nongoffna的個人專頁

Rabbit in the kitchen เป็นร้านน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานค่ะ ที่มาที่ไปของชื่อได้มาจาก “กระต่ายขูดมะพร้าว” ซึ่งเมื่อก่อนนั้นครัวไทยบ้านไหนก็ต้องมีทั้งนั้น นำมาปรับชื่อให้ดูทันสมัยไฉไลหน่อยๆ คนจะได้จำง่ายเลยกลายมาเป็น “แรบบิท อิน เดอะ คิทเช่น” นั่นเองค่ า โดยครั้งนี้ออฟได้รับเชิญให้ไปลิ้มลองรสชาติอาหารไทยแบบสูตรดั้งเดิม บางเมนูเป็นแบบสูตรชาววัง ที่มาประยุกต์เข้ากับร้านอาหารตกแต่งแนวทันสมัย แถมทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางสยาม ความน่าสนใจของร้านนี้ล้นปรี่เลยคะ ไปดูกันเลยว่าร้านนี้เค้าเป็นยังไงกันบ้างตัวร้านอยู่ใกล้กับ Hard Rock Cafe หาไม่ยากเลย ตัวร้านใหญ่เอาเรื่องเหมือนกัน หาร้านไม่ยาก เพราะป้ายขนาดใหญ่ทั้งด้านบน และด้านหน้าร้านค่ะ โดยเมื่อเข้ามาแล้วจะพบกับร้านดูโปร่งนิดๆ มีการใช้โครงเสาต่างๆ มาทำให้เหมือนกับใต้ถุนบ้านสมัยก่อน และเมื่อสังเกตที่พิ้นที่จะมีอาณาเขตของชานบ้านที่เป็นไม้ด้วยค่ะสำหรับเมนูของร้านนี้ออฟว่าแตกต่างจากร้านอาหารไทยอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ เพราะอ่านเมนูแล้วเหมือนกับเปิดโลกใหม่ แบบว่าชื่อนี้คืออะไร อันนั้นคืออะไร ทำไมมีแต่ชื่อเมนูที่ไม่คุ้นเคยเต็มไปหมด หลังจากสอบถามก็ได้ความว่า เค้าได้มีความพยายามในการทำเมนูอาหารไทยที่มีอยู่เดิมในสมัยก่อน แต่เนื่องด้วยอาจจะเป็นอาหารในรั้วชาววัง และหลายๆ เมนูมีส่วนผสมเยอะ ทำให้หลายๆ ร้านไม่ทำขายกันเพราะยุ่งยาก แต่ร้านแรบบิทเค้าจะเอากลับมาให้เราทานกันค่า โดยมีเมนูแนะนำเป็นอาหารไทยที่มีเรื่องเล่าจากตำนานโบราณ ซึ่งปัจจุบันหาทานได้ยาก ไม่ว่าจะเป็น แกงรัญจวน, แกงปู,เส้นใหญ่ต้มยำกุ้งแม่น้ำย่าง, ข้าวคลุกสูตรโบราณ, แกงส้มแก่นคูน – ไข่เจียวกากหมู ข้าวมันไก่หุงมาถึงอีกเมนูที่หน้าตากับรสชาติไม่ค่อยไปด้วยกันเท่าไหร่ โดยหน้าตาที่ดูจะจืดๆ ไปหน่อยในรูปแบบของเส้นเล็ก ส่วนครีมเข้มข้นที่คลุกเคล้าก็มีส้มอ่อนๆ ส่วนผสมหลักอย่างปูก็ดันไม่มี แล้วยังตกแต่งด้วยแตงกวาด้านบนเรียกได้ว่าจานนี้แทบจะกลืนสีกันไปหมดกับจานเลยค่ะ แต่เมื่อได้ลองทานแล้วรู้สึกได้เลยว่าเมนู “ก๋วยเตี๋ยวปู” มันไม่ใช่รสชาติของก๋วยเตี๋ยวผัดอย่างที่เคยทานซะแล้ว เพราะครีมส้มๆ ที่เห็นอยู่นั่นรสชาติจัดจ้านเผ็ดใช้ได้เลยค่ะ ความคิดที่นึกว่าจานนี้จะเลี่ยนหายไปเลยตั้งแต่คำแรกที่ทาน เนื้อปูล้วนๆ ก็ทำให้ทานได้ง่ายดีไม่ต้องเสียเวลาแกะเองด้วยค่ายำเนื้อย่างเสด็จ 180 บาท เมนูนี้เป็นเมนูที่เค้าปรับรูปแบบการทานของเราค่ะ โดยตอนนี้เมนูยำ หรือน้ำตกนั้นจะถูกคลุกเคล้ามาให้เข้ากันแล้ว เรียกได้ว่าเสิร์ฟถึงโต๊ะก็ทานได้เลย แต่สำหรับจานนี้นั้นมีการดึงรูปแบบการทานแบบสมัยก่อนออกมาค่ะ โดยทางร้านแยกส่วนของเนื้อและส่วนผสม จัดจานเรียงสวย แยกน้ำยำเอาไว้ให้เราได้มาผสมเองค่ะ ก็ถือว่ามีกิมมิคของจานกำลังดีค่ะไก่ซูสี เป็นเมนูไก่ทอดที่หน้าตาดูแสนจะธรรมดา เป็นไก่ทอดใส่มาในกระป๋องสังกะสีที่ดูตัดกันมีกระดาษรองซับมันและมีสีสันจากพริกแห้งสีแดง และกระเพราะกรอบสีเขียวมาตัด แต่เมื่อได้ลิ้มลองแล้วพบว่าเมนูแตกต่างจากที่อื่นเลยค่ะ ตัวเนื้อไก่นั้นมีข้าวอยู่ข้างในด้วยค่ะ เวลาทานเลยจะได้รสชาติความกรอบของหนังไก่ และความเหนียวนุ่มของข้าวและเนื้อไก่ที่อยู่ด้านใน เมนูนี้อร่อยเข้มข้นแล้วแบบไม่ต้อมจิ้มอะไรเพิ่มเลยค่าขนมจีนกุ้งสด-ทอดมันปลากราย 160 บาท รสชาติของจานนี้จะต่างจากรสชาติที่คิดไว้มากๆค่ะ เพราะน้ำราดนี่รสชาติเหมือนน้ำยำมากๆ คือออกแนวมีรสชาติเปรี้ยวนำ หวานตาม มาตัดด้วยรสชาติเผ็ดเครื่องแกงนิดๆของทอดมันทำให้จานนี้ดูเป็นเมนูขนมจีนที่แปลกใหม่และไม่เคยทานที่ไหนมาก่อนเลยค่าข้าวขยำปูเมนูนี้ถ้าดูหน้าตาอาจจะรู้สึกว่าส่วนผสมน้อยจังมีแค่ ข้าว ปู และผักตกแต่งเท่านั้นหรอ แล้วจะอร่อยไหม ขอบอกว่าอร่อยค่า รสชาติเหมือนข้าวผัดน้ำจิ้มซีฟู๊ดค่ะ ยิ่งทานกับปูด้วยก็ยิ่งเข้ากัน แล้วเค้าก็มีน้ำจิ้มมาให้เพิ่มด้วย ใส่เพิ่มได้ตามระดับความเผ็ดที่ต้องการเลยค่าข้าวคลุก CYO (Create Your Own) เลือกตามความอยากทานเลยค่ะ เน้นของอร่อยล้นๆ เต็มจานไม่ว่าจะเป็นข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ ไข่เค็ม ไข่ฝอย กากหมู ชะอมทอดไข่ ปลาทู ผักทอด เรียกว่าจัดมาเต็มจาน แคลอรี่ล้นไปเลยค่า ก็แต่ละอย่างเค้าน่าทานทั้งนั้น ออฟก็รักพี่เสียดายน้อง อยากลองไปหมด เลยได้จานอย่างที่เห็นเลยค่าส้มฉุน 90 บาท จุดเด่นของของหวานถ้วยนี้ก็คือลิ้นจี่นั่นเองค่า เป็นการนำลิ้นจี่ไปคว้านเมล็ดออก อบอวลด้วยกลิ่นพิเศษจาก “ส้มซ่า” ผลไม้ตระกูลส้มที่หาได้ยากในสมัยนี้ แล้วใส่ผลไม้ประจำฤดูลงไป ทานคู่กับน้ำเชื่อม เพิ่มความสดชื่น เหมาะกับการเป็นเมนูของหวานในหน้าร้อนมากๆค่า“ขนมสี่ถ้วย” เป็นขนมไทยที่เมื่อได้ยินชื่อจากร้านนี้ครั้งแรก ก็ติดใจจนกลับมาหาความรู้เพิ่มเติม เลยทำให้รู้ว่าขนมชนิดนี้มีที่มาย้อนไปตั้งแต่สมัยสุโขทัยกันเลยทีเดียวค่า โดย”ขนมสี่ถ้วย” หมายถึง ไข่กบ (เม็ดแมงลัก) นกปล่อย (ลอดช่อง) บัวลอย (ข้าวตอก) และอ้ายตื้อ (ข้าวเหนียว) ซึ่งเวลาทานก็จะทานคู่กับน้ำกะทิค่ะ โดยทางร้านจะแยกมาให้ ใส่ตามความหวานที่ต้องการเลยแรบบิทเมซ 120 บาท “Rabbit Mess” ช่างเป็นเมนูกระต่ายน้อยที่วุ่นวาย แต่ก็หลากไปด้วยผลไม้หลายอย่างผสมกันไม่ว่าจะเป็นเมอแรงค์, ผลไม้สดหลายอย่าง ครีมสด และซอสเสาวรสที่มาเพิ่มความเปรี้ยวตัดเลี่ยนจากครีมสดได้เป็นอย่างดีค่ะ เมนูนี้แนะนำให้ทานตอนกำลังเย็นๆ จะได้ความอร่อยสดชื่นเต็มที่ค่าบทสรุปจากการทานที่ร้านRabbit in the kitchen- เป็นร้านอาหารไทยที่มีเมนูที่ไม่คุ้นหูอยู่เยอะมากๆค่ะ และแต่ละเมนูก็น่าลองทั้งนั้นเลย- รสชาติอาหารโดยรวมโอเคนะคะ ชอบแกงกะหรี่ไก่เป็นพิเศษ เข้มข้นได้ใจมากๆ- สำหรับของหวานก็ได้ลิ้มลองเมนูดั้งเดิมหลายเมนูด้วยกัน ใครได้ไปลองสั่ง “ส้มฉุน” มาลองทานดูนะคะ- บรรยากาศของร้านก็สบาย ใหญ่ และมีหลายโซนให้เลือกดีค่ะ- ตัวร้านเดินทางสะดวกเพราะอยู่กลางสยามเลย หาไม่ยาก เพราะใกล้กับ Hard Rock Cafe ด้วยค่ะ- ตอนนี้มีโปรโมชั่น Check in ผ่าน Facebook รับส่วนลดกันไปเลย 10% ด้วยนะคะข้อมูลทั่วไปของร้านRabbit in the kitchen- ที่อยู่ สยามสแควร์ซอย 11 ใกล้ Hardrock Cafe, ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม 10330- เบอร์ติดต่อ 02-658-4200- ทุกวัน : 10:00 – 22:00- Website : http://www.rabbitinthekitchen.com/- Facebook : https://www.facebook.com/RabbitInTheKitchen…查看更多

