Thai | English
ontcu
ฉันชื่อontcu อาศัยอยู่ในบางนา. I work in อ.เมืองสมุทรปราการ. ชอบไปลั้นลาที่บางนา, หนองบอน, บางจาก. อาหารญี่ปุ่น, อาหารอิตาเลียน, อาหารนานาชาติ are my favorite cuisines. ชอบไปลั้นลาที่ ร้านผับแอนด์เรสเทอรองต์, ร้านในคอมมูนิตี้มอลล์และสเต็ก, ปิ้งย่าง บาร์บีคิว, ซูชิ ซาซิมิ.
สมาชิก 77 รีวิวแรก
รีวิว202 รีวิว
編輯推介數目109 Editor's Choice
Recommended48 แนะนำ
ความนิยม18587 เข้าชม
Replies in Forum7 ความคิดเห็น
อัพโหลดรูปภาพ7949 รูปภาพ
อัพโหลดวิดีโอ8 วิดีโอ
My Recommended Reviews1 รีวิวแนะนำ
My Restaurant181 ร้านโปรด
Follow90 Following
粉絲1384 Follower(s)
ontcu  Level 4
ติดตาม ติดตาม  ความคิดเห็น: Leave a Message 
เรียงตาม:  วันที่ ยิ้ม ยิ้ม ไม่ปลื้ม ไม่ปลื้ม  Editor's Choice  คะแนนโดยรวม 
 
 
 
 
 
  เวอร์ชั่นเต็ม เวอร์ชั่นเต็ม   |   ดูแผนที่ ดูแผนที่
แสดงรีวิวที่ 1 ถึง 5 จาก 202 รีวิวใน ประเทศไทย
Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารจีน | ติ่มซำ ขนมจีบ ซาลาเปา | สุกี้ ชาบู | ลำลอง

60 ปีมาแล้วที่ความอร่อยของ COCA Restaurant Thailand
อยู่คู่กันกับคนไทยมา ด้วยการนำของอาหารดี ๆ คุณภาพสูง
ในราคาที่เหมาะสม พร้อมการบริการที่ดีเยี่ยม จึงไม่ยาก
ที่จะทำการครองใจคนไทยมาอย่างยาวนาน
และในปัจจุบัน COCA เติบโตมีถึง 60 สาขาทั่วโลก
ทั้งในญี่ปุ่น สิงคโปร์ เวียดนาม กัมพูชา อินโดนีเซีย
ฟิลิปปินส์ อังกฤษ ฮ่องกง จีน มาเลเซีย เนปาล พม่า
และในไทยเองก็มี 9 สาขาด้วยกันครับ

มี 6 สาขา ที่ให้บริการในรูปแบบสุกี้สไตล์กวางตุ้ง คือ
- ไทมสแควร์ ชั้น G Tel. 02 250 0050-2
- สยามเซ็นเตอร์ ชั้น 4 Tel. 02 658 1105-6
- Central World ชั้น 6 Tel. 02 255 6365
- เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ ชั้น 5 Tel. 02 193 8220
- เมกา บางนา Tel. 02 105 1709
- ศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน ชั้น G Tel. 032 908 369

และอีก 3 สาขา ที่มีบริการติ่มซำ
- สุรวงศ์ ซอยทานตะวัน Tel. 02 236 0107
- สยาม สแควร์ ซอย 7 ถ.อังรีดูนัง Tel. 02 251 6337
- สุขุมวิท 39 Tel. 02 259 8188-9

ซึ่งเมนูติ่มซำ ของ COCA ก็เป็นทีเด็ดอีกอย่าง
และมีบริการเพียง 3 สาขาข้างต้นเท่านั้น
ด้วยฝีมือเชฟชาวฮ่องกง พิถีพิถันทำตามออเดอร์
แบบสด ๆ ใหม่ ๆ เข่งต่อเข่ง จานต่อจาน
นำเสิร์ฟตอนร้อน ๆ พร้อมกับสูตรลดมันหมูลง
เว้นการใช้น้ำมันทุกชนิด เพื่อสุขภาพของลูกค้า
มีให้เลือกมากถึง 20 เมนูเลย สำหรับติ่มซำ
และนอกจากติ่มซำ พวกเมนูสุกี้ก็อร่อยไม่ยิ่งหย่อนกัน

เมนูติ่มซำแนะนำ ได้แก่
- ขนมผักกาดเจี๋ยนซอน XO 78 บาท
ขนมผักกาดเจ๋ง ๆ นุ่ม ๆ เข้ากับซอส XO รสเยี่ยม
- ก๋วยเตี๋ยวหลอดหมูแดง 78 บาท
หมูแดงเด็ดมากไม่หวานไม่เค็มจนเกินไป
- ก๋วยเตี๋ยวหลอดปาท่องโก๋ 78 บาท
เก๋ไก๋ตรงเอาหมูหยองน้ำพริกเผาปาดบาง ๆ ไว้เพิ่มรส
- เปาะเปี๊ยะอโวคาโด 78 บาท
กุ้งกับอะโวคาโดในแป้งกรอบจิ้มซอสมาโยวาซาบิดี๊ดี
- ปาท่องโก๋ทอด 55 บาท
ตัวใหญ่ยักษ์ กรอบนอกนุ่มใน จิ้มนมอร่อยสะใจ
- ขนมจีบ 88 บาท
กุ้ง 2 ตัวใน 1 ชิ้น !!! แน่น ๆ อร่อย ๆ
- ฮะเก๋า 88 บาท
นี่ก็กุ้งเต็มคำ แป้งฮะเก๋าก็นึ่งมาพอดีไม่เละ
- ซาลาเปาหมูแดงอบ 78 บาท
ซาลาเปาทอดไส้หมูแดงฉ่ำ ๆ ผิวนอกเคลือบความหวาน
- ซาลาเปาลาวา 78 บาท
ไส้ทะลัก ครีมและไข่แดงไข่เค็มที่ไหลอร่อย
- เกี๊ยวซ่าเจี๋ยน 78 บาท
กรอบนอก นุ่มใน แต่ไส้น้อยไปนิด
- ทาร์ตไข่โปรตุเกส 98 บาท
จะกินร้อน ๆ หรือกินเย็นแป้งก็กรอบ ไส้ก็นุ่มหวานกำลังดี

เมนูสุกี้แนะนำ ได้แก่
- หมูหันฮ่องกง+หมั่นโถว
1/4 ตัว 668 บาท, 1 ตัว 2,688 บาท
หนังหมูกรอบ เนื้อหมูหมักถึงรส กินกับหมั่นโถวและซอสอร่อย
- บาร์บีคิวคอมโบ (เป็ดย่าง/หมูแดง/หมูกรอบ)
กลาง 498, ใหญ่ 888 บาท
จานนี้อร่อยทุกอย่างเลยครับ
- สุกี้คอมโบ 758 บาท
ชุดสุดคุ้มสำหรับคนชอบกินสุกี้ มีครบทุกอย่างเลย
- น้ำซุปไก่มาตรฐาน แต่เปลี่ยนได้เพิ่มราคาดังนี้
ซุปต้มยำ 88 บาท, ซุปบะกุ๊ดเต๋ 88 บาท, ซุปผัก 58 บาท,
ซุปปลา 138 บาท, ซุปโสม 138 บาท
และพิเศษน้ำซุปหยินหยาง ซุป 2 แบบ 2 สไตล์ใน 1 หม้อ
เลือกน้ำซุปได้จาก 5 รายการข้างต้นในราคาเพียง 138 บาท

