ร้าน the grinder cafe เป็น cafe เปิดใหม่ในย่านถนนกาญจนาภิเษกช่วงใกล้ซ.สวนผักค่ะ โครงสร้างร้านที่เห็นภายนอกเด่นชัด คือตู้คอนเทนเนอร์สีขาวสะอาดวางเป็นกล่องๆตั้งอยู่เรียงราย เรียกว่าสะดุดตาเมื่อขับผ่านจากถนนใหญ่เลยค่ะ ในร้านมีเมนูให้บริการค่อนข้างหลากหลายทั้ง กาแฟ ขนมเบเกอรี่ และไอศครีม เรียกว่าเป็นร้านที่เหมาะกับทุกวัยในครอบครัวเลยค่ะ นอกจากนี้จุดเด่นที่ดึงดูดให้คนแวะเวียนกันมาเยี่ยมชมคงเป็นเพราะเจ้าของร้านเป็นสาวกมูมิ่นตัวยงค่ะ ทำให้ในร้านตกแต่งด้วยมูมิ่นอยู่หลายมุมเลย เรียกว่าสาวกมูมิ่นผ่านมาเห็นมีกรี๊ดค่ะ=-= สถานที่ตั้ง และการเดินทาง =-=

ร้านตั้งอยู่ในโครงการชวนชื่นการ์เด้นริมถนนกาญจนาภิเษกค่ะ โดยตัวร้าน The Grinder cafe จะตั้งอยู่ที่หน้าโครงการติดถนนใหญ่เลยค่ะ ส่วนการเดินทางมา ถ้าเริ่มจากกนนนครอินทร์ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนกาญจนาภิเษก มุ่งหน้าบรมราชชนนี เมื่อเห็นปั๊มแก๊ส NGV ของปตท.อยู่ลิบๆ ให้เตรียมชิดซ้ายเลยค่ะ เพราะตัวทางเข้าร้านอยู่ก่อนถึงปั๊มนิดเดียวค่ะ

=-= บรรยกาศร้าน =-=

เห็นเป็นกล่องๆคอนเทนเนอร์แบบนี้ใช่ว่าจะอึดอัด นั่งไม่สบายนะ เพราะทางร้านจัดร้านมาค่อนข้างโปร่ง แสงส่องสว่างถึง และมีมุมเก้าอี้น่ารักให้เลือกอยู่หลายมุม เลยทำให้สามารถนั่งชิลๆจิบชา-กาแฟได้สบายๆเลยค่ะ ช่วงเสาร์อาทิตย์คนจะค่อนข้างเยอะ ทางร้านมีเปิดบริการชั้นสองเพิ่มเติมเพื่อรองรับลูกค้าที่เพิ่มขึ้นค่ะ (แอมไปช่วงวันธรรมดา เลยไม่ได้เก็บภาพชั้นสองมาฝากนะคะ)=-= เมนูที่ชิม =-=

เนื่องจากแอมแวะไปทานช่วงเช้าก่อนไปทำงาน เลยสั่งเมนูด่วนๆ เล็กๆน้อยๆ มานั่งทานนะคะ- cappuccino (50B) ☆☆☆☆ ที่นี่ใช้โรยผงโกโก้ทำลวดลายบนกาแฟค่ะ ออกมาเป็นลายคำว่า kiss น่ารักมุมิ ตัวกาแฟแอมลองตัวเกรด ธรรมดารสชาติใช้ได้ค่ะ- ขนมปังปิ้งทาแยมส้ม (20B) ☆☆☆ ขนมปังปิ้งทาเนย ทาแยมส้ม ตัวนี้รสชาติโอเค ใช้ได้ แต่ก็ไม่น่าตื่นเต้นเท่าไรนะ ทั่วๆไปอ่ะ- premium espresso (50B) ตัวนี้เป็นเมล็ดกาแฟพรีเมี่ยมเลยแพงกว่าปกติค่ะ เป็น blend ของที่ร้าน แอมไม่ได้ชิม ของคนที่ไปด้วยค่ะโดยรวมเป็นร้านกาแฟที่ราคากลางๆ ไม่แรงมาก แต่จุดเด่นคือบรรยกาศของร้านที่ตกแต่งได้น่ารักรื่นรมย์ รวมทั้งเจ้ามูมิ่นตัวเก่งที่วางอยู่รอบร้านเป็นอะไรที่น่าดึงดูดให้ลูกค้าเข้าไปถ่ายรูปเล่นด้วยมากค่ะ จริงๆที่ร้านมีเมนูเบเกอรี่ที่น่าทานอีกหลายเมนูเลย ทั้ง toast /waffle/ lava cake แต่ติดว่าคราวนี้เป็นมื้อเร่งรีไปหน่อย คราวหน้าคิดว่าน่าจะได้มาลองและเขียนรีวิวเพิ่มค่ะ

