ช่วงนี้เทรนด์น้ำมะเขือเทศเพื่อสุขภาพกำลังมาแรง โดยเฉพาะ น้ำมะเขือเทศดอยคำ ที่ฮิตเป็นกระแส ทำให้สาว ๆ หลายคนหันมาหัดดื่มน้ำมะเขือเทศกันเป็นประจำ เพื่อสุขภาพและความงาม แม้กลิ่นและรสชาติสำหรับบางคนแล้วถึงขนาดร้องยี้ แต่ด้วยคุณสมบัติของน้ำมะเขือเทศที่ช่วยบำรุงผิวใส ขาวอมชมพู แถมยังมีวิตามินเอและซีสูง พร้อมแร่ธาตุต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกหลายชนิด อีกทั้งยังให้พลังงานต่ำ ทำให้น้ำมะเขือเทศกลายเป็นกระแสสุดฮิต ทั้งสำหรับคนที่อยากกินคลีนและสาวๆ ที่อยากหน้าใส

แต่ในท้องตลาดมีน้ำมะเขือเทศขายกันอยู่หลายยี่ห้อ เราจะเลือกกินน้ำมะเขือเทศแบรนด์ไหนดี? วันนี้ OpenRice จะขอท้าพิสูจน์น้ำมะเขือเทศแบรนด์ต่างๆ ทั้งในแง่รสชาติ พลังงาน และคุณประโยชน์ที่ได้รับต่อกล่อง ให้เพื่อนๆ ได้ลองพิจารณากันดูว่า น้ำมะเขือเทศแบรนด์ไหนน่าดื่มที่สุด มาติดตามกันเลย...

น้ำมะเขือเทศที่ OpenRice นำมาลองชิมวันนี้มี 7 แบรนด์ ที่หาซื้อได้ในซูเปอร์มาร์เก็ต ได้แก่ ดอยคำ มาลี UFC คาโกเมะ แคมป์เบล บรู้ค และ ไมก้า ซึ่งเมื่อดูฉลากข้างกล่องแล้วพบว่าน้ำมะเขือเทศให้พลังงานค่อนข้างต่ำ และพลังงานที่ให้ในแต่ละแบรนด์ไม่ต่างกันมากนัก แต่สิ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือ ปริมาณโซเดียมและน้ำตาล ซึ่งตรงนี้ เพื่อนๆ ที่กำลังลดน้ำหนัก หรือผู้ที่มีปัญหาเรื่องโรคไตและเบาหวานต้องให้ความสำคัญ น้ำมะเขือเทศที่มีโซเดียมมากที่สุดที่นำมาชิม คือ ยี่ห้อแคมป์เบล (470 มก.) ส่วนที่มีโซเดียมต่ำสุดคือ UFC (60 มก.) แต่ขณะเดียวกัน UFC กลับมีปริมาณน้ำตาลสูงสุดที่ 11 กรัม ขณะที่แคมป์เบลมีปริมาณน้ำตาลต่ำสุดเพียง 4 กรัม ที่น่าแปลกใจคือน้ำมะเขือเทศทุกยี่ห้อมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ค่อนข้างสูง เฉลี่ยประมาณ 10 กรัมต่อกล่อง โดย UFC มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตสูงสุดที่ 13 กรัม แต่ก็มีปริมาณน้ำมะเขือเทศต่อกระป๋องมากที่สุดเช่นกัน

เปรียบเทียบปริมาณ ราคา พลังงาน และสารอาหารต่างๆ ของน้ำมะเขือเทศแต่ละยี่ห้อ

และหากเทียบปริมาณวิตามิน และแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายพบว่า ดอยคำ ชนะเลิศ เพราะมีปริมาณวิตามินเอ ถึง 100% ของที่ร่างกายต้องการต่อวัน และมีไลโคปีนถึง 60 มิลลิกรัม ส่วนอีกแบรนด์ที่มอบคุณค่าทางอาหารที่ค่อนข้างครบครัน คือ น้ำมะเขือเทศ UFC ที่มีธาตุเหล็ก 45% วิตามิน ซี 35% และแคลเซียม 25% พร้อมไลโคปีนอีก 21 มิลลิกรัม สำหรับแคมป์เบลจะอุดมด้วยวิตามินซี (80%) แต่มาลีจะมีวิตามินเอสูง (45%) ส่วน Kagome ไม่มีข้อมูลปริมาณวิตามินอื่นๆ แต่มีไลโคปีนอยู่ที่ 19.48 มิลลิกรัมต่อกระป๋อง

เปรียบเทียบปริมาณวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ของน้ำมะเขือเทศแต่ละยี่ห้อ

**ดอยคำมีส่วนผสมของคอลาเจนด้วยที่ 375 มก.

สำหรับเรื่องของรสชาตินั้น ดอยคำที่ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติและกลิ่นที่ไม่น่าอภิรมย์ทางอินเทอร์เน็ตจนเป็นกระแสอยู่ตอนนี้ พบว่ามีรสชาติหวานอมเปรี้ยว และมีความเข้มข้นของเนื้อสัมผัสสูง แต่เป็นมะเขือเทศกลิ่นที่คนไทยคุ้นเคยกันอยู่

สำหรับแคมป์เบลมีรสชาติเค็มที่สุดที่ได้นำมาชิม และเนื้อสัมผัสเข้มข้นมาก ทีมงานลงความเห็นว่าควรนำไปทำอาหาร เช่น ซุป สปาเก็ตตี้ หรือน้ำพริกอ่องจะได้รสชาติที่อร่อย แต่หากใครชอบดื่มน้ำมะเขือเทศเข้มข้นก็นำมาดื่มได้เลยเช่นกัน แต่ควรระวังในเรื่องของโซเดียมที่สูง

ไมก้ามีรสเค็มและเข้มข้นคล้ายคลึงกับแคมป์เบลแต่มีราคาที่ถูกกว่า คิดว่าน่าจะใช้ทำอาหารแทนกันได้ดี ในราคาที่ถูกกว่ากันครึ่งหนึ่ง แต่กลิ่นอาจรุนแรงกว่าแคมป์เบลเล็กน้อย

ขณะที่บรู้คที่น่าจะเหมาะสมสำหรับใช้ปรุงอาหารเช่นกัน มีรสชาติหวานมากกว่า (คล้ายกับมะเขือเทศอิตาลี) และเนื้อไม่ข้นเท่า 2 แบรนด์ก่อนหน้า

สำหรับมาลีมีรสชาติหวานที่สุดที่ได้ชิมในวันนี้ แต่มีกลิ่นที่ค่อนข้างแรง คนที่ไม่คุ้นเคยกับการดื่มน้ำมะเขือเทศอาจรู้สึกผงะได้ในอึกแรก

น้ำมะเขือเทศ UFC มีรสชาติค่อนข้างหวาน น้ำไม่ข้นนัก มีกลิ่นมะเขือเทศที่ดูสดกว่าแบรนด์อื่นๆ อย่างเด่นชัด เรียกได้ว่าเรื่องกลิ่นของแบรนด์นี้ ถ้าไม่รักก็เกลียดเลย

สุดท้าย น้ำมะเขือเทศกระป๋อง Kagome แบบนำเข้า มีราคาแพงที่สุดที่ 65 บาท มีรสชาติเปรี้ยวที่สุดในกลุ่มทดลอง รสสัมผัสค่อนข้างเข้มข้น มีกลิ่นที่ดูปรุงแต่งมากที่สุดด้วย

แต่เมื่อถามทีมงานที่ได้ลองชิมน้ำมะเขือเทศทั้งหมดว่ายี่ห้อไหนอร่อยที่สุด เรากลับได้ความเห็นที่ค่อนข้างแตกต่างกันมาก ทุกยี่ห้อจะมีผู้ทดลองดื่มให้ความเห็นว่าชอบมากที่สุดกันเกือบทั้งหมด จึงสรุปได้ว่ากลิ่นและรสชาติของน้ำมะเขือเทศถือเป็นเรื่องของความคุ้นเคยและรสนิยมเฉพาะตัว  ดังนั้น หากจะเลือกซื้อน้ำมะเขือเทศกล่องหรือกระป๋องมารับประทานแนะนำว่า ลองชิมรสชาติดูก่อนการตัดสินใจ พร้อมพิจารณาคุณค่าทางอาหารที่ได้อธิบายไปก่อนหน้าด้วยว่า ร่างกายของคุณต้องการวิตามินและแร่ธาตุแบบไหน ต้องระวังเรื่องความเค็มและความหวานเป็นพิเศษหรือไม่ เพราะจะสวยสุขภาพดีทั้งที ชาว OpenRice ต้องสวยอย่างฉลาดและปลอดภัยที่สุดกันด้วยนะคะ ^^