นักรีวิวร้านอาหาร

Casa Lapin ร้านกาแฟเล็กๆ ที่แทรกตัวอยู่ย่านธุรกิจใหญ่ แถวซอยอารีย์ ซึ่งรอบๆ นั้นเต็มไปด้วยสำนักงานและคอนโดน้อยใหญ่เต็มไปหมด ที่สำคัญทำเลดีเพราะใกล้กับ BTS อารีย์ นิดเดียวเองโดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนที่ชอบพาตัวเองเข้าไปนั่งอยู่ในร้านกาแฟที่มีบรรยากาศดีๆ ดังนั้นจึงไม่ยากที่จะพาตัวเองเข้าไปอยู่ด้านในของร้าน Casa Lapin แม้ว่าร้านนี้จะเป็นร้านเล็กๆ แต่บรรยากาศด้านในตกแต่งไว้น่านั่ง อบอุ่น ด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้เกือบทั้งหมด มีมุมเล็กๆ ที่เป็นเคาร์เตอร์บาร์ริมผนังกระจก และยังมีชั้นหนังสือ นิตยสารต่างๆ ให้หยิบอ่านสบายๆ ผมจึงเลือกนั่งมุมริมกระจกเพื่อจิบกาแฟซักแก้ว ระหว่างรอนัดทานข้าวมื้อเย็นแถวๆ นี้จากนั้นก็สั่ง Flat White (100+) กาแฟนมที่มีต้นกำเนิดจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ แต่ในบ้านเราหาดื่มได้ยากหน่อย เพราะมีขายไม่กี่ร้านเอง โดยกาแฟที่นี่หอม เข้ม ช่วยเพิ่มความสดชื่นได้ดีเชียวครับแล้วก็สั่ง Orange Cheese Cake (110+) ชีสเค้กรสส้ม ชิ้นไม่ใหญ่นัก กำลังดี ตัวชีสเค้กเนียนดีครับ หวานเบาๆ ไม่เลี่ยนนัก ทานคู่กับกาแฟแก้วโปรด ช่วยให้เวลาที่รอคอยนัดนั้นไม่น่าเบื่อเลยครับหลังจากนั่งจิบกาแฟเพลินๆ ก็ใกล้ได้เวลานัดดินเนอร์มื้อเย็นในซอยอารีย์ต่อละครับ โดยรวมแล้วที่นี่บรรยากาศชิลๆ สบายๆ นั่งแล้วเพลินดี ส่วนกาแฟและเค้กนั้นก็ถือว่าทำได้ดีครับ สำหรับ Casa Lapin นั้นอยู่ที่ชั้นล่างของ Noble Reform Condo หากเข้าซอยพหลโยธิน 7 หรือซอยอารีย์ นั้นร้านจะมองเห็นได้ชัดทางขวามือ เข้าซอยมานิดเดียวก็เจอร้านแล้วครับ

