นักรีวิวร้านอาหาร

วันเกิดพี่สาวทั้งที แต่ยังไม่มีของขวัญอะไรให้เลย สเต็ปเดิมเลยค่ะ
นึกถึงเค้กวันเกิดก่อนเลย ว่าแล้วก็ตรงไปที่ร้าน ปั้นคำหอม
มองจากข้างนอกเข้าไปในร้าน คนกำลังเยอะได้ที่เลยบริเวณหน้าร้านมีรถมอเตอร์ไซด์จอดเรียงรายเยอะเลย
เนื่องจากแถวนี้ไม่ค่อยมีที่สำหรับจอดรถยนต์สักเท่าไหร่ (แต่ก็พอมีบ้างนะ)
ถ้าเป็นคนในพื้นที่ส่วนใหญ่จะใช้มอเตอร์ไซด์เป็นหลัก เพราะสะดวกกับการหาที่จอดรถดีด้วย

สังเกตดูในรูปที่ 2 ข้างๆร้านตรงด้านนอก มีมุมกาแฟด้วยนะ แต่ตอนที่เราไปมันปิดแล้วอ่ะ
ช่วงเวลาที่ไปประมาณ 5โมงเกือบๆ 6โมงเย็น ทำให้ไม่รู้เลยว่าตกลงเปิดขายจริงป่าวนี่

แต่ช่างเถอะไม่ได้จะมากินกาแฟนี่เนอะ จัดการเดินเข้าไปหาขนม เอ้ย หาเค้กเลยดีกว่า
ด้วยความที่ว่าเคยถ่ายรูปตู้เค้กมาให้ชมแล้วครั้งนึง ระหว่างรอรับเค้ก
รอบนี้ขอถ่ายรูปขนมต่างๆภายในร้านมาให้ชมแทนละกันค่ะหันไปเจอน้องชายกำลังเลือกตัวเสริมมากินกันเพิ่มอีก ระหว่างเค้กส้มกับเค้กช็อก
เราก็ยุเลย เค้กส้มเหอะ เพราะว่าเค้กวันเกิดที่สังให้พี่สาวเป็นเค้กช็อกแล้ว

ที่ปั้นคำหอม เค้าจะแบ่งเป็นโซนๆ ระหว่างขนมที่ต้องรักษาอุณหภูมิกับขนมที่ไม่ต้องรักษาอุณหภูมิ
ลักษณะเป็นรูปตัวยูหันหน้าออกจากร้านเลยล่ะค่ะต้องบอกว่าที่ ปั้นคำหอม เค้ามีขนมให้เลือกทานเยอะจริงๆ ขนมไทยๆก็มีนะ
เช่น ขนมชั้น ขนมเปี๊ยะหอม-ครูสมทรง และอื่นๆ
ขนมเปี๊ยะหอม ที่ร้านเค้าจะรับจากข้างนอกมาขายอีกที แต่อร่อยมากจริงๆ
ยกตัวอย่างไส้ถั่วเหลือง เนื้อเนียน ไม่หวานเกินไป
แนะนำว่าถ้าจะหาของฝากผู้ใหญ่ ขนมเปี๊ยะหอมเป็นตัวเลือกที่ดีตัวหนึ่งเลยค่ะ

มาดูพระเอกของเราอีกอย่างที่อยากจะแนะนำดีกว่าค่ะ นั่นก็คือ ซอฟเค้กวนิลา นั่นเอง มีทั้งแบบกล่องเล็กและกล่องใหญ่
ถ้ากล่องใหญ่ ราคาประมาณ 75 บาท
เป็นซอฟเค้กเนยสด เนื้อนิ่ม ไม่หวานมาก แนะนำตัวนี้เพราะ เราทานบ่อยด้วย อิอิ
ที่ว่าตัวนี้เป็นพระเอกก็เพราะ ส่วนใหญ่แล้วเวลามีการจัดประชุมหรือสัมมนา
คนมักจะซื้อตัวนี้ไปรับรองแขก ที่เรารู้ก็เพราะเพื่อนเราเค้าเคยได้ทานตอนสัมมนาแล้วถามถึง
บอกว่ามีแต่คนชอบขนมตัวนี้ ^^

