Read full review
2019-09-09
447 views
วันนี้จะมารีวิวอีกร้านที่ได้ไปร่วมงานวงในเป็นครั้งแรกของปีนี้นะคะกับกิจกรรมวงในเทสติ้ง ซึ่งจัดที่ร้าน Sushi Hana สาขาบางนาพลัสค่ะ สำหรับพิกัด ร้านจะอยู่ในซอยบางนา-ตราด 23 ค่ะ ซอยข้างเซ็นทรัลบางนาเลย เข้าไปในซอยแล้วจะอยู่ทางขวามือนะคะ มีลานจอดรถของร้านค่ะ จอดได้หลายคันพอควร แล้วก็ใช้กูเกิ้ลแมพได้เลยนะคะ พิกัดตรงเป๊ะจอดรถข้างๆ ร้านแล้วก็มาเก็บภาพกันหน่อยค่าาา หน้าร้านเค้าจัดเป็นสวนเล็กๆ ไว้ด้วยนะคะ ร้านนี้เปิด 10.30-22.00 น.ค่ะภายในร้านค่ะ จะมีที่นั่งทั้งที่เป็นโต๊ะแยกต่างหาก และตรงหน้าเคาน์เตอร์นะคะถึงแม้ว่าตอนนี้ร้านจะยกเลิกโอมากาเสะไปแล้ว แต่ถ้านั่งตรงเคาน์เตอร์ ก็สามารถรีเควสท์ซูชิตามที่คุยกับเชฟแล้วรู้สึกว่าน่าสนใจไ
สำหรับพิกัด ร้านจะอยู่ในซอยบางนา-ตราด 23 ค่ะ ซอยข้างเซ็นทรัลบางนาเลย เข้าไปในซอยแล้วจะอยู่ทางขวามือนะคะ มีลานจอดรถของร้านค่ะ จอดได้หลายคันพอควร แล้วก็ใช้กูเกิ้ลแมพได้เลยนะคะ พิกัดตรงเป๊ะ
จอดรถข้างๆ ร้านแล้วก็มาเก็บภาพกันหน่อยค่าาา หน้าร้านเค้าจัดเป็นสวนเล็กๆ ไว้ด้วยนะคะ ร้านนี้เปิด 10.30-22.00 น.ค่ะ
ภายในร้านค่ะ จะมีที่นั่งทั้งที่เป็นโต๊ะแยกต่างหาก และตรงหน้าเคาน์เตอร์นะคะ
ถึงแม้ว่าตอนนี้ร้านจะยกเลิกโอมากาเสะไปแล้ว แต่ถ้านั่งตรงเคาน์เตอร์ ก็สามารถรีเควสท์ซูชิตามที่คุยกับเชฟแล้วรู้สึกว่าน่าสนใจได้เช่นกันค่ะ
ตอนนี้ร้านนี้จะกลายเป็นสาขาเก่าแก่ที่สุดแล้วนะคะ เพราะสาขาสวนหลวงที่เราเคยรีวิวไปแล้ว ปิดไปแล้วค่ะ
วันนั้นเราไปถึงเร็วค่ะ ทางร้านเห็นว่ารอก็นำชาเขียวเย็นมาเสิร์ฟก่อน สำหรับลูกค้าทั่วไป ตัวนี้ก็บริการให้เช่นกันนะคะ เป็นรีฟิลล์ค่ะ
ระหว่างรอก็เลยขอเมนูจากทางร้านมาถ่ายก่อนค่ะ จะได้เห็นว่ามีอะไรบ้างและทราบราคานะคะ
ข้างบนนี้คือเมนูปกติของทางร้านนะคะ แต่ร้านซูชิฮานะจะมีอีกเล่มที่เป็นเมนูโปรโมชั่นค่ะ ตัวนี้จะมีเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ด้วยนะคะ จะมีการเปลี่ยนโปรฯ ใหม่ทุกๆ สองเดือนค่ะ
ระหว่างรอสมาชิกท่านอื่นๆ ก็เก็บภาพไปก่อนค่ะ พวกบรรดาวัตถุดิบต่างๆ ก็รายเรียงอยู่ในตู้ให้เห็นกันชัดๆ เลยนะคะ นี่คือข้อดีของการนั่งที่เคาน์เตอร์อย่างหนึ่งแหละ แฮร่...