วันนี้ขอพาไปรีวิวกันที่ร้านขนมที่บอกเลยว่า แค่เห็นก็น่าหม่ำแล้วครับ ซึ่งร้านที่จะพาไปชิมขนมนั้นมีชื่อว่า Hashme อยู่ในซอยทองหล่อ 9 ในโครงการ 9:53 Art Mall มาถึงแล้วหาที่จอดรถแล้วก็ตรงดิ่งไปที่ชั้น 4 ชั้นบนสุดของโครงการเลยครับสำหรับบรรยากาศร้านนั้นภายในร้านมีพื้นที่ไม่กว้างมากนัก ซึ่งจะมีทั้งในส่วนของห้องแอร์ และพื้นที่ Open ด้านนอกซึ่งเหมาะสำหรับนั่งรับลมชิลๆ ในตอนเย็น ด้านในร้านนั้นตกแต่งด้วยสีสันที่ตัดกันของสีดำ ขาว เขียว ดูแล้วแปลกตาดีเหมือนกันครับส่วนเมนูของที่ร้านนั้นมีให้เลือกทั้งของคาวและของหวาน แต่วันนี้ขอแวะมาลองของหวานเพียงอย่างเดียวก่อนนะครับ ซึ่งเมนูเด่นของที่นี่ก็คือวาฟเฟิลนั่นเองครับ ซึ่งเป็นของหวานสุดโปรดของเราสองคนครับ ดังนั้นจึงขอสั่งเมนู Waffle Tower (520.-) ซึ่งเป็นเมนูที่เห็นหลายๆ คนสั่งและแชร์ลง IG กันเยอะมาก โดยสามารถจะสั่งกี่ชั้นก็ได้ตามต้องการ แต่ว่าเรามากันสองคนจึงขอสั่งแค่เพียง 2 ชั้นเบาๆ ก็พอ (เคยเห็นคนสั่งสูงถึง 5 ชั้นก็มีนะครับ) วาฟเฟิลที่มาพร้อมกับไอศครีมวนิลา และเพิ่มความสดชื่นด้วย Mixed Berries ราดด้วยซอสสตรอเบอร์รี่ ถือว่าเสิร์ฟในปริมาณที่เยอะพอควร โดยส่วนตัวแล้วตัววาฟเฟิลนั้นยังไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งเคยทานวาฟเฟิลในราคาขนาดนี้แต่อร่อยนุ่มลิ้นกว่านี้ครับ และราคาเมนูนี้ก็ไม่เบานะครับนอกจากนี้ยังขอเติมความสดชื่นด้วย ลาเต้เย็น กาแฟเย็นรสเข้มข้นที่เติมความหวานด้วยไซรัปได้ตามใจชอบส่วนอีกแก้วก็ขอเป็น เครื่องดื่มเย็น ที่หน้าตาดูสดใส น่าดื่ม รสชาติหวานนิดๆ เปรี้ยวซ่าหน่อยๆ ช่วยเพิ่มความสดชื่นได้ดีเช่นกันครับนอกจากนี้ตอนที่ไปทานพอดีทางร้านเซ็ตเมนูวาฟเฟิลทาวเวอร์ 5 ชั้นไว้พอดี ก็เลยขอแวะไปแชะภาพมาฝากกันครับ ว่าหน้าตาจะดูอลังการขนาดไหนสรุปแล้วสำหรับร้านนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบวาฟเฟิลหน้าตาอลังการ หรือคนที่ชอบถ่ายรูป น่าจะเพลินเลยครับ เพราะว่าบรรยากาศและอาหารดูดี แต่ราคาโดยส่วนตัวแล้วถือว่าแรงไปนิดครับ ส่วนอาหารคาวนั้นขอติดไว้ก่อนมีโอกาสไปชิมเมื่อไรจะแวะมาอัพเดทให้ดูอีกครั้งนะครับ