ครั้งนี้ได้มาทานร้านอาหารบ้านหญิงด้วยนัดกับเพื่อนมาคุยเรื่องถ่ายรูปค่ะ เจอกันตอนเที่ยงแล้วก็เลยต้องหาอะไรใส่ท้องไว้ก่อน ไม่งั้นจะคุยกันไม่รู้เรื่อง ซึ่งจริงๆ แล้วเที่ยงวันนั้นออฟแค่อยากจะทานสปาเก็ตตี้ในราคาไม่เกิน 200 ในสยามนี่แหละค่ะ ดูจะเป็นเงื่อนไขที่ยากไปหน่อย แต่เมื่อเจอร้านนี้ก็พบว่าตรงกับเงื่อนไขออฟสุดๆ เลยค่าครั้งก่อนที่ทานที่สาขา Terminal นั้นทานแต่ของหวานไป ครั้งนี้มาลองของคาวบ้างค่ะ ตัวร้านอยู่ชั้นบนสุดของสยามเซนเตอร์ มองเห็นด้านในได้ชัดเจนผ่านกระจกใส ถือว่าโชคดีมากๆ ค่ะ ที่ไม่ต้องรอคิว เพราะปกติเท่าที่เคยผ่านร้านนี้ทีไรคนเยอะทุกที พอเห็นโต๊ะว่างแล้วก็พบว่าร้านนี้มีพนักงานคอยให้บริการอยู่เยอะมากๆ แต่ช่วงคนไม่เต็มเลยยืนว่างๆ กันไปหน่อยเมนูอาหารของที่นี่สาวและให้รายละเอียดดีมากๆค่ะ ชอบตรงมีรูปในมุมที่เก๋ๆ ของแต่ละเมนูให้เราดู เหมือนเป็น Catalog สินค้าเลยค่ะข้าวไข่ข้นเพิ่มชีสและกุ้ง 120 บาทสำหรับเมนูของไผ่เป็นการสั่งข้าวไข่ข้น แล้วเพิ่มท็อปปิ้งชีสและกุ้งค่ะ ดูราคากับหน้าตาแล้วอาจจะไม่ค่อยไปด้วยกันเท่าไหร่ แต่รสชาติก็อร่อยใช้ได้ดีค่ะ ไข่ไม่คาวมากนัก ถ้าใส่พวกซอสไปด้วยจะดับคาวได้มากขึ้นด้วยค่ะ ชีสที่เพิ่มก็ยืดใช้ได้ แต่ก็ไม่ได้โอ้วว้าวขนาดนั้นค่ะข้าวไข่ข้นเพิ่มข้าว เพิ่มไส้อั่ว เพิ่มหมูกรอบ 135 บาทหน้าตาและท็อปปิ้งก็โอเคอยู่นะคะ แต่เห็นว่าทานไปแล้วไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าที่ทานจนหมดจานนี่มันพอกินได้ หรือเสียดายอย่างเดียวสปาเก็ตตี้คาโบนาร่า 170 บาท มาดูหน้าตาของสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าของออฟกันก่อนเลยค่ะ เห็นความหนึบแล้วจะรู้สึกได้ว่ามันเข้มข้นทีเดียว แต่ออฟว่าถ้าใส่ชีสให้มากกว่านี้อีกหน่อยจะอร่อยสะเด็ดไปเลยค่ะ ชอบที่เส้นลวกมาสุกกำลังดี คลุกแล้วเข้ากันดีกับซอสคาโบนาร่า และมีเบคอนทอดชิ้นโตๆ มาเพิ่มความเค็มให้กับจานนี้ด้วยค่ะ ถือว่าฟินไปเลยสำหรับเป้าหมายหาสปาเก็ตตี้ในสยามราคาไม่เกิน 200 บาทของออฟส้มตำทอด 90 บาทเมนูที่สั่งเพราะลด 50% นี่ก็อร่อยเลยค่ะ หนุ่มๆ ที่สั่งข้าวไข่ข้นมาปลื้มทีเดียว คงเพราะมาช่วยตัดรสเลี่ยนไปด้วยละมั้ง ส้มตำกรอบกำลังดีเลยค่ะ แล้วก็ตำมาได้จัดจ้านใช้ได แต่ไม่เผ็ดมาก เพราะออฟกับอู๋เป็นคนไม่ทานเผ็ดยังทานได้ค่ะเยลลี่ลี้นจี่ของหวานนี่ได้มาฟรีๆ เพราะทานครบ 500 บาทค่ะ เป็นเยลลี่บ้านๆ ที่ใส่ลิ้นจี่ไปด้วย ทานแล้วไม่ได้ปลื้มเท่าไหร่ ถ้าให้สั่งซื้อเองในราคา 50 บาทคงจะไม่สั่งค่ะบทสรุปจากการทานที่ร้านบ้านหญิง สาขาสยามเซ็นเตอร์ถือว่าเป็นร้านอาหารที่ครบทั้งของคาวและของหวานดีมากๆค่ะ มีเมนูให้เลือกหลากหลายใช้ได้เลยบรรยากาศของร้านถ้าคนไม่เยอะมากก็โอเคค่ะ แต่ถ้าช่วงคนเยอะๆ นี่ก็วุ่นวายใช้ได้เลยการเดินทางสะดวกด้วยติดรถไฟฟ้า และอยู่กลางใจเมืองเลยค่ะรสชาติอาหารที่ทานถือว่าใช้ได้ค่ะ ปริมาณกับราคาก็ไปด้วยกันได้อยู่…查看更多

ร้านอาหารบ้านรับรองจะเป็นร้านอาหารอีกหนึ่งแห่งที่จะต้องติดอยู่ในความทรงจำของออฟไปตลอดเลยค่ะ เนื่องด้วยร้านนี้ถูกเลือกเป็นหนึ่งในสถานที่ที่จะใช้จัดงานพิธีตอนเช้า และครั้งนี้ที่ไปทานก็ได้ใช้ร้านนี้เป็นสถานที่ในการทานอาหารร่วมกันทั้งสองครอบครัวด้วยค่ะ มาดูกันว่ามื้อเที่ยงที่แสนจะอบอุ่นในครั้งนี้จะเป็นอย่างไรกันบ้างป้ายชื่อร้านก็ไทยแล้วด้วยการมีสัญลักษณ์ของหน้าจั่วจากบ้านทรงไทยอยู่ด้านบน ชื่อร้านนี่มีทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีนเลยค่ะ ด้านหน้าของร้านจะเห็นได้ว่าตัวร้านแบบห้องอาหารเป็นสองส่วนค่ะ โดยทางขวามือจะเป็นห้องอาหารใหญ่ที่สามารถใช้จัดงานเลี้ยง หรือว่ารับรองทัวร์จากจีนได้แบบเต็มห้องเลยค่ะส่วนอีกห้องนึงจะเป็นห้องจัดเลี้ยงที่เป็นส่วนตัวกว่าค่ะ โต๊ะส่วนใหญ่จะเป็นโต๊ะกลมขนาดใหญ่ มีจานหมุนอยู่ตรงกลาง แต่ก็มีโต๊ะสำหรับ 4 ท่านด้วยนะคะเมนูอาหารที่บ้านรับรองนั้นมีทั้งอาหารไทย อาหารจีน อาหารซีฟู๊ดค่ะ โดยอาหารที่ออฟเลือกมาทานในครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นอาหารจากเมนูโต๊ะจัดเลี้ยงที่ทางร้านจัดรายการไว้ให้ค่ะของว่างบ้านรับรอง 400 บาท เริ่มกันด้วยของว่างจากบ้านรับรองกันก่อนเลยค่ะ จานนี้จะประกอบด้วยของทานเล่น 4 อย่าง แต่จากปริมาณจะเห็นได้ว่าจริงๆ ถ้ามากันน้อยนี่ก็จะอิ่มเหมือนอาหารจานหลักได้เลยค่ะ ปลาหมึดผัดผงกะหรี่ 200 บาท ปลาหมึกผัดผงกะหรี่จานโตนี่ก็อลังการมากเลยค่ะ งานนี้คนชอบทานผัดผงกะหรี่แบบออฟก็เปรมกันไปเลยทีเดียว แต่จานนี้ก็ยังติดอยู่นิดนึงตรงส่วนของรสชาติค่ะ โดยออฟว่าติดหวานไปหน่อย รู้สึกว่ายังใส่เครื่องปรุงได้มากกว่านี้หน่อยจะทำให้กลมกล่อมมากยิ่งขึ้นค่ะ แต่ปลาหมึกก็เต็มเยอะ ทั่วจานดีค่ะ แต่ก็ซุกซ่อนอยู่ใต้ไข่ที่เหมือนเล่นซ่อนแอบกันหน่อยนะคะกุ้งพล่า 220 บาท กุ้งพล่า เป็นอาหารที่ออฟสั่งมาด้วยความที่ไม่รู้เลยว่าหน้าตาจะเป็นยังไง แต่รายการนี้อยู่ในเมนูสำหรับจัดเลี้ยง ก็เลยลองสั่งมาทานดูค่ะ เมนูนี้ดูคุณแม่จะชอบเป็นพิเศษ รสชาติจัดจ้าน ครบเครื่องสมุนไพร นำด้วยตะไคร้ และยังมีกุ้งเป็นตัวหลักของจานที่สดและตัวใหญ่ใช้ได้ ลวกมาสุกกำลังดี ไม่แห้งเกินไปค่ะผัดแกงเขียวหวานไก่ 150 บาท เมนูนี้เห็นแล้วแอบตกใจหน่อยๆ ด้วยความมันเยิ้มของน้ำมัน ลอยเต็มไปหมดเลยค่ะ เวลาทานพยายามตักเลี่ยงๆ หน่อยก็ดี แต่รสชาติก็ได้ความเป็นแกงเขียวหวานอย่างเต็มที่ค่ะ รสชาติโอเคอยู่ เครื่องก็ถึงใช้ได้ แต่น่าจะผัดมาแห้งกว่านี้อีกหน่อยค่ะปลากระพงทอดราดน้ำปลา 450 บาท เมนูปลาของทางร้านออฟยังคงเลือกเมนูโปรดอย่างปลากระพงทอดน้ำปลาค่ะ ซึ่งปลาของทางร้านนี่ก็เป็นปลากระพงขนาดใหญ่เต็มจานดีค่ะน้ำพริกกะปิ-ปลาทู 200 บาท เมนูน้ำพริกที่คุณแม่ออฟอยากทาน ก็ได้มาเป็นจานใหญ่พร้อมของทานคู่กันเรียงมารอบถ้วยน้ำพริกเลยค่ะต้มยำกุ้ง 400 บาท เมนูต้มยำกุ้งนี่ถือว่าไม่จัดจ้านเท่าที่ควร แต่ก็ไม่ถึงกับจืดไปเลยค่ะ ซึ่งถ้าคนไม่กินเผ็ดแบบออฟก็ถือว่ารับได้อยู่ แต่ถ้าคนที่คาดหวังความจัดจ้านอาจจะผิดหวังไปหน่อยค่ะ ทางร้านเสิร์ฟมาเป็นหม้อไฟ ก็สามารถแจ้งให้เค้าตักใส่ถ้วยแบ่งให้ได้นะคะ เราไม่ต้องตักแบ่งเองได้ค่ะบทสรุปจากการทานที่ร้านบ้านรับรอง-ร้านนี้อาหารโดยรวมรสชาติอร่อย และได้จานใหญ่ทีเดียวค่ะ-บรรยากาศของร้านโปร่ง และเป็นห้องแอร์ค่ะ นอกจากนี้ยังสามารถจองห้องส่วนตัวได้ด้วยค่ะ-ราคาอาหารต่อจานถือว่ายังโอเคกับรสชาติ และปริมาณค่ะ-ร้านนี้เหมาะสำหรับมาเป็นครอบครัวนะคะ ไว้ครั้งหน้าอาจจะต้องลองไปทานอาหารจีนของที่นี่บ้างค่ะ-การเดินทางอาจจะต้องมีรถหน่อยค่ะ เพราะว่าตัวร้านอยู่หลังพาราไดซ์พาร์ค ไม่มีรถไฟฟ้าใดๆ ผ่าน ทางร้านมีที่จอดรถขนาดใหญ่ให้ค่ะ…查看更多

