...ห่านท่าดินแดง (ฉั่วคิมหลี)ปากซอยลาดพร้าว 35/1 

เริ่มจากร้านหาบเร่บริเวณท่าดินแดงจนมาเป็นร้านอาหารท่าดินแดงที่คนรู้จักกันมากมาย จากการสืบทอดรุ่นสู่รุ่น กับระยะเวลากว่า 50 ปี มาจนถึงปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 4 ร้านห่านท่าดินแดง กับความอร่อยคงเดิมไม่มีเปลี่ยน จากสูตรโบราณที่นำติดตัวมาจากเมืองจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ยังคงรักษารสชาติห่านพะโล้ไม่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งเครื่องเทศและสมุนไพรทำเครื่องพะโล้ ก็ยังคงใช้ของคุณภาพดีที่นำเข้าจากเมืองจีน

วันนี้ OpenRice จะพาไปทำความรู้จักกับร้าน ห่านท่าดินแดง พูดคุยถึงเรื่องราวของห่านพะโล้และหลักการในการบริหารร้าน ว่าทำไมลูกค้าถึงติดใจในรสชาติ และเปิดมาถึง 50 ปี ได้อย่างไร

เมื่อเดินเข้าร้านมาก็ได้เจอกับ คุณเชอร์รี่ ทายาทห่านท่าดินแดงรุ่นที่ 4 ที่รับช่วงต่อมาจากคุณพ่อ ก็ได้เล่าถึงความเป็นมาของร้าน ห่านท่าดินแดง โดยเริ่มจาก นายเจียบหงี แซ่ฉั่ว (คุณทวด) ได้อพยพมาจากชัวเถา ประเทศจีนเมือประมาณปี 2464 โดยนำสูตรต้มห่านพะโล้ติดตัวมาจากบ้านเกิด และเริ่มขายครั้งแรกที่บริเวณท่าดินแดง เขตคลองสาน ฝั่งธนบุรี โดยเริ่มจากหาบเร่ขายไกล้บริเวณโรงไพ่จีน ซึ่งขายเพียงวันละ 4 ตัว โดยมีลูกค้าเป็นคนที่มาเล่นไพ่จีน เมื่อคนที่มาเล่นชนะพนันไพ่จีนก็จะมีการซื้อห่านมาเลี้ยงกัน หลังจากนั้นจึงได้เปิดร้านเป็นเพิงเล็กๆ ใกล้กับท่าน้ำท่าดินแดง และขายห่านพะโล้ตลอดมา

ด้วยรสชาติที่มีความอร่อยของห่านพะโล้จึงทำให้มีลูกค้าประจำมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาจึงได้ขยับขยายมาเปิดร้านเป็นตึกแถว ชื่อร้านว่าฉั่วเจียบง้วน (ปี2510) และหลังจากนั้นไม่นานก็ได้เปิดเพิ่มอีก 1 สาขา ชื่อฉิมคิมฮวด ที่เป็นรุ่นที่สอง และในปัจจุบันชื่อเสียงของห่านพะโล้ท่าดินแดงเป็นที่รู้จักของผู้คนอย่างกว้างขวางจึงได้เพิ่มอีกหลายสาขาทั่วกรุงเทพ

เคล็ดลับแห่งความอร่อยของห่านพะโล้อยู่ที่ เริ่มตั้งแต่การเลือกห่าน ซึ่งทางร้านเลือกใช้ห่านที่มีอายุ 120-130 วัน เพราะเป็นช่วงที่ห่านกำลังผลัดขนอ่อน ห่านที่ใช้น้ำหนักจะต้องอยู่ที่ 3-4 กิโลกรัม และห่านที่ใช้มีความสดใหม่ทุกวันโดยจะรับมาจากฟาร์มวันต่อวัน ส่วนของวัตถุดิบเครื่องพะโล้ทางร้านจะสั่งเข้าโดยตรงจากเมืองจีน ในการต้มน้ำพะโล้ก็จะมีการเก็บหัวเชื้อของน้ำพะโล้ไว้ครึ่งนึงทุกวันเพื่อเอาไว้ต้มในวันต่อไป เพื่อรักษาความเข้มข้นของน้ำพะโล้ให้รสชาติดีทุกๆ วัน

เมนูที่ขายดีหลักๆ ในร้านก็จะมี ห่านพะโล้ ที่มีรสชาติหอมเครื่องเทศของพะโล้รสชาติไม่หวานมากเกินไป และที่สำคัญห่านไม่มีกลิ่นเลย เมนูต่อมาเป็นตับห่านผัดพริกไทยดำ เวลากินจะได้กลิ่นเครื่องเทศและพริกไทยดำ ซึ่งเมนูนี้จะไม่ได้มีทุกวัน และเมนูที่ขาดไม่ได้เลยคือ เป็ดย่างหนังกรอบ เป็นเมนูที่มีกลิ่นหอมของการย่างไฟอ่อนๆ เวลาเคี้ยวจะมีความกรอบของหนังและความนุ่มของเนื้อเป็ด นอกจากนี้ทางร้านยังมีเมนูให้เลือกอีกมากมาย

พี่เชอร์รี่ เล่าต่อว่า ข้อคิดในการบริหารจัดการร้านที่อยู่มาได้จนถึงปัจจุบัน คือคำพูดที่สืบทอดกันมาว่า “ถ้าเราทำไม่ดี หรือทำไม่อร่อย เราจะทำขายทำไม” เพราะทางร้านใส่ใจในรสชาติอาหารทุกเมนูที่ทำออกมา เพื่อให้ลูกค้าทุกคนที่มาท่านได้กินอาหารที่อร่อยมีคุณภาพและประทันใจกับการมากิน ร้านตั้งอยู่ ถนนลาดพร้าว ติดปากซอยลาดพร้าว 35/1 สามารถแวะเข้ามากินได้ทุกวัน หรือจะสั่งไปกินอยู่บ้าน ทางร้านยังมีบริการส่งถึงที่อีกด้วย 

>>>คลิกดูพิกัดร้านห่านท่าดินแดง ได้ที่นี่

ติดตามบทความ Food Specialists ได้ที่นี่