ซึ่งที่นี่จะมีความพิเศษอีกอย่างคือ เราสามารถที่จะเลือกปลาที่ต้องการได้นะคะ เค้าจะมีปลาให้ดูเลยว่าวันนั้นมีปลาอะไรบ้าง จากนั้นเชฟก็จะเอาปลาที่เราเลือกไปทำเมนูให้ 2-3 เมนูค่ะ
วันนั้นเชฟที่ทำให้ยูสเซอร์ทั้งหมดได้ทานมีสองท่านค่ะ คือ เชฟเอ็มกับเชฟบอมบ์นะคะ
โดยเมนูแรกที่เอามาบริการก็เป็นออเดิร์ฟที่ไม่ได้อยู่ในลิสต์ที่จะให้ชิมค่ะ วันนั้นเป็นมันฝรั่งผสมแซลมอน ราดด้วยซอสสูตรพิเศษของทางร้าน รสชาติมีความมันของมันฝรั่ง เจือหวานนิดๆ กินกับกะหล่ำที่รองมาด้วยจะช่วยเพิ่มเทกซเจอร์ค่ะ
จากนั้นทางร้านก็บริการน้ำดื่มและซุปใส่ยูสุค่ะ ถ้ากรณีเป็นชาเขียวเย็น จะมีการรีฟิลล์ฟรีตลอดนะคะ (ซุปก็เช่นกัน) แต่ถ้าเป็นชาเขียวร้อน ตัวนี้จะมีค่าใช้จ่ายต่างหากค่ะ กาละ 90 บาท ซึ่งซุปใสหรือซุป Osuimono ก็มักจะเป็นซุปที่ทานหลังรับประทานอาหาร หรือทานคู่กับซูชิหรือเบนโตะนะคะ ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ใส่น้ำมันงา แต่ที่ร้านนี้จะใส่น้ำมันงาค่ะ (จะมีกลิ่นน้ำมันงาหอมอ่อนๆ จางๆ) และใส่เปลือกส้มยูสุไปในซุปด้วย ตัวซุปหวานอ่อนๆ หอมกลิ่นปลาแห้ง น้ำมันงา กลิ่นยูสุจางๆ และสดชื่นเวลาได้ดื่มค่ะ และเสิร์ฟตอนอุณหภูมิอุ่นกำลังดื่มได้เลยค่ะ ไม่ร้อนเกินค่ะ ดีมากเลยแหละ ซึ่งซุปตัวนี้เค้าบอกว่า พอดื่มไป จะทำให้ทานอาหารได้อย่างเรื่อยๆ ไม่รู้สึกเบื่อเลยนะคะ
ต่อไปเป็นออเดิร์ฟค่ะ Shiromi Uzusukuri ปลาเนื้อขาวแล่บาง ราคา 180 บาท ทำจากปลากะพงขาวทะเลไทยนี่แหละค่ะ พร้อมน้ำจิ้มพอนสึนะคะ
ปลาไม่คาวเลย นุ่มละลายมากๆ ปลาสดหวาน กินเพลินมากค่ะ กินเปล่าก็จะได้รสชาติปลาล้วนๆ แต่ถ้าจิ้ม (ไม่ใช่จุ่มนะคะ) ซอสพอนสึ ซึ่งมีกลิ่นยูสุที่ค่อนข้างชัด จะช่วยทำให้เพิ่มกลิ่นและรสชาติที่แตกต่างออกไปค่ะ
ต่อไปเป็นชุดซูชินะคะ ซึ่งทั้งหมดนี้ เชฟจะทำให้ทีละคำ เหมือนกินโอมากาเสะเลย ดี๊ดีย์ ที่นี่จะมีทั้งข้าวขาวและข้าวแดง ซึ่งข้าวแดงนี่เกิดจากการนำไปผสมกับน้ำส้มสายชู ซึ่งทำมาจากกากเหล้าสาเกหมัก มาผสมกับข้าวจนได้สีแดงอ่อนๆ ค่ะ ซึ่งที่ร้านฮานะ จะเป็นการทำซูชิแบบ Edomae ซึ่งมีต้นกำหนดมาจากยุคเอโดะนั่นเองค่ะ
นอกจากนั้นตัวข้าวซูชิของที่ร้านนี้ก็เป็นข้าวจากเมืองฮอกไกโดนะคะ เป็นข้าวที่นำเข้ามาเพื่อมาทำซูชิเท่านั้น โดยจะเก็บข้าวในตู้ที่มีอุณหภูมิเดียวกับที่ฮอกไกโด เพื่อให้ข้าวมีความสดใหม่และมียางของข้าวใหม่เหมือนได้กินที่ฮอกไกโดค่ะ และจะหุงข้าวทีละน้อยๆ อาศัยการหุงบ่อยๆ แทน เพื่อให้ลูกค้าได้กินข้าวที่หุงสุกใหม่ตลอดค่ะ และจะมีการเก็บข้าวไว้ในกล่องไม้ที่ทำขึ้นพิเศษเพื่อเก็บอุณหภูมิให้เหมาะสำหรับการทำซูชิคือ 37 องศาเซลเซียสด้วยค่ะ