แวะมาทำธุระที่ โรงพยาบาลจุฬาฯ เลยแวะหาร้านกาแฟนั่งทานเล่นๆระหว่างรอค่ะ  ผ่านมาเจอร้านนี้เข้าพอดี  ถ้าจำไม่ผิดเคยได้ยินว่าร้านนี้เป็นร้านกาแฟเด็ดจากเชียงใหม่  เลยเดินเข้าไปลองอย่างไม่ลังเลค่ะ=-= สถานที่ตั้งและการเดินทาง =-=

ร้านตั้งอยู่ในอาคารเดียวกับหอสมุดคณะแพทย์จุฬาฯ นะคะ  โดยตัวร้านกาแฟจะอยู่ริมกระจกด้านหน้าอาคารเลยค่ะ  เห็นได้จากถนนอย่างเด่นชัด  การเดินทางมาที่อาคารหอสมุดคณะแพทย์  ถ้าเดินมาจาฝั่งถนนอังรีดูนังให้เข้าประตูที่ติดกับโรงอาหาร CP world แล้วเดินตรงขึ้นมาเรื่อยๆ  ร้านกาแฟจะอยู่ซ้ายมือ  ห่างจาก โรงอาหารประมาณ 20 เมตรค่ะ

=-= บรรยกาศ =-=

ตกแต่งแนวโมเดิร์นโปร่งสบายนะคะ  มีที่นั่งหลายมุมหลายแบบให้เลือกนั่งเลย  ทั้งแนวโซฟา  โต๊ะยาว  โต๊ะริมหน้าต่าง  รองรับลูกค้าได้ราวๆ 40 ที่นั่งค่ะ  ที่นี่มีปั๊กให้เสียบกรณีที่ลูกค้าจะใช้ notebook นะคะ  แต่ไม่มี wifi บริการค่ะ=-= เมนูที่ชิม =-=

ราคาทุกเมนูของสาขานี้จะต่ำกว่าสาขาอื่นๆนะคะ  เพราะเปิดบริการในสถานศึกษา  เลยต้องปรับราคาให้ถูกเป็นพิเศษค่ะ- Creme Brulee Espresso Frappe (69B) ☆☆☆☆ แอมสั่งตัวนี้มาลองเพราะชื่อมันดูน่ารักดีค่ะ   555  พอชิมปุ๊บ  เออมันก็ให้อารมณ์ Creme Brulee จริงๆแหละ  ตัวครีมในเครื่องดื่มมันนุ่มกว่าปกติค่ะ  กินแล้วเหมือนทานขนมเลย  ด้านบนมีราดไซรัปหอมๆน้ำตาลไหม้ด้วย  ปลื้มมาก  เป็นเมนูที่ถ้ามาอีกต้องสั่งซ้ำๆแน่นอน (แก้วที่นี่มีไซส์เดียวราคาเดียวนะคะ)  - Lemon cake (55B) ☆☆ ไม่รู้ว่าเรามาสั่งดึกไปหรือเปล่า  ตัวเค้กชิ้นนี้เลยค่อนข้างกระด้างเหมือนตากลมมานานแล้วเลยค่ะ  รสชาติจัดว่ากลางๆ หวานอ่อนๆ เปรี้ยวนิดๆ  แต่ความแข็งที่โดนลมมานานนี่ทำให้รสชาติ drop ไปอย่างชัดเจน  คราวหน้าคงลองแต่กาแฟอย่างเดียวค่ะโดยรวมเป็นร้านกาแฟรสชาติดีที่ราคาเบามากๆค่ะ  ยิ่งถ้าเป็นบุคลากรจุฬาฯ จะได้ลดราคาลงไปอีกทำให้ยิ่งคุ้ม  ช่วงเย็นๆคนไม่ค่อยพลุกพล่าน  เหมาะกับมานั่งทำงานอ่านหนังสือเงียบๆ  มีสมาธิดีค่ะ