Domino Pizza (โดมิโน่พิซซ่า) เป็นร้านพิซซ่าที่ออฟมาทานโดยบังเอิญค่ะ ขอบอกว่าไม่ได้ตั้งใจมาทาน แต่ว่าไปร้าน Cherubin แล้วเค้าปิดร้านแล้ว ก็เลยต้องมองหาร้านอาหารอื่นๆ แทนค่ะ แล้วก็มาตกลงที่ร้านโดมิโน่พิซซ่านี่แหละค่ะ เป็นร้านเดียวที่คิดออก และอยู่ในระยะที่เดินไปได้ หลังจากที่ตัดสินใจได้แล้วก็เริ่มเดินกันไปเลยค่าร้านนี้อยู่ตึกเดียวกับโรงแรม Holiday Inn สุขุมวิทค่ะ เห็นป้ายชัดเจนเลย พอเข้ามาแล้วก็งงๆ เล็กน้อยค่ะ เพราะว่าเข้ามาแล้วนึกว่าจะเจอร้านเลย แต่กลายเป็นว่าต้องขึ้นลิฟต์ ขึ้นไปชั้นบนด้วยค่ะ แต่เค้าก็มีป้ายชี้บอกทางชัดเจนค่ะ ขึ้นมาแล้วก็เห็นโซนทำพิซซ่าก่อนเลย จากนั้นก็ให้เดินไปที่สั่งอาหารได้เลยค่ะสั่งเรียบร้อยแล้ว ก็ขึ้นบันไดไปอีกชั้นค่ะ ชั้นบนจะเป็นเป็นส่วนของที่ทานอาหารค่ะ จริงๆ สามารถสั่งไปทานที่บ้านก็ได้นะคขึ้นมาแล้วก็จะเจอโต๊ะสีน้ำตาลอ่อน และเก้าอี้สีแดง ตอนขึ้นไปก็เงียบเหงาพอสมควรเลยค่ะเมนูพิซซ่าก็มีหน้าให้เลือกไม่ถึงกับเยอะมากๆค่ะ มีตัวอย่างรูปให้ดู แต่ก็เล็กไปหน่อย สำหรับของเครื่องเคียงและของทานเล่นก็มีให้เลือกพอสมควรค่ะPizza 325 บาท พิซซ่าที่ดูหน้าตาไม่ค่อยหน้าทานเท่าไหร่ เป็นการสั่งพิซซ่าแบบบางกรอบ หน้าฮาวายเอี้ยนกับ เปปเปอร์โรนี่ถาดนึงมีทั้งหมด 6 ชิ้นค่ะ พอลองทานแล้วก็ต้องบอกว่าหน้าตากับรสชาติตรงกันข้ามทีเดียวค่ะ เพราะทานแล้วก็คิดว่าใช้ได้อยู่เหมือนกัน รสชาติเข้มข้นดีค่ะ แป้งเค้าจะต่างจากที่อื่นอยู่หน่อยด้วย จริงๆทานได้แบบไม่ต้องใส่ซอสเพิ่มเลยก็ได้ค่ะไก่กับซอสบาร์บีคิว 90 บาท ไก่อบซอสบาร์บีคิวนี่มาในฟอยล์ค่ะ ชิ้นไม่ใหญ่มานัก หมักมาเข้าทีทีเดียวค่ะ แต่ออฟก็ยังชอบของ Pizza Company มากกว่าหน่อยBread Cheese 75 บาท เมนูที่พี่ดันสั่งเป็นพิเศษคือเมนูขนมปังอบชีสค่ะ ขอบอกว่าเมนูนี้มาแรงแซงทางโค้งเอาใจไปเลค่ะ เพราะว่าแป้งหนานุ่มและความเป็นชีสที่ล้นออกมานี่ทำเอาไผ่ปลื้มไปเลยค่ะไก่กับชีส 90 บาท เนื้อไก่เป็นชิ้น ดูไม่ค่อยหน้าทานเท่าไหร่ค่ะ ดูชิ้นเล็กไปหน่อย แล้วก็เหี่ยวๆ ด้วยค่ะ รสชาติเวลาจิ้มกับชีสก็โอเคค่ะ แต่เมนูนี้ทานแล้วเฉยๆ ไปหน่อยค่ะBread Choco Lave 75 บาท ปิดท้ายกันด้วยของหวานอย่างช็อกโกแลตลาวาค่ะ อันนี้มาเป็นถ้วยซึ่งถ้าทานตอนร้อนก็จะอร่อยมากขึ้นค่ะ แต่ว่ากว่าเราจะกินพิซซ่าเสร็จก็เย็นแล้วค่ะ แต่ถ้าจะให้กินก่อนที่จะกินพิซซ่าก็ยังไงอยู่ค่ะบทสรุปจากการทานที่ร้านDomino Pizza-การเดินทางมาทานที่ร้านโดมิโน่พิซซ่านี้ถือว่าไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ค่ะ เรียกได้ว่าต้องตั้งใจมาทานกันจริงๆค่ะ-รสชาติอาหารถือว่าใช้ได้ค่ะ เรียกได้ว่าถ้ามีโอกาสคงโทรสั่งไปทานที่บ้านได้ค่ะ-บรรยากาศของร้านนี้เงียบเหงาไปหน่อย-ราคาอาหารก็ถือว่ากลางๆ เมื่อเทียบกับร้านอื่นๆค่ะ-การทานอาหารในร้านดูจะเหมือนบ้านมากไปหน่อยค่ะ แบบว่าขนาดสั่งทานที่ร้านยังมาเป็นกล่องเลย อันนี้ออฟรู้สึกชอบแบบร้านพิซซ่าอื่นๆ มากกว่าค่ะ เพราะว่าได้บรรยากาศการทานอาหารนอกบ้านมากกว่า แต่อันนี้ก็แล้วแต่สไตล์คนชอบเลยค่ะ…查看更多

วันแม่ปีนี้ไปบ้านคุณยายที่สระบุรีคะ ก็เลยได้พาคุณยายมาทานอาหารที่ร้านบ้านน้ำเคียงฟ้า ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยริมน้ำ งานนี้ออฟบอกทางไม่ถูกค่ะ ขับตามกันมาอย่างเดียวเลยค่ะ งานนี้ญาติฝ่ายคุณแม่มากันครบกันเลยทีเดียว ไปดูกันเลยดีกว่าค่า ว่าร้านอาหารไทยริมน้ำร้านนี้มีอะไรเด็ดกันบ้างเริ่มต้นกันด้วยบรรยากาศของร้านกันก่อนเลยค่ะ ตัวร้านถือว่าดูมั่นคง และใหญ่ทีเดียว เมื่อเทียบกับร้านอาหารต่างจังหวัดแบบนี้โดยมีโซนที่นั่งหลายโซน และมีการเตรียมพร้อมสำหรับเวลาฝนตกด้วยค่ะ สังเกตจากผ้าใบสีเขียวที่ถ้าปิดลงมาก็คงช่วยบังฝนได้เป็นอย่างดีผัดผักรวมมิตร 120 บาท เมนูผัดผักนี่สั่งมาเอาใจเด็กๆ ค่ะ เพราะมีแต่อาหารคาวที่รสชาติจัดจ้านเดี่ยวเด็กน้อยจะทานไม่ได้ ซึ่งเมนูนี้ก็ถือว่าได้มาตรฐานค่ะ แต่ออฟว่าถ้าเพิ่มซอสหอยนางรมมากกว่านี้อีกนิดนึงจะกลมกล่อมขึ้นค่ะยำถั่วพลู 120 บาท ต่อมาเป็นเมนูยำถั่วพลูกันบ้างค่ะ เมนูนี้รสชาติดีทีเดียว เครื่องถูกคลุกเคล้ามาเข้ากัน มีไข่ต้มมาตัดความเผ็ดหน่อยๆ เครื่องยำก็หั่นมาเป็นชิ้นเล็กๆ ทานได้เลยแบบไม่ต้องเขี่ย เพราะถ้ามานั่งเขี่ยคงจะกินไม่ทันได้ค่ะปลาช่อนลุยสวน 280 บาท ปลาช่อนลุยสวนนี่เป็นปลาช่อนทอดราดน้ำยำนั่นเองค่ะ มาพร้อมกับผักลวกเรียงอยู่ข้างตัวปลา ซึ่งตัวปลาช่อนก็ใหญ่ใช้ได้ค่ะ ทางร้านบั๊งมาให้เป็นสี่ชิ้นทำให้ตักทานได้ง่าย น้ำยำที่ราดนี่ก็เผ็ดเอาเรื่องเหมือนกันค่ะยำสามกรอบ 140 บาท ยำสามกรอบก็มีทั้งปลาหมึก แคปหมู และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ จานนี้เปรี้ยวนำมาก่อน เครื่องยำหั่นชิ้นใหญ่ โดดเด่นด้วยคื่นช่ายที่คนไม่กินผักต้องเขี่ยออกแน่ๆค่ะ เพราะกลิ่นค่อนข้างแรง จานนี้ผักประดับจานเรียงมาจนเต็มทำให้จานดูแน่น แต่จริงๆ แล้วปริมาณของตัวยำเองไม่ได้เยอะมากค่ะ รสชาติรวมๆ ก็โอเคค่ะปลากระพงทอดน้ำปลา 340 บาท เมนูปลากระพงทอดน้ำปลาเป็นเมนูปลาที่ฮิตที่สุด และออฟก็ชอบทานมากสุดด้วยค่ะ ความอร่อยของจานนี้จะพิจารณาจากความกรอบของการทอดปลา, ความสดของปลา, รสชาติของเนื้อปลา รวมไปถึงน้ำยำมะม่วงที่ทานคู่กันด้วยค่ะ ซึ่งจานนี้ออฟว่าทำออกมาได้โอเค คือทอดได้กรอบกำลังดี เนื้อปลาสด และหวานใช้ได้ แต่ตัวปลายังไม่ใหญ่เต็มที่เลยคิดว่าถ้าเนื้อแน่นกว่านี้น่าจะอร่อยมากยิ่งขึ้นค่ะ ส่วนยำก็รสชาติไม่จัดจ้านมากนัก คนอยากทานรสเผ็ดอาจจะขัดใจ แต่ออฟว่าสำหรับคนไม่กินเผ็ดแบบออฟถือว่าโอเคเลยค่ะBanNamKhiangFa_018เมนูกบทอดผัดเผ็ดนี่ ถ้าไม่ได้มากับญาติๆคงไม่ได้ทานค่ะ ครั้งนี้ลองทานไปคำนึงก็รสชาติดี แต่กระดูกเยอะ และเนื้อน้อยไปหน่อยค่ะ กินแล้วคล้ายกับไก่ดีๆ นี่เองค่าBanNamKhiangFa_045ไก่ทอดเกลือ 100 บาท อีกเมนูสำหรับเด็กน้อยเป็นเมนูไก่ทอดเกลือมาทานกันเพลินๆค่ะ จริงๆ ตั้งใจสั่งเป็นเมนูทานเล่น แต่ดันมาเสิร์ฟตอนช่วงกลางๆ ของการทานอาหารซะงั้น ก็เลยได้เป็นกับข้าวไปเลยค่ะกบทอดผัดเผ็ด 140 บาท เมนูกบทอดผัดเผ็ดนี่ ถ้าไม่ได้มากับญาติๆคงไม่ได้ทานค่ะ ครั้งนี้ลองทานไปคำนึงก็รสชาติดี แต่กระดูกเยอะ และเนื้อน้อยไปหน่อยค่ะ กินแล้วคล้ายกับไก่ดีๆ นี่เองค่าต้มยำกุ้งน้ำข้น 180 บาท ต้มยำกุ้งน้ำข้นนี่เป็นเมนูที่ถูกลืมมากๆค่ะ เพราะว่ากินอาหารเสร็จหมดแล้วถึงจะมา แต่รสชาติของน้ำข้นก้เข้มใช้ได้ กุ้งก็ตัวใหญ่ดี แต่ถ้ามาเร็วก่อนข้าวจะหมดจะดีมากค่ะสละลอยแก้ว ปิดท้ายกันด้วยของหวานชื่นใจอย่างกระท้อนลอยแก้วค่ะ อันนี้รสชาติมาตรฐาน แอบเห็นว่าเค้าแกะจากถ้วยสำเร็จรูปมาใส่ให้เราด้วยอิอิบทสรุปจากการทานที่ร้านบ้านน้ำเคียงฟ้า เป็นร้านอาหารไทยขนาดใหญ่ทีเดียวค่ะ มีโต๊ะให้นั่งเยอะดี บรรยากาศริมน้ำนี่ ถึงช่วงที่ไม่มีลม ก็มีพัดลมจากทางร้านมาช่วยนะคะทำให้ไม่ร้อนมากนัก การบริการถือว่าโอเคค่ะ มีลืมออเดอร์บางอย่างบ้าง แต่ก็พยายามตามให้ค่ะ รายการอาหารก็มีให้เลือกเยอะ และส่วนใหญ่รสชาติโอเค ราคาไม่แพงมากด้วยค่ะ การเดินทางถือว่าลึกลับเอาเรื่องเหมือนกัน เพราะว่าต้องเลี้ยวนู่น เข้าซอยนี้ แต่คนแถวนี้ก็คุ้นชินเส้นทางกันดีค่ะ…查看更多

