Thai | English
eat and travel diary
ฉันชื่อeat and travel diary อาศัยอยู่ในอ.ธัญบุรี. I am a ธุรกิจส่วนตัว, ทำงานอยู่ที่อ.ธัญบุรี. ชอบไปลั้นลาที่ปทุมวัน, บางกะปิ. อาหารใต้, อาหารอีสาน, อาหารฝรั่งเศส are my favorite cuisines. ชอบไปลั้นลาที่ ร้านอาหารฝรั่ง, ร้านกาแฟ / ร้านชา, ร้านเค้กและเบเกอรี่และขนมหวาน ไอศครีม, อาหารทะเล.
สมาชิก 51 รีวิวแรก
รีวิว153 รีวิว
編輯推介數目107 Editor's Choice
Recommended18 แนะนำ
ความนิยม8833 เข้าชม
Replies in Forum0 ความคิดเห็น
อัพโหลดรูปภาพ1514 รูปภาพ
อัพโหลดวิดีโอ0 วิดีโอ
My Recommended Reviews0 รีวิวแนะนำ
My Restaurant33 ร้านโปรด
Follow13 Following
粉絲1193 Follower(s)
eat and travel diary  Level 4
ติดตาม ติดตาม  ความคิดเห็น: Leave a Message 
เรียงตาม:  วันที่ ยิ้ม ยิ้ม ไม่ปลื้ม ไม่ปลื้ม  Editor's Choice  คะแนนโดยรวม 
 
 
 
 
 
  เวอร์ชั่นเต็ม เวอร์ชั่นเต็ม   |   ดูแผนที่ ดูแผนที่
แสดงรีวิวที่ 16 ถึง 20 จาก 153 รีวิวใน ประเทศไทย
Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารจีน | ร้านในโรงแรม รีสอร์ต | ติ่มซำ ขนมจีบ ซาลาเปา | โต๊ะจีน | ลำลอง | ครอบครัว ลำลอง

 
ได้ยินชื่อเสียงของร้านอาหาร Ah Yat Abalone มานาน แต่ไม่เคยมีเวลาว่างไปทานซักที แต่พอมีโอกาสในวันพิเศษกับครอบครัวก็เลยนึกถึงร้านนี้ขึ้นมาทันที เลยขอแวะไปชิมอาหารสไตล์ฮ่องกง ของที่ร้านนี้ดูซักครั้ง ร้านนี้อยู่ที่โรงแรม Ramada Plaza Menam Riverside ซึ่งอยู่ริมถนนเจริญกรุง หากมุ่งหน้าไปพระราม 3 ก็จะอยู่ขวามือก่อนถึง Asiatique ไม่ไกลครับ

 

 

 

 
สำหรับบรรยากาศของห้องอาหาร แค่เข้ามาในห้องอาหารก็ชวนให้นึกถึงร้านอาหารที่อยู่ในฮ่องกงจริงๆ เพราะด้วยบรรยากาศที่ดูคึกคัก โต๊ะอาหารก็เป็นทรงกลมทั้งหมด แถมพนักงานก็คอยให้บริการเต็มห้องอาหาร เราไปถึงที่ร้านตอน 11 โมงซึ่งเป็นเวลาเปิดร้านพอดี เห็นโต๊ะว่างหลายโต๊ะเลยคิดว่าคนไม่เยอะเท่าไร เพราะเป็นมื้อกลางวันในวันธรรมดาแล้วด้วย แต่นั่งไปซักพักลูกค้าเริ่มทยอยเข้ามาเต็มร้าน เลยคิดว่าโชคดีที่โทรมาจองโต๊ะล่วงหน้าก่อน

 

 
สำหรับอาหารที่นี่เป็นอาหารสไตล์ฮ่องกง ซึ่งจะมีทั้งเมนูติ่มซำ และเมนูอาหารทั่วไป รวมถึงอาหารทะเลด้วย มาเริ่มที่เมนูติ่มซำกันก่อนครับ ยิ่งเห็นว่าที่ร้านติดป้ายว่าวันธรรมดาเมนูติ่มซำลด 50% ก็เลยต้องรีบสั่งมาลองชิม เริ่มที่ ฮะเก๋า (ราคาปกติ 140++) เนื้อกุ้งด้านในแน่น เด้งดี แถมแป้งก็บางนุ่ม อร่อยใช้ได้เลยครับ เมนูเสิร์ฟปริมาณ 4 ชิ้น (พอดีทานไปแล้วชิ้นนึง อิอิ) ขนาดไม่ใหญ่มากนัก

 
ต่อด้วย ขนมจีบ (140++) สำหรับขนมจีบที่นี่ผมชอบมากครับ เพราะเนื้อกุ้งด้านในขนมจีบเด้ง ฉ่ำลิ้น เนื้อแน่นกรุบๆ อร่อยมากเลยครับ

 

 
มาดูซาลาเปากันบ้างครับ เริ่มที่ ซาลาเปาไส้ครีมใส่ไข่เค็ม (130++) เป็นซาลาเปาไส้ไหลที่รสชาติดี ตัวไส้ครีมไม่หวานเกินไป แป้งก็นุ่มดีด้วย