แวะมานำเสนอความอร่อยกันอย่างต่อเนื่อง คราวนี้ขอพาไปทานอาหารญี่ปุ่นกันอีกเช่นเคย แต่ขอเปลี่ยนเป็นอาหารประเภททอดๆ กันบ้าง หรือที่เรียกว่า ทงคัตสึ นั่นเองครับ โดยร้านที่จะพาไปทานนั้นเป็นร้านที่ขึ้นชื่อเรื่องเมนูทงคัตสึเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือร้าน Maisen ครับ ร้านโปรดของผม และสาขาที่จะพาไปอิ่มอร่อยก็อยู่ที่ชั้น 5 ของศูนย์การค้า Central Embassy ครับสำหรับร้าน Maisen นั้น มีต้นกำเนิดที่ญี่ปุ่น ซึ่งมีร้านใหญ่อยู่ที่เมืองอาโอยาม่า ดังนั้นบรรยากาศและการตกแต่งร้านนั้นจึงดูเหมือนร้านอาหารที่ญี่ปุ่น ซึ่งเน้นเฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นหลัก และที่โดดเด่นสำหรับสาขานี้คือ วิวริมกระจก ที่มองเห็นวิวสวยๆ ด้านนอกได้อย่างชัดเจน ซึ่งดูแล้วเพลินตาสุดๆมาดูเรื่องเมนูอาหารกันดีกว่า แต่ก่อนที่อาหารจะเสิร์ฟสำหรับที่สาขา Central Embassy และ The EmQuartier ทางร้านจะเสิร์ฟเมนูรองท้องหน้าตาน่าทานซึ่งชาวญี่ปุ่นเรียกว่า โคบาจิ ซึ่งจะมีหมูบดปรุงรสสไตล์ญี่ปุ่น, ซุปฟังทองเย็น, ผัดผักกับซอสญี่ปุ่น และ มะเขือเทศสอดไส้ด้วยมันปรุงพิเศษแต่งหน้าด้วยไข่ปลาแซลมอนซึ่งอย่างที่บอกไว้ว่าที่นี่โดดเด่นเรื่องอาหารประเภททงคัตสึ และเมนูโปรดที่ผมมักจะสั่งทุกครั้งเวลามาทานที่นี่ก็คือ ชุดคุโรบูตะทงคัตสึสันใน (395 บาท) หมูคุโรบูตะชิ้นโตชุบแป้งทอดที่ด้านนอกกรอบ แต่เนื้อด้านในนุ่มอร่อย เต็มปากเต็มคำ เพิ่มเติมรสชาติด้วยซอสสูตรพิเศษของทาง Maisen ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบเปรี้ยวและแบบหวาน เลือกกันได้ตามใจชอบเลยครับ ในชุดจะเสิร์ฟพร้อมสลัดสไตล์ญี่ปุ่น น้ำซุป และข้าวสวยร้อนๆ ซึ่งข้าวสวยและกะหล่ำปลีก็สามารถขอเพิ่มเติมได้ตลอดนะครับจากนั้นก็ต่อด้วยเมนูหม้อไฟกันบ้างครับกับเมนู ชุดคุโรบูตะกิมจินาเบะ (455 บาท) ที่มาพร้อมกับหมูคุโรบูตะเนื้อนุ่ม ในซุปเต้าหู้ กิมจิร้อนๆ รสชาติจัดจ้าน แต่อร่อยชื่นใจ เสิร์ฟพร้อมกับข้าวสวย ไข่สด และทงคัตสึ เป็นอีกเมนูที่อิ่ม และอร่อยจุใจจริงๆ ครับยังมีเมนูที่น่าสนใจอย่าง ชุดพ็อคเกตแซนวิซกุ้งคัตสึ (295 บาท) แซนวิซนุ่มๆ ทรงกลมที่ด้านในอัดแน่นด้วยคัตสึกุ้งชิ้นโต ที่มาพร้อมกับไข่ดาวสุกกำลังดี สามารถกัดได้เต็มปากเต็มคำได้ครบทุกรสชาติทั้งแป้งแซนวิซ กุ้ง และไข่ดาว ในชุดเสิร์ฟพร้อมกับสลัดผักสไตล์ญี่ปุ่น ถือว่าเป็นอีกเมนูเด่นของ Maisen เลยก็ว่าได้ครับจากนั้นก็ปิดท้ายด้วยของหวานที่มาพร้อมกับเมนู Set ซึ่งมีให้เลือกไม่ว่าจะเป็น เต้าฮวยฟรุ๊ตสลัด เนื้อเนียนเด้ง แถมยังกลิ่นหอมน่าทาน อร่อยกำลังดี หรือจะเลือกเป็น ไอศกรีมชาเขียว ก็ช่วยเพิ่มความสดชื่นได้ดีเลยครับแค่นี้ก็อิ่มอร่อยกันถ้วนหน้า ยิ่งใครที่ชอบทานเมนูทงคัตสึด้วยแล้วละก็ รับรองอร่อยฟินสุดๆ ครับ ซึ่งรสชาติอาหารที่นี่นั้นถูกปากเราสองคน ไม่เลี่ยนจนเกินไป เสิร์ฟในปริมาณที่คุ้มค่า รวมทั้งคุณภาพของอาหารก็ทำได้ดีครับ