และอีก 1 ทีเด็ดของ COCA สาขาที่มีติ่มซำ
คือ น้ำชา ทาง COCA นำเข้าชาชั้นดีหลากหลาย
มาจากประเทศจีน ชงด้วยความพิถีพิถัน คัดมาทั้ง
คุณภาพของใบชา อุณหภูมิน้ำ ภาชนะที่ใช้ก็ของดีอีกด้วย
ด้วยกลิ่นและรส รวมถึงคุณสมบัติที่แตกต่างกันของชาไม่ว่าจะเป็น
- จินชวน 120 บาท/คน
ขมนำ หวานตาม หอม ชุ่มคอ
- เซ่าเหม๋ย 80 บาท/ คน
ดื่มง่าย สดชื่น ลดไขมัน สารต้านอนุมูลอิสระสูง
- ผู่เออร์ 80 บาท/คน
เข้มข้น กลิ่นแรง ฝาดอมหวาน ช่วยปรับสมดุลร่างกาย
- เก็กฮวยดอกตูม 60 บาท/คน
กลิ่นหอม ดื่มง่าย นุ่ม ๆ ชุ่มคอ เหมาะทุกเพศทุกวัย
ที่เสิร์ฟชามาเป็นกาใสตั้งบนเตาอุ่นร้อน พร้อมแก้วชาใส 2 ชั้น
หรือจะเป็นชาเย็นขวดละ 30 บาท ที่มีทั้ง
- ชามะลิผสมเก็กฮวยอะควอเย็น
- ชาอู่หลงอะควอเย็น
- ชาเขียวอะควอเย็น
ก็เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบดื่มชาร้อน ก็ดื่มได้อร่อยเช่นกัน

อ่านรีวิวแล้วอยากไปอร่อยตาม ก็เลือกได้เลยครับว่าจะไปสาขาไหน
แต่อย่าลืม ถ้าอยากกินติ่มซำล่ะก็ มี 3 สาขาเท่านั้นนะครับ
เดี๋ยวจะพลาดความอร่อยของติ่มซำไปแล้วจะว่าผมไม่เตือนครับ lol

#CocaRestaurant #Dimsum #Suki #กวางตุ้ง #tea
#OnTable #ontcublogspotcom #ontcu

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
 
เมนูแนะนำ:  สุกี้, ติ่มซำ
 
Table Wait Time: 0 minute(s)


วันที่ไปกิน: Mar 19, 2017 

ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿800(มื้อเย็น)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 5  |  
Environment
 4  |  
Service
 5  |  
Clean
 4  |  
Price
 4

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารญี่ปุ่น | ร้านในคอมมูนิตี้มอลล์ | ซูชิ ซาซิมิ | ครอบครัว ลำลอง

 
รีวิวนี้ จะพามาเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นแฟรนไชส์

หลายสาขา Sushi Hana-ซูชิ ฮานะ

กับสาขาใหม่ล่าสุด Fifty Fifth Avenue

ซอยทองหล่อ 2 ไม่ไกลจากปากซอยทองหล่อ

สามารถเดินจาก BTS ทองหล่อได้ไม่เหนื่อยครับ

ผมลองเดินมาแล้ว 555

 
เดินจากปากซอยทองหล่อ ต้นทางสุขุมวิท

จาก BTS มาสัก 5 นาทีก็ถึงครับ

โครงการ Fifty Fifth Avenue ตั้งอยู่ปากซอย

ทองหล่อ 2 เลย เห็นเด่นชัด เดินไม่เลยแน่นอน

ขึ้นบันไดเลื่อนไปยังชั้น 1 ที่เป็นที่ตั้งของร้านเลยครับ

 
ลักษณะร้านเป็นห้องล็อค ๆ ที่โครงการแบ่งไว้

ขนาดร้านไม่ใหญ่มาก คะเนจากสายตาแล้ว

น่าจะจุได้ทั้งหมดพร้อมกัน 30 คน

แต่เห็นว่ามีชั้น 2 ด้วย ผมไม่ได้ไปสำรวจ

เลยไม่ทราบว่าจะจุคนเพิ่มได้อีกมั้ย

(บรรยากาศในร้านไม่ได้ถ่ายมานะครับ คนเต็มร้าน)

 

 
บริเวณเคาท์เตอร์ซูชิบาร์ และพื้นที่ครัว

สำหรับเชฟเตรียมอาหารค่อนข้างกว้าง

ในส่วนของเคาท์เตอร์รองรับลูกค้า

ได้ประมาณ 10-12 คน

 

 
ดูวัตถุดิบกันก่อน ตัวเจ๋ง ๆ ทั้งนั้นเลยครับ

ไม่ว่าจะเป็น ฮอนมากุโร่ ทั้งส่วนโอโทโร่

ชูโทโร่ อากามิ ปลาฮามาจิ เป็นต้น

อยู่ในตู้ชิลกระจกใสอย่างดี รักษาอุณหภูมิ

ให้กับวัตถุดิบสด ๆ ครับ และวัตถุดิบ

พวกปลานอกและของสดที่มาจากญี่ปุ่น

จะเข้าทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งครับ

 
เดินชมร้านเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วก็กลับมาประจำโต๊ะครับ

อุปกรณ์พร้อมลุย อุ่นเครื่องด้วย ซุปใสสาหร่ายวากาเมะร้อน ๆ

พร้อมกับของกินเล่นที่เป็น complimentary อย่าง

ถั่วแระไควาเระ กับเมนูแล้วแต่เชฟครับ

ซึ่งผมได้มาเป็นไก่ผัดซอส ธรรมดา ๆ ไปสักนิด

 
กินร้อนแล้ว ขอตามด้วยของเย็น ๆ แบบชามีฟอง

ทางร้านเสิร์ฟน้ำแข็งมาเยอะไปสำหรับการดื่มเบียร์

น่าจะแยกแก้วน้ำแข็งมาต่างหากจะดีกว่าครับ

 
หลังจากได้ยอดข้าวไปแล้วก็ต้องเติมเมล็ดข้าว

แต่จะกินข้าวเปล่า ๆ ก็กะไรอยู่ เลยสั่งมาตามภาพ

ซูชิหน้ากุ้ง(คุรุมะ เอบิ) ซาเกะอาบุริ(แซลมอนลนไฟ)

ชิเมะซาบะไซเกียว(ซาบะดองราดซอสมิโซะหวาน)

โทโรซาเกะมาโย(แซลมอนส่วนท้องราดมายองเนส)

แล้วก็ ฮามาจิอาบุริ(ลนไฟ)

 
คำแรก กุ้งคุรุมะเอบิ สุกแต่ไม่กระด้าง

อร่อยใช้ได้เลย

 
แซลมอนลนไฟ เบิร์นมาให้ไขมันพอกระจายตัว

ส่งกลิ่นหอม ป้ายด้วยวาซาบิเล็กน้อย อร่อยครับ

 
ซาบะดองราดมิโซะหวาน

ความเค็มของซาบะดองกำลังดี

ตัดกับซอสมิโซะรสหวาน กินพร้อมกับข้าว

ที่มีรสเปรี้ยวเล็กน้อยของข้าวซูชิ

กลายเป็นว่าชอบคำนี้มากที่สุดใน 5 คำครับ

ลงตัวดีเลย

 
แซลมอนส่วนท้องลนไฟ แล้วราดมายองเนส

ตัวเนื้อปลาส่วนท้องมัน ๆ ลนไฟหอม ๆ

แต่พอมาราดมายองเนสยิ่งมันขึ้นไปอีก

อาจจะเลี่ยนสำหรับบางคน แต่ผมชอบนะ

 
ฮามาจิลนไฟ การลนไฟช่วยเพิ่มความหอม

ทำให้ผิวสัมผัสของปลาฮามาจิซับซ้อนขึ้น

กินกับต้นหอมญี่ปุ่น ป้ายวาซาบิเล็กน้อย

อร่อยแบบสดชื่นเลยครับ

 

