค่ะ ส่วนโบโลน่า ปกติมีห้าคือเนื้อวัว 2 และหมู 3 แต่วันนั้นเรากินแต่หมู 3 แบบนะคะ ซึ่งโบโลน่าหมูก็จะประกอบด้วยแบบธรรมดา (ไม่มีพริก) แบบพริก และแบบพริกไทดำค่ะ
ส่วนไส้กรอกนะคะ ตัวอันเล็กกรอบเด้งมาก เนื้อหมูมาเต็มค่ะ ตัวใส่พริก พริกหอมมาก เผ็ดจัดแบบพริกดีค่ะ ปลาบปลื้มที่สุดค่ะ ส่วนตัวพริกไทดำก็พริกไทมาเต็มอีกเช่นกันค่ะ ผักดองที่แนมมาก็รสชาติกำลังดี ไม่เปรี้ยวปรี๊ดเกินด้วย
โบโลน่าก็ยังชอบตัวพริกอีกเช่นกันค่ะ ที่นี่ใช้พริกดีทำอ้ะ น่าจะเป็นพริกขี้หนูสวนนะคะ ใช้พริกแบบที่เต็มสมบูรณ์ความเป็นพริกทั้งรสเผ็ดและกลิ่นค่ะ ไม่เหมือนพริกอื่นๆ ที่เราเจอในร้านส่วนใหญ่ของกรุงเทพฯ ไม่เผ็ด ไม่หอมง่าา
ต่อไปค่ะกับเมนู พล่าปลาแซลมอน 280 บาท+ เป็นอีกตัวที่เราชอบค่ะ แบบว่ารสชาติไม่เผ็ด แต่จัดกำลังดี เครื่องเครามาเต็มมากๆๆ อร่อยสุดๆ ค่ะ เสียดายว่าพอสักพักรสชาติจะดร็อปลง (ตามประสาพล่าและยำของไทยหละนะคะ) เพราะฉะนั้นถ้าใครสั่งเมนูนี้อย่าปล่อยนานนะคะ จัดการโดยไวค่ะ แฮร่...
มาที่หมวดพาสต้ากันบ้าง วันนั้นได้ลองสองเมนูค่ะ
เมนูแรกกับสปาเก็ตตี้หอยลายไวน์ขาวนะคะ ราคา 330 บาท+ ค่ะ เส้นลวกมาได้อัลดันเต้มากค่ะ ชีสแม้จะไม่ชุ่ม แต่ทั่วถึงคลุกเคล้าเส้นดีมาก กลิ่นนี่หอมสุดๆ ค่ะ อร่อยแบบตะวันตกเลยเชียว
ต่อไปกับอีกหนึ่งพาสต้าค่ะ ลิงกวินี่โหระพาอกเป็ด ราคา 330 บาท+ นะคะ ตัวนี้คือสุด คือดีงามสยามประเทศสำหรับสายแซ่บมากค่ะ อร่อยมาก เผ็ด หอม รสชาติมาเต็มแบบ...ไม่รู้จะบรรยายยังไง อร่อยมากๆ ค่ะ ชอบ ปลาบปลื้ม เชียร์อย่างยิ่งสำหรับคนชอบกินสายแซ่บค่ะ เส้นนิ่มกว่าตัวแรก แต่รสชาตินี่แบบว่า...โดนสุดๆ ค่ะ อร่อยๆ Smiley
ต่อไปกับอีกหนึ่งจานหลักค่ะ ริบอายสเต็ก ราคา 780 บาท (ใช้เนื้อน้ำหนัก 250 กรัมนะคะ) ซึ่งเลือกได้ว่าจะเอาซอสพริกไท ซอสกระเทียม ซอสบาร์บีคิวหรือครีมเห็ดค่ะ แต่วันนั้นได้กินซอสพริกไทกัน ตัวเนื้อริบอายนุ่มและแน่นตามสไตล์ริบอายส์นะคะ เราชอบ rare กว่านี้อีกหน่อยค่ะ แต่โดยรวมก็โอเคค่ะ ไม่ได้สุกจนเสียเนื้อนะคะ ส่วนซอสนี่มาเต็มมากๆ พริกไทยังกะยกมาทั้งสวน ชอบมากค่ะ ไม่หวงเครื่องเลยอ้ะ อร่อย
ส่วนตัวมันฝรั่งทอดนี่มาตรฐานค่ะ ไม่ได้เด่นไปจากที่อื่นๆ นะคะ
ปลาคอดอบชีส 500 บาท+ ค่ะ ตัวนี้รสจะเบากว่าตัวเนื้อ (แน่นอนสิยะ) เนื้อปลาไม่แห้งค่ะ ทำมาสุกกำลังดี ยังมีความชุ่มและมีเนื้อหนังของความเป็นปลาอยู่ แต่ไม่คาวเลยนะคะ แล้วก็หอมดีด้วยค่ะ