ในที่สุดก็ได้เค้กมาพอดี รีบพากลับไปให้พี่สาวเจ้าของวันเกิดจัดการ
ถ้าใครไม่สะดวกโทรสั่งเค้กก็สามารถไปซื้อที่ร้านได้เลยนะคะ
เพราะที่ร้านก็มีเค้กให้เลือกเยอะพอสมควร >.<
เค้กของพี่สาวเราก็ไปซื้อเอาโดยที่ไม่ได้สั่งไว้เหมือนกัน อิอิเค้กที่เราซื้อมาคือ เค้กช็อกฟัดจ์ ขนาด 2 ปอนด์ มองดูจากภายนอกก็ช็อกโกแลตเน้นๆกันเลยทีเดียวหลังจากจัดการตัดแบ่งเค้กกันเรียบร้อยแล้วเพิ่งนึกได้ว่าลืมถ่ายรูปให้เห็นลักษณะด้านในของเค้ก
ชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ พอให้ถ่ายได้ออกแนวเละเล็กน้อย(เนื่องมาจากฝีมือการตัดที่เร่งรีบ)
เนื้อเค้กเป็นช็อกโกแลตล้วนเลยค่ะ เนื้อชุ่ม รสชาดเข้มข้นมาก

รายการสุดท้ายที่เราจะต้องจัดการต่อนั่นก็คือเค้กส้มหน้าส้มในถ้วยฟอยล์ เนื่องจากถ้วยเล็กแต่จำนวนคนอยากลองชิมมันเยอะ
เลยตกลงกันว่าใช้ช้อนตักชิมคนละคำสองคำเลยละกัน
ผลปรากฎว่า พี่ชายผู้ได้ชิมคนแรก ถามกลับมาว่า
เค้าเอาแฟนต้าน้ำส้มผสมลงไปหรอ มันเหมือนมาก -_-"
เราเลยลองชิมดูบ้าง เออเนอะเหมือนจริงๆ
เค้กส้มถ้วยนี้ เจอเนื้อเค้กน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นหน้าส้มเกือบทั้งหมด
เนื้อเค้กหายไปไหน
สรุปว่า อันนี้ไม่แนะนำเท่าไหร่ค่ะ

สรุปโดยรวม สำหรับขนมที่ปั้นคำหอมค่ะ
*ด้านรสชาด เนื้อขนมเค้กของที่นี่เค้าเด่นจริงๆ ไม่หวานเกินไป
**การบริการ ไม่มีอะไรค่ะ เราสามารถไปหยิบถาดเพื่อที่จะเลือกขนมได้เอง
และไปจ่ายที่เคาเตอร์ แบบself service
***ความสะอาดของร้าน ร้านดูสะอาดตาดีค่ะ
****ความหลากหลาย ต้องยกนิ้วให้ร้านนี้เค้าเลยจริงๆว่า มีขนมให้เลือกเยอะมาก
*****ราคาของขนม ไม่แพงเกินไป แต่เท่าที่จำได้ตอนที่ร้านยังคนไม่เยอะราคาถูกกว่านี้อีกนะ >.<

ราคาขนมที่ซื้อไปในวันนี้คือ
1.เค้กส้มหน้าส้มถ้วยฟอยล์ 25 บาท
2.เค้กช็อกฟัดจ์ 2 ปอนด์ 440 บาท

รวมๆแล้ว ความประทับใจในช็อกฟัดจ์ พอจะหักล้างเรื่องเค้กหน้าส้มได้ค่ะ ^___^

ช่วงวันปีใหม่ได้มีโอกาสไปทัวร์แถบอีสาน แบบค่ำไหนนอนนั่น และที่นี่ก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่เราจะไป
นั่นก็คือ แม่น้ำสองสี ก่อนที่จะไปชมจุดชมวิว แม่น้ำสองสี คุณพ่อ และผู้ร่วมเดินทาง(เรานั่นเอง) เกิดหิวขึ้นมา