BuriMaya (บุรีมายา) เป็นร้านอาหารที่ได้ลองไปทานในช่วงวันแม่พร้อมครอบครัวของไผ่ค่ะ โดยร้านนี้ถือเป็นร้านอาหารที่ใหญ่และมีบริเวณกว้างมากๆ ร้านนึงของแปดริ้วเลยทีเดียว ไปดูกันเลยค่าว่าร้านนี้เป็นยังไงบ้างช่วงที่ไปเป็นช่วงกลางวันซึ่งคนจะไม่ค่อยเยอะมากค่ะ ซึ่งบรรยากาศในร้านก็ร่มรื่นพอสมควรเลย โซนแรกที่เดินเข้าไปแล้วจะจะเป็นกลุ่มโต๊ะที่อยู่ใต้ร่มไม้คะ ส่วนนี้เป็นเก้าอี้โปร่งๆ แต่ถึงจะมีต้นไม้ใหญ่อยู่ แต่ก็ยังได้รับแสงจากแดดเข้าไปเต็มๆ เหมือนกันค่ะเดินเข้าไปจะพบกับโซนอาหารเป็นเหมือนบ้านค่ะ อันนี้ช่วงกลางวันก็ไม่มีคนไปนั่งเหมือนกันเมนูอาหารของทางร้านก็เป็นอาหารไทยและซีฟู๊ดที่มีให้เลือกหลากหลายในราคาไม่แพงมากค่ะส้มตำผลไม้ 100 บาท เนื่องด้วยพนักงานออกตัวไว้ก่อนเลยว่าอาหารอาจจะช้า ก็เลยสั่งตำผลไม้มาทานกันรองท้องกันก่อนค่ะ อาหารพวกตำๆ นี่เค้ามีครัวแยกทำให้ทำได้เร็ว ซึ่งจากการลองทานก็พบว่าใช้ได้ค่ะ แต่ถั่วไหม้ไปนิดนึง ผลไม้หั่นเป็นชิ้้นกำลังดี รสชาติก็เข้ากันดีค่ะปลากระพงทอดน้ำปลา 380 บาท เมนูปลาที่ออฟอยากทานมานานแล้วก็ได้อร่อยสมใจกับปลากระพงทอดน้ำปลาตัวใหญ่ของทางร้านค่ะทางร้านใช้การแบ่งปลาออกทำให้ตักทานได้ง่ายและโชว์เนื้อแน่นๆ ของปลาทำให้น่าทานมากๆค่ะ น้ำปลาที่มาในจานก็ไม่เค็มจัดมากนักค่ะกระเบื้องมายา 120 บาท เมนูของทานเล่นก็สั่งกระเบื้องมายามาทานค่ะ นานๆ จะเห็นเมนูนี้ในรูปของจานยาวนะคะ ปกติเค้าจะใส่ในจานกลมมากันทั้งนั้น แต่ก็เรียงเต็มจานสวยไปอีกแบบค่ะ รสชาติของเครื่องก็อัดแน่นใช้ได้ ทอดได้กรอบกำลังดี เสิร์ฟพร้อมกับสลัดผักแก้เลี่ยน และน้ำจิ้มบ๊วยค่ะกุ้งแม่น้ำเผา 1 กิโลกรัม 1,200 บาทเมนูกุ้งเผานี่เป็นตัวฉุดกระชากราคาอาหารมื้อนี้ให้พุ่งทะยานสูงค่ะ ดังนั้นคนที่ไม่ตั้งใจจะมาทานอาหารซีฟู๊ดก็ไม่ต้องห่วงเรื่องราคานะคะ อย่างกุ้งเผาจานนี้มีทั้งหมด 7 ตัว ย่างมาแบบไม่สุกมากนัก ทำให้เวลาทานเนื้อจะไม่แห้งเกินไป ยังได้รสชาตินุ่มหวานของเนื้อกุ้งได้อย่างเต็มที่เลยค่ะ น้ำจิ้มของเค้าก็แซ่บใช่ได้เลย แต่ถ้าใครชอบแบบแห้งก็บอกเค้าได้นะคะ หัวกุ้งก็มันเยิ้มใช้ได้เลยค่ะแกงส้มกุ้งชะอมไข่ 180เมนูแกงส้มดูจะเป็นเมนูโปรดอีกเมนูที่จะลองสั่งทุกครั้งเลยค่ะ ครั้งนี้ก็สั่งแกงส้มชะอมไข่ มาเป็นหม้อไฟเลยค่ะ เหมาะสำหรับทาน 4 คน ได้คนละถ้วยเต็มๆ กำลังดีค่ะ ปริมาณของกุ้งและชะอมไข่ก็เยอะทีเดียวค่ะ รสชาติก็เข้มข้นกลมกล่อมใช้ได้เลย ทานคู่กับข้าวสวยหรือจะซดร้อนๆ ก็อร่อยดีค่ะบทสรุปจากการทานที่ร้านบุรีมายารสชาติอาหารที่ทานในครั้งนี้ถือว่าอร่อยคุ้มค่า คุ้มราคามากค่ะบรรยากาศของร้านก็ร่มรื่น และมีพื้นที่กว้างดีทีเดียว แต่ถ้าคนมาเยอะๆ ไม่รู้จะมีปัญหาเรื่องพนักงานเสิร์ฟรึเปล่า เพราะเห็นมีพนักงานไม่ค่อยเยอะการเดินทางถือว่าสะดวกใช้ได้ค่ะ สำหรับคนที่กำลังมองหาร้านอาหารที่ไม่ห่างจากตัวเมืองแปดริ้วมากนักมีทั้งห้องแอร์ และบรรยากาศริมน้ำ เป็นตัวเลือกที่ดีทีเดียวสำหรับการพาครอบครัวมาทานอาหารค่ะ…查看更多

ทงจิงกัง (Ton Chin Kan Ramen) เป็นร้านที่พี่ดันจาก Dunbine ชวนมากินหลังจากที่ร้านนี้มาเปิดสาขาใหม่ที่ซอยอารีย์ค่ะ ซึ่งแน่นอนว่ามันใกล้กับที่ทำงานของออฟ และแวบไปตอนเที่ยงได้ แบบกลับมาทำงานได้ทัน ดังนั้นก็เลยตัดสินใจไปลองกินดูค่าร้านนี้จะว่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้าก็พูดได้ไม่เต็มปากค่ะ เพราะออฟคิดว่าระยะเดินจากรถไฟฟ้ามาถึงร้านมันก็แอบไกลใช่ย่อย แต่ก็ไม่ถึงกับเดินไม่ได้ ถ้าไม่ได้เอารถมาแนะนำให้เรียกแท็กซี่หรือมอเตอร์ไซต์มาจะดีกว่าค่ะ ไม่งั้นกว่าจะเดินมาถึงก็คงหมดอารมณ์กินแล้ว แต่จะว่าไปครั้งนี้พี่ดันก็เดินจากรถไฟฟ้ามาเหมือนกันค่ะตัวร้านเป็นการประยุกต์บ้านสองชั้นที่ทาสีขาวสะอาดตามาเป็นร้านอาหารค่ะ มีป้ายสีแดงขนาดใหญ่ให้เป็นจุดสังเกตเมนูของร้านก็มีเมนูราเมงซุปต่างๆ ให้เลือกอยู่พอสมควร นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารทานเล่นอีกหลายอย่างด้วยนะคะสำหรับเครื่องดื่มก็มีให้เลือกทั้งเบียร์ น้ำผลไม้ น้ำอัดลม กาแฟ และน้ำเปล่าค่ะพอสั่งอาหารเสร็จจะได้อุปกรณ์ในการทานทั้งถ้วยน้ำจิ้ม ช้อน และผ้าเย็นสำหรับเช็ดมือค่ะTempura Ramen 220 บาทจานของออฟนี่เป็นเมนูเทมปุระราเมน ซุปใสใส่กุ้งเทมปุระ โดยทางร้านจะแยกจานกุ้งเทมปุระออกมาให้เรา ทำให้แป้งยังคงกรอบอยู่ค่ะมีกุ้งเทมมปุระทอดกรอบมาให้ 3 ตัวด้วยกัน วางมาบนกระดาษช่วยซับมันได้ระดับนึงTonkotsu Shoyu Ramen 190 บาท เมนูนี้เป็นทงคตสึโชยุ โดยน้ำซุปนี่เค้าว่าเคึ่ยวถึง 9 ชั่วโมงแล้วนำมาปรุงรสด้วยโชยุอีกที ชามใหญ่เอาเรื่องเหมือนกันค่ะ ตัวแผ่นหมูค่อนใหญ่และมีมันเยอะทีเดียว รสชาติน้ำซุปเข้มข้นกำลังดีค่ะ แต่แอบรู้สึกว่าใส่ต้มหอมซอยมาเยอะไปหน่อยTokotsu Ramen 190 บาททงโคสึราเมนเป็นราเมนน้ำซุปกระดูกหมูเข้มข้น ปรุงรสด้วยเกสรเกลือค่ะ อันนี้ออฟขอชิมน้ำซุปหน่อยเดี่ยวแต่ก็รู้สึกว่าเข้มข้นกำลังดีค่ะ ไม่เค็มมากBoiled Egg 25 บาท ตัวช่วยเพิ่มรสชาติของราเมน ซึ่งหลายๆคนติดใจจนต้องสั่งทุกครั้งคงจะเป็น “ไข่” ซึ่งออฟรู้สึกว่ามันมีความเข้มข้นของทั้งส่วนไข่แดงและไข่ขาวดีมากๆค่ะ เป็นไข่ต้มยางมะตูมที่ไหลเยิ้มกำลังดีเลยค่ะบทสรุปจากการทานที่ร้านทงจิงกังไม่ค่อยถูกใจกับน้ำซุปใสเท่าไหร่ เพราะจืดกว่าที่คิดเยอะมาก ส่วนน้ำซุปอื่นๆเฉยๆ ค่ะ ไม่ถึงกับแย่ แต่ก็ยังไม่ได้โดนใจเป็นพิเศษร้านอยู่ในซอยซึ่งน่าจะเป็นตัวเลือกให้พนักงานแถวนี้มาทานได้ไม่ยากมากค่ะบรรยากาศของร้านดูโปร่งๆ ตกแต่งแบบเรียบๆ ดี แต่เพดานเตี้ยไปหน่อยการบริการใช้ได้ค่ะ อาหารก็มาไม่ถึงกับช้ามากนักราคาถือว่าแพงเหมือนกัน แต่ก็ได้ปริมาณที่เยอะสมราคาอยู่ค่ะ…查看更多

Cherubin Chocolate Cafe (เชรูแบง ช็อกโกแลต คาเฟ่) เป็นร้านที่ออฟเลือกเพราะเห็น Openrice เค้ายกให้เป็น 1 ใน 10 ร้านเค้กเบเกอรี่ในตำนาน ต้องลองสักครั้งในชีวิตค่ะ ซึ่งก็ได้ชวนพี่ดันจาก Dunbine ไปลองทานด้วยกัน ครั้งนี้นัดกันที่ปากซอยสุขุมวิท 31 ออฟมาจากทางรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ ส่วนพี่ดัน ก็เดินจากรถไฟฟ้าอโศก เจอกันกลางทางพอดีค่ะ จากนั้นก็เดินเข้าซอยมาอีกหน่อยร้านอยู่ทางซ้ายมือค่ะหน้าร้านมีที่จอดรถด้วยนะคะ ทางเข้ามีชื่อร้านชัดเจนค่ะ แต่ออฟเข้าไปช่วงใกล้ทุ่มแล้วก็เลยมืดๆหน่อยในร้านมีการตกแต่งด้วยตุ๊กตาหมีน่ารักทีเดียว ชุดโซฟาตัวใหญ่นี่ก็น่านั่งมากค่ะในร้านมีที่นั่งให้เลือกหลายแบบตามใจชอบเลยค่ะ มีการประดับด้วยรูปเพิ่มความน่ารักอีกด้วยใจความหลักของร้านนี้อยู่ที่ตู้นี้เลยค่ะ ออฟแทบจะพุ่งเข้าใส่ กะสั่งมากินรัวๆ เลยค่ะ แต่เจอพนักงานถามว่าจะทานที่นี่รึเปล่า เนื่องจากร้านจะปิดทุ่มนึง แอบเสียใจเหมือนกันที่ไม่ได้นั่งทานในร้าน เพราะชอบบรรยากาศในร้านมากๆ แต่ก็ตัดใจ ซื้อเค้กกลับมาทานที่บ้านแทนเอาค่ะ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเค้กช็อกโกแลตในรูปแบบต่างๆ แล้วก็มีชีสเค้กบ้างค่ะCaramelly Monkey 120 บาทส่วนใหญ่แล้วถ้าพูดถึงเมนูเค้ก กับกล้วยคนจะนึกถึงแต่บานอฟฟี่ค่ะ แต่ร้านนี้เค้ามี คาราเมลลี่ มั้งกี้ ที่มีฐานเป็นโอริโอ ต่อด้วยเค้กช็อกโกแลตเนื้อเบาๆจากนั้นเป็นโซนคาราเมลที่มีกล้วยชิ้นใหญ่ ขอบอกว่าที่นี่ไม่ได้หั่นเป็นแว่นๆ นะคะ มาเป็นท่อนๆ เลยค่ะ ได้เนื้อกล้วยไปเต็มๆ แน่นอน จากนั้นก็เป็นชั้นเค้กช็อกโกแลต และมีโรยหน้าด้วยผงโกโก้อีกที รสชาติโดยรวม นุ่มและไม่หวานเกินไปเลยค่ะ กล้วยก็รสชาติลงตัวดีมากๆ เค้กช็อกโกแลตก็ขมกำลังดี และเบาทำให้ทานได้ง่าย ฐานล่างก็มาเพิ่มรสสัมผัสให้มีความกรุบๆ ด้วยค่ะNuts About Chocolate 120 บาทต่อกันด้วยเค้กที่ไผ่โปรดบ้างค่ะ เค้กชิ้นนี้ใจความอยู่ที่หน้าที่เป็นถั่ว ซึ่งทำออกมาได้ดีมากๆ เพราะว่าไม่มีกลิ่นไหม้เลยส่วนเค้กช็อกโกแลตนี่ก็เด่นไม่แพ้กันค่ะ ด้วยความขมอย่างลงตัว และไม่หวานเกินไปของเค้ก เนื้อนุ่มๆ แต่ไม่เละ ทำให้ทานได้เรื่อยๆ และไม่แน่นท้องเกินไปด้วยค่ะครั้งนี้ได้ซื้อแบบกลับบ้านมาทาน ทางร้านมีการให้น้ำแข็งมาด้วยนะคะ เป็นร้านแรกเลยนะเนีย ที่ออฟเจอเค้าให้น้ำแข็งมารองกล่องเค้กแบบนี้…查看更多