ร้อนๆ แบบนี้ขอพาไปหม่ำน้ำแข็งใสคลายร้อนกันดีกว่าครับ ซึ่งร้านที่จะพาไปนั้นมีชื่อว่า Maygori ชื่ออาจจะไม่คุ้นหู แต่ถ้าเห็นหน้าตาคงจะพอคุ้นๆ กันบ้างกับเมนู Kakigori หรือน้ำแข็งใสสไตล์ญี่ปุ่นซึ่งก็เป็นที่มาของชื่อร้านที่ คุณเม ผู้เริ่มต้นร้าน Afteryou ที่โด่งดังจนติดลมบนในขณะนี้ นำมารวมกับเมนูน้ำแข็งใส จนได้ชื่อร้านว่า Maygori ร้านตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของโครงการ The Commons ซอยทองหล่อ 17 บรรยากาศภายนอกก็จะมองเห็นเป็นบ้านเล็กๆ หลังสีขาวที่ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น ถ้าหากมองเห็นโลโก้หมีสีดำถือถ้วยน้ำแข็งใสอยู่แสดงว่ามาถึงร้านแล้วครับ ด้านหน้าก็ประดับประดาด้วยต้นไม้กระถางเล็กๆ อยู่หน้าร้านช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร้านได้ดี

ส่วนด้านในร้านจะมีพื้นที่ไม่มากนัก ซึ่งมีที่นั่งด้านใน 2 โต๊ะ กับเคาเตอร์บาร์ที่จุลูกค้าได้ไม่มากนัก แต่ด้านในก็ตกแต่งแบบเรียบง่ายด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ตัดกับผนังสีขาว แล้วก็ประดับด้วยกระถางต้นไม้เล็กๆ อยู่รอบๆ ร้าน ซึ่งก็แลดูน่ารักเหมือนกันครับหากใครไม่ชอบบรรยากาศในร้านก็ออกมานั่งด้านนอกได้นะครับ หรือจะนั่งด้านล่างก็สามารถสั่งลงไปทานได้เหมือนกัน ดังนั้นผมจึงขอนั่งด้านนอกร้านแทน เพราะด้านในแลดูอึดอัดเล็กน้อย จากนั้นก็ของสั่งของหวานมาทานซึ่งขอเลือกเป็นเมนู Ichigo Yoghurt Panna Cotta (215.-) น้ำแข็งใสที่มาพร้อมกับซอสสตรอเบอร์รี่รสหวาน และโยเกิร์ตรสออกหวานเค็มนิดๆ เข้ากันอย่างลงตัว โดยมีน้ำซอสให้ราดเพิ่มเติมตามใจชอบ เมื่อทานไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับ Panna Cotta เนียนนุ่ม อยู่ด้านในซึ่งช่วยเพิ่มรสชาติและความสดชื่นได้ดีทีเดียวครับนอกจากเมนูนี้แล้วยังมีเมนูให้เลือกอร่อยอีกหลายแบบนะครับ ไม่ว่าจะเป็นผงไมโล ช็อคโกแลต ซึ่งหากใครที่ติดใจรสชาติน้ำแข็งใสในแบบญี่ปุ่นจากร้าน Afteryou ก็คงจะถูกใจของหวานที่ Maygori ได้ไม่ยากครับ ซึ่งนอกจากบรรยากาศที่น่ารัก ของหวานอร่อยๆ ก็ยังสามารถเดินเลือกเครื่องดื่มและอาหารร้านอื่นๆ ในโครงการได้ตามใจชอบเลยครับ

ร้านอาหารชื่อดังที่คุ้นหูคนไทยมานาน ที่สำคัญเป็นอีกหนึ่งร้านโปรดของครอบครัวด้วยครับ นั่นก็คือร้าน ไก่ทอง

 

 

 

 

 