 
ต่อที่ ซาลาเปาหมูแดง (98++) เมนูนี้ก็ถือว่าโอเคครับ รสชาติได้มาตรฐานติ่มซำฮ่องกงทีเดียว

 
ต่อด้วย เผือกทอด (97++) รูปลักษณ์ภายในน่าทานทีเดียว ส่วนไส้เผือกทอดด้านในเป็นเนื้อเผือกที่ผสมหมูนิดหน่อย เสิร์ฟร้อนๆ ถือว่าเป็นเมนูโปรดของผมเช่นกัน

 
จากนั้นก็ตามมาด้วย ซี่โครงหมูนึ่งซอสXO (98++) เนื้อหมูที่ติดซี่โครงนึ่งได้ที่ เนื้อนุ่ม ทานง่ายไม่ติดกระดูกมากนัก

 
ตามมาติดๆ ด้วย ขนมผักกาดทอด (95++) ตัวเนื้อนุ่ม ไม่เละ ใช้ตะเกียบคีบทานได้สบายๆ ถือว่าผ่านเช่นกัน

 
นอกจากนี้ยังมี กู๋ฉ่ายกุ้งเจี๋ยน (95++)

 
ต่อด้วย ฟองเต้ายัดไส้กุ้งทอด (97++) คุณภาพตามมาตรฐานร้านเลยครับ

 
ตามมาด้วย ก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้ง (180++) แป้งก๋วยเตี๋ยวหลอดนุ่ม ราดด้วยน้ำซอสรสกลมกล่อม แต่จานแรกเสิร์ฟมามีเส้นผมติดมาด้วยหนึ่งเส้น ที่สำคัญทานไปแล้วชิ้นนึง เลยบอกพนักงานเค้า เค้าก็ขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่พร้อมทั้งเสิร์ฟให้ใหม่อีกจาน ก็ถือว่าให้อภัยได้ครับ

 
ยังไม่หมดครับ ยังมี ก๋วยเตี๋ยวหลอดห่อปาท่องโก๋ (92++) เห็นว่าชื่อเมนูแปลกดีเลยสั่งมาทาน ปรากฏว่าเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวหลอดห่อปาท่องโก๋ตามชื่อเลย เมนูนี้จืดสนิท ยังคิดอยู่เลยว่าถ้ามีนมข้นหวานคงจะดีไม่น้อย

 
จบจากเมนูติ่มซำ ก็มีเมนู เต้าหู้พริกเกลือ (180++) เมนูนี้บอกเลยว่าชอบมาก เต้าหู้หั่นเป็นสี่เหลี่ยมทรงลูกเต๋า นำไปทอดให้กรอบนอกแต่ด้านในนุ่มลิ้นมากๆ คลุกเคล้าด้วยพริก และต้นหอมซอย โรยเกลือเพื่อเพิ่มรสเค็มนิดๆ อร่อยมากๆ เลยครับ

 
ต่อด้วย ปูนิ่มทอด (250++) ปูนิ่มชุบแป้งทอด ด้านในปูเสิร์ฟมาร้อนๆ มีรสชาติเค็มนิดๆ เพิ่มรสชาติด้วยหมูหยอง ที่โรยอยู่ทั่วจาน เป็นอีกเมนูที่ปลื้มเช่นกัน

 
จากนั้นก็มาถึงเมนูที่มาแล้วต้องสั่งนั่นก็คือ หมูกรอบ (350++) เสิร์ฟมาในปริมาณไม่มากนักเมื่อเทียบกับราคา โดยหั่นเป็นสี่เหลี่ยมเต๋าพอดีคำ แต่รสชาตินั้นอร่อยมาก หนังหมูทอดได้กรอบ แถมเนื้อหมูนุ่มอร่อย ไม่ค่อยมีมัน อร่อยสมกับราคาจริงๆ

 
มาถึงซุปร้อนๆ กันบ้าง นั่นก็คือ หูฉลามน้ำแดง (600++) มีให้เลือกหลายขนาด แต่ขอเลือกขนาดสำหรับ 1 ที่ มา 3 ถ้วย รสชาติน้ำซุปกลมกล่อม เนื้อหูฉลามก็ให้มาในปริมาณไม่น้อยเกินไปนัก แต่รสชาติยังไม่สุดๆ เท่าที่เคยทานมาครับ

 
จากนั้นก็ปิดท้ายด้วย เส้นใหญ่ราดหน้าหมู (200++) ปริมาณสำหรับ 1 ที่ ซึ่งถือว่าให้มาเยอะพอควร ตัวเส้นเหนียวนุ่ม อร่อย แถมหมูก็นุ่มลิ้น รสชาติดีทีเดียวครับ ปิดท้ายมื้อได้แบบอิ่มเต็มที่จริงๆ