 
จานนี้ เป็นแนวสดชื่นจากการป้ายซอสต้นหอมสับ

พร้อมกับซูชิเนื้อปลาขาว เนื้อกุ้ง ครับ

ทั้งคินเมได มาได และคุรุมะเอบิ ซึ่งตัวคินเมได

และมาไดนั้น เชฟได้ทำการอาบุริ(ลนไฟ) ที่หนังปลา

ให้เกิดความหอมและทำให้หนักกรุบกรอบมากขึ้น

ได้รสชาติปลาและรสสัมผัสที่แสนเพลิดเพลิน

ตบด้วยสาเกเย็น ๆ ชื่นใจจริง ๆ

 
ติดใจสั่งคินเมได กับ มาไดมาเพิ่มอีกสักคำ 2 คำ

 
ต่อกันที่เมนูแนะนำที่ทางร้านบอกว่าเด็ด

กับข้าวห่อสาหร่ายไส้ปลาแซลมอน

ท็อปด้วยปลาไหลย่างซีอิ๊ว

และฟิลาเดเฟียโรลครับ

 
ข้าวห่อสาหร่ายไส้ปลาแซลมอนท็อปปลาไหลย่าง

จัดว่ามาเต็มมากกับปลาไหล ใหญ่จนเกือบ

จะเอาเข้าไม่หมดคำ แล้วก็รสชาติดีมาก ๆ ครับ

หวานปลาไหล มันซอสมายองเนสและแซลมอน

 
ฟิลาเดเฟียโรล เป็นโรลฟิวชั่นกันทั้งผักสลัด

ใช่ไข่เจียวบาง ๆ ห่อแทนสาหร่ายด้านในเป็น

ข้าว ผักและชีส ท็อปปิ้งด้วยไข่ปลาแซลมอน

ไข่กุ้ง 2 สี สวยงามมาก สาว ๆ น่าจะชอบ

แต่เสียดาย ตัวนี้ผมลองกินแล้วพบกับความเค็มมาก

เค็มเพราะอะไรนั้นเลยต้องพิสูจน์กันในเมนูถัดไป

 

 
ด้วยจากเมนูฟิลาเดเฟีย รู้สึกเค็มผิดปกติ แต่ว่า

กินไปทั้งคำเลยไม่ได้แยกชิมทีละส่วน

แต่ด้วยรสสัมผัสที่คิดว่าใช่ และเป็นต้นเหตุ

ของความเค็ม น่าจะเป็นไข่ปลาแซลมอน

หรืออิคุระนี่แหละครับ ที่อาจจะดองมิริน+โชยุ

โดยใส่อัตราส่วนโชยุมากเกินไป กับอีกอย่าง

คือการล้างความเค็มตั้งต้นจากญี่ปุ่นไม่หมด

ตัวไข่ปลาแซลมอนดีครับ แต่เสียดายที่เค็มเกิน

เลยลองสั่งมาสัก 2 คำพร้อมกับสาเกเย็น ๆ ครับ

 
ขอลดความเค็มด้วยซาซิมิรวมก่อนนะครับ

จัดมามี ทาโกะ(หนวดหมึกยักษ์) คุรุมะเอบิ(กุ้งลายเสือ)

มาได(กะพง) ซาเกะโทโร่(แซลมอนส่วนท้อง)

ฮามาจิ ชูโทโร่และโอโทโร่ อย่างละ 2 ชิ้น

 
ทาโกะ หนึบและกรอบดี

 
กุ้งลายเสือซาซิมิ มีการลนไฟมาเล็กน้อย

เรียกว่าสะดุ้งไฟให้หอม ๆ หวานอร่อย

 

 
มาไดอาบุริ กะพงลนไฟ หอม หนังกรอบ

เนื้อปลาจะออกแนวจืดหวานเย็น ต้องจิ้มพอนสึ

จะอร่อยมากครับ

 

 
แซลมอนส่วนท้อง จัดแค่วาซาบินิดหน่อย

ก็อร่อยละลายได้ ไขมันเต็มปาก

 

 
ฮามาจิ สด ๆ แต้มวาซาบิ ไม่ต้องจิ้มโชยุให้เสียรส

กรอบ หอม มัน อร่อย

 

 
ชูโทโร่ แต่เป็นส่วนที่ใกล้ติดกับอากามิ(เนื้อแดง)

แต่ก็ยังมีลายไขมันเป็นประกายเล่นไฟให้เห็น

และรสชาติก็ยังอุดมไปด้วยความมันของน้ำมันที่พอดี

 

 
โอโทโร่ นุ่มละลายในปาก

ไม่อยากจะกลืนเลยครับ อร่อยเกินไปแล้ว 555

 
ต่อด้วยข้าวอีกสักนิด กับแซลมอนอาบุริวากิวโรล

เนื้อวากิวห่อด้วยสาหร่ายหุ้มด้วยข้าว

ด้านนอกสุดเป็นแซลมอนลนไฟราดซอสมิโซะหวาน

กินเข้าไปได้รสชาติทั้งพื้นหญ้าและท้องทะเลครับ

 
อีกสักนิดครับ กับอูนินิกิริ

ข้าวปั้นหน้าหอยเม่น หอยเม่นหอมหวาน

และครีมมี่ คือ ดีงามมากครับ สุด ๆ ไปเลย

2 คำนี้ แม้ว่าจะกะเปาะไม่ใหญ่โต

แต่สีสันและรสชาติโอเคเป็นที่สุด

 

 
กินไปกินมาก็คิดขึ้นมาได้ ว่าจะลดเค็ม

ไข่ปลาแซลมอนอีกคำที่เหลือได้ยังไง

เลยสั่งเอ็นกาวะอาบุริราดซอสหวาน

มากินคู่กันเป็นฟิวชั่นตามใจฉันซะเลยครับ 555

ก็พอช่วยลดได้ในระดับนึงครับ พอไหว ๆ อยู่

 

 

 

 
นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูน่าสนใจ ที่เพื่อน ๆ ได้สั่งมา

เลยถ่ายมาเก็บไว้ เผื่อโอกาสหน้าจะได้ไปลอง

เช่น สลัดเอ็นกาวะ สึคิจิด้ง(ข้าวหน้าปลาดิบรวมพิเศษ)

ฮามาจิพอนสึ(ฮามาจิแล่บางจิ้มพอนสึ)

ยำแซลมอน หัวปลาแซลมอนต้มซีอิ๊ว เป็นต้น

 

 
สนใจสำรองโต๊ะและสะดวกที่สาขาไหน

ติดต่อสอบถามได้ตามเบอร์ด้านบนเลยนะครับ

https://www.facebook.com/SushiHanaThailand

ขอให้อิ่มอร่อยกับอาหารญี่ปุ่นดี ๆ กันถ้วนหน้าครับ

Supplementary Information:
Sushi Hana-ซูชิ ฮานะ

สาขาใหม่ล่าสุด Fifty Fifth Avenue

ซอยทองหล่อ 2
 
Table Wait Time: 0 minute(s)


ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿1200(มื้อเย็น)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 5  |  
Environment
 4  |  
Service
 4  |  
Clean
 4  |  
Price
 4

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารไทยทั่วไป | อาหารอิตาเลียน | อาหารฟิวชั่น | ร้านในโรงแรม รีสอร์ต | ลำลอง

 
รีวิวนี้ เป็นอีกครั้งที่ได้มาเยือนห้องอาหาร

METRO ON WIRELESS

โรงแรม hotel INDIGO ถนนวิทยุ

ซึ่งครั้งนี้ ได้รับการทาบทามจากทาง

Openrice Thailand ให้มาชิมแบบ

Exclusive กันอีกครั้งครับ

 