Olivie Cafe (โอลิวิเย่ คาเฟ่) เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่ออฟเคยทานแบบบุฟเฟ่ต์ที่พาราไดซ์พาร์ค แล้วรู้สึกโอเคค่ะ คราวนี้เมื่อมาที่ Terminal 21 แล้วเจอร้านนี้ในขณะที่กำลังมองหาร้านอาหารเย็นก็เลยตัดสินใจมาลองทานแบบไม่เป็นบุฟเฟ่ต์ดูบ้างค่ะบรรยากาศของร้านถือว่ามีการใช้รูปภาพ และการตกแต่งที่มีสีสันสดใสทีเดียวค่ะโต๊ะแต่ละโต๊ะมีความเป็นส่วนตัวใช้ได้ทีเดียว และร้านสาขาที่ Terminal 21 นี่ก็ถือว่าใหญ่เหมือนกันค่ะเมนูอาหารของที่นี่ก็มีอาหารอิตาเลี่ยนที่เราคุ้นกันดีให้เลือกอยู่ครบค่ะ ไม่ว่าจะเป็นพิซซ่า พาสต้า ผักโขมอบชีสStrawberry Mojito 60 บาทวันนี้ไผ่อยากทานน้ำหวานค่ะ เลยได้สั่งเมนูนี้มาทานซึ่งออฟว่าก็ทานแล้วสดชื่นดีค่ะ ตัวใบมิ้นต์มาช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นดีจริงๆ รสชาติเปรี้ยวหวานจากการผสมของสตอเบอร์รี่และมะนาวก็เข้ากันดีค่ะผักขมอบชีส 220 บาทตอนแรกนั้นอยากจะสั่งพิซซ่ามาทานเหมือนกัน แต่ครั้งนี้มากัน 2 คนกับไผ่ เลยตัดสินใจสั่งอาหารหลายๆ อย่างมาทานแทนค่ะ โดยเริ่มต้นกันด้วยผักโขมอบชีสกันก่อนเลย ออฟชอบที่เอาเอาอัลมอนด์สไลด์ด้านบนมาโรยแล้วเอบไปด้วยค่ะ เพิ่มความกรุบๆ กรอบๆ มีอะไรให้เคี้ยวดี ความเข้มข้นของชีสนี่ก็ใช้ได้อยู่ค่ะอกเป็ดย่างราดซอสราสเบอร์รี่ 320 บาทเมนูอาหารจานหลักเป็นอกเป็ดย่างราสซอสราสเบอร์รี่ค่ะ ตัวเป็ดนี่ย่างมากำลังดี ไม่เหนียวเกินไป เนื้อยังแดงๆ อยู่หน่อยๆ ซอสก็ใช้ได้ค่ะ เสิร์ฟมาพร้อมกับมันบด และผักโขม เป็นของทานคู่กันได้ลงตัวใช้ได้ค่ะ มีครบ 5 หมู่เลยทีเดียวพาสต้า Olio Bacon 150 บาทต่อกันด้วยเมนูที่ออฟเลือกบ้างค่ะ วันนั้นอยากทานพาสต้าที่ไม่ใช่ซอสครีม มีรสชาติจัดจ้านหน่อยจะได้ไม่เลี่ยนมากนัก ก็เลยได้มาลงเอยที่ Olio Bacon นี่แหละค่ะ เมนูนี้ออฟชอบที่เค้าใช้เบคอนชิ้นใหญ่ดีค่ะ เส้นก็สุกกำลังดี รสชาติเผ็ด เค็ม ลงตัวทีเดียว เรียกได้ว่าทานเข้ากับผักโขมอบชีสได้ลงตัวดีค่ะบทสรุปจากการทานที่ร้านOlivie Cafeรสชาติอาหารอร่อยลงตัวทีเดียว ราคาอาหารอยู่ในระดับกลางๆ บรรยากาศของร้านตกแต่งและมีการจัดร้านได้โดดเด่นใช้ได้การบริการค่อนข้างดี อาหารเสิร์ฟเร็วดีการเดินทางสาขานี้สะดวกเพราะติดรถไฟฟ้าเลยค่ะคนที่กำลังหาร้านอาหารอิตาเลี่ยนก็มาลองทานร้านนี้กันได้ค่ะ…查看更多

วันแม่ปีนี้ถึงจะผ่านมาเกือบเดือนแล้วออฟก็ขอเก็บรีวิวร้านอาหารที่พาคุณแม่ไปทานอาหารแบบไทยๆ ที่เคยไปลิ้มลองมาแล้วติดใจกับอาหารไทยแบบต้นตำรับของร้าน The Local นั่นเองค่า ร้านอาหารนี้เป็นร้านอาหารไทยต้นตำรับใจกลางเมืองเรียกได้ว่าครบสูตรร้านอาหารตัวเลือกสำหรับร้านอาหารวันแม่เลยค่าแค่ทางเข้าก็ให้บรรยากาศไทยแล้วค่ะ ด้วยอาคารแบบบ้านแบบไทยๆค่ะ แต่ห้องอาหารที่ทานในครั้งนี้อยู่ด้านใน ตรงอาคารด้านหลังค่ะ ห้องอยู่ชั้นสอง โดยเป็นห้องกว้าง เก้าอี้สานมีเบาะรองนั่งสบาย กับการจัดโต๊ะที่ทำให้ไม่รู้สึกเป็นทางการเกินไปด้วยการเลือกใช้แผ่นรองจานแทนผ้าปูโต๊ะสำหรับเมนูอาหารก็มีให้เลือกหลากหลายครบรสเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นต้ม ผัด แกง ทอด ของทานเล่น รวมไปถึงของหวาน งานนี้ใครเห็นแค่ชื่อแล้วไม่แน่ใจว่าอาหารจะเป็นแบบไหนก็อ่านรายละเอียดหรือดูรูปภาพประกอบก็ช่วยให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นค่าเมนูของทานเล่นครั้งนี้ติดใจจากครั้งก่อนค่ะ ก็เลยสั่งมารองท้องกันก่อนเลย ในเมนูชุดนี้มีทั้งหมด 5 อย่างด้วยกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ข้าวซอยไก่ เมนูที่หลายคนอยากทาน และหาทานรสชาติต้นตำรับยากเหลือเกิน รับรองของที่นี่เติมเติมได้แน่นอนค่ะ ต่อกันด้วย เมี่ยงบัวหลวง ที่มีสีอ่อนหวาน และมีเครื่องเคียงของเมี่ยงเรียงมาในกลีบบัว ทานง่ายพอดีคำ และรสชาติกลมกล่อมมากค่า ยำตะไคร้กุ้ง เมนูเปรี้ยวปากที่มาเพิ่มรสชาติเผ็ดเปรี้ยวให้กับชุดนี้ค่ะ ไก่ห่อใบเตย ห่อมาในใบเตยเลยค่ะ เป็นชิ้นพอดีคำ อร่อยกันได้โดยไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มอะไรเพิ่มเลยค่ะ ปิดท้ายกันด้วย ข้าวตังหน้าตั้ง เสิร์ฟมาเป็นคำ ข้าวตังกรอบๆ ทานเพลินๆ เกินห้ามใจเลยค่ายำตะไคร้สามเกลอใต้ทานกับใบชะพลู 200 บาทมาต่อกันด้วยเมนูยำกันบ้างค่ะ เมนูนี้รับรองว่าคนที่ชอบทานของยำต้องโดนใจแน่นอน แล้วคนที่ไม่ชอบกินผักสมุนไพรอย่างตะไคร้ก็อย่าเพิ่งเมินนะคะ ลองทานดูซักหน่อย แล้วจะติดใจค่า รสชาติของจานนี้จะกลมกล่อม และทานง่ายมากๆค่าแกงรัญจวนไก่ 240 บาทเมนูนี้เป็นเมนูที่ออฟและพี่สาวติดใจมากๆค่ะ เมนูระดับตำนวนตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 นี่ทานแล้วติดใจคุณแม่จนต้องกลับมาทำให้ทานที่บ้านเลยค่ะ เมนูนี้เป็นเมนูที่ทานแล้วจะได้รสชาติเผ็ดนิดๆ และเปรี้ยวกำลังดี ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ ลงตัวมากๆค่ะ อ้อ แต่อย่าไปเผลอกันพริกเม็ดโดดนั่นนะคะ เห็นแล้วรีบเขี่ยออกเลยค่า ไม่งั้นแย่แน่ๆผักเหมียงผัดไข่ 180 บาทปิดท้ายเมนูของคาวกันด้วยผักเหมียงผัดไข่ค่า เมนูนี้เป็นเมนูผัดผักที่แพงที่สุดเท่าที่เคยทานมาเลยค่ะ แต่ถ้าสั่งมาแล้วขอให้มองเรื่องราคาไปก่อนนะคะ แล้วมาดื่มด่ำกับรสชาติของจานนี้ให้เต็มที่นะคะ จานนี้ถือว่าทำได้ใช้ไดค่ะ ผักไม่เหี่ยวเกินไป ไข่ก็เยอะเป็นชิ้นกินได้เป็นคำๆดีค่ะรวมมิตรไอศกรีม กับ ขนมไทย 180 บาทปิดท้ายกันด้วยเมนูของหวานกันเลยค่ะ เนื่องด้วยขนมไทยอย่างลูกชุบที่ปกติจะอยู่ในเซตนี้ด้วยนั้นหมดพอดีค่ะ ก็เลยได้ขนมมาทานแทนบทสรุปจากการทานที่ร้าน The Local by Oam Thongบรรยากาศของร้านไทยได้ลงตัวดีค่ะ ขอบอกว่าต้องโทรจองล่วงหน้านะคะ ไม่งั้นไม่มีโต๊ะแน่ๆค่ะรสชาติของอาหารของที่นี่เป็นแบบอาหารไทยต้นตำรับ จะมีรสชาติจัด และครบรสดีค่ะราคาอาหารและปริมาณนั้นถือว่าค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกัน ยิ่งมี Service Charge 10% และ Vat7% ด้วยการบริการถือว่าได้รับความใส่ใจจากพนักงานได้ดีมากค่ะร้านนี้เก็บไว้พาครอบครัวมาในโอกาสพิเศษไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ…查看更多

Cafe Marmalade (คาเฟ่มาร์มาเลด) เป็นร้านอาหารไทยที่ออฟเลือกพาคุณแม่และพี่สาวมาทานเมื่อได้มาเดินเที่ยวที่ห้างเมกะบางนาค่ะ จริงๆ ร้านนี้ก็เห็นอยู่นานแล้วแต่ส่วนใหญ่บางทีมาถึงที่นี่แล้วคุณแม่จะไม่ค่อยอยากทานอาหารไทย เลยไม่ได้มาทานร้านนี้ค่ะ ครั้งนี้มาทานกันตอนบ่ายๆ ที่ไม่ค่อยอยากทานอะไรเยอะเท่าไหร่ เห็นมีโปรโมชั่นยำ และตำแซ่บๆ อยู่ด้วย ก็เลยมาลองทานที่ร้านนี้ดูค่ะร้านคาเฟ่มาร์มาเลด อยู่ทางด้านนอกของตัวห้างนะคะ อาจจะต้องเดินหากันนิดนึง แต่ก็หาไม่ยากมากค่ะ เข้ามาในร้านแล้วจะเหมือนย้อนยุคกลับไปสมัยก่อนนิดๆ ด้วยการใช้สีสันในการตกแต่งร้านและโคมไฟที่ใช้ประดับของแต่ละโต๊ะค่ะจริงๆ แล้วออฟว่าทางร้านก็แอบคล้ายกับห้องทานอาหารของบ้านหลังนึงเลยค่ะ บางโซนก็มีเป็นโซฟาด้วย ซึ่งก็ให้บรรยากาศเหมือนทานอยู่ที่บ้าน ให้ความเป็นกันเองดีค่ะช่วงที่ไปนั้นมีโปรโมชั่นลด 15% สำหรับเมนูตำและยำค่ะ นอกจากนี้เมนูอาหารของทางร้านก็เป็นเล่มใหญ่ มีตัวอย่างรูปอาหารให้ดูบ้าง และมีสัญลักษณ์ช่วยในการแนะนำรายการอาหารด้วยค่ะ เช่นแบบที่มีดาวคือคนสั่งเยอะ ซึ่งออฟก็ลองเลือกจากเมนูที่คนสั่งเยอะและทางร้านแนะนำซะเป็นส่วนใหญ่ค่ะโดยอาหารที่สั่งทานนั้นมีให้เลือกทั้งแบบที่เป็นกับ หรือจะเป็นอาหารจานเดียวก็มีค่ะยำดอกขจรกุ้งสด 120 บาทเนื่องด้วยไม่ค่อยหิวกันมาก ก็เลยสั่งเมนูเบาๆ กันมาทานพอหอมปากหอมคอค่ะ อย่างจานนี้เป็นเมนูยำดอกขจรกุ้งสด ก็ถือว่ารสชาติยำครบเครื่องดีค่ะ เผ็ด เปรี้ยว หวาน เค็ม ครบรส จัดจ้านกำลังดี ตอนทานแรกๆ จะไม่ค่อยเผ็ดมากนัก แต่ทานต่อไปก็แซ่บใช้ได้อยู่เหมือนกันค่ะ กุ้งที่นำมายำก็สด เด้งดึ่งในปากดีทีเดียวค่ะไก่ย่าง ส้มตำ ข้าวเหนียว 150 บาทหลังจากที่เลือกอยู่นานว่าจะกินอาหารจานหลักเป็นอะไร แต่คุณแม่อยากกินส้มตำ ออฟก็เลยเสนอให้ลองสั่งปิ่นโตของทางร้านมาดูค่ะ ปิ่นโตมาเสิร์ฟเป็นแบบโบราณนิดๆมีสามชั้น มาพร้อมกับน้ำจิ้มไก่รสจัดจ้านด้วยค่ะแต่ละชั้นก็ประกอบด้วยส้มตำไทยที่รสจัดกำลังดีค่ะ ทางร้านใส่มาเต็มชั้นของปิ่นโตอยู่ แต่จริงๆ ก็ไม่ถึงกับเยอะมากนะคะชั้นต่อมาเป็นไก่ย่างที่นุ่ม และอร่อยมากค่ะ ทานคู่กับน้ำจิ้มก็เข้ากันดีจริงๆ และชั้นสุดท้ายเป็นข้าวเหนียวดำมาเพิ่มความหนักท้องค่ะ โดยรวมแล้วปริมาณของอาหารออฟว่าทาน 2-3 คนกำลังดีค่ะ แต่ถ้าไม่ได้สั่งอย่างอื่นเลย ทานคนเดียวก็ได้ค่ะผัดไทยกุ้งสด 150 บาทเมนูที่คุณแม่สั่งมาเพราะความอยากกินผัดไทค่ะ ทั้งๆที่ลูกสาวก็ไม่ได้หิวมากนัก แต่ก็ตามใจให้สั่งมา แล้วต้องมาเหมาเอาตอนท้ายด้วยค่ะ ว่าจะไม่กินเยอะแล้วเชียว สุดท้ายก็เต็มกะเพราะจนได้ ผัดไทยนี่รสชาติโอเคอยู่ค่ะ แต่ผัดมาแฉะไปหน่อย แต่เครื่องเคราอะไรก็ครบเครื่องดีทีเดียวค่ะบทสรุปจากการทานที่ร้านCafe Marmaladeรสชาติอาหารโดยรวมถือว่าโอเคค่ะทางร้านมีค่าบริการ 10% และ Vat 7% ด้วยนะคะราคาอาหารส่วนใหญ่ก็ถือว่าแพงใช้ได้อยู่ แต่รสชาติก็ไม่แย่มากค่ะ แต่ยังไม่ถึงกับคุ้มจัดสำหรับร้านนี้บรรยากาศใช้ได้อยู่ จะพาครอบครัวมาทานอาหารร่วมกัน, นั่งคุยกับกลุ่มเพื่อน หรือมาเดตกับแฟนก็ได้อยู่ค่ะการเดินทางนี่ถ้ามีรถมาจะสะดวกค่ะ แต่หาที่จอดยากหน่อย แต่ถ้ามารถไฟฟ้า ก็สามารถนั่งรถบริการของทางห้างมาได้ค่ะ…查看更多

ช่วงเย็นหลังเลิกงานจากตอนแรกที่ตั้งใจจะไปวิ่งที่สวนลุมเพือเผาผลาญแคลอรี่ แต่ดันมาเจออุปสรรคจากน้องฝนซะได้ ดังนั้นเลยเปลี่ยนเป้าหมายซะเลยค่ะ ถ้าเอาออกไม่ได้ ก็เอาเพิ่มเข้าไปซะเลย แล้วร้านเค้กสไตล์ญีปุ่นทารุโตะ นี่ก็เป็นเป้าหมายหลักเลยค่ะ เพราะว่าเข้าทางเชื่อมรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีศาลาแดงมาในห้างสีลมคอมเพล็กซ์แล้วเดินลงบันไดเลื่อนมาก็เจอร้านนี้เลยค่ะ ก็เลยต้องมาทานซะหน่อยค่าลงมาก็จะเจอหน้าร้านแบบในรูปเลยค่ะ ดึงดูคนเข้ามาทานกันด้วยตู้เค้ก และป้ายโฆษณาต่างๆ ตัวร้านมีสองส่วนคือส่วนที่อยู่ตรงกลางทางเดินตามรูปด้านบนซึ่งเจ้าตู้เค้กนี่แหละค่ะ ที่คนมายืนมุงกันตลอดเลย แถมด้านข้างยังมีตัวอย่างของหวานอย่างล่อลวงอีกด้วย งานนี้เด็กๆ ติดกับไปหลายคนเลยค่ะเมนูเค้กที่นี่ก็เริ่มต้นด้วยทารุโตะ หรือทาร์ตสไตล์ญี่ปุ่นซึ่งมีหลายหน้ามากๆค่ะ ไม่ว่าจะเป็นครีมฮอกไกโด, ส้ม, มะม่วง, โอริโอ้, สตอเบอร์รี่, ผลไม้รวม นอกจากนี้ก็ยังมีหน้าอื่นๆ อีกหลายอย่างเลยค่ะนอกจากนี้ก็ยังมีของทานเล่นอีกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น โทสต์, แพนเค้ก ต่างๆค่ะโดยการสั่งมีทั้งแบบสั่งเป็นชิ้นและเป็นเซตค่ะ โดยขอบอกว่าเซตคุ้มกว่ามากเลย เพราะเพิ่มเงินอีกประมาณ 30 บาทก็ได้ทั้งไอศกรีม 2 ลูก วิปครีมและพุดดิ้งมาทานด้วยค่ะนูเทล่าสตอเบอร์รี่โทสต์ 155 บาทเนื่องด้วยทานที่ร้านนี้เป็นข้าวเย็นไปเลย จะสั่งแต่เค้กก็กลัวจะไม่อิ่ม ก็เลยสั่งเมนูนูเทล่าสตอเบอร์รี่โทสต์ มาทานให้แน่นท้องกันค่ะโดยในจานจะเป็นขนมปังทานูเทล่ เสิร์ฟมาพร้อมกับวิปครีม สตอเบอร์รี่สด ไอศกรีมวานิลา 2 ลูก และซอสสองอย่างเป็นไซรับกับซอสสตอเบอร์รี่ค่ะเมนูอร่อยทีเดียวค่ะ ออฟว่าการที่ทานูเทล่าเข้าไป ช่วยให้มีรสชาติของเนยถั่ว และช็อกโกแลตให้กับขนมปัง เมื่อทานคู่กับไอศกรีมวานิลาเย็นๆ แล้วตัดเปรี้ยวด้วยสตอเบอร์รี่นี่เข้ากันมากๆค่ะนมฮอกไกโดเซตโตะ 135 บาทมาถึงเมนูทารุโตะที่ครั้งนี้สั่งมาลองกันบ้างค่ะ รอบนี้ลองนมฮอกไกโดเซตโตะ ซึ่งประกอบด้วยทารุโตะหน้านมฮอกไกโด เสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีมชาเขียว และช็อกโกแลต เคียงข้างด้วยวิปครีมนุ่มๆ โดยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ถ้ากลัวทานแล้วจะแห้งเกินไป ก็ทานคู่กับซอสช็อกโกแลตที่ทางร้านรู้ใจอยู่แล้ว เอามาให้ในถ้วยขนาดน่ารัก ตัวไอศกรีมเนื้อแน่นดีค่ะ รสชาติโอเคเลยทีเดียว เรียกได้ว่าอร่อยทั้งทารุโตะ และไอศกรีมเลย ทานคู่กันได้เข้ากันมากๆ นอกจากนี้ก็ยังมีพุดดิ้งสองรสให้กินปิดท้ายกันด้วย ครั้งนี้ที่ทานเป็นรสวานิลากับชาเขียวค่ะ ไม่รู้เค้าลืมเอาช้อนมาให้ด้วยรึเปล่า ก็เลยต้องขอเพิ่ม ไม่งั้นกินลำบากค่ะ รสชาติถือว่าโอเคค่ะ ถ้าอยากจะเพิ่มรสชาติก็ลองทานคู่กับซอสก็ได้ค่ะ ไผ่ลองกับหลายอันเลย เป็นการเปิดโลกกว้างของรสชาติใหม่ๆค่า…查看更多