 
สำหรับรสชาติอาหารที่นี่ก็อร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ แต่ราคาก็แรงใช้ได้ ใครที่ชอบติ่มซำแนะนำเลยครับ ยิ่งมาวันธรรมดายิ่งดี เพราะลดราคา 50% ถือว่าคุ้มค่าครับ สำหรับบรรยากาศถือว่าเหมือนกับร้านที่ฮ่องกง ไม่ผิดเพี้ยน และยังมีมุมให้อมยิ้มได้ไม่น้อย เพราะมุมที่โชว์หูฉลามนั้นแอบไปเห็นป้ายประกาศเกียรติคุณของสถาบันต่างๆ ที่มอบให้ร้าน เป็นร้านอื่นตั้งโชว์ให้เห็นเป็นสง่า แต่ที่นี่เอาไปในในตูรวมๆ กันถ้าไม่สังเกตจะไม่เห็นจริงๆ ครับ ถือว่าของเค้าดี ไม่ต้องโม้มากนักก็มีลูกค้าแน่นร้านแล้ว 555

 
เมนูแนะนำ:  ติ่มซำ,หมูกรอบ,เต้าหู้พริกเกลือ
 
Table Wait Time: 0 minute(s)


ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿500

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 5  |  
Environment
 3  |  
Service
 4  |  
Clean
 4  |  
Price
 5

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารญี่ปุ่น | ร้านอาหารทั่วไป

 
รีวิวนี้ขอเอาใจคนที่ชอบทานเนื้อวัว โดยเฉพาะเนื้อวากิวคุณภาพดีที่ส่งตรงมาจากญี่ปุ่น ผมขอพาไปอิ่ม อร่อย ที่ร้าน Wagyu Samurai กันนะครับ

 

 

 

 

 

 

 

 
สำหรับร้าน Wagyu Samurai นั้นอยู่ในซอย Barbos 2 ซึ่งเข้ามาจากซอยสุขุมวิท 42 อีกที โดยร้านจะอยู่ใกล้ๆ กับโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 ภายในร้านมีที่จอดรถสะดวกสบาย บรรยากาศร้านก็ดูร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่และสนามหญ้าที่มีสะพานไม้สำหรับเดินผ่านสนามหญ้าเพื่อเข้าไปยังตัวร้าน การตกแต่งของที่นี่คล้ายกับบรรยากาศที่ญี่ปุ่นมากๆ จึงไม่แปลกใจเลยที่ว่าจะมีทั้งลูกค้าคนไทยและคนญี่ปุ่นหมุนเวียนมาทานอย่างต่อเนื่อง สำหรับบรรยากาศด้านในมีที่นั่งให้บริการทั้งชั้นล่างซึ่งเป็นที่นั่งรวม ส่วนชั้นบนนั้นก็จัดให้เป็นห้องจัดเลี้ยงส่วนตัว หากมากันเป็นหมู่คณะก็สามารถเลี้ยงรับรองแขกได้สบายๆ

 

 
ขอเริ่มเสิร์ฟจาก appetizer ก่อนนะครับ จะเสิร์ฟเป็นอาหาร 3 อย่างในปริมาณไม่เยอะนัก ถือว่ารองท้องกันก่อน เริ่มจากซ้ายมือก่อนนั่นก็คือ Seared Wagyu Beef เนื้อดิบที่มาพร้อมกับหัวไชเท้าขูดและหอมซอย สำหรับเนื้อนั้นนุ่มอร่อย ละมุนลิ้นมาก และไม่มีกลิ่นคาวด้วยนะครับ ถัดมาถ้วยกลางเป็น Sesame Tofu เต้าหู้ผสมงา สูตรพิเศษของที่นี่ ซึ่งตัวเต้าหู้นั้นจะเหนียวหนึบๆ หอมกลิ่นงานิดๆ และขวามือคือ Fruit with Plenty Cream Cheese สลัดผลไม้ในครีมชีส

 
หลังจากนั้นก็จะเสิร์ฟ Wagyu Creative Cuisine เป็นเมนู Wagyu Yukke เนื้อดิบที่ทำเป็นเส้น คลุกเคล้ากับน้ำซอสสูตรพิเศษโรยด้วยต้นหอม อร่อยลื่นคอดีเหมือนกันครับ

 
จากนั้นก็ตามมาด้วย Clear Soup ซึ่งคอร์สนี้เสิร์ฟ Wagyu Meat Ball Clear Soup ซุปน้ำใสที่มาพร้อมกับลูกชิ้นเนื้อวากิว ซดคล่องคอดีครับ

 
แล้วก็เสิร์ฟ Vegetable Creative Cuisine ซึ่งจะมีมัน, ฟักทอง, แครอท และบรอกโคลี่นึ่ง ผักทั้งหมดนึ่งได้ที่ รสชาติหวานกำลังดีเชียว

 

 

 

 

 