Nova Tearoom เป็นร้านน้ำชาที่มีกลิ่นอายของเมืองผู้ดีเข้ามาผสมอย่างชัดเจน สืบเนื่องจากเจ้าของร้านเคยมีประสบการณ์พำนักอยู่ที่อังกฤษพักหนึ่ง ได้ซึมซับและตกหลุมรักกับวัฒนธรรมการทานอาหาร จิบชาของชาว London อย่างจัง เมื่อกลับมาเมืองไทยจึงอยากยกบรรยกาศ Tearoom ที่ตนโปรดปรานมาให้ชาวกรุงเทพได้ลองกันค่ะงานนี้นอกจากจะได้รับบรรยกาศการจิบชาเมืองผู้ดีอย่างเต็มอิ่มแล้ว ทางร้านยังได้เชฟฝีมือดีจากเครืออนันตรา มาช่วยรังสรรค์ด้านรสชาติให้ถูกปากชาวไทยอีกด้วย โดยนำเสนอเมนูอาหารทั้งคาวหวานให้เข้ากับ concept "all day dining" ของทางร้านค่ะ

=-= สถานที่ตั้ง และการเดินทาง =-=

ร้านตั้งอยู่ชั้น 9 ฝั่งตึก Helix ของห้าง EmQuartier ค่ะ ซึ่งตึก Helix นี้เป็นฝั่งที่รวมร้านอาหารดีๆไว้หลายร้านเลย สำหรับการเดินทางมาห้าง ถ้าเอาสะดวกที่สุดคงเป็นรถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพงษ์ ส่วนใครที่อยากขับรถมา ก็ขับเข้าเส้นสุขุมวิท มุ่งหน้าทองหล่อค่ะ ตัวห้างจะอยู่ริมถนนสุขุมวิท ระหว่างซอยสุขุมวิท 35 กับ 39 ค่ะ แต่ต้องขอเตือนไว้ก่อนว่าแถวนี้รถติดมาก กว่าจะได้ที่จอดรถพาลจะกินไม่อร่อยกันนะคะ

=-= บรรยกาศ =-=

เป็นร้านที่ตกแต่งหรูหรามากค่ะ แอบตัวเกร็งนิดๆตอนเดินเข้ามาทาน ด้วยการตกแต่งด้วยหินอ่อนทั้งร้าน เพดานสูงโปร่ง และโคมไฟระย้าสีทอง ทำให้รู้สึกเหมือนทานอาหารในโรงแรมหรู เกรด 5 ดาวยังไงอย่างงั้น ซึ่งตรงการตกแต่งที่หรูขนาดนี้คงทำให้หลายๆคนคงจะคิดเหมือนแอมว่าราคาต้องแพงอุ้ฟู่แน่ๆเลย ทำให้เดินผ่านร้านนี้ไปโดยปริยาย แต่เมื่อพิจารณาราคาในเมนูอาหารก็พบว่าไม่แพงอย่างที่คิดค่ะ อย่าง afternoon tea ที่นี่จัดไว้ที่ set ละห้าร้อยกว่าบาท เมื่อเทียบกับสถานที่ วัตถุดิบและการบริการ ต้องบอกเลยว่าราคาค่อนข้างเบาเลยค่ะ=-= เมนูที่ชิม =-=

- Hot Mesh (265B++ ใช้โปรลดเหลือ 149B++)☆☆☆☆ อย่างที่บอกไปว่าร้านดูหรูมากจนไม่กล้าเข้า แต่เนื่องจากช่วงที่แอมผ่านไปมีโปร galaxy gift อยู่ เลยขอลองทานซักตั้งค่ะ เมนูนี้จะใช้เวลาทำนานประมาณ 15 นาทีนะคะ เพราะต้องทำขึ้นมาใหม่ๆเลย เสริฟมาเป็นคุกกี้ชอคโกแลตชิพในกระทะใบย่อม โปะด้วยไอติมรสวนิลา พร้อมซอสราดรสชอคโกแลตค่ะจากที่ชิมดูตัว คุกกี้จะอบมาแบบ soft cookie มีความเหนียวๆหยึบๆข้นๆและอุ่นๆในแต่ละคำที่ตัก ทานคู่กับไอศครีมเย็นๆ เข้ากันดีค่ะ ส่วนตัวแอมชอบทานเปล่าๆมากกว่าทานกับซอสชอคโกแลตที่เค้าให้มานะ แอมว่ามันค่อนข้างหวานอยู่แล้ว ถ้าใส่ซอสจะยิ่งหวานเลี่ยนมากขึ้นทานหมดจานได้ยากค่ะ (แอมชิมสองจานเทียบกันเลย จานนึงใส่ซอส จานนึงไม่ใส่)- Nova's rose (260B++/pot)☆☆☆☆ ปกติชอบทานชากลิ่นกุหลาบอยู่แล้ว เลยเลือกรสนี้มาชิมค่ะ ตัวนี้เป็น blend ของทางร้านเลย มีส่วนผสมของกุหลาบ ราสเบอรี่ สตรอเบอรี่ เบสชาคือ earl grey ค่ะ รสชาออกก่ำๆกำลังดี กลิ่นกุหลาบหอมฟุ้งกำจาย ตัดกับกลิ่นเปรี้ยวซ่านของผลไม้นิดๆ ใครชอบแนวนี้แนะนำเลยค่ะ หอมมากก=-= งานบริการ =-=