Hoseki (โฮเซกิ) เป็นร้านบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นที่ครั้งนี้ออฟได้รับเชิญจากทาง Openrice เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมก๊วนชวนกิน ซึ่งครั้งนี้ก็ขอหนีบพี่ดันDunbine มาเป็นผู้ติดตามอีกเช่นเคยค่ะ ร้านนี้อยู่นอกโซนการทานอาหารของออฟไปมากเลยทีเดียว แบบว่าโครงการ INT-Intersect พระราม 3 นี่อยู่ส่วนไหนกัน อะไรทำนองนั้นเลยค่ะ กิจกรรมครั้งนี้จะเป็นยังไงบ้างไปติดตามกันเลยค่าเมื่อลง BRT ที่สถานีวัดด่านก็ลงได้ค่ะ จากนั้นก็ลงจากสถานี แล้วเดินขึ้นมาอีกหน่อยก็จะเจอ โครงการ INT-Intersect พระราม 3 ซึ่งก็เป็นโครงการคล้ายๆกับ Avenue ที่เราเห็นผุดขึ้นมาเยอะขึ้นในช่วงหลังนี่แหละค่ะ เป็นแหล่งศูนย์รวมของอาหารและร้านต่างๆ แต่ไม่ใหญ่มากนักค่ะขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นบนสุดเลยค่ะ ตัวร้านแอบซ่อนอยู่ด้านหลัง เรียกได้ว่าอยู่ในซอกหลืบของตัวโครงการแล้วก็ว่าได้ ฝั่งตรงข้ามเป็นโรงเรียนสอนเต้นด้วยค่ะ ทานไปดูไปก็เพลินๆ ดี เห็นหน้าร้านแล้ว ตรวจสอบชื่อก็พบว่ามาถูกแน่ค่ะ เนื่องด้วยปกติทางร้านจะปิดวันจันทร์นะคะ อันนี้ประกาศให้ทราบทั่วกัน แต่วันที่ไปนั้นคิดว่าทาง Openrice คงจะติดต่อเอาไว้แล้วค่ะ ก็เลยไปด้อมๆ มองๆ ที่หน้าร้านก็มีคนออกจากร้านมาถาม เมื่อคุยกันเรียบร้อยก็เข้าไปในร้านกันเลยค่าตัวร้านตกแต่งแบบสบายๆ โปร่งๆ ออกแนวญี่ปุ่นนิดๆ โทนสีโดยรวมเป็นสีไม้ซะมากค่ะในร้านมีโต๊ะตั้งเรียงกันไม่เยอะมากนัก แต่ครัวของทางร้านจะมีแยกเป็นครัวเย็น สำหรับพวกซูชิ หรือซาซิมิ และครัวร้อนสำหรับอาหารอื่นๆ ค่ะเมนูของร้านHoseki (โฮเซกิ)เมนูอาหารของที่นี่นั้นมีให้เลือกหลากหลายกว่า 60 ชนิดเลยทีเดียวค่ะ คนที่เตรียมท้องมาอย่างดีแล้วก็สั่งได้เต็มที่เลยค่ะ เมนูอาหารด้านบนจะเป็นพวกข้าวหน้าต่างๆค่ะ อันนี้แนะนำให้ลองทานบ้างแต่อย่าสั่งมาตัดกำลังตัวเองเยอะนะคะ เดี่ยวจะกินอย่างอื่นไม่ค่อยได้ต่อกันด้วยเมนูเทมปุระ และสลัดค่ะ ขอบอกว่าสลัดที่ลองทานนี่อร่อยทุกอย่าง เทมปุระก็โอเคค่ะ ถ้ามากันเยอะๆ บอกให้เค้าทำจานใหญ่ มาให้เลยก็ได้ค่ะเมนูซูชิและซาซิมิต่างๆ ก็มีให้เลือกทานพอสมควรค่ะนอกจากนี้ก็ยังมีของทานเล่นให้เลือกทานอีกหลายอย่างเลยค่ะรายการเทมปุระที่ทานที่ร้านHoseki (โฮเซกิ)ขอเปิดตัวกันด้วยจานเทมปุระจานยักษ์เลยค่ะ เนื่องด้วยเห็นว่าครั้งนี้มาทานกันเยอะ ยังไงก็มีคนช่วยอยู่แล้ว ดังนั้นก็ขอเก็บภาพจานใหญ่กันหน่อยค่ะ รสชาติของเทมปุระนี่ทานตอนร้อนๆ โอเคเลยค่ะ แป้งกรอบกำลังดี จิ้มกับน้ำจิ้มก็เข้ากันดีค่ะ แต่ถ้าทิ้งไว้นานจะไม่ค่อยกรอบเท่าไหร่ ของแปลกๆที่ไม่เคยลองทานก็คือ รากบัวเทมปุระค่ะ ก็อร่อยกรุบๆ กรอบๆ แบบแปลกๆดี อันนี้ต้องลองทานกันดูค่ะรายการซูชิที่ทานที่ร้านHoseki (โฮเซกิ)เมนูซูชินี่ก็ขอจานใหญ่มาเลยเหมือนกันค่ะ ปกติแล้วเวลาสั่งจะมาอย่างละ 2 ชิ้นค่ะ อย่างในจานนี่คือแบบจัดเต็ม คือเอาทุกอย่างเลยค่ะ แต่ละคำไม่ใหญ่มากค่ะ ระวังข้าวเต็มท้องด้วยนะคะ เวลาสั่งซูชิรสชาติโดยรวมของซูชิที่ทานถือว่ากลางๆค่ะ ของสดใช้ได้ แต่ก็ยังไม่ได้ระดับร้านซูชิโดยเฉพาะขนาดนั้นค่ะ สำหรับเนื้อปลากับข้าวดูจะไม่ค่อยสมดุลกันเท่าไหร่ด้วยค่ะ แต่งานนี้เราไม่ได้เน้นซูชิขนาดนั้นอยู่แล้วก็ถือว่าโอเคค่ะนอกจากจานใหญ่ซึ่งเป็นซูชิรวมๆ ไปแล้วก็ยังมีซูชิเต้าหู้หวาน, ซูชิไข่กุ้ง ที่ออฟว่าทานแล้วอร่อยใช้ได้เลยค่ะ ที่ชอบพิเศษเห็นจะเป็นเต้าหู้หวานค่ะ เพราะปกติไม่ทานเต้าหู้แต่ที่นี่จะหวานๆ นุ่มๆ และไม่หยึยๆ เท่าไหร่ด้วยค่ะสำหรับคนที่ไม่อยากทานซูชิทั่วๆ ไปจะลองสั่งเป็นซูชิยำปีกหอยเชลล์ หรือ ซูชิสลัดปูอัดก็ได้ค่ะ อันนี้ก็โอเคดีสำหรับเมนูโรลของที่นี่ ที่ลองทานก็เป็นเมนู Crispy Roll ค่ะ ก็เป็นข้าวปั้นแล้วนำไปทอดกรอบๆ แบบเทมปุระ ก็อร่อยดีค่ะ แต่ปั้นมาไม่แน่นเท่าไหร่ กันแล้วแตกกระจายเหมือนกันค่ะสำหรับซาชิมิครั้งนี้ได้ลองเป็นปลาซาบะค่ะ งานนี้เจ้าของร้านมาเผาไฟให้เลยค่ะ อันนี้ก็รสชาติโอเค ไม่คาวมากดีค่ะรายการสลัดที่ทานที่ร้านHoseki (โฮเซกิ)เมนูสลัดที่ปรับรสชาติให้เข้ากับคนไทยและออฟคิดว่าทำได้ดีทีเดียวเลยก็คือ เมนูลาบปลาซาบะค่ะ อันนี้รสลาบชัดเจนดี เผ็ดจัดจ้านลงตัวดีค่ะต่อกันด้วยอีกเมนูที่หลายคนชอบกันค่ะเป็นปลาแซลมอนยำแบบไทยค่ะ อันนี้ก็เผ็ดกำลังดีค่ะ จานนี้หมดก่อนเพื่อนเลยค่ะ ถ้ามาไม่กี่คนแล้วอยากจะลองสลัดหรือยำ แนะนำให้สั่งจานนี้ค่ะสำหรับคนที่อยากทานแบบน้ำสลัดญี่ปุ่นก็สั่งเมนูแซลมอนสลัดน้ำญี่ปุ่นมาทานได้ค่ะปิดท้ายเมนูสลัดกันด้วยสลัดทูน่าค่ะ อันนี้ทานง่าย เป็นสลัดครีมธรรมดาค่ะแต่สีสันเค้าครบดีจริงๆรายการอุด้งที่ทานที่ร้านHoseki (โฮเซกิ)เมนูอุด้งที่สั่งมาทานก็เป็นเมนูอูด้งเต้าหู้หวานค่ะ อันนี้ทานได้ง่ายรสชาติหวานกลมกล่อมของน้ำซุป ความเหนียวนุ่มของเส้นเข้ากันดีค่ะ เต้าหู้หวานก็นุ่มอร่อยดีค่ะหรือจะลองสั่งเป็นอูด้งสาหร่ายมาลองทานกันเบาๆ ให้คล่องคอเพื่อไปต่อกับเมนูอื่นๆ ก็ได้ค่ะรายการของทานเล่นอื่นๆที่ทานที่ร้านHoseki (โฮเซกิ)ของทานเล่นที่นี่เริ่มต้นด้วยไก่ทอดค่ะ ก็เป็นไก่คาราอาเกะที่เราคุ้นเคยกันดี เนื้อไก่ชิ้นโตทอดมากรอบนอกนุ่มในกำลังดี ทานเปล่าก็จะได้รสชาติเค็มนิดๆของเนื้อไก่ หรือจะทานคู่กับน้ำจิ้มไก่เพิ่มรสชาติความหวานก็ได้ค่ะเมนูข้าวที่สั่งมาลองเป็นข้าวหน้าปลาดิบรวมค่ะ เรียกได้ว่ามีปลาดิบมาหลากสีสันมากๆ แต่แอบไม่ค่อยเข้าใจนิดหน่อยว่าทำไมต้องมีเห็ดโรยมาด้วย แอบไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ค่ะเมนูเห็ดออรินจิผัดเนยก็โอเคค่ะ แต่หั่นบางไปนิดนะคะเลยเหมือนละลายหายเข้าปากไปเลยค่ะส่วนเห็ดเข็มทองพันเบคอนนี่แน่นมากๆค่ะ เต็มคำกันไปเลยไก่ผัดซอสเปรี้ยวหวานนี่ควรจะทานคู่กับข้าวค่ะ เพราะรสชาติเข้มข้นมากทีเดียวสำหรับโต๊ะไหนที่มาเกิน 4 คนทางร้านมีหัวปลาแซลมอนย่างซีอิ๊วให้ด้วยอีก 1 จานใหญ่ด้วยค่า อันนี้ออฟลองกินเนื้อที่แก้มด้วยค่ะ ก็นุ่มๆ เค็มๆ ดีค่ะรายการของหวานที่ทานที่ร้านHoseki (โฮเซกิ)ของหวานของทางร้านเป็นเมนูที่เจ้าของภูมิใจมากๆค่ะ แบบว่าคนนึงกินกันหลายถ้วยเลย ซึ่งก็อร่อยสมคำคุยค่ะ เพราะหลายๆ คนก็กินกันไปหลายถ้วยแบบลืมตัวกันเลยทีเดียว ของหวานนั้นก็คือ “บารามันจะ” นั่นเองค่า ถ้าเอากันง่ายๆ ก็คือเต้าหู้เย็น โดยที่ทานมีสามรสชาติค่ะ คือแบบออริจินอลที่มีซอสราดข้างบน ซอสนี่จะหวานเอาเรื่องค่ะ ดังนั้นน่าจะให้ใส่ได้เองจะได้ตามใจได้เต็มที่ค่ะอีกสองเมนูที่ลองทานเป็นกาแฟ กับ ชาเขียวค่ะ ออฟชอบเนื้อชาเขียวมากๆ แบบอร่อยเนียน ไม่ชาจัดมาก แต่ก็อร่อยกลมกล่อมดีค่ะรายการเครื่องดื่มที่ทานที่ร้านHoseki (โฮเซกิ)ครั้งนี้อาหารหลากเมนู และเครื่องดื่มก็มีทั้งชาเขียว และน้ำอัดลมที่ให้ไปกดเองเลยนะคะ แต่ครั้งนี้ออฟทานแต่ชาเขียวอย่างเดียวเลยค่าการทานอาหารที่ร้านHoseki (โฮเซกิ)อุปกรณ์การทานของเราก็มีจาน ช้อน ตะเกียบ และถ้วยน้ำจิ้มค่ะเมื่อคนมากันพร้อมแล้วก็สั่งอาหารกันแบบรัวๆ ไม่กลัวท้องเต็มกันเลย ด้วยความที่เห็นว่ามากันเยอะค่ะ และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะทุกคนก็ทานกันได้เต็มที่มากๆ ค่ะ ไม่เหลือเลยซักอย่างท่านเจ้าของร้านมาเผาไฟปลาซาบะให้เราเองด้วยค่ะบทสรุปจากการทานที่ร้านHoseki (โฮเซกิ) เป็นร้านบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นในราคา 329 Net ที่มีเมนูอาหารให้เลือกเยอะมาก รสชาติของอาหารโดยรวมถือว่าโอเคเลยค่ะ ครั้งนี้มาแบบได้รับเชิญเลยไม่มีปัญหาเรื่องออเดอร์ผิดพลาด เพราะมีโต๊ะเดียวทั้งร้าน และไม่มีของช้าด้วยค่ะ ปริมาณอาหารต่อจานถือว่ากำลังดีค่ะ ถ้ามาคนเดียวก็น่าจะสั่งได้หลายอย่างเหมือนกัน การเดินทางไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ค่ะ (สำหรับออฟ) แต่ถ้าคนติดรถไฟฟ้าก็ยังถือว่าโอเคค่ะ เพราะนั่งรถไฟฟ้า BTS มาต่อ BRT ก็ไม่ยากค่ะ เดินมาไม่ไกลเท่าไหร่ด้วย ต้องขอขอบคุณทาง Openrice อีกครั้งสำหรับประสบการณ์ทานอาหารอร่อยๆ ที่ร้านโฮเซกิ และทำให้ได้รู้จักเพื่อนๆ บล็อกเกอร์ด้านอาหารหลายท่านมากขึ้นค่า ขอบคุณพี่ดันDunbine จาก https://www.facebook.com/Dunbine.H.E.A.Tที่เป็นผู้นำทางพาออฟมาทานและสละเวลามาทานด้วยกันครั้งนี้ด้วยค่า…查看更多