ด้วยความที่ว่าวนหาที่จอดรถแบบใกล้ชิดจุดชมวิวไม่ได้สักที คุณพ่อเลยจัดการจอดหน้าร้านอาหารซะเลย
ร้านอาหารที่ว่านี้ก็คือ ร้านอาหารริมโขง ไหนๆก็ไหนแล้ว หิวด้วย อะไรด้วย
จอดรถหน้าร้านเค้าถ้าไม่เข้าไปทานก็กระไรอยู่ อิอิ

ร้านอาหารริมโขง ตั้งอยู่ใกล้ๆ จุดชมวิว แม่น้ำสองสี และจุดขายของที่ระลึก ซึ่งหลังจากทานอาหารเสร็จสามารถเดินเที่ยวซื้อของฝาก+ชมวิว แม่น้ำโขงได้เลย ^^เข้าไปถึงในร้าน อากาศโปร่งเย็นสบาย ก็อยู่ติดแม่น้ำเลยนี่เนอะ >.<
ภายในร้าน โต๊ะอาหารเป็นโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ เก้าอี้จะมีผ้าคลุมที่ตัวเก้าอี้อีกชั้นนึง (ดูสะอาดตาดีจัง)มาดูรายการอาหารกันเลยดีกว่า อาหารส่วนใหญ่ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 100+ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางปลา (ทางร้านแนะนำมาเลยว่า ปลาอร่อยนะ)
คุณพ่อจัดการสั่งเมนูปลาไป 2 รายการ เราขอเป็นกุ้งสัก 1 รายการ
ได้มาอย่างที่เห็นต้มยำปลาคัง มีแต่ปลามาจริงๆด้วย เนื้อปลาแน่น
รสชาติของน้ำต้มยำเข้มข้นดีจริงๆ เค็ม หวาน เปรี้ยว กำลังพอดีปลาคังลวกจิ้ม เราชอบจานนี้ที่สุดเลย โรยกระเทียมมาซะเต็มจานเลย >.<
จานที้ที่เด่นจริงๆ คงจะเป็นเพราะน้ำจิ้มซีฟู้ดที่มาคู่กัน รสชาดกำลังอร่อยเลย ไม่เผ็ดเกินไป
เนื้อปลาแบบลวกจิ้มก็หั่นมาบางๆ พอดีคำ ผัดฉ่ากุ้ง จานนี้อยู่ในช่องเมนูพิเศษของทางร้านเลยนะนี่
ให้กุ้งมาเยอะมาก แต่ตัวเล็กนะ รสชาดพอทานได้แต่ก็ไม่ถึงกับอร่อย
แอบเผ็ด เผ็ดกว่าต้มยำปลาเสียอีก -_-"

ทานไปได้สักพักเริ่มจะอิ่ม เลยขอตัวไปเก็บภาพบริเวณรอบร้านมาให้ดูกันมีต้นไม้(ไม่ใหญ่มาก) ปลูกอยู่บริเวณรอบๆร้านเพื่อให้ดูร่มรื่น
แต่ข้างนอกตอนกลางวันร้อนจริงๆนะ แดดแรงมาก
ก้าวออกจากร้านไปนิดนึงจะเจอร้านกาแฟสด ที่ปลูกติดอยู่กับร้านเลยก็คือ บ้านรับตะวัน
ถ้าใครอยากทานกาแฟสด ระหว่างรออาหารในร้านก็สั่งมาทานได้นะคะ
ถ้าคิวยาว พอเจ้าของร้านกาแฟ ทำเสร็จเค้าก็จะเอามาให้ที่โต๊ะทานข้าวเลยค่ะ ดีจัง ^__^