ต่อไปนี้จะบรรยายทีละคำเลยนะฮับบบบบบ
ซูชิชูโทโร เป็นปลาบลูฟินค่ะ ตัวนี้ในเมนูราคา 460 บาทนะคะ
ปลานุ่มค่ะ มีมันแทรกพอสมควร แต่คำนี้มีความคาวนิดหน่อยค่ะ ตอนเรากินที่สาขาทองหล่อตอนนั้นไม่คาวนะ รสข้าวค่อนข้างเข้มค่ะ
คำต่อไป Akami Jukusei ในเมนูราคา 200 บาทค่ะ
ไม่มีมัน รสของปลาค่อนข้างชัด แต่ไม่คาวนะคะ มีวาซาบิดองท็อปปิ้งมากลบรสชาติปลาไปนิด พอกินเสร็จ เชฟก็ให้กินขิงดองปิดท้ายด้วยค่ะ
Foie Gras Sushi Mango Sauce ตัวนี้ 2 คำราคา 470 บาทค่ะ
เมนูนี้ใช้มะม่วงน้ำดอกไม้นะคะ มีความหวานอมเปรี้ยว (หวานนำกว่าค่ะ) ฟัวร์กราส์ไม่แข็ง รสชาติผสานกันลงตัวพอดีมากๆ ค่ะ เป็นเมนูที่ว้าวมากสำหรับเรา ในบรรดาข้าวปั้นทั้งหมด เราชอบคำนี้ที่สุดค่ะ ประทับใจ (ข้าวจะเริ่มเป็นข้าวขาวแล้วนะคะ เชฟบอกว่า ข้าวจะเลือกให้เหมาะกับรสชาติของปลาด้วยค่ะ)
ตัวตับห่านของฮานะ จะมีการนำตับห่านมากริลล์ในน้ำมันที่ไม่มากเกินไป เพื่อให้มีสัมผัสที่กรอบนอกนุ่มใส ไม่มีกลิ่นคาว และมีซอสสูตรพิเศษของทางร้านที่ราดขณะที่กำลังกริลล์ ทำให้ซอสซึมผ่านตัวตับห่านได้รสชาติที่หอมอร่อยลงตัวด้วยค่ะ
ซึ่งการปั้นข้าวนี่ ทางร้านก็มีเทคนิคการปั้นข้าวที่ให้มีอากาศอยู่ในคำข้าว ไม่ให้ข้าวแน่นเกินไป พอทานคู่กับปลาจะทำให้อร่อยและมีรสสัมผัสที่ลงตัวค่ะ ตามหลักที่ทางร้านเค้ายึดถือไว้ว่า "ข้าวนุ่ม ปลาสด" นะคะ
Hana Sushi 210 บาท
คำนี้จะมีทั้งแซลมอน ทูน่า และฮามาจิ ท็อปด้วยไข่ปลาแซลมอนและซอสเทริยากินะคะ รสชาติดีมากเลยค่ะ ผสานรสได้ดี ตัวซอสก็เข้ากับปลาทั้งสามเฉยเลยค่ะ อร่อยค่ะ
ตัวแซลมอนของร้านนี้จะมีการบ่มปลาแซลมอนเพื่อป้องกันแบคทีเรียเข้ามาปนเปื้อนในเนือ้ปลาหลังจากแล่ปลาเสร็จแล้วเชฟจะรีบเก็บโดยการ wrap เนื้อปลาแซลมอนให้แน่นและมิดชิด แล้วเก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสม (0-5 องศาเซลเซียส) หลังจากนั้นจะบช่มไว้อย่างน้อย 8 ชั่วโมงเพื่อให้เอนไซม์ย่อยสลายกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อต่างๆ ซึ่งจะทำให้แซลมอนมีรสหวานและมีความมันมากยิ่งขึ้นด้วยหละค่ะ
ส่วนไข่ปลาแซลมอนของทางร้านก็มีการนำไปหมักกับเปลือกส้มยูสุ และควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสม ทำให้ไข่ปลาแซลมอนของร้านมีรสชาติที่แตกต่างจากร้านอื่นๆ อย่างชัดเจน เป็นไข่ปลาที่มีรสกลมกล่อมและหอมกลิ่นส้มยูสุด้วยค่ะ
Engawa Jukuset 150 บาท
เป็นส่วนเนื้อครีบของปลาตาเดียวนะคะ ตัวเนื้อนุ่มละลายไปในปากเลยค่ะ มีกลิ่นหอมของทรัฟเฟิลด้วย กลิ่นดี รสดี และไม่เลี่ยนค่ะ อร่อยเช่นกัน
Unagi Sushi 120 บาท
ตัวคำนี้ ของเพื่อน เพื่อนบ่นว่าข้าวเยอะไปนิดค่ะ ไม่บาลานซ์กับปลