更多
2013-03-24
54 瀏覽
ด้วยกิจกรรมชิงรางวัลสุดใจป้ำของ Openrice ทำให้ผึ้งน้อยได้บินไปเที่ยวเชียงใหม่แบบชิลล์ๆด้วยสายการบิน Bangkok Airways กับคุณพี่สาว ซึ่งแน่นอนว่าผึ้งน้อยย่อมตระเวนชิมตามร้านนู้นร้านนี้ตามประสานักชิมล่ะค่ะเสียดายที่วันแรกกว่าจะได้ชิมเป็นเรื่องเป็นราวก็มื้อเย็นแล้วค่ะ เพราะกลางวันไปเริ่งร่าอยู่ที่ Zoo Aquarium ก็ทาน Food Court แบบง่ายๆไปพอตกเย็นผึ้งน้อยเลยไปเดินหาร้านเหมาะๆเพื่อทำการแลนดิ้งที่ถนนนิมมาน โดยมีร้านกาแฟที่คุณเพื่อนย้ำนักย้ำหนาว่าต้องไปแวะให้ได้ตั้งอยู่ที่หน้าปากซอย 3 ข้างๆร้านโรตี GU ค่ะผึ้งน้อยนั่งรถแดงจากหน้ามช.ข้ามมา 2 แยกไฟแดง แล้วพี่รถแดงก็มาจอดให้ที่ปากทางเข้าถนน เดินเข้ามานิดเดี่ยวก็ถึงแล้วค่ะ เดินทางสะดวกมากมา
เสียดายที่วันแรกกว่าจะได้ชิมเป็นเรื่องเป็นราวก็มื้อเย็นแล้วค่ะ เพราะกลางวันไปเริ่งร่าอยู่ที่ Zoo Aquarium ก็ทาน Food Court แบบง่ายๆไป
พอตกเย็นผึ้งน้อยเลยไปเดินหาร้านเหมาะๆเพื่อทำการแลนดิ้งที่ถนนนิมมาน โดยมีร้านกาแฟที่คุณเพื่อนย้ำนักย้ำหนาว่าต้องไปแวะให้ได้ตั้งอยู่ที่หน้าปากซอย 3 ข้างๆร้านโรตี GU ค่ะ
ผึ้งน้อยนั่งรถแดงจากหน้ามช.ข้ามมา 2 แยกไฟแดง แล้วพี่รถแดงก็มาจอดให้ที่ปากทางเข้าถนน เดินเข้ามานิดเดี่ยวก็ถึงแล้วค่ะ เดินทางสะดวกมากมาย
แม้ผึ้งน้อยและคุณพี่สาวจะไม่ใช่คอกาแฟแต่ยังไงก็อยากลองค่ะหน้าร้านแอบมืดไปนิดนึง แต่การจัดหน้าร้านเก๋ดีค่ะ ร้านขนาด 1 ห้องแถว แบบ Open air แบ่งที่นั่งเป็นด้านในร้านกับหน้าร้าน ทั้งสองส่วนเป็นที่นั่งแบบสบายๆในโทนสีของกาแฟ ในร้านมีป้ายกระดานที่เขียนรายละเอียดเกี่ยวกับกาแฟไว้เต็มไปหมดเลย และดูเหมือนจะมีชั้น 2 ด้วยแต่ผึ้งน้อยไม่ได้ขึ้นไปดูค่ะ ชื่อร้าน Riste8to ถามจากคุณพนักงานเรื่องการออกเสียงมาได้ว่า ริส-เทส-โต้ ค่ะ
ส่วนสาเหตุที่ใช้เลข 8 แทนตัวอักษร S และราคากาแฟยังลงท้ายด้วย 8 นั่นเป็นเพราะคุณเจ้าของร้านถือเคล็ดว่าเลข 8 มีลักษณะเหมือนกับสัญลักษณ์ Infinity (∞) นั่นเอง
จากข้อมูลที่ได้มา กาแฟเด็ดของที่นี่ต้องกาแฟร้อนค่ะ
ไม่รอช้า แม้จะไม่เทพเรื่องกาแฟก็ตาม เมนูไหนยังไง..ถามพนักงานร้านสิคะ ^^
คุณพนักงาน 2 คนมาช่วยกันแนะนำ ทั้งยังถามรายละเอียดว่าพวกเราชอบสไตล์ไหน เข้ม หรือ หวานขนาดไหน เพื่อที่จะเลือกเครื่องดื่มและชนิดของเมล็ดกาแฟให้ตรงใจพวกเรามากที่สุดค่ะ
ของคุณพี่สาวมาก่อนค่ะ คุณเธอไม่ยอมทานกาแฟร้อน ทางร้านเลยจัดให้เป็น
Ice Mocha แบบเน้น Chocolate เป็นพิเศษมาให้ (58 บาท) รสชาดโดนใจคุณพี่สาวอย่างแรง
ผึ้งน้อยลองชิมแล้วอย่างปลื้มค่ะ รสชาดกาแฟเข้มกลางๆกำลังดีเน้น Chocolate แต่ไม่หวานจนเกินไปค่ะ
ถัดมาที่กาแฟร้อนของผึ้งน้อย ด้วยสเป็กที่แจ้งไปคือ เข้มกลาง ไม่ชอบนมเยอะ และไม่หวาน จึงได้เป็นแก้วนี้มา
Ficardie (88 บาท) ...เทเป็นลายมาอย่างสวย...
เคล็ดลับความอร่อยที่ทางร้านเค้าเสิร์ฟมาพร้อมกันคือ “น้ำอุ่น” ค่ะ โดยให้จิบน้ำอุ่นก่อนที่จะทานกาแฟค่ะ
แก้วของผึ้งน้อยจะเป็นรสกาแฟจริงๆจังๆค่ะ ออกขมนิดๆ เข้มกลางๆ และนุ่มมาก คล้ายๆลูกผสมของเอสเปรสโซ่กับคาปูชิโน่ (กาแฟนี่หลากหลายจริงๆค่ะ ทึ่งเลย)
ทางร้านอธิบายประกอบว่ารสของกาแฟจะต่างกันไปตามชนิดของเมล็ดกาแฟ กาแฟจากแต่ละประเทศก็มีรสเข้มข้นที่แตกต่างกัน เวลาจะออร์เดอร์กาแฟของที่นี่เราจะเลือกได้ค่ะว่าจะเลือกเป็นเมล็ดกาแฟชนิดเดียว หรือจะเป็นแบบเบลนด์ก็มีสูตรเบลนด์ให้เลือค่ะ
(ของผึ้งน้อยเป็น Riste8to Blend ค่ะ รสนุ่มกลางๆ)
จะจิบกาแฟอย่างเดียวก็ยังไงๆอยู่ ไหนๆมาถึงร้านแล้วก็ต้องลองหลายๆอย่างตามสไตล์ผึ้งน้อยค่ะ
ว่าแล้วก็หยิบเมนูของหวานขึ้นมา
เท่าที่ดู ของหวานของร้านนี้จะเน้นๆที่วาฟเฟิ่ลค่ะ ซึ่งก็ดูเข้ากับกาแฟดี
Waffle Tower (88 บาท) แป้งวาฟเฟิ่ลฟูเบาและกรอบนอกนุ่มใน อบอุ่นๆโดยมีชีสและโกโก้โรยหน้าเป็นตัวเสริมรส ตัดเป็นแท่งยาวๆเรียงมับไอศครีม Chocolate Chip ที่เป็นไอศครีมรส Chocolate ที่ผสม Chocolate Chip ลงไปในเนื้อไอศครีม
ด้วยตัวแป้งที่ไม่แน่นหนักทำให้ทานง่ายไม่เลี่ยน และยังได้รสชีสและโกโก้ชัดดีด้วย
มีไอศครีมให้เลือกพอประมาณค่ะ ทานกับกาแฟแสนสุขใจ
คอกาแฟที่มีโอกาสมาเที่ยวเชียงใหม่ไม่ควรพลาดดวยประการทั้งปวงนะคะ
สรุปความประทับใจ
บรรยากาศ – นั่งสบายๆ เพราะผึ้งน้อยไปตอนหัวค่ำแล้ว ถ้าเป็นกลางวันก็น่าจะร้อนทีเดียว
การบริการ – พนักงานน่ารักมากๆๆๆๆๆ เอาใจใส่ดีสุดๆ น่าเสียดายที่ได้เห็นคุณเจ้าของร้านแค่แว๊บๆ
รสชาด – อร่อยตามใจเราค่ะ ขอเพียงบอกความชอบของเรากับพนักงาน แม้จะไม่รู้เรื่องกาแฟเลยแบบผึ้งน้อยก็ตาม ก็จะได้กาแฟที่ถูกอกถูกใจอย่างแน่นอน ขนมวาฟเฟิ่ลก็อร่อยมากๆ
張貼