ซึ่งเปิดเป็นสาขาที่ 2 นอกจากที่เมืองทองธานี สำหรับที่สาขา Central Festival EastVille นั้นมีการตกแต่งหรูหรา ด้วยโต๊ะหิน และเก้าอี้โซฟาหนัง บรรยากาศด้านในดูสวย สะอาดตา และที่น่ารักสุดๆ ก็เห็นจะเป็นจดหมายจากแม่ถึงลูกค้า ที่ทางเจ้าของร้านนั้นต้องการที่ทักทาย แนะนำตัว และสร้างความเป็นกันเองให้กับลูกค้าหากมาถึงเหนื่อยๆ ก็สามารถเติมความสดชื่นด้วย Iced Honey Lemon Tea (95 บาท) น้ำผึ้งป่าเดือนห้าผสมมะนาวเย็น ที่เพิ่มความสดชื่นด้วยเม็ดคอลลาเจนกลมที่กัดปุ๊บจะแตกตัวเป็นน้ำคอลลาเจนอยู่ด้านใน ช่วยเพิ่มความสดชื่น อร่อยเพลินแถมได้ประโยชน์อีกด้วยครับจากนั้นก็รองท้องด้วยเมนูออร์เดิร์ฟเด่นของร้านที่ต้องสั่งทุกครั้งเวลามาทานที่ร้านไก่ทองนั่นก็คือ กระทงไก่ทอง (150 บาท) ขนมปังอบกรอบที่ทำเป็นรูปกระทง ด้านในเป็นสลัดไก่ และเพิ่มเติมด้วยเม็ดสาคูใสกรุบๆ อร่อยทุกครั้งที่ทานจากนั้นก็มาถึงเมนูโปรดของผม ตับหมูทอดกระเทียมพริกไทย (450 บาท) ตับหมูทอดชิ้นใหญ่นุ่มที่ทำมาจากสูตรฟัวกราส์ฝรั่งเศส ตัวตับชิ้นหนาแต่ด้านในนุ่มละมุน ทอดกระเทียมพริกไทยหอมๆ แค่กัดก็รู้สึกถึงความนุ่มลิ้น อร่อยฟินมากๆ ครับนอกจากนี้ก็ยังมีเมนูที่ไม่ควรพลาดนั่นก็คือ ราดหน้าฮ่องกงรวมมิตร (จานใหญ่ 650 บาท) ราดหน้าสูตรฮ่องกงเมนูเด่นของร้านไก่ทองที่หลายๆ คนชื่นชอบ โดยจากนี้ถือว่าเสิร์ฟในปริมาณที่เยอะมากๆ ตัวปลาหมึก กุ้ง และหมูก็ชิ้นใหญ่ ถ้ามาเป็นครอบครัวก็แนะนำจานนี้จานเดียวอิ่มอร่อยกันถ้วนหน้านอกจากนี้ก็ยังมีเมนูอร่อยอีกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น เคาหยก (450 บาท) เมนูนี้คุณพ่อชอบเป็นพิเศษ เพราะเป็นหมูสามชั้นที่หั่นชิ้นหนา แต่เนื้อนุ่ม ทานง่าย เสิร์ฟบนผักดอง และทานคู่กับหมั่นโถว (90 บาท) ช่วยเพิ่มความอร่อยยิ่งขึ้นครับหรือจะเลือกเป็น กุ้งผัดซอสฮ่องกง (1,200 บาท) กุ้งตัวโตๆ เสิร์ฟในจานขนาดใหญ่ ตัวกุ้งนั้นเนื้อแน่น สด กัดเต็มปากเต็มคำ ตัวซอสก็ออกหวานนำ เค็มตาม อร่อยแบบเต็มปากเต็มคำดีครับจากนั้นก็ปิดท้ายด้วยของหวานยอดนิยมของไก่ทอง ปังชาเย็น (265 บาท) ขนมปังที่มาพร้อมน้ำแข็งใสราดด้วยชาคุณภาพดี มาพร้อมกับสาคูเม็ดเล็ก ใหญ่ ให้เคี้ยวเพลินๆ โรยหน้าด้วยถั่วแมคคาเดเมีย และท็อปด้วยวิปครีม สำหรับเมนูนี้เสิร์ฟในปริมาณที่ใหญ่เยอะ ดังนั้นหากมากันหลายคน จะเป็นเมนูที่อร่อยเป็นพิเศษเพราะแย่งกันทานจะยิ่งเพิ่มอรรถรสในการทานมากขึ้นครับ สำหรับร้านไก่ทองนั้นถือว่าเป็นร้านที่ดีทั้งรสชาติ และบรรยากาศ หากมาทานเป็นครอบครัว หรือเพื่อนฝูงเป็นหมู่คณะจะยิ่งทำให้เป็นมื้ออาหารที่พิเศษยิ่งขึ้นครับ