 
แล้วก็มาถึงเมนูหลักนั่นก็คือชาบู ชาบู เนื้อวากิว ซึ่งพนักงานที่นี่เค้าจะเป็นคนเตรียมวัตถุดิบทุกอย่างให้ พร้อมทั้งจะเสิร์ฟเมนูให้เราที่ละอย่างด้วยนะครับ ซึ่งก็จะเริ่มจากการต้มน้ำซุปให้ร้อน พอเดือดได้ที่ก็จะนำ Wagyu Beef ซึ่งในคอร์สนี้จะมีทั้งหมด 4 ชิ้นใหญ่ๆ หนานุ่ม ลายสวยมากๆ โดยเค้าจะนำเนื้อไปลวกในน้ำซุปทีละชิ้น แล้วเสิร์ฟให้เราทาน ซึ่งเค้าให้เราทานที่ละอย่างเริ่มที่เนื้อวากิว บอกเลยว่านุ่ม หอม อร่อย ละมุนลิ้นสุดๆ แค่ทานเนื้อเปล่าๆ ยังอร่อยเลยครับ แต่ใครที่ชอบจิ้มกับน้ำจิ้มชาบู ชาบู ก็จะมีให้เลือกระหว่างน้ำจิ้มงา ซึ่งหอม หวาน มันนิดๆ และ น้ำจิ้มพอนสึ รสชาติกำลังดี ไม่จัดจ้านเกินไป

 

 
จากนั้นก็สลับกับผัก และเต้าหู้ แล้วก็สลับกับเนื้อวากิวจนหมด อร่อยฟินกันไปเลยครับ

 

 
แล้วก็ปิดท้ายด้วย เส้น Kishimen และ Rice Cake เป็นน้ำซุปที่มาพร้อมกับเส้น Kishimen และแป้งโมจิเหนียวหนึบ

 
จากนั้นก็ตบท้ายด้วยของหวาน ซึ่งเป็นเมล่อนญี่ปุ่นหวานๆ อิ่ม อร่อยชื่นใจมากๆ ครับ

 

 
หากใครอยากทานเนื้อวากิวในรูปแบบสเต็กก็สั่งได้นะครับ ซึ่งจะสั่งเป็นคอร์ส หรือสั่งเป็น A la cart ก็แล้วแต่จะชอบ แต่สำหรับผมขอเลือก Japanese Wagyu Strip Loin Stake (3,000 บาท) สเต็กเนื้อวากิวแบบพรีเมี่ยม ชิ้นใหญ่ขนาด 200g เสิร์ฟแบบ medium rare ขอบอกว่าเนื้อนุ่ม อร่อย นัวในปาก ยิ่งโรยด้วยเกลือนิดๆ เพิ่มรสชาติเค็มหน่อยๆ ยิ่งอร่อยเพิ่มขึ้นด้วยครับ ใครชอบทานสเต็กเนื้อไม่ควรพลาดนะครับ

 

 

 
แต่หากใครที่ไม่ทานเนื้อก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเลือกสั่งอะไรดี เพราะที่นี่เค้ามีเมนูปลาต่างๆ ให้เลือกอิ่มอร่อยด้วยนะครับ ซึ่งยิ้มเค้าก็เลือกสั่ง Fish & Veggie Course ซึ่งเป็นคอร์สซูชิ (1,800 บาท) สำหรับคอร์สนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบทานซูชิแบบญี่ปุ่น ซึ่งจะทยอยเสิร์ฟทีละอย่างเช่นกัน โดยเริ่มที่ appetizer ซึ่งเสิร์ฟ 3 อย่างเช่นกัน โดยเริ่มจาก เยลลี่มะเขือเทศ เยลลี่สี่เหลี่ยมที่แทรกด้วยมะเขือเทศหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ท่าทางจะทานแล้วสดชื่นไม่เบา ถ้วยกลางก็เป็น Sesame Tofu เต้าหู้ผสมงาเช่นเดียวกัน ส่วนถ้วยขวาเป็น ผักในครีมชีส ครับ

 
จากนั้นก็ต่อด้วย Clear Soup แต่เปลี่ยนจากซุปเนื้อเป็นซุปเห็ดน้ำใส ดูแล้วน่าจะซดลื่นคอดีนะครับ

 
ตามมาด้วย Vegetable Creative Cuisine แต่คอร์สนี้จะเป็นผักชุบแป้งทอด หรือเทมปุระนั่นเองครับ หอมหวานไม่แพ้กันเลยครับ