 
เพราะว่าตอนนี้ ทางห้องอาหาร

มีการเพิ่มเมนูใหม่หลายรายการที่เด็ด ๆ ทั้งนั้น

 
และการมาครั้งนี้ ผมยังได้พบกับ Chef จิมมี่

ที่ใน 2 ครั้งแรกที่ไปนั้น พลาดไม่ได้พบกับ Chef

ที่แสนจะสนุกและมีสไตล์เป็นตัวของตัวเองมาก ๆ

 

 

 

 

 
ว่าแล้วเรามาชมและชิมอาหารไปพร้อม ๆ กันเลย

เพราะ 2 ครั้งแรกนั้น อธิบายเกี่ยวกับห้องอาหาร

ไปหมดแล้วครับ 555

 

 

 
เนื่องจากเป็นช่วงบ่าย อากาศในห้องแอร์ก็ยัง

จะค่อนข้างร้อน เพราะห้องอาหารส่วนใหญ่เป็นกระจก

เลยเลือกดื่มอะไรหวาน ๆ เย็น ๆ อย่างโอวัลตินภูเขาไฟ

แก้วนี้ กินหมดแก้วอร่อยแต่ก็เกือบจะอิ่มเลยครับ

 
จานแรกเป็น complimentary ของห้องอาหาร

ซึ่งทาง Chef จิมมี่ จะเป็นคนจัดออกมาแต่ละวัน

ไม่ซ้ำกัน อย่างวันที่ไปนั้น ก็จะเป็นน้ำพริกอ่อง

สีไม่แดงจัดอย่างทางภาคเหนือทั่วไป แต่รสชาติ

สะใจดีครับ กินกับผักแนมต่าง ๆ ก็เข้ากันมาก

 

 
เมนูต่อมา เป็นเมนูยอดฮิตตลอดกาล

จน Chef จิมมี่ ไม่สามารถถอดออกจากเมนู

เมื่อใดก็ตามที่ต้องการปรับเมนูครับ

เพราะลูกค้าจะถามหากันแทบทุกโต๊ะ

กับเมนู หมูคลุกฝุ่น รสชาติหมูทอด

คลุกกับข้าวคั่ว พริกป่น และเครื่องปรุง

รสจัดจ้าน กินกับผักอร่อยอีกแล้ว

ดูลีลา Chef กันซะก่อนครับ

ธรรมดาที่ไหนกันล่ะเนี่ย 555

 

 
ต่อกันที่ หอยจ๊อ ด้านในเป็นเนื้อปู

ทอดมาร้อน ๆ หอม ๆ จิ้มกับน้ำจิ้มบ๊วย

หรือกินกับอาจาด ก็อร่อยเนื้อปูแน่นดี

 

 
ทอดมันหัวปลีคุณย่า มาแนวพืชผักผสมกับเนื้อปลา

นวดได้หนึบ รสชาติเครื่องแกงที่นำมานวดผสม

กลมกล่อมดีครับ

 

 
เนเบอร์ฮูด ออเดิร์ฟ รวมเมนูกินเล่น 4 อย่าง

4 สไตล์ ทั้ง ไก่สะเต๊ะ, ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน,

หมูห่อใบชะพลู และเปาะเปี๊ยะทอด

 

 
ยำสามกรอบ เป็นขั้นกว่าของยำสามกรอบ

แน่นไปด้วยเครื่องทะเล ทั้งกุ้ง กระเพาะปลา เนื้อปลา

ที่นำไปคลุกแป้งบาง ๆ แล้วผ่านน้ำมันเดือด

ให้วัตถุดิบได้ความกรอบ จึงนำมาคลุกเคล้า

เครื่องและน้ำยำรสชาติดี

 

 
ยำถั่วพลูกุ้งสด หมูสับและไข่นกกระทา

อร่อยมากจานนี้ ชิมแล้วติดใจจริง ๆ

 

 

 
ขนมจีนแกงกะทิปู กินแล้วต้องร้องอู้หู

เนื้อปูในแกงกะทิก็ค่อนข้างเยอะ ส่วนแกงกะทิ

นั้นหอมละมุนมาก ๆ เผ็ดร้อนกำลังดีจริง ๆ

 

 
แกงเผ็ดเป็ดย่าง เมนูขึ้นชื่อของห้องอาหารอีกเมนู

เป็ดย่างชิ้นใหญ่ ๆ กับน้ำแกงเผ็ดรสอร่อย

ยิ่งกินกับข้าวร้อน ๆ ยิ่งอร่อยครับ

 
ข้าวหอมมะลิ กับ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ที่เติมได้ฟรี

 

 

 
ต่อเนื่องกันที่เมนูเด็ดประจำห้องอาหารอีก 1 เมนู

กับ ซี่โครงแกะนิวซีแลนด์ย่างราดซอสกะเพรา

เนื้อแกะมาแบบมีเดียมแรร์ ผมล่ะชอบมาก

ซอสกะเพรา ก็เข้มข้น ถึงรสถึงชาติความเป็นไทย

 

 
เมนู ปลาทับทิมผัดคื่นช่าย เป็นอีก 1 เมนูใหม่

เอาใจคนรักสุขภาพอีกสักนิดกับปลาทับทิม

ทอดกรอบแล้วนำไปผัดลักษณะการเจี๋ยนกับคื่นช่าย

รสกลมกล่อมครับ

 

 
เพนเน่ ซีฟู๊ดเพสโต้ซอส

จานนี้ เส้นเพนเน่แบบ al dente

ผัดมากับซอสเพสโต้ที่อร่อยไม่ใช่เล่น

จะออกไปในแนวครีมมากกว่าปกติ รวมถึงการ

โรยชีสให้มาอย่างมากมาย ใส่หอยเชลล์ใหญ่

หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ และกุ้ง แถมยังใส่

เมล็ดทานตะวันเพิ่มรสสัมผัสอีกด้วย

 

 
สุดท้ายสำหรับของคาว กับ ข้าวอบสับปะรด

ของอร่อยที่ถูกสั่งประจำของห้องอาหาร

แต่ผมคงไม่สั่ง เพราะไม่ชอบกินสับปะรดครับ

สำหรับตัวนี้ ทุกคนที่ได้ลองกิน บอกว่าอร่อยครับ

 
ขอจิบ จินเจอเอล สักนิดก่อนเข้าสู่โหมดของหวานครับ

 

 
ของหวานจานแรก ตังเมผลไม้รวม

หนึบหนับแบบหวาน ๆ กับน้ำตาลปั้น

ไอศกรีมและแยมผลไม้+สตอเบอร์รี่สด

 

 
วนิลามิลเฟย

มิลเฟยรสวนิลา รสเลิศมากครับเมนูนี้

หลากหลายชนิด ทั้งไอศกรีม แยม หรือช็อคโกแล็ต

ที่ให้ได้กินไปกับมิลเฟยอย่างสนุกสนานเลย

 
ข้าวกระยาคู เป็นเมนูของหวานที่ใครมากินที่

METRO ON WIRELESS แล้วไม่สั่งกิน

เหมือนมาไม่ถึงนะครับ อร่อย ติดใจทุกรอบ

 

 