พนักงานที่นี่บริการดีมากค่ะ สามารถแนะนำชาได้อย่างเชี่ยวชาญ และ กริยามารยาทนอบน้อมมาก ขนาดเราไปช่วงเกือบสี่ทุ่ม ห้างจะปิดแล้ว สั่งขนมแค่สองอย่าง ชากานึง เค้าก็ให้การต้อนรับอย่างดี ดีจนเราเกรงใจเลยจริงๆ

โดยรวมเป็นประสบการณ์การจิบชาที่เลิศหรูเหมือนทานในโรงแรม 5 ดาวเลยจริงๆ ทั้งสถานที่ คุณภาพวัตถุดิบ การบริการ ทุกอย่างนี่ต้องให้เค้าเลย ประทับใจมากก เรื่องราคาก็จัดว่าไม่แพงมากเกินไปเมื่อเทียบกับร้านอื่นๆในห้างนี้นะคะ เป็นร้านที่มีโอกาศไปซ้ำอีกแน่นอน เพราะแอมแอบเล็งชุด afternoon tea ที่นี่ไว้แล้วค่ะ อิอิ

ราดหน้านพดลเป็นราดหน้าเจ้าเก่าที่ขายมานานย่านสายสองค่ะ เป็นร้านที่มีลูกค้าเหนียวแน่นใช้ได้เลย เพราะเมื่อย้ายมาทำเลใหม่ย่านพุทธมณฑลสายห้าก็ยังมีลูกค้าตามมาทานเรื่อยๆ เห็นว่าเด็ดอย่างนี้ต้องลองหน่อยค่ะ

=-= ทำเลที่ตั้ง =-=

ร้านตั้งอยู่ปากทางพุทธมณฑลสาย 5 ฝั่งบรมราชชนนี บริเวณนั้นจะมีห้องแถวอาคารพาณิชย์เรียงรายอยู่ พิกัดที่เห็นเด่นชัดคือ ร้านจะตั้งอยู่ไม่ไกล 7-11 ถัดไปไม่กี่ห้องค่ะ สามารถจอดรถที่หน้าร้านได้เลย=-= บรรยกาศ =-=

แม้จะเป็นห้องแถว ไม่ติดแอร์ แต่บรรยากาศก็สะอาดสะอ้านดีค่ะ พนักงานมีสองคน อาหารรอนานพอประมาณ ถ้าสั่งราดหน้าจะได้เร็วหน่อย=-= เมนูที่ชิม =-=

- ราดหน้าหมู (40B) ☆☆☆☆ ราดหน้าที่นี่ปรุงมาอร่อยค่ะ แอมทานโดยแทบไม่ต้องปรุงเลย (ยกเว้นคนทานแซ่บก็ใส่พริกหน่อย น้ำส้มหน่อยนึง) ตัวเส้นเหนียวนุ่มอร่อย หมูหมักมานุ่มแบบเคี้ยวสู้ฟันกำลังดี ไม่ใช่แบบเละๆ ผักคะน้ากรอบหน่อยๆ ไม่เหนียว จานมาใหญ่ใช้ได้ คุ้มราคา 40 บาท อิ่มเลยค่ะจริงๆร้านนี้เป็นร้านใกล้ที่ทำงานที่แอมแวะทานหลายครั้งแล้วค่ะ ตัวผัดซีอิ๊วเค้าจะราคาสูงนิดนึง 60 B แต่ผัดมาได้แบบเข้าเนื้อ ซอสถึง ไม่อมน้ำมัน ไม่เลี่ยน อร่อยพอๆดับราดหน้า เลือกสั่งได้ตามชอบ แต่ติดนิดเดียวที่พ่อค้าไม่ยอมขายเส้นหมี่ผัดซีอิ๊วค่ะ เรียกว่าถ้าไปถามแกมีดุใส่เลย อันนี้ไม่รู้ทำไมเหมือนกันน๊า 555