สรุปโดยรวม สำหรับ ร้านอาหารริมโขง นะคะ
*บรรยากาศ โดยรวมดีมากเลยค่ะ ได้ลมเย็นจากแม่น้ำ ช่วยคลายร้อนได้เยอะเลย
**การบริการ ดีค่ะ
***รสชาดอาหาร บางอย่างก็อร่อยมากจริงๆ แต่บางอย่างก็ยังไม่ถูกปากเท่าไหร่
สงสัยต้องแล้วแต่คนชอบจริงๆ
****ราคา ถือว่าปกติค่ะ ไม่ถูกและไม่แพง

โอกาสดีๆ ช่วงเช้าก่อนเที่ยง ห้างพารากอนเพิ่งเริ่มเปิด
ไหนๆก็ลงไปเดินเล่นหาซื้อของทานเล่นที่ Gourmet market แล้ว
หันไปเจอร้าน After You พอดี ว่าแล้วก็สำรวจจำนวนคนในร้านก่อนดีกว่า
ว่าคนเยอะหรือเปล่า (เป็นคนไม่ชอบรออะไรนานๆ ซะด้วยสิ) สงสัยวันนี้จะมาถูกเวลา
ที่ร้าน After You ช่วงเวลาที่ห้างเพิ่งเริ่มเปิดยังมีที่นั่งให้เราอีกเพียบเลย ^_^ ขั้นตอนแรกไปถึงที่ร้านก็จัดการมองหาหมายเลขโต๊ะที่เราอยากจะนั่ง
ที่โต๊ะจะมีหมายเลขกำกับอยู่พร้อมกับMenu คร่าวๆ
พอได้หมายเลขของโต๊ะเสร็จเราก็เดินไปสั่งอาหารได้ที่เคาเตอร์
พนักงานจะถามรายการอาหาร พร้อมกับถามหมายเลขโต๊ะที่เราต้องการจะนั่ง
ในกรณีที่คนยังน้อยอยู่ เราสามาถเลือกโต๊ะได้
หลังจากสั่งอาหารเสร็จก็ทำการชำระค่าเสียหายก่อนเลย อิอิ

ระหว่างรอขนมที่สั่งไป เราก็จัดการเสริฟน้ำเองเลย >.<
ที่ After you เค้าจะมีน้ำชาบริการฟรี เราสามารถเดินไปกดได้เองเลย
เอาไว้ทานคู่กับขนม ลดความหวานลงไปได้นิดนึง
เมนูของหวานเพิ่มแคลอรี่ที่เราสั่งไปวันนี้คือ...
Shibuya Honey Toast ดาวเด่นประจำร้าน ทานกี่ที่ก็ไม่มีเบื่อไอศครีมที่โปะมาบนขนมปังคือไอศครีมรสวนิลลา
เนื้อไอศครีมเนียนเข้ากับขนมปังได้เป็นอย่างดี
ทางร้านจะมีเหยือกน้ำผึ้งมาวางให้บนโต๊ะ เผื่อใครต้องการความหวานเพิ่มอีกก็สามารถราดเพิ่มลงบนตัวขนมได้เลย ^^

ขนมปังของที่นี่เค้าจะนุ่มนิ่ม อร่อยสมราคาเค้าจริงๆ
แต่ที่สำคัญในการกินต้องรีบจัดการกับไอศครีม เพราะขนมปังอบจะมาแบบร้อนๆ
ถ้าปล่อยไว้สักพักไอศครีมเริ่มละลาย เดี๋ยวจะทำให้ขนมไม่อร่อย >.<

เคยไปทานร้านอื่นที่ทำคล้ายๆกัน ขนมปังเหนียวมาก
ทำให้ต้องรีบกลับมาทานที่ After you แทบไม่ทัน