 
ปิดท้ายด้วย ซอฟเสิร์ฟ เจลาโต้มะพร้าว

กับพวงเครื่องไอศกรีม 4 ชนิด

ข้าวเหนียว เผือก ข้าวโพดและลูกชิด

หอมเนียนดีเลยครับสำหรับตัวซอฟเสิร์ฟ

สำหรับเมนูใหม่ ๆ ที่ Chef จิมมี่ นำเสนอนั้น

จัดได้ว่าน่าสนใจไม่เบาเลยครับ รวมถึงเมนู

ยอดนิยมตลอดกาล ก็อร่อยจัดจ้านเป็นทุนเดิม

บวกเพิ่มกับความสามารถของ Chef จิมมี่

บรรยากาศของห้องอาหาร รวมถึงราคาที่จับต้องได้

ถึงแม้จะอยู่ในโรงแรมหรูย่านถนนวิทยุ

ก็เป็นอีกห้องอาหารไทยผสมนานาชาติ

ที่น่าจับตาและน่าสนใจให้มาลิ้มลองรสชาติกันครับ

 
ส่งท้ายรีวิวนี้ด้วย เอสเพรสโซ่ดับเบิ้ลช็อต กันครับ

สนใจสำรองโต๊ะหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

โทร : 02 207 4999

https://facebook.com/indigobkk/

https://ihg.com/hotels/hotelindigo/us/en/hoteldetail/bkkin

ขอให้อิ่มอร่อยกับอาหารเมนูเด็ดของห้องอาหาร

METRO ON WIRELESS กันนะครับ

Supplementary Information:
ลองเมนูใหม่และเมนูอร่อยตลอดกาลของห้องอาหาร Metro on Wireless ฝีมือเชฟจิมมี่ กับ Openrice Thailand
 
เมนูแนะนำ:  น้ำพริกอ่อง,หมูคลุกฝุ่น,หอยจ๊อ,ทอดมันหัวปลีคุณย่า,เนเบอร์ฮูด ออเดิร์ฟ,ยำสามกรอบ,ยำถั่วพลูกุ้งสด,ขนมจีนแกงกะทิปู,แกงเผ็ดเป็ดย่าง,ซี่โครงแกะนิวซีแลนด์ย่างราดซอสกะเพรา,ปลาทับทิมผัดคื่นช่าย,เพนเน่ ซีฟู๊ดเพสโต้ซอส,ข้าวอบสับปะรด,ตังเมผลไม้รวม,วนิลามิลเฟย,ข้าวกระยาคู,ซอฟเสิร์ฟ เจลาโต้มะพร้าว
 
Table Wait Time: 0 minute(s)


ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿800(มื้อเที่ยง)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 5  |  
Environment
 4  |  
Service
 4  |  
Clean
 4  |  
Price
 4

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารญี่ปุ่น | ร้านอาหารทั่วไป | ปิ้งย่าง บาร์บีคิว | ปิ้งย่าง ญี่ปุ่น

 
รีวิวนี้ จะพาไปพบกับร้านริมทาง ปิ้งย่างและเบียร์สุดเจ๋ง

กันแถวถนนราชพฤกษ์ครับ ทีเด็ดของร้านคือบรรดา

เนื้อวัวส่วนต่าง ๆ ที่เป็นเนื้อนำเข้าทั้งจากญี่ปุ่น

ออสเตรเลียและอาร์เจนตินา เนื้อหมูเกรดพรีเมียม

นอกจากนี้ยังมีเนื้อไก่ กุ้งลายเสือ ปลาหมึก

และเห็ดออรินจิ เห็ดเข็มทอง หอมหัวใหญ่ไว้ปิ้งแกล้ม

รวมถึงกิมจิและข้าวเปล่ากินให้อิ่มท้อง

และตอนนี้ที่เจ๋งไปกว่านั้นคือ เนื้อมิยาซากิ วากิว A4

ส่วนริบอาย (Miyazaki Wagyu Rib eye A4)

น้ำหนัก 100 กรัม ที่นำมาขายจานละ 488 บาทเท่านั้น!!!

เรียกได้ว่าสุด ๆ ไปเลยครับกับเนื้อตัวนี้ในราคาเพียงเท่านี้

ขายถูกแบบไม่กลัวเจ๊ง (ช่วยสั่งอย่างอื่นถัวด้วยละกัน 555)

และมีเนื้อดี ๆ แล้วก็ต้องตามด้วยเบียร์ดี ๆ ตามชื่อร้าน

ที่ร้านจะมี Craft เบียร์หลายชนิด จากหลายประเทศ

ให้เลือกดื่มกันอย่างสนุกสนานเลยครับ

กับร้าน Bro's Grill and Beer Bar

 

 
ตัวร้าน Bro's Grill and Beer Bar ตั้งอยู่ที่

ถนนราชพฤกษ์ ใกล้ซอยวัดทองบางเชือกหนัง

(จอดรถริมถนนหรือภายในวัดทอง ฯ)

ถ้ามาจากถนนบรมราชนนี ผ่านถนนตัดใหม่จาก

ถนนจรัญสนิทวงศ์แล้วรีบชิดซ้ายออกทางขนาน

ในทางกลับกันถ้ามาจากถนนเพชรเกษม ก็ต้อง

หาที่กลับรถครับ แต่ทางที่ผมไปนั้นสะดวกกว่า

คือมาจากเส้นตัดใหม่จากถนนจรัญสนิทวงศ์

หรือให้ดีเปิด google map ก็จะเจอเส้นทางมาร้าน

ร้านมีที่นั่งริมถนนและในร้าน เป็นแบบโอเพ่นแอร์

 
เมนูตามนี้ อาจจะมีเพิ่มเติมในอนาคตครับ

ราคาลงท้ายด้วยเลข 8 ทุกเมนู (ยกเว้นเครื่องดื่ม)

 
ภายในร้านจะมีตู้แช่เบียร์หลายยี่ห้อให้เลือกเลยครับ

 
เอาออกมาเรียงถ่ายรูปและเลือกไว้ในใจก่อน

ขอไปรองท้องด้วยอาหารก่อนดีกว่าครับ

เพราะเห็นขวดแล้วน้ำลายก็ไหลแล้ว หิวเลย

 
มาดูเตากันบ้าง ทางร้านเลือกใช้เตาแก๊ส

กับกระทะเทฟลอนที่มีรูไว้ให้น้ำมันหยดไหล

ลงไปในถาดด้านล่าง แก้ปัญหาเรื่องการใช้ถ่านไม้

และพนักงานลงไปได้เยอะ แต่ก็ต้องแลกกับกลิ่น

ความหอมอบอวลของเนื้อที่ลดลงไปด้วยเช่นเดียวกัน

 
เรียกน้ำย่อยกันอีกยกด้วย แซลมอนน้ำลาบ

รสชาติลาบจัดจ้านเข้ากันกับปลาแซลมอน

เกรดซาซิมิที่สดดีเลยครับ

 

 

 

 
เห็ดเข็มทอง เห็ดออรินจิ หอมหัวใหญ่และกิมจิ

 

 

 
ปลาหมึกและกุ้งลายเสือ พร้อมน้ำจิ้มซีฟู๊ดสูตรเด็ด

มาพร้อมกันแล้ว เรามาเริ่มจากซีฟู๊ดกันเลย

 
วอร์มเตาจนร้อนพอแล้ว ก็ลุย!!!