 
จากนั้นก็มาถึงจานหลักซึ่งจะเสิร์ฟ ซูชิหน้าปลาดิบรวม ทั้งหมด 5 คำ หนึ่งในนั้นมีปลาไหลด้วยครับ เสิร์ฟพร้อมกับข้าวห่อสาหร่ายไส้ปลาแซลมอนอีก 6 คำ ปลาดิบของที่นี่สด สะอาด คุณภาพดีเช่นกัน แล้วก็ปิดท้ายด้วยของหวาน ซึ่งก็เป็นเมล่อนญี่ปุ่น หอมๆ หวานๆ เช่นกันครับ ดังนั้นคนที่ไม่ทานเนื้อก็สามารถแวะมาร่วมโต๊ะกับคนรักเนื้อได้สบายๆ เลยครับ รับรอง อิ่ม อร่อย ถูกใจไม่แพ้กันเลย
สำหรับที่ Wagyu Samurai นอกจากจะแวะมานั่งทานอาหารเพลินๆ แล้วใครที่ติดใจในรสชาติเนื้อเกรดพรีเมี่ยมก็แวะมาเลือกซื้อกลับไปทำทานเองที่บ้านได้ที่ร้าน Samurai Meat Shop ได้นะครับ ซึ่งที่นี่มีเนื้อวากิวคุณภาพดีให้เลือกเยอะเลย นอกจากนี้ยังมีเมล่อนญี่ปุ่น เครื่องดื่ม และวัตถุดิบต่างๆ ที่ส่งตรงมาจากญี่ปุ่นให้เลือกช็อปปิ้งตามใจชอบเลยนะครับ
โดยรวมแล้วที่ Wagyu Samurai นั้นถือว่าเป็นร้านที่คนรักเนื้อวากิวควรจะแวะมาลิ้มลองความอร่อยดูนะครับ เพราะส่วนตัวแล้วผมปลื้มกับเนื้อวากิวของที่นี่มากๆ เพราะเนื้อสวย นุ่ม รสชาติดีแถมการบริการของพนักงานก็น่ารักด้วยนะครับ

 
เมนูแนะนำ:  Wagyu Beef
 
Table Wait Time: 0 minute(s)


วันที่ไปกิน: Apr 12, 2016 

ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿1500

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 5  |  
Environment
 4  |  
Service
 5  |  
Clean
 5  |  
Price
 5

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารอีสาน | ร้านอาหารทั่วไป | ส้มตำ | ลำลอง | ครอบครัว ลำลอง

 
ใครที่แวะเวียนผ่านไปแถวสามพรานบ่อยๆ คงต้องแวะเข้าไปไหว้พระ ทำบุญที่วัดไร่ขิง กันอยู่บ้างใช่มั้ยเอ่ย หากไปแถวนั้นแน่นอนว่าต้องแวะเติมพลังกันบ้าง ซึ่งวันนี้ก็มีร้านอาหารที่ถือว่าทานกันได้ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ยิ่งมาเป็นครอบครัวรับรองอิ่มอร่อยแน่นอน ร้านที่ว่าก็คือ สมนึกไก่ย่าง นั่นเองครับ ซึ่งเป็นร้านดังที่หลายๆ คนน่าจะพอคุ้นหูกันบ้าง

 

 

 

 

 
ซึ่งส้มตำ ไก่ย่าง ถือว่าเป็นอาหารที่โปรดปราณของหลายๆ คนแน่นอน ซึ่งที่ร้านนี้ก็ให้บริการอาหารอีสาน ซึ่งเป็นร้านที่มีบรรยากาศโปร่งๆ โล่งสบาย ภายในร้านมีโต๊ะให้บริการเยอะพอสมควรมีทั้งพื้นที่ห้องแอร์ และด้านนอก ซึ่งหากเป็นช่วงวันหยุดลูกค้าค่อนข้างแน่นร้านทีเดียว โดยรอบๆ ร้านตกแต่งด้วยปูนเปลือยขัดมัน รอบๆ ผนังเจาะเป็นช่องหน้าต่างโปร่งๆ ทำให้แม้ช่วงกลางวันที่แดดจัด ก็มีลมพัดเข้ามาทำให้อากาศถ่ายเทได้ดี ไม่ร้อนเท่าไรนัก

 
มาดูเรื่องอาหารกันบ้างดีกว่าครับที่นี่ให้บริการอาหารอีสาน ซึ่งแน่นอนว่าหลักๆ ก็คือ ส้มตำ ไก่ย่าง น้ำตก ลาบ แต่ก็ยังมีเวลาอาหารอื่นๆ ให้เลือกทานได้เช่นกัน ซึ่งผมก็เลือกสั่ง กุ้งแช่น้ำปลา (100.-) กุ้งที่นี่ตัวใหญ่สด เนื้อแน่น ที่สำคัญน้ำราดด้านบนก็รสชาติจัดจ้านถึงใจดีครับ เป็นเมนูเรียกน้ำย่อยได้ดีทีเดียว

 
แล้วก็ตามมาด้วย น้ำตกหมู (60.-) รสชาติจัดจ้าน อร่อยถูกใจแถมหมูยังชิ้นใหญ่ เต็มปากเต็มคำ

 
จากนั้นก็ต่อด้วยส้มตำ ซึ่งผมขอเลือกเป็น ส้มตำผลไม้คอหมูย่าง (80.-) เมนูนี้หน้าตาน่าทาน สีสันสดใส ได้รสชาติหวานๆ ของผลไม้มาคลุกเคล้ากับน้ำยำส้มตำไทยที่รสชาติเผ็ดเปรี้ยว ทำให้รสชาติเข้ากันได้ดี และยังมีคอหมูย่างชิ้นโตๆ ให้เคี้ยวอร่อยเพลินๆ ด้วยครับ