โดยรวมเป็นร้านราดหน้าห้องแถวที่รสชาติดีใช้ได้เลย ข้าวของเครื่องใช้ดูสะอาดสะอ้าน อาหารจานโต ราคาคุ้มค่าค่ะ

ใครที่ตามอ่านรีวิวแอมมานาน คงจะทราบกันดีนะคะว่าแอมนี่เป็นสาวกตัวยงของซูชิแบรนด์ Sushi Hana นี่จริงๆค่ะ เรียกว่าออกโปรมาเมื่อไร จะต้องไปเจิมให้ได้ทุกครั้ง ก็เล่นใช้วัตถุดิบดีขนาดนี้ ราคาโปรโมชั่นก็ลดกระจายซะขนาดนี้ แบบคุ้มจนไม่รู้จะไปทานพวกซูชิ buffet ทำไม เมื่อเรากินอิ่มได้ในราคาเบาๆเท่ากัน แถมคุณภาพก็ดีกว่ามากมาย ดังนั้นเมื่อทางร้านมาเปิดสาขาใหม่ที่ย่านหนองแขม ใกล้ย่านที่ทำงานแอมขนาดนี้ ไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะไม่ไปลองค่ะ=-= สถานที่ตั้งและการเดินทาง =-=

ร้านตั้งอยู่ในส่วนหนึ่งของโครงการ Victoria Garden community mall เจ้าใหญ่ในย่านถนนเพชรเกษมค่ะ โดยตัวร้านจะอยู่ด้านหน้าริมถนนใหญ่เลย ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่าง McDonald กับ Starbucks ค่ะ
มีที่จอดรถหน้าร้านประมาณ 5-6 คัน ถ้าไม่ทันก็แวะจอดลานข้างหลังได้แล้วเดินขึ้นมาค่ะ

การเดินทางมา Victoria garden ให้ขับเข้าเส้นเพชรเกษมมุ่งหน้านครปฐม เมื่อเลย Big C เพชรเกษมให้เตรียมชิดซ้าย เพื่อเลี้ยวเข้าโครงการค่ะ

=-= บรรยกาศ =-=

ร้านจะเป็น theme ของ sushi hana ทุกสาขา คือทำเป็นลักษณะปูนเปลือยขัดมัน ดู modern นิดๆ ให้ความรู้สึก casual dining สาขานี้พื้นที่ค่อนข้างเล็ก เล็กกว่าที่ราชพฤกษ์ ทำให้การวางโต๊ะค่อนข้างแน่นนิดนึงค่ะ แต่ด้วยการแต่งร้านแบบโปร่งๆ ก็เลยไม่อึดอัดมากค่ะ จำนวนที่นั่งมีประมาณ 40-50 ที่นั่งได้ เนื่องจากที่นั่งไม่เยอะ ถ้ามาสักทุ่มนึง คิวเริ่มยาวพอสมควร ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นแนวครอบครัวค่ะ=-= เมนูที่ชิม =-=

ช่วงที่แอมไป ไป 1 อาทิตย์หลังเปิดร้านค่ะ เลยได้ลองทานเมนูของเดือนกุมภาพันธ์นะคะ ช่วงนั้นมี special เมนูปลาแซลม่อนอยู่เลยจัดมาหลายจานเลย เรียกว่าอิ่มปลาส้มว่ายน้ำกลับบ้านได้เลย อิอิ