 

 
จัดการย่างซีฟู๊ด แล้วก็พบว่ายังมีคราบติดหน้ากระทะอยู่บ้าง

แต่ก็สามารถเขี่ยหรือเช็ดออกได้ไม่ยากครับ

สำหรับความสดของซีฟู๊ดเข้าขั้นดีเลย กุ้งลายเสือยังหวานกรอบ

 
วันนั้นผมพกไวน์ไปด้วย เลยจัดไวน์ 88 ขวดนี้กับซีฟู๊ด

ไวน์ขาว 88 Semillon Sauvignon Blanc ตัวนี้

สดชื่น หอมกลิ่นฝรั่งและเลมอน รสชาติเปรี้ยวนิด ๆ สดชื่นครับ

 

 
ลงเล่นในน้ำจิ้มรสเด็ด เผ็ด เปรี้ยว มาครบ

เข้ากันกับซีฟู๊ดและเห็ดด้วยนะครับ

 
ซีฟู๊ดเสร็จต่อกันที่เนื้อแดงเลยไม่รีรอ

เปิดไวน์แดงไว้ให้หายใจกันทันที

 
ถาดนี้ เนื้อออสเตรเลียน ริบอาย หรือในเมนูคือ

Prime A Rib eye นั่นเองครับ ได้ความนุ่มเต็ม ๆ

 
ถาดนี้เป็น Wagyu Chuck Tender

หรือเนื้อส่วนสันไหล่ ที่ให้ความนุ่มและแน่นอร่อย

 
ถาดนี้เป็น Grain Fed Chuck Roll

หรือเนื้อสันคอ ตัวนี้จะสู้ฟันกว่าทุกตัว

ได้อารมณ์ของเนื้อวัวที่แข็งแรง

 
ถาดนี้เป็น Wagyu Brisket

หรือ เนื้อเสือร้องไห้ ตามภาษาบ้าน ๆ ของเราครับ

นุ่มมันละลายฉบับเนื้อวากิว หอมมันกระจายครับ

 
ถาดนี้เป็น เนื้อสันใน หรือ Prime A Tenderloin

หั่นแบบลูกเต๋ามาเลย เพื่อให้เวลาย่างผิวนอกสุก

แต่ด้านในยังไม่สุกเกินไป เก็บกักความชุ่มฉ่ำ

และนุ่มที่สุดของเนื้อเอาไว้ให้ได้รสชาติเต็ม ๆ

 
ถาดนี้เป็นสันนอกหมู สำหรับคนไม่ชอบกินมันเยอะ ๆ

ย่างแล้วก็ยังนุ่มพอไหวครับ

 
ถาดนี้เป็น สันคอหมู สไลด์มาจนผมเข้าใจผิด

ว่าเป็นเบคอน ย่างออกมาแล้วนุ่ม ๆ มัน ๆ ชอบครับ

 
เนื้อไก่ จะเป็นส่วนสะโพกน่อง ให้ความนุ่ม

ชุ่มฉ่ำของไขมันจากไก่ ย่างแล้วอร่อย

เป็นส่วนที่ผมชอบด้วยครับ

 

 
ลงมือย่างกันเลย หิวเแล้ว

 
เนื้อย่างกับไวน์แดงพร้อมแล้วครับ

 
จิ้มเนื้อย่างกับซอสสูตรพิเศษของทางร้าน

(สามารถปรุงพริก กระเทียม มะนาวเพิ่มได้)

อร่อยเด็ดเลย

 
ไวน์แดง 88 เป็นองุ่นพันธุ์ Shiraz ปี 2012

ให้ความซับซ้อนพอตัว กลิ่นของวนิลา ผลเบอร์รี่สีเข้ม

ช็อคโกแล็ตและถังไม้โอ๊ค หอมดีเลย

บอดี้เยอะ แน่น กลมกล่อม ไม่ฝาดและดื่มง่ายกว่าที่คิด

 

 

 
สันในหั่นเต๋า นุ่ม ชุ่มฉ่ำรสเนื้อเต็มชิ้นเต็มคำ

 
ไม่จิ้มก็ได้รสเนื้อ ส่วนถ้าจิ้มน้ำจิ้มก็ได้รสชาติเพิ่มเติม

ที่เสริมความอร่อยมากขึ้น ไม่เสียรสชาติเนื้อครับ

 
หมดชุดแรกไปอย่างอร่อยและว่องไว จัดชุดต่อมาเลย

ถาดนี้เป็น Chuck Tender สันไหล่อีกก้อนนึงครับ

มันแทรกมากกว่าถาดที่แล้วเยอะ นุ่มขึ้นอีกเยอะเลย

 

 
ชิมไปแทบทุกอย่างแล้ว ถึงเวลาของพระเอกละครับ

Miyazaki Wagyu Rib eye A4

ทำไมถึงไม่กิน ไม่ชิมเป็นอย่างแรกน่ะเหรอครับ

เพราะของรสชาติดีที่สุด อร่อยที่สุด ควรจะเก็บไว้

หลังจากที่ได้ลองอย่างอื่น ๆ ไปก่อนแล้ว

จะได้ไม่ไปฆ่ารสชาติของอาหารตัวอื่น ๆ ซะก่อน

ทำให้จานต่อไปที่กินจะไม่อร่อยเท่าตัวพระเอกแล้วครับ

และต้องไม่อิ่มนะครับ ไม่งั้นของอร่อยจะกลายเป็น

ไม่อร่อยแทน เพราะเราอิ่มนั่นเอง

ลองเอาเทคนิคนี้ไปใช้ดูได้นะครับ

 
เนื้อมิยาซากิ วากิว ริบอาย A4 นี้ ต้องบรรจงย่างสักนิด

เพื่อไม่ให้สุกไหม้จนเกินไป ความอร่อยต้องมีความพอดี

ในการปรุงให้สุกด้วยนะครับ ประมาณ medium rare-medium

จะกำลังดี ได้ความชุ่มฉ่ำของรสชาติเนื้อได้ดีที่สุด

 
เนื้อละลายในปาก ไม่เกินเลยจากคำพูดนี้สักเท่าไหร่

นุ่มละมุน ใช้ลิ้นดุนกับเพดานโดยไม่ต้องใช้ฟันก็ยังได้

เคี้ยวประมาณ 4-5 ครั้งก็เรียบร้อยความอร่อย สุด ๆ

ในราคาจานละไม่ถึง 500 บาทเนี่ยเป็นอะไรที่ดีมากเลย

ต้องไปลองเองถึงจะรู้นะครับแบบนี้ แว่ว ๆ ว่า

เนื้อเกรดนี้ในเมืองนี่ราคาหลักเหยียบพันบาทเลยนะ

 

 

 
ยังไม่อิ่มดี ก็เติมกันอีกนิด ๆ หน่อย ๆ ทั้งหมู ไก่ และเนื้อ

เครื่องติดแล้ว ก็หยุดยากหน่อยล่ะครับ

 

 
ตบท้ายด้วยเบียร์เบา ๆ ตัวนี้หอม นวล เบา ๆ

สาว ๆ หรือนักดื่มที่ไม่ชอบแรงและหนักน่าจะชอบกัน

และมีไม่กี่ร้านที่นำมาขายด้วยครับกับเบียร์สเปนตัวนี้

Inedit Damm Crafted by Ferran Adria

 
จบท้ายด้วย La Trappe ขวดนี้ แอลกอฮอล์ 10%

เป็น ale ที่แรงที่สุดของยี่ห้อนี้เลยครับ ให้กลิ่นหอม

ของวนิลา กล้วย และลูกเกด หอมออกหวาน ๆ

ส่วนรสชาติ หนักแน่นและติดหวานของอินทผาลัม

และคาราเมล จัดว่าดีเลยล่ะครับ Trappist

Quardrupel ตัวนี้

สำหรับร้านปิ้งย่างและบาร์เบียร์ โอเพ่นแอร์ริมทาง

แบบนี้ ตอบโจทย์คนชอบกินอร่อยดื่มสนุุกในราคา

ไม่แพง เพราะทางเจ้าของร้านนั้นลดต้นทุนด้าน

สถานที่และการตกแต่งออกไป ทำให้ขายได้ในราคา

ที่ทุกคนจับต้องได้กับคุณภาพของวัตถุดิบดี ๆ

ประกอบกับที่เจ้าของชอบกินเนื้อและเบียร์เป็นทุนเดิม

จึงมาเริ่มทำด้วยใจในสิ่งที่ตัวเองรัก

ทำให้ ร้านไม่ใหญ่ แต่ใจใหญ่ Bro's Grill and Beer Bar

แห่งนี้ น่าจะทำให้ครองใจคนรักเนื้อและเบียร์

ได้อย่างไม่ยากเลยจริง ๆ

เวลาทำการ : 18:00-23:00 น. ออเดอร์สุดท้าย 22:30 น.