เราชอบตัวมันบดมาก เนื้อเนียน และหอมเนยค่ะ สำหรับใครที่นิยมปลา เมนูนี้ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ ส่วนตัวผักที่แนมมาด้วย ไม่ได้ชิมค่ะ แหะๆ ขออภัย (แบบว่ามันหลายเมนูจัดง่า)
กุ้งทอดซอสมะขาม ราคา 500 บาท+ ค่ะ ตัวนี้สำหรับเรา ซอสรสเข้มข้นและหนืดเกินไปนิดหนึ่งค่ะ เราชอบแบบเหลวกว่านี้อีกหน่อยค่ะ กุ้งมาตัวใหญ่ดี แต่ไม่เด้งมากนักนะคะ
ต่อไปค่ะกับอีกหนึ่งเมนูที่ทางร้านแนะนำนะคะ กับขาหมูเยอรมันทอด 550 บาท+ ตัวนี้ตั้งขามากันเลยทีเดียวค่ะ มาพร้อมกับน้ำจิ้มที่แตกต่างไปจากร้านอื่นๆ ตามภาพเลยนะคะ
เป็นอีกตัวที่ต้องกินตอนร้อนนะคะ ไม่อย่างนั้นจะเหนียวค่ะ หนังกรอบ ข้างในเปื่อยกำลังดีค่ะ แต่ตัวน้ำจิ้ม เราชอบแบบออกแนวน้ำจิ้มซีฟู้ดมากกว่าค่ะ น้ำจิ้มตัวนี้เราว่าหวานไปนิด ทำให้ช่วยตัดเลี่ยนไม่ค่อยได้ค่ะ รวมทั้งซอสที่ให้มาก็ออกหวานนิดๆ เช่นกัน ทำให้ไม่ได้ช่วยตัดเลี่ยนน่ะนะคะ ดีว่ามีมัสตาร์ด เลยพอจะป้ายแก้กันได้บ้างค่ะ
ผักโขมอบชีส 220 บาท+ ตัวนี้เราไม่ค่อยโดนนักค่ะ เราชอบชีสแบบชุ่มๆ ลงไปในตัวผักมากกว่านี้อะนะคะ
หมดคาวสักที เย้ๆๆ มาที่ของหวานกันบ้างคร่าาา ซึ่งเมนูก็จะแบ่งออกเป็นสองเมนูตามภาพเลยนะคะ เป็นเมนูพวกเค้ก พาย ไอศกรีมและชา กับเมนูไอศกรีมซึ่งเป็นยี่ห้อ Below Eleven ค่ะ ของหวานแรกที่มาค่ะ มิสพาย 130 บาท+ ตัวนี้เนื้อจะออกแนวครีมๆ และมีรสโยเกิร์ตด้วยค่ะ มินท์ไม่ชัดเจนมากนักนะคะ
ส่วนเค้กที่ได้ลองก็มีดังนี้ค่ะ บานอฟฟี่ 90 บาท+ - โอเคค่ะ มาตรฐาน แต่ตัวฐานที่เป็นโอรีโอ้บด นิ่มไปหน่อยค่ะ
เค้กมะพร้าวอ่อน 95 บาท+ - ชอบสุดในบรรดาเค้กที่ได้กินวันนั้นค่ะ อร่อย เนื้อนิ่ม หอมมะพร้าวอ่อนๆ และเนื้อมะพร้าวที่โปะหน้ามาก็นิ่มอ่อนอร่อยค่ะ
เครปเค้ก 130 บาท+ - ตัวชั้นเครปแป้งมันลื่นไปหน่อยค่ะ เทกซเจอร์สำหรับเราเลยไม่โอเคเท่าไหร่
มาร์ชเมลโลว์บราวนี่ 100 บาท+ - เราชอบตัวเนื้อบราวนี่นะคะ โอเคอยู่ค่ะ
ต่อไปเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของการมากินที่นี่ค่ะ ใครมาที่นี่ไม่อยากให้พลาดเลย ต้องกินค่ะ กับไอศกรีม Below Eleven นะคะ