 

 
และที่ขาดไม่ได้สำหรับร้านนี้ก็ต้องเป็น ไก่ย่าง (200.-) เป็นเมนูที่ไม่ควรพลาดสำหรับคนที่มาทานที่ร้านสมนึกไก่ย่าง ซึ่งแค่ได้ยินชื่อร้านก็ต้องสั่งแล้วละครับ สำหรับไก่ย่างที่จัดมาเยอะมากๆ เนื้อไก่นุ่ม ชิ้นใหญ่ เคี้ยวเพลิน แถมมีน้ำจิ้มให้เลือกทั้งแบบหวานและน้ำจิ้มแจ่ว ชอบแบบไหนเลือกอร่อยได้เลยจ้า

 
สำหรับที่ร้านนี้หาไม่ยากครับ หากใครมาจากทางถนนเพชรเกษมก็ให้มุ่งหน้าไปทางวัดไร่ขิง ซึ่งร้านจะอยู่ต้นๆ ซอยทางซ้ายมือเลยครับ หรือหากมาจากพุทธมณฑล สาย 5 ก็ให้ขับผ่านหน้าวัดไปเรื่อยๆ ทางที่จะไปถนนเพชรเกษม ก็จะเห็นป้ายร้านสมนึกไก่ย่างตัวโตอยู่ทางขวามือ จากนั้นก็เลี้ยวเข้าไปจอดได้เลยทั้งหน้าร้าน หรือเข้าไปจอดหลังร้านซึ่งอยู่ในซอยที่ติดกับตัวร้านเลยครับ ซึ่งด้านหลังมีที่จอดรถมากพอสมควร ห้องน้ำก็สะอาดสะอ้านดีด้วยครับ 
 
เมนูแนะนำ:  ไก่ย่าง,
 
Table Wait Time: 5 minute(s)


ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿200

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 4  |  
Environment
 4  |  
Service
 3  |  
Clean
 3  |  
Price
 4

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารไทยทั่วไป | ร้านอาหารทั่วไป | ครอบครัว ลำลอง | จัดเลี้ยงเป็นกลุ่ม

 
หากใครเบื่อบรรยากาศรถติด ความวุ่นวายในเมือง อยากไปนั่งชิลๆ ทานอาหารในบรรยากาศสบายๆ ลองแวะขับรถเล่นออกไปนอกเมืองดูบ้างก็ดีนะครับ ซึ่งหากใครอยากจะขับออกไปทางพุทธมณฑล ก็ลองแวะไปนั่งทานอาหารที่ร้าน ครัวแม่แช่ม ซึ่งอยู่ริมถนนพุทธมณฑลสาย 5 รับรองหาไม่ยาก เพราะมีป้ายชื่อร้านตัวโตๆ ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ริมถนน

 

 

 

 

 
โดยบรรยากาศในร้านเป็นร้านเปิดโล่ง แต่ก็มีห้องแอร์ให้บริการด้วยครับ ซึ่งถ้ามาช่วงแดดล่มลมตก แนะนำให้นั่งด้านนอกซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่วิวสีเขียวสดใสของทุ่งนา ที่อยู่ด้านหลังร้าน ทำให้บรรยากาศดูร่มรื่น เขียวสบายตา ยิ่งได้ลมเย็นๆ พัดมาด้วยรับรองชิลสุดๆ ครับ

 

 
มาดูเรื่องอาหารกันบ้างดีกว่าครับ สำหรับที่ ครัวแม่แช่ม ขึ้นชื่อในเรื่องอาหารไทยแบบพื้นบ้าน โดยเฉพาะเมนูปลาช่อนถือว่าเป็นเมนูเด่นของที่นี่เลยครับ โดยเฉพาะ ปลาช่อนลุยสวนสมุนไพร (220.-) เมนูแนะนำที่ขายดีของทางร้าน ที่นี่ใช้ปลาช่อนนา ตัวโตเนื้อสีขาวนวล หวานสด สะอาด มาพร้อมกับน้ำต้มยำที่รสชาติกลมกล่อม มีเปรี้ยว เค็ม เผ็ด เข้ากันอย่างลงตัว แถมดีต่อสุขภาพ เพราะเมนูนี้จัดเต็มเรื่องสมุนไพรตั้งกระชาย ข่า ตะไคร้ และกระเทียมโทน เสิร์ฟบนหม้อไฟร้อนๆ ช่วยให้รสชาติอาหารยังคงอร่อยอย่างต่อเนื่องด้วยครับ

 
ต่อด้วยเมนูทานเล่น ทอดมันปลากราย (100.-) ทอดมันที่นี่ใช้เนื้อปลาแบบเน้นๆ ทำให้เนื้อแน่น ชิ้นใหญ่ อร่อยได้เต็มปากเต็มคำเลยครับ

 

 
ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งเมนูโปรดของผมนั่นก็คือ ห่อหมกทะเลมะพร้าวอ่อน (150.-) ห่อหมกทะเลที่เสิร์ฟในมะพร้าวอ่อน ซึ่งที่นี่จัดเต็มเรื่องกุ้งปลาหมึก อัดแน่นอยู่ในลูกมะพร้าว รสชาติกลมกล่อม และที่ชอบคือมีเนื้อมะพร้าวอ่อนให้เคี้ยวเพลินๆ ช่วยเพิ่มความอร่อยได้ดี ยิ่งทานกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยสุดๆ ครับ

 
ใครที่ชอบบรรยากาศสดชื่น ที่มีทุ่งนาสีเขียวสดใสเป็นวิวให้มองเพลินระหว่างมื้ออาหารก็ลองขับรถเล่นมาทานอาหารที่ร้าน ครัวแม่แช่ม ได้นะครับ ซึ่งหากมาจากทางถนนบรมราชชนนี ให้เลี้ยวเข้ามาทางถนนพุทธมณฑลสาย 5 เข้ามาไม่ไกล ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ สามารถจอดรถที่หน้าร้านได้เลยครับ ยิ่งช่วงมื้อเย็นรับรองว่าจะเพลิดเพลินกับบรรยากาศชิลๆ ของที่นี่ได้ไม่ยากเลยครับ
 
เมนูแนะนำ:  ปลาช่อนลุยสวน,
 
Table Wait Time: 0 minute(s)


ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿250

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 4  |  
Environment
 4  |  
Service
 3  |  
Clean
 3  |  
Price
 3

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารไทยทั่วไป | ครอบครัว ลำลอง | โอกาสพิเศษ

 
ถ้าพูดถึงอาหารไทย หลายๆ คนคงจะคิดว่าหาทานเมื่อไรก็ได้ แต่ถ้าหากพูดถึงร้านอาหารไทยที่มาพร้อมบรรยากาศดีๆ คงจะมองไปยังร้านอาหารไทยในโรงแรม 5 ดาว แต่วันนี้ผมมีร้านอาหารไทย ที่มีบรรยากาศดีไม่แพ้โรงแรม 5 แถมอยู่ใจกลางเมือง และราคายังน่าคบกว่าด้วยนะครับ ร้านที่จะพาไปรู้จักก็คือ PATARA Fine Thai Cuisine ซึ่งร้าน ภัทรา นั้นอยู่ในซอยทองหล่อ 19 มีที่จอดรถสะดวกสบาย

 

 

 

 
โดยบรรยากาศภายในร้านนั้นดัดแปลงมาจากบ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่กว้างรอบๆ บ้านส่วนหนึ่งเป็นที่จอดรถ อีกส่วนหนึ่งเป็นสวนนอกบ้าน ซึ่งเหมาะสำหรับนั่งรับลมในมื้อเย็นได้สบายๆ

 

 

 

 
ส่วนชั้นบนนั้นเป็นห้องอาหารที่สามารถรับรองลูกค้าที่มาเป็นกลุ่ม หรือต้องการจัดเป็นไพรเวทปาร์ตี้ได้สบายๆ ซึ่งมีความเป็นส่วนตัวสูงทีเดียว ซึ่งการตกแต่งก็ดูหรูหราไม่แพ้ร้านอาหารไทยในโรงแรม 5 ดาวเลยนะครับ

 

 

 
พาไปชมบรรยากาศสวยๆ กันแล้วก็มาดูเรื่องอาหารกันบ้างดีกว่าครับ

 
แน่นอนว่าที่ร้านภัทรานั้นจะเน้นให้บริการอาหารไทยเป็นหลัก แต่ก่อนอื่นขอเสิร์ฟเครื่องดื่มก่อนนะครับ แม้จะเป็นร้านอาหารไทย แต่ก็มีเครื่องดื่มให้เลือกหลากหลาย ซึ่งผมเลือกสั่งเป็นเครื่องดื่ม mocktail เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศในมื้อค่ำแบบนี้ ขอเริ่มที่ L.A. Paradise (120 บาท) ม็อคเทลที่ผสมระหว่านน้ำลิ้นจี่ แอปเปิ้ล lime และน้ำผึ้ง รสชาติหวานกลมกล่อม ชื่นใจ

 
ส่วนอีกแก้วเป็น Patara Fruit Punch (120 บาท) ม็อคเทลสีสันสดใส เติมความสดชื่นด้วยเชอรี่สีแดงสด ถือว่าช่วยเพิ่มความสดชื่นก่อนมื้ออาหารได้ดีทีเดียว

 
จากนั้นเมนูแรกก็เสิร์ฟ ยำมะเขือย่างเนื้อปูไข่ปลาคาร์เวียร์ (275 บาท) ถือว่าเป็นเมนูอาหารไทยที่เติมความหรูหราด้วยไข่ปลาคาร์เวียร์ ที่วางบนเนื้อปู ซึ่งตัวมะเขือย่างก็อร่อยนุ่มลิ้นแถมรสชาติจัดจ้านแบบไทยๆ ด้วยน้ำยำรสเปรี้ยวนิด หวานเค็มหน่อยๆ อร่อยลงตัว

 