สอบถามข้อมูลและสำรองโต๊ะ

โทร : 093-569-9998

https://facebook.com/Bros-grill-and-beer-1677170755883889/

ขอให้อิ่มอร่อยกับเนื้อดีเบียร์ดีกันถ้วนถี่นะครับ

Supplementary Information:
-ค่าเปิดขวด 150 บาท

-ร้านไม่มีไวน์จำหน่าย

-ไม่มีแก้วไวน์ต้องนำไปเอง
 
เมนูแนะนำ:  เนื้อมิยาซากิ วากิว A4 ส่วนริบอาย,แซลมอนน้ำลาบ,กุ้งลายเสือ,Prime A Rib eye,Wagyu Chuck Tender,Grain Fed Chuck Roll,Wagyu Brisket,Prime A Tenderloin,สันคอหมู,craft beer
 
Table Wait Time: 0 minute(s)


ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿800(มื้อเย็น)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 4  |  
Environment
 3  |  
Service
 4  |  
Clean
 4  |  
Price
 5

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารนานาชาติ | ร้านในโรงแรม รีสอร์ต | บุฟเฟ่ต์ | ลำลอง | ครอบครัว ลำลอง

 
รีวิวนี้ จะพาไปห้องอาหาร Latest Recipe อีกครั้งครับ

แต่เป็นสาขาในเมืองบ้างครับ หลังจากที่เคยไปยังสาขาชานเมือง

บรรยากาศรีสอร์ทกันมาแล้ว ครั้งนี้เลยมาแบบบรรยากาศธุรกิจสักนิด

ณ โรงแรม Le Meridien สุรวงศ์ ครับ

กับมื้อค่ำ ธีมอาหารทะเล ทุกวันศุกร์และเสาร์

ในราคา 1,350++ บาท (ไม่รวมเครื่องดื่ม)

จะได้อิ่มเอมไปกับอาหารทะเลสด ๆ ทั้งแบบครัวเย็น On Ice

และครัวร้อน Grill กันหอม ๆ กันแบบไม่อั้น พร้อมอาหารเด็ด ๆ

ชนิดอื่น ๆ อีกมากมายกันเลยทีเดียวครับ

 
ห้องอาหาร Latest Recipe ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของโรงแรม

Le Meridien สุรวงศ์ ไม่ไกลจากแยก ถ.พระราม 4

อังรีดูนังต์สักเท่าไหร่ครับ ถ้าเดินมาจากแยกก็ผ่าน ซ.ธนิยะ

และพัฒน์พงศ์มาสักนิด เดินพอเพลิน ๆ โรงแรมก็จะอยู่

ทางซ้ายมือแล้วครับ

 
บรรยากาศห้องอาหาร จะออกสไตล์โถงใหญ่ ๆ เพดานสูง

นั่งสบายไม่อึดอัด และการแบ่งโต๊ะที่นั่งก็แทบจะไม่มีพาทิชั่น

มากั้นให้รกสายตา ทำให้มองเห็นห้องอาหารได้ทั่วถึงดีครับ

 

 

 
จุดแรกของไลน์อาหาร เป็นไลน์อาหารปรุงสำเร็จ

แบบนานาชาติ โดยวัตถุดิบหลักก็จะเป็นไฮไลท์

ประจำวันนั่นก็คืออาหารทะเลนั่นเอง แต่มีให้เลือกไม่มาก

เพราะทางห้องอาหารคงเล็งเห็นว่าลูกค้าส่วนใหญ่เลือกมากิน

อะไรเป็นพิเศษครับ

 
ถัดมาเป็นไลน์อาหารญี่ปุ่นครับ มีทั้งซาซิมิและซูชิให้เลือก

 
ต่อมาเป็น 1 ในไฮไลท์ของธีมวันศุกร์และเสาร์

ก็คือ Seafood on Ice ครับ

ของหลักมากันครบครัน ทั้ง ปูม้า หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์

กุ้ง ขาปูอลาสก้า และหอยนางรมฟินเดอร์แครล์

เห็นแล้วหิวเลย

 
ไลน์สลัดแบบปรุงไว้แล้วและแบบที่เลือกผักและน้ำสลัดได้เอง

เป็นเคาท์เตอร์ค่อนข้างใหญ่และหลากหลายเลยครับ

 
พิซซ่ามี 2 หน้าครับ มาการิต้ากับมะเขือเทศและซีฟู๊ด

 
มุมพิเศษ หย่อนเบอร์โต๊ะไว้ จะได้กั้งกระดานจาน Signature

เป็นอะไรนั้นเดี๋ยวรอดูกันครับ

 