จานแรกที่มาเป็นชุด Yellow&Red ค่ะ ราคา 140 บาท+ นะคะ เป็นรสมะม่วงกับเบอร์รี่ (ไอศกรีมตัวนี้ถ้าสั่งแยกจะอยู่ที่สกู๊ปละ 80 บาทนะคะ) มะม่วงนี่แบบว่ามะม่วงมากกกกกกกก เบอร์รี่ก็เบอร์รี่มาทั้งสวนกันเลยทีเดียว รสชัดมาก อร่อยมากค่ะ (ไอศกรีมยี่ห้อนี้จะละลายเร็วหน่อยนะคะ โดยเฉพาะตัวเนื้อซอร์เบท์ทั้งหลายนี่แป๊บๆ ละลายหมดแว้ววว)
ต่อไปยังคงเป็นชุด 2 สกู๊ปค่ะ Chocolate Rehab 140 บาท+ เช่นกัน เป็น Guanaja Chocolate Shorbet กับ Dark Valrhona Chocolate ค่ะ
รสช็อกโกแลตเข้มข้นมว้ากกกก คนรักช็อกโกแลตปลื้มมมมค่ะ อร่อยแหละ
และปิดท้ายด้วยชุดสามสกู๊ปค่ะ Tropical Trio 190 บาท+ เป็นรสแพสชั่นฟรุต มะม่วง และลิ้นจี่นะคะ
ตัวแพสชั่นฟรุตนี่เปรี้ยวและแพสชั่นฟรุตมากกกกกก คนชอบผลไม้ตัวนี้กรี๊ดกันใหญ่ค่ะ ส่วนเราชอบลิ้นจี่ แม้จะมีเสียงบ่นว่าหวาน แต่เราชอบอ้ะ ไมอ้ะ ไมอ้ะ 555
ส่วนถ้าใครชอบแบบไอศกรีมแฟนซีหน่อย ก็มีเมนูนี้นะคะ แต่ดูในชื่อเมนูแล้วไม่แน่ใจว่ามันจะชื่ออะไรราคาเท่าไหร่แฮะ ตัวนี้เราว่าเครื่องเครามันกลบไอศกรีมไปหน่อยค่ะ แต่ชอบที่ใช้พีชสดเลย อร้อยอร่อยแหละ
ปิดท้ายมื้อกันด้วยนูเทลล่าชีสเค้ก 150 บาท+ค่ะ อร่อยนะคะตัวนี้ ชอบรองลงมาจากเค้กมะพร้าวหละค่ะ ส่วนชาเราเลือกเอิร์ลเกรย์ค่ะ ราคา 70 บาท+ นะคะ
ซึ่งถ้าใครติดใจไอศกรีมบีโลว์อีเลฟเว่น ก็สามารถซื้อกลับบ้านกันได้นะคะ กระปุกเล็กก็สูงประมาณที่วัดให้เห็นในรูป อยู่ที่ 129 บาทค่ะ ส่วนกระปุกใหญ่ สูงเกือบคืบอยู่ที่ 489 บาทนะคะ ซึ่งทางร้านจะใส่ในถุงเก็บอุณหภูมิและใส่กล่องโฟมให้อีกทีค่ะ เก็บได้นานพอควรนะคะ ของเราเองสี่สิบนาที (อยู่ในรถแอร์และห้างฯ) ก็ยังไม่ละลายค่ะ โอเคอยู่ค่ะ วันนั้นก็ได้ชิมรส Pure Arabica Coffee เพิ่ม แบบว่า...คนรักกาแฟคงโปรดมาก เพราะเอาไปกินกับพี่ที่ชอบดื่มกาแฟ เจ๊แกซัดคนเดียวหมดได้เลยน่ะค่ะ (เราชิมไปแค่สองคำ) ขมเข้มและแทบไม่หวานเลยค่ะ แบบว่า..กาแฟมาทั้งไร่จริงๆ สุดยอดมาก เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อของไอศกรีมที่เราชอบหละค่ะ
สรุปสำหรับที่นี่นะคะ
เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารเก่าแก่ที่สร้างความประทับใจสำหรับเราได้ในหลายเมนูเลยค่ะ โดนที่สุดจะเป็นลิงกวินี่โหระพาอกเป็ด รสจัดจ้านถูกใจสายแซ่บอย่างเรามาก พล่าแซลมอนก็ดีงาม ไส้กรอกขวัญจิตรก็อร่อยค่ะ และไอศกรีมของ Below Eleven ก็ดีงามทุกรสเลย จัดเต็มกันมากๆ ค่ะ
張貼