- otoro sushi (380B/pc. สมาชิกลด 50%)☆☆☆☆ เป็นเมนูที่ต้องสั่งทุกครั้งที่มาทานค่ะ เพราะ Otoro ของเจ้านี้คุณภาพดี และราคาดีถ้ามีบัตรสมาชิก วันนี้ชิ้นที่ได้มาสดใช้ได้ มีความมันแทรกอยู่ แต่ชิ้นค่อนข้างสั้นจุ๊ดไปหน่อย มันไม่แทรกละเอียดเป็นชมพูสวยงามอย่างที่เคยทาน แต่โปะมาให้สองชั้นก็โอเค ยอมก็ได้ แต่ขอหักดาวนึงค่ะ- salmon hifumi sauce (3pcs./120B) ☆☆☆☆☆ เป็นแซลม่อนซูชิที่นำไปเผาไฟแล้วตกแต่งหน้าด้วยซอสสามอย่าง ร้านไม่ได้แจ้รายละเอียดไว้ ซึ่งเท่าที่เราชิมคำนึงจะเหมือนป้ายด้วยมิโสะขาว อีกคำจะเป็นเหมือนซอสซีอิ๊วเทริยากิเค็มๆหวานๆ ส่วนคำสุดท้าย เราว่ามันรสคล้ายมิโสะผสมไข่แดงเค็ม โดยรวมรสชาติดีเลยค่ะ มาชิ้นใหญ่ถูกใจ ราคาจัดว่าเหมาะสม ไม่แรงไป- salmon sushi set (3pcs./105B) ☆☆☆☆☆ เป็นข้าวปั้นหน้าปลาแซลม่อนค่ะ จริงๆอยากสั่งส่วนท้องแต่ทางสร้านแจ้งว่าของหมดพอดี เลยสั่งแบบธรรมดาก็ได้ คุณภาพใช้ได้เลย ชิ้นใหญ่ ราคาไม่แพง กินไปสามชิ้นนี่แอบอิ่มเหมือนกันนะ- salmon sashimi (5pcs./145B) ☆☆☆☆☆ กลัวไม่หนำใจขอสั่งปลาส้มแบบซาชิมิมาทานเพิ่มค่ะ ของร้านนี้เอกลักษณ์คือหั่นมาชิ้นหนาใหญ่ ไม่หวงเครื่อง ทำให้เราทานทีนี่เต็มปากเต็มคำมาก สดมากเนื้อเต่งๆฉ่ำๆใช้ได้เลย อร่อยประทับใจค่ะ- engawa cappacio (192B) ☆☆☆☆ เป็นเมนู engawa แร่บางๆ ทานกับสาหร่ายทะเล และราดซอสพอนซึค่ะ จานนี้ทานแล้วสดชื่นมากกก engawa เนื้อนุ่มๆมันๆ ติอย่างเดียวคือแร่มาบางไปหน่อยค่ะ ชิ้นเล็กมาน้อย ไม่ค่อยสะใจอ่าาา** สำหรับค่าอาหารที่นี่จะเป็นราคารวม VAT แล้ว และเรียกเก็บค่า Service charge แบบ fix หัวละ35 บาทค่ะ ราคาที่เก็บนี้เราจะได้เป็นออเดิร์ฟบริการ น้ำชาเขียวเย็นrefill และซุปที่เติมฟรีไม่อั้น และผลไม้ปิดท้ายมื้อค่ะ**=-= งานบริการ =-=

จากที่เทียบที่ทานมา 5 สาขา แอมว่าสาขานี้งานบริการดีพอๆกับบางนาเลยค่ะ พนักงานกระฉับกระเฉงไม่ตกหล่น หน้าตาอาหารใช้ได้เหมือนในรูปที่ลงไว้ ส่วนสาขาที่แย่ที่สุดในความคิดแอมคือราชพฤกษ์ค่ะ อาหารหน้าตาแย่กว่าสาขาอื่นๆ งานบริการตกหล่นตลอดลืมเสริฟออเดิร์ฟ ซุป และผลไม้ และอาหารค่อนข้างช้าค่ะ

โดยรวมยังคงเป็นร้านซูชิในดวงใจ เป็นร้านแรกที่นึกถึงและบอกต่อคนอื่นเสมอ และคิดว่าหลายคนก็คงรักร้านนี้เช่นเรา ทำให้เสียงตอบรับค่อนข้างดีและขยายตัวเพิ่มสาขาค่อนข้างไวในช่วงปีที่ผ่านมาค่ะ จุดเด่นคืออยู่ที่คุณภาพและความคุ้มค่าของโปรโมชั่นที่ออกมาเรียกลูกค้าให้กลับไปทานได้บ่อยๆทุกเดือน ใครอยู่ย่านหนองแขมหาซูชิดีๆทาน ร้านนี้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงค่ะ