 
มุมนี้เป็น Cooking & Grill Station หรือครัวร้อนนั่นเองครับ

เราเลือกอาหารทะเลตามต้องการได้เลย ทั้งกุ้งลายเสือ

กั้งกระดาน หอยแมลงภู่ ปลาแซลมอน ฯ ให้เชฟปรุง

แบบย่าง ทอด ทอดกรอบ ต้ม หรือลองถามเชฟได้ครับ

ว่าอะไรเหมาะกับการปรุงแบบไหนครับ

 
พาสต้ามีเส้น 6 แบบเลย

 
ก๋วยเตี๋ยวก็มี

 
ซุปมี 2 แบบครับ ซุปฟักทองกับแกงเลียงกุ้ง

 
ไลน์ Carving มีปลาแซลมอนอบทั้งตัวด้วยไข่ขาว

กินกับซอสแนวมารินาร่าครับ

 
และเนื้อวัวห่อผักโขมอบ และเนื้อแกะอบ

 
มุม Cold Cut และชีส ก็จัดแบบอลังการเลย สวยงามครับ

 
ด้านหลังเป็นขนมปังหลากหลายชนิด

มุมสุดท้ายครับ กับไลน์ของหวาน

 
ไอศกรีมโฮมเมด 8 รสชาติ กับท็อปปิ้งต่าง ๆ

 
เค้ก ขนมฝรั่งนานาชนิด

 
ผลไม้สดเก็บไว้ในตู้รักษาความเย็น

 
ขนมไทยก็มีครับ ทั้งขนมต้ม ลูกชุบ ทองหยิบ กล้วยเชื่อม

และสลิ่ม เป็นต้น

 
เบอร์โต๊ะเป็นตัวหนีบไว้ใช้กับครัวร้อน

 
เสียดายที่ราคาอาหารดังกล่าวข้างต้นนั้น

ยังไม่รวมเครื่องดื่มนะครับ ก็เลยมี package เครื่องดื่ม

มาให้เลือกกันครับสำหรับคอแอลกอฮอล์โดยเฉพาะ

- Free Flow เบียร์สดช้าง เพิ่ม 289 บาท net

- Free Flow Wine+Beer เพิ่ม 495++ บาท

ซึ่งผมเลือกตัว Free Flow Wine+Beer ครับ

 
ไวน์แดงแบรด์ Bandicoot จากประเทศอาร์เจนตินา

รสชาติใช้ได้เลยครับ เหมาะสำหรับดื่มคู่กับเนื้อแดงทั้งหลาย

รวมถึงชีสต่าง ๆ และอาหารรสจัดก็ยังได้ครับ

 
ไวน์ขาวแบรนด์เดียวกัน เหมาะกับซีฟู๊ดดีทีเดียว

รวมถึงอาหารญี่ปุ่นและอาหารเบา ๆ หรือจะดื่มกับของหวานก็ดี

 
จัดซาซิมิรวมปลา 3 ชนิดมาก่อนเลย ความสดอร่อย

ของเนื้อปลา ทั้งแซลมอน มากุโร่(ทูน่า) และฮามาจิ

นั้นดีเลยครับ แต่ผมค่อนข้างประหลาดใจนิดหน่อย

กับสไตล์การแล่ปลาของที่นี่

จะออกเป็นแนว 4 เหลี่ยมจัตุรัส แปลก ๆ ดีครับ

 
ถัดมา จัดเต็มกับไฮไลท์ Seafood on Ice ครับ

ซึ่งผมขอเรียกว่าเป็นนางเอกของมื้อนี้เลยละกัน

เพราะสด อร่อยดีงามมากครับ

อุปกรณ์ก็พร้อม ทั้งคีมและส้อมแงะ

 

 
เนื้อปูอลาสก้า หอยนารม กุัง ทุกคำที่กิน

รู้สึกดีได้ถึงทะเลจริง ๆ ครับ จิ้มน้ำจิ้มซีฟู๊ด

หรือค็อกเทลก็เข้ากัน เหมาะเจาะดี

 
จับถ่ายภาพคู่กันสักหน่อยกับไวน์ขาว

 
เบรคอาหารสักนิด หันมาสั่งเครื่องดื่มค็อกเทลที่ห้องอาหารแนะนำ

Strawberry Daiquiri 270++ บาท

รสชาติสตอเบอร์รี่ชัดเจน สวยงาม มีความแรงในความอ่อนหวานครับ

 
หันมากินต่อกับก๋วยเตี๋ยว ลูกชิ้นใช้ของดีเลยครับ

 
จานนี้รวม Carving มาเลย ทั้งเนื้อวัว เนื้อแกะและเนื้อปลา

 

 
ปลาแซลมอนนุ่ม อร่อยมาก

เนื้อวัวอบ ราดด้วยซอสเกรวี่ เนื้อชุ่มฉ่ำดีสีแดงสวย

เนื้อแกะอบ ราดด้วยซอสไวน์แดง กินกับมิ้นท์ซอส

ก็อร่อยแบบต้องมีเบิ้ลครับ

 
เซ็ตนี้ต้องคู่กับไวน์แดง แต่ปลากินกับไวน์ขาวดีกว่าครับ

 
ต่อกันที่พาสต้าคาโบนาร่าเส้นผักโขม เข้มข้นมาก ๆ

 
อย่าเพิ่งหยุด เพราะเราได้สั่งไฮไลท์อีกอย่างไปแล้ว

นั่นก็คือพระเอกของมื้อนี้ กับ รวมซีฟู๊ดเผา (มีเนื้อวัวมาแจม)

 
ทั้งกั้งกระดาน กุ้งลายเสือ ปลาแซลมอน ปลากะพง

หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ หอยหวาน ปลากะพงห่อใบตอง

และเนื้อวัว อร่อยทุกอย่างอีกแล้วครับ เพราะด้วยวัตถุดิบดี

กับฝีมือการปรุง ควบคุมการย่าง เผา ด้วย ทำให้ออกมาเยี่ยมครับ

 
เอากุ้งลายเสือเผา ลงเล่นกับน้ำจิ้มซีฟู๊ด เด็ดมาก

 
ต่อกันที่จาน Signature ครับ

Rock Lobsters baked with Herbs and Breads

White Wine sauce, Pairing with White Wine

เป็น กั้งกระดานอบกับสมุนไพรและเกล็ดขนมปังและซอสไวน์ขาว

จับคู่กับไวน์ขาว อร่อยมาก ๆ ครับ

 
ชิมอาหารไลน์สำเร็จกันบ้างครับ

ซึ่งบอกตรง ๆ ว่าผมแพ้ทางจริง ๆ

เพราะความรู้สึกส่วนตัว มันทำเสร็จไว้นาน

แล้วก็อุ่นไว้ตลอดเวลา ความอร่อย และจุดอร่อย

ที่สุดของอาหารได้ผ่านไปหมดแล้วครับในส่วนของวัตถุดิบ

ก็เลยเหลือแต่เรื่องรสชาติที่ต้องทำให้อร่อย

ซึ่ง Latest Recipe ก็ทำได้ใช้ได้เลยครับ

ทั้ง ข้าวผัดเป็ด หมูอบซอสไวน์แดง

ปลาสำลีอบซัลซ่า ปลาสามรสและหอยแมลงภู่อบ

 
หลังจากอิ่มของคาวแล้ว ก็ปรับลิ้นด้วยค็อกเทลแนะนำ

ตัวแรงอีกตัวครับ Chic 270++ บาท

ไวท์รัม ว๊อดก้า มากันพร้อมเพียงครับ อร่อยเด็ดเลย

 

 
ในส่วนของของหวาน โดยรวมทำได้อร่อยใช้ได้เลยครับ

ชอบไอศกรีมเป็นการส่วนตัว เข้มข้นถึงรสชาติมาก ๆ

 
ปิดท้ายจริง ๆ แล้วครับ ด้วยเบียร์

Weihenstephaner 240++ บาท อีกสักขวด

แฮปปี้กับมื้อนี้สุด ๆ ทั้งอาหารและเครื่องดื่มครับ

 
สำหรับ Latest Recipe ห้องอาหารที่เปิดให้บริการทั้งวัน

ลักษณะ All day dining นั้น ต้องชมที่เรื่องของวัตถุดิบ

ที่นำมาให้บริการกับลูกค้า โดยเฉพาะในไลน์บุฟเฟ่ต์นั้น

เลือกใช้ของเกรดดีจริง ๆ มาทำครับ ถือเป็นจุดเด่นเลย

ส่วนในเรื่องรสชาติ ฝีมือการปรุงนั้น ก็จัดได้ว่าดีไม่แพ้

โรงแรมอื่น ๆ ในย่านเดียวกันเลยครับ เหมาะสำหรับ

พาเพื่อนฝูง คนสนิทมากินหรือจะเลี้ยงรับรองลูกค้าก็ได้

ตอนนี้มีโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิตดังนี้

บัตรเครดิต SCB, AEON, KTB, KBANK ลด 30%

แถม Free Flow Soft drink น้ำเปล่า ชา กาแฟ

บัตรสมาชิก SPG ลด 15%

(สอบถามทางห้องอาหารอีกทีก่อนชำระเงิน)

สนใจสอบถามเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่ง

โทร : 0-2232-8888

e-mail : fbadmin.lmbkk@lemeridien.com

ขอให้มีความสุขอิ่มอร่อยกับอาหารทะเลในรีวิวนี้นะครับ

 
เมนูแนะนำ:  Seafood on Ice,กั้งกระดานจาน Signature,Cooking & Grill Station,พาสต้า,ปลาแซลมอนอบทั้งตัวด้วยไข่ขาว,เนื้อวัวห่อผักโขมอบ และเนื้อแกะอบ,Cold Cut และชีส,ไอศกรีมโฮมเมด 8 รสชาติ,เค้ก,Strawberry Daiquiri,Chic,เบียร์ Weihenstephaner
 
Table Wait Time: 0 minute(s)


ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿1350(มื้อเย็น)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 4  |  
Environment
 4  |  
Service
 4  |  
Clean
 4  |  
Price
 4

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0