สรุปโดยรวมแล้ว
* บรรยากาศโดยทั่วไป ถึงคนไม่เยอะจนแน่นร้าน ทานขนมอร่อยๆแบบนี้ก็ดูสบายๆไปอีกแบบ
** รสชาดขนม คงต้องบอกว่า อร่อยมากเหมือนเดิม ที่นี่เค้าเด่นที่เนื้อขนมปังจริงๆ
ถ้าในส่วนของไอศครีมก็ไม่แตกต่างกับที่อื่นเท่าไหร่
*** บริการก็ไม่มีอะไรมาก เหมือนการบริการตัวเองมากกว่า
เพราะพนักงานจะทำหน้าที่เฉพาะตอนเสริฟอาหาร
**** คุณภาพอาหารและราคา ต้องบอกว่าของเค้าดีจริงๆ ราคาเหมาะสม

+ แนะนำว่า ถ้าใครที่ยังไม่เคยทานขนมของร้านนี้ (คงมีน้อยคนที่ยังไม่เคยทาน)
แนะนำว่า ให้เริ่มจาก Shibuya Honey Toast ก่อนนะคะ ^^ เพราะนี่คือดาวเด่นของร้านเค้า
++ ค่าเสียหายของวันนี้คือ..... 165 บาทค่ะ
+++ ไปทานกันสองคนอิ่มมากมาย ตอนแรกกะจะหาข้าวกลางวันทานต่อ
แต่ขนมจานนี้ทำให้อิ่มมากจริงๆ

กลับมาตามสัญญากับร้านฮะมังกร
จากที่เคยไปรับประทานเมนูเจกันมาจากรีวิวที่แล้ว
คราวนี้ลองแบบไม่เจกันบ้าง เมื่อไปถึงร้านก็พบว่า......ไม่มีที่นั่งค่ะ วันนี้ไปกัน 3 คน
เราไปกันประมาณช่วงบ่ายโมงกว่าๆ ต้องยืนรอสักครู่คนเยอะจริงๆ
ระหว่างรอโต๊ะว่างก็ถ่ายรูปเมนูอาหารที่ติดข้างฝาผนังร้านมาให้ชม
รายการอาหารแต่ล่ะอย่างจะมีราคาติดรั้งท้ายกำกับเอาไว้ทุกอย่างเมื่อได้เข้าไปนั่งก็สั่งของขึ้นชื่อเลยคือ ข้าวหน้าเป็ดไม่นานก็มาเสิร์ฟพร้อมน้ำซุป 1 ชามก๋วยเตี๋ยวคำแรกที่ลองทานเนื้อเป็ดนุ่มมากเข้ากันกับน้ำซอสที่ราดมา
ร้านนี้เขาโรยกระเทียมเจียวมาด้วย ช่วยเพิ่มความหอมให้กับข้าวหน้าเป็ดจานนี้เข้าไปอีก
เมื่อทานคู่กับน้ำซุปจะเข้ากันสุดๆ
เรียกได้ว่าการทานข้าวหน้าเป็ดร้านนี้ไม่มีเบื่อจริงๆ

แต่แล้วก็พบว่าตัวเองยังไม่อิ่มอะ เลยสั่งก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กน้ำเป็ดมาเพิ่ม
ที่ฮะมังกรจะแยกราคาระหว่าง เป็ดธรรมดา กับเป็ดตุ๋น เนื้อจะมีความนุ่มนวลต่างกัน (เค้าบอกมา)เมื่อมาเสิร์ฟกลิ่นหอมก็เตะจมูกก่อนเลย หอมๆ
ว่าแล้วก็ลงมือทานเส้นที่นี่เหนียวนุ่ม เป็ดก็นุ่ม อร่อยสมชื่อจริงๆกึ๋นเป็ดก็กรุบๆ
ตับก็ไม่เหม็นคาวอร่อยดีโดยรวมแล้วครบรสมากของเค้าดีจริงๆ
นี่ขนาดสั่งแบบเป็ดธรรมดามานะนี่