โก๊ะข้าวมันไก่ หรือข้าวมันไก่โก๊ะ เป็นร้านข้าวมันไก่ของนักแสดงมืออาชีพอย่างโก๊ะตี๋ อารามบอยที่หลายๆ คนคุ้นหน้าคุ้นตากันดีค่ะ ครั้งนี้ออฟมาลองทานที่ Food Court ที่เซ็นทรัลซิตี้บางนา ห้างประจำใกล้บ้านหลังจากได้ยินคำร่ำลือเกี่ยวกับร้านนี้มามากมายเลยค่ะ ไปดูกันเลยว่าเป็นยังไงบ้างร้านอยู่ชั้นล่างสุดค่ะ ลงบันไดเลื่อนมาก็เห็นร้านเลย หาไม่ยาก เพราะป้ายหน้าคุณโก๊ะตี๋โดดเด่นด้วยสีเขียวของเสื้อเอามากๆค่ะในตู้มีไก่ต้ม และไก่ทอดรอพร้อมอยู่แล้วค่ะหลังจากสั่งแล้วพ่อครัวก็ลงมือสับไก่ให้อย่างคล่องแคล่วเลยค่ะด้านหน้าร้านก็มีน้ำจิ้มให้ตักกันไปตามใจชอบทั้งน้ำจิ้มสำหรับไก่ต้ม, น้ำจิ้มไก่ทอด และซีอิ๊วดำค่ะเมนูของร้านข้าวมันไก่โก๊ะตี๋เมนูที่ร้านก็มีเมนูไก่ต้ม, ไก่ทอด, ไก่ผสม, กุ้งทอด และสั่งเป็นไก่สับค่ะ ราคาเริ่มต้นที่ 50 บาทค่ะ ถ้าพิเศษก็เป็น 60 บาทค่ะรายการอาหารที่ทานที่ร้านข้าวมันไก่โก๊ะตี๋ข้าวมันไก่ผสม 60 บาทเมนูจานที่ออฟสั่งทานเป็นข้าวมันไก่ผสมค่ะ ก็คือมีทั้งไก่ต้มและไก่ทอดค่ะ จานนี้ 60 บาทค่ะ ถือว่าไม่ถึงกับน้อยมากค่ะ ข้าวมันพูนจานดี มีแตงกวามาให้เยอะอยู่ค่ะ พร้อมกับน้ำซุปชามใหญ่เลยค่ะรสชาติของไก่ทอดนั้นออฟว่ายังไม่กรอบเท่าไหร่ค่ะ แต่เนื้อก็โอเคอยู่ รวมถือว่ากลางๆค่ะ ไม่แย่มาก แต่ก็ไม่กรอบอร่อยขนาดนั้นข้าวมันไก่ต้มพิเศษ 60 บาทดูส่วนไก่ทอดไปแล้วมาส่วนไก่ต้มกันบ้าง จานของจิโรจเป็นไก่ต้มแบบพิเศษค่ะ เนื้อไก่หนานุ่มดูสวยดี ถ้าเทียบกันออฟชอบไก่ต้มมากกว่าไก่ทอดค่ะน้ำจิ้มของไก่ต้มก็เผ็ดกำลังดีค่ะ แต่ไม่ข้นเท่าไหร่ น้ำจิ้มเหลวๆ ไปหน่อยค่ะการทานอาหารที่ร้านข้าวมันไก่โก๊ะตี๋ เนื่องจากเป็นฟู๊ดคอร์ดของห้างค่ะ ก็เดินไปสั่งอาหารแล้วมาหาโต๊ะนั่งได้เลยค่ะ หน้าร้านมีถาดให้เราใส่จานข้าว น้ำซุปและน้ำจิ้มให้นะคะบทสรุปจากการทานที่ร้านข้าวมันไก่โก๊ะตี๋ โดยรวมแล้วราคาเริ่มต้นของข้าวมันไก่จานละ 50 บาทค่ะ พิเศษ 60 บาท ถือว่าแพงกว่าร้านทั่วไปอยู่เหมือนกัน แต่ก็ถือว่าขายในห้าง ร้านอื่นๆ ก็ราคาประมาณนี้ค่ะ รสชาติโดยรวมถือว่ากลางๆค่ะ แต่ไก่ต้มอร่อยใช้ได้ ออฟชอบไก่ต้มมากกว่าไก่ทอด เพราะไก่ทอดดูจะทอดไว้นานแล้วค่ะ เลยไม่ค่อยกรอบเท่าไหร่ ถือว่าถ้าเกิดอยากกินข้าวมันไก่ใน Food Court ที่เซ็นทรัลซิตี้บางนาก็เป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ…查看更多

กลับมาอีกครั้งค่ะกับกิจกรรม “กิจกรรมก๊วนชวนกิน ครั้งที่ 12″ ค่ะ ซึ่งหลังจากได้รับคำเชิญจาก Openrice ให้ไปร่วมกิจกรรมที่ร้านน่ารักขนาดนี้ ออฟจะพลาดได้ไงใช่ไหมคะ ซึ่งร้าน Peony Tea Lounge (พีโอนี่ ที เลาจน์) ที่ไปรีวิวครั้งนี้ก็มีหลายสาขาค่ะ โดยสาขาที่มารีวิวครั้งนี้อยู่ที่ Trinity Complex สีลม ชั้น 1 ติดกับโรงแรม Glow การเดินทางสะดวกเพราะใกล้กับรถไฟฟ้าช่องนนทรี เดินมาง่ายมากเลยค่ะพอเดินเข้ามาในซอยพิพัฒน์ 2 แล้วจะเจอโรงแรมอยู่ทางซ้ายมือค่ะ ตัวร้านต้องเดินเข้ามาอีกหน่อยก็จะเจอค่ะ พอเห็นหน้าร้านแล้วก็แอบกรี๊ดกร๊าดในใจไม่ได้ค่ะ ด้วยความที่ร้านตกแต่งได้ดูดีมีสไตล์มากๆโต๊ะและเก้าอี้ต่างๆ ในร้านจะมีการเลือกสรรนำมาจัดวางอย่างลงตัวค่ะ ร้านดูโปร่งและสบายๆดี เข้ามาในร้านจะเจอตู้เค้กก่อนเลยค่ะ ซึ่งก็มีเค้กเรียงรายให้เลือกเยอะเหมือนกันค่ะเมนูบรูเชตต้าที่เป็นขนมปังฝรั่งเศสหน้าต่างๆ เรียงรายมาให้สี่ชิ้น สี่หน้าด้วยกัน อันนี้ก็ถือเป็นเมนูดึงดูดสายตาได้ดีทีเดียวค่ะ เพราะสีสันสดใสตัดกันดีจริงๆ เริ่มต้นกันด้วยสีคริสมาสอย่างผักโขมและพริก+เบคอนทอดกรอบค่ะ ชิ้นนี้แห้งไปนิดนึงแต่รวมๆ แล้วโอเคค่ะต่อกันด้วยเมนูแนะนำที่ออฟว่าทานแล้วอร่อยแบบลงตัวดีค่ะ เมนูนี้เป็นลาบแซลมอนซึ่งตัวแซลมอนรมควันนี่ก็สุกกำลังดีค่ะ ไม่แห้งเกินไป และรสชาติลาบก็จัดจ้านครบเครื่องมากๆค่ะ ทานคู่กับผักเครื่องเคียงก็ลงตัวดีค่ะมาถึงเมนูอาหารจานหลักกันบ้างค่ะ ขอเริ่มต้นด้วยเมนูสปาเก็ตตี้ค่ะ ซึ่งค่อนข้างทำให้ผิดหวังกับรสชาติทีเดียว เพราะออฟว่าจืดไปเยอะเลยค่ะ ถึงหน้าตาจะดูจัดจ้านใช้ได้อยู่ แต่รสชาติโดยรวมแล้วไม่ค่อยโอเคค่ะ ถึงแม้ว่าเค้าจะใส่เครื่องซีฟู๊ดมาให้เยอะมากๆเลยก็ตาม พยายามจะปรุงเกลือเข้าไปเพิ่มแล้วแต่ก็ไม่เข้าที่จริงๆค่ะเมนูสเต็กแซลมอนของทางร้านก็ชิ้นใหญ่ดีค่ะ แต่เนื้อด้านนอกแห้งกระด้างไปหน่อย ทางร้านแยกซอสเทอริยากิมาให้ ซึ่งออฟก็แอบคิดว่าถ้าเค้าทาซอสที่เนื้อแซลมอนตอนย่างด้วยน่าจะเข้าเนื้อกว่านี้ค่ะ เสิร์ฟมาคู่กับผักจัดสวยงามทีเดียวค่ะเมนูอาหารจานหลักที่ออฟคิดว่าโอเคสุดน่าจะเป็นเมนูนี้ค่ะ… สตูว์หมูราดข้าวห่อไข่ ด้วยรสชาติเข้มข้นของสตูหมู อันนี้จัดจ้าน ถึงเครื่องดีทีเดียวค่ะ ทานคู่กับข้าวก็เข้ากันพอดีค่ะทานอาหารคาวกันไปจนเต็มเหนี่ยวแล้วก็อย่าลืมเผื่อท้องไว้สำหรับชาหอมๆ แสนอร่อยสไตล์อังกฤษของทางร้านนะคะ แต่ละกระปุกที่เรียงรายอยู่นี่เค้าใส่ตัวอย่างของชามาให้เลือกดม เพื่อสั่งทานค่ะ จะเห็นว่าเยอะมากๆ มีการใช้สีแบ่งกลุ่มด้วย เช่นสีแดงนี่จะเป็นชาผลไม้และส่วนที่ไม่มีแอลกอฮอล์ค่ะเมนูของหวานของทางร้านที่ดูจะเป็นเมนู Signature ซะแล้วเป็นสโคนค่ะ โดยในชุดนึงจะประกอบด้วยสโคน 2 ลูก ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่แบบธรรมดา, ลูกเกด, Peony Rose, ชาเขียว, Earl Grey มาพร้อมกับคล็อตเต็ดครีม และแยมสตอเบอร์รี่เมนูเค้กส้มที่ทำให้ติดใจในความเนียนนุ่มของเนื้อเค้ก และหน้าส้มที่เปรี้ยวหวานกำลังดี เป็นเมนูเค้กที่ออฟติดใจมากๆค่ะเมนูบลูเบอร์รี่ชีสเค้กเป็นเมนูที่คุ้นตากันดีอยู่แล้ว ออฟเองก็เคยทำทานเองมาหลายครั้งแล้วค่ะ แต่ก็ต้องบอกว่าทางร้านทำออกมาได้ดีทีเดียว เนื้อแครกเกอร์ที่เป็นฐานอัดแน่นกำลังดี เข้ากันกับครีมชีสเนื้อเนียน และที่เด็ดคือบลูเบอร์รี่ที่ให้มาเยอะมากๆค่ะ ขอขอบคุณทาง Openrice มากค่า ที่ทำให้ได้มาเจอร้านน่ารักๆ และของหวานอร่อยขนาดนี้ ขอบคุณพี่ดันที่ให้เกียรติมาด้วยกันครั้งนี่ด้วยค่ะ ร้านนี้เป็นร้านที่ออฟตั้งใจจะไปทานวาฟเฟิลและเค้กอีกรอบแน่ๆค่ะ ยังคิดอยู่ว่าถ้ามีเลี้ยงรุ่นหรือนัดกินข้าวกับเพื่อนๆ ร้านนี้จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกเลยค่ะ ชอบเค้กส้มมากๆ อยากทำเค้กได้เนื่อเนียนขนาดนั้นบ้าง ไก่ตะไคร้ก็กรอบอร่อยเพลินๆมากค่ะ…查看更多