 
เติมความเป็นไทยเข้ามาอีกนิดด้วยเมนู แกงเนื้อปูใบชะพลู (485 บาท) แกงใบชะพลูแบบไทยๆ ที่มาพร้อมกับเนื้อปูก้อนโต รสชาติเผ็ดร้อนนิดๆ ซึ่งถ้าให้อร่อยยิ่งขึ้นต้องทานกับขนมจีนที่เสิร์ฟมาคู่กัน จะอร่อยลงตัวมากๆ หรือใครจะทานกับข้าวสวยก็ไม่ขัดเขิน ยิ่งเป็นข้าวไรซ์เบอร์รี่ที่หุงด้วยน้ำมะพร้าว เสิร์ฟในลูกมะพร้าวเผา อร่อยหอม หวาน มัน มากครับ

 

 
และเมนูที่ไม่พูดถึงไม่ได้ถ้าหากมาทานร้านอาหารไทยแบบนี้นั่นก็คือเมนูน้ำพริกนั่นเองครับ ที่ร้านเสิร์ฟ น้ำพริกพริกไทยอ่อน (265 บาท) น้ำพริกแบบไทย ที่ตำเข้ากับพริกไทยอ่อน รสชาติไม่เผ็ดมากนัก คนที่ไม่ชอบทานเผ็ดน่าจะทานได้สำหรับเมนูนี้ ยิ่งมาพร้อมกับผักสดที่มาจากโครงการหลวงทั้งหมด และไข่ต้มยางมะตูม แค่นี้ก็อร่อยแล้วครับ

 
ต่อด้วยเมนู ปูนิ่มทอดกรอบผัดใบยี่หร่า (355 บาท) อีกหนึ่งเมนูรสชาติจัดจ้านแบบไทยๆ ซึ่งจัดเต็มปูนิ่มกันมาแบบเน้นๆ ด้วยรสชาติเผ็ดร้อนบวกกับเนื้อหวานๆ ของปูนิ่ม เป็นอีกเมนูที่ทานกับข้าวสวยได้อร่อยลงตัวเช่นกันครับ

 
จากนั้นก็ปิดท้ายเมนูของคาวด้วย พล่าหอยเชลล์ (285 บาท) หอยเชลล์ตัวโตๆ มาพร้อมน้ำซอสปรุงรสจัดจ้านแบบไทยๆ อร่อยนุ่มลิ้นแบบเต็มปากเต็มคำ

 
แล้วก็มาถึงเมนูของหวานกับเมนูลูกผสมไทยกับตะวันตกนั่นก็คือ เครมบรูเล่อบควันเทียน (195 บาท) Crème brulee ที่มีส่วนผสมของใบเตย ทำให้มีกลิ่นหอมใบเตยเวลาเคี้ยว ซึ่งรสชาติไม่หวานเกินไปด้วยครับ เมนูนี้เสิร์ฟพร้อมกับไอศกรีมเสาวรส ซึ่งมีรสเปรี้ยวชื่นใจตัดกับรสชาติหวานของตัวเครมบรูเล่ได้ดีครับ ถือว่าเป็นเมนูปิดท้ายที่ชื่นใจสุดๆ

 

 
สำหรับที่ภัทราแห่งนี้นั้น ถือว่าเป็นร้านอาหารไทยที่มีกลิ่นอายความเป็นไทย แถมบรรยากาศก็ดูดี เหมาะสำหรับพาครอบครัว หรือเพื่อนๆ มาลิ้มลองความอร่อยแบบไทยๆ ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น แถมอยู่ใจกลางเมืองอีกต่างหาก

นอกจากที่ไทยแล้วร้านภัทรายังมีสาขาอยู่ที่ต่างประเทศซึ่งถือว่าได้รับความนิยมจากต่างชาติเป็นอย่างดี โดยเฉพาะที่ประเทศอังกฤษซึ่งมีร้านภัทรา หรือ Patara Fine Thai Cuisine เปิดอยู่หลายสาขาทีเดียวครับ เอาเป็นว่าใครอยากทานอาหารไทยบรรยากาศดีๆ ก็แวะไปที่ซอยทองหล่อ 19 ได้เลยนะครับ เข้าซอยไปไม่ไกลร้านจะอยู่ทางขวามือ มีที่จอดรถสะดวกสบาย หรือหากเดินทางโดย BTS ก็ลงสถานีทองหล่อ และสามารถใช้บริการรถรับส่งของทางร้านอาหารได้เลย แต่ต้องโทรไปนัดทางร้านล่วงหน้านะครับ เค้าจะได้ส่งรถมารับที่ BTS ครับ
 
เมนูแนะนำ:  น้ำพริกพริกไทยอ่อน,,แกงเนื้อปูใบชะพลู,ปูนิ่มทอดกรอบผัดใบยี่หร่า,เครมบรูเล่อบควันเทียน
 
Table Wait Time: 0 minute(s)


ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿700

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 4  |  
Environment
 5  |  
Service
 5  |  
Clean
 5  |  
Price
 4

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0