มาถึงอีกจานนึง ที่อยากจะแนะนำ คือปอเปี๊ยะสดอาหารว่างของคนจีนนั่นเอง ถ้าที่ร้านไหนมีเมนูนี้ เราเป็นต้องสั่งมาทานทุกครั้งไป
ปอเปี๊ยะสดจะอร่อยหรือไม่อร่อยขึ้นอยู่กับน้ำซอสที่ราดด้วยนะ
ที่ ฮะมังกร น้ำซอสรสชาดหวาน เค็ม อมเปรี้ยวนิดๆ เข้ากัน
ทานคู่กับพริกชี้ฟ้าที่เค้าฝานบางๆมาให้ อร่อยกำลังดีเลยล่ะค่ะ
ไม่เผ็ดด้วย แอบเห็นคนที่มาทานซื้อใส่กล่องกลับบ้านกันใหญ่เลย
ที่จริงคุณแม่เราก็อยากซื้อกลับบ้านด้วยเหมือนกัน
ติดตรงที่ ปอเปี๊ยะสด จะมีแตงกวาอยู่ด้วย
อาจจะเสียเร็ว เพราะเรายังไม่ได้กลับบ้าน
กะว่าจะไปเดินเที่ยวต่ออีก >.<

สรุปค่าเสียหาย ตกคนละประมาณ 50-60 บาท
เนื่องจากราคาขึ้นแล้ว -_-" แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ของเค้าดีจริงๆนี่นา
ยังไงก็ยังคุ้มค่าถ้าเทียบราคาตามร้านในห้างแล้ว ^___^

บรรยากาศภายในร้านก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เป็นร้านแบบแอร์ธรรมชาติ(เปิดโล่ง) +มีพัดลม ช่วยให้อากาศระบายนิดหน่อย
โดยรวมแล้วประทับใจพอๆกับตอนไปทานเจ
ว่างๆไปเดินเล่นแถววัดเล่งเนี่ยยี่ก็ขอแนะนำให้ไปลองกันซักครั้งค่ะ

ในวันที่อากาศดีมีลมเย็นพัดผ่านแดดไม่แรง เรากับเพื่อนเลยนึกอยากทานของหวานกัน
โดยมีข้อแม้ว่า ร้านต้องบรรยากาศดี มีขนมอร่อย และที่สำคัญอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบางแสน
สุดท้ายเลยมา ปิ๊งที่ร้านนี้เลย ร้านบ้านต้นเค้ก

มาลองดูบรรยากาศหน้าร้านกันเลยค่ะ
แค่หน้าร้านก็อลังการแล้ว แถมตอนที่เราไปมีการถ่ายภาพงานแต่งงานด้วย
แต่เราไม่กล้าถ่ายพวกเค้าอะนะส่วนภาพถัดมานี้เป็นบริเวณทางเข้าร้านอันนี้เป็นภาพบริเวณสวนนอกร้าน
มีการนำจักรยานและกรงนกมาจัดเป็นสวนขนาดย่อมสไตล์วินเทจสวยงามทีเดียว
และถ้าเป็นตอนเย็นทางร้านมีเสื่อพร้อมเบาะนุ่มๆ มาปูให้ลูกค้านั่งทานเค้กกันบริเวณสนามหญ้า
ถ้ามาตอนเย็นคงสนุกน่าดูเลยล่ะนะภาพนี้เป็นบริเวณภายในร้าน โดยร้านนี้เค้าเน้นโทนห้องสีขาวนวลแต้มด้วยลายกุหลาบ
โคมไฟระย้า และมีการใช้ชุดเฟอร์นิเจอร์สีขาวบุด้วยเบาะสีชมพูเข้าชุดกันเป็นอย่างดี
ทำให้ร้านดูหรูหรามากเลยล่ะ

เอาล่ะเพลินตากับบรรยากาศมานานละไปดูขนมเค้กกันดีกว่าพอดีว่ามันเป็นตอนกลางวัน แสงสะท้อนเลยเยอะไปหน่อยต้องขออภัยไว้ ณ.ที่นี้ค่ะ
แต่ก็พอให้เห็นความน่าทานของเค้กแบบต่างๆของทางร้าน
เช่น เครปเค้ก ชีสเค้ก เค้กมะพร้าว อะไรอีกก็จำไม่ได้ละ
หลังจากยืนเลือกอยู่นาน (เพราะมันน่าทานทุกอย่างเลย)
ก็เลยตัดสินใจเลือกเครปเค้ก และสั่งเครื่องดื่มมาคนละอย่างมาลองกัน
และหลังจากรอสักอึดใจเดียวก็มาแล้วค่ะเครปเค้ก หลังจากราดด้วยน้ำสตรอเบอรี่แล้วเป็นไงล่ะน่าทานมากๆ
ด้านบนประกอบไปด้วยสตรอเบอรี่ และราสเบอรี่หวานฉ่ำ
ในแต่ละชั้นของเครปเค้กมีผลไม้หลายอย่างแทรกอยู่
ที่รสเด่นๆจะเป็นกล้วยกับกีวี่ค่ะ รสสัมผัสนุ่มลิ้นมาก
ที่ด้านท้ายของเค้กมีครมชีสอร่อยมากตัวเค้กไม่หวานมาก
แต่เสริมความหวานอมเปรี้ยวด้วยน้ำสตรอเบอรี่นั่นเอง ทำให้ลงตัวสุดๆเลยค่ะทานแต่เค้กจนเกือบลืมนำเสนอเครื่องดื่มของทางร้านเลย
สั่งกันมาสามอย่างค่ะจากซ้ายเป็น คาปูชิโน ชาแอปเปิ้ล และชามะนาวของเราเป็นชาแอปเปิ้ลล่ะ(ของคนอื่นไม่ได้ชิมอะนะ)
หลังจากลองดื่มดูอืมมมมม ไม่รู้สึกถึงชาเลยค่ะ
รสของน้ำแอปเปิ้ลเด่นซะจนสงสัยว่ามันเป็นน้ำแอปเปิ้ลรึเปล่าหนอ -*-หลังจากทานกันอย่างสนุกสนานกับเพื่อนๆ เราติดใจเครปเค้กมากค่ะ
เลยสั่งกลับบ้านซะหนึ่งชิ้นพ่วงด้วย เค้กชาไทย

ขอเสริมหน่อยละกันเค้กชาไทยหลังจากลองชิมแล้วอร่อยดีค่ะ
หอมกลิ่นชานมมากแต่มันหวานมากไปนิด
ก็ไอ้ตรงฝอยทองนี่แหละเลยทำให้รสหวานมันโดดไปหน่อย ^0^

สรุปนะคะ โดยรวมแล้วเค้กร้านนี้รสชาดอร่อย ได้มาตรฐาน
แต่เราว่าไม่เด่นเท่าเค้กบางร้านที่เคยไปทานมา
แต่บรรยากาศนี่สิกินขาดที่อื่นเลย จัดร้านได้สวยน่ารักมาก
เหมาะกับการมานั่งผ่อนคลายหรือมาถ่ายรูปสนุกๆกันกับเพื่อนๆก็ได้
หรือจะมานั่งกับคนรู้ใจเพื่อสัมผัสกับบรรยากาศโรแมนติกกันก็ได้ค่ะ
โดยเฉพาะตอนเย็นที่มีเบาะพร้อมโต๊ะเล็กๆน่ารัก ให้นั่งทานเค้กกันบริเวณสนามหญ้า
ท่าทางน่าสนุกทีเดียว เสียดายที่ไม่มีภาพมาฝากกัน >.<

สรุปความเสียหายค่ะ
ราคาเค้ก ชิ้นนึงก็ประมาณ 75-80 บาทค่ะ
ในวันนั้นเพื่อนๆสั่งกลับบ้านกันอีกคนละสองชิ้น ทำให้คำนวนราคาไม่ทันเลย
เราก็จ่ายแต่ในส่วนของเราให้เพื่อนไปค่ะ เฉพาะของเราตกประมาณ200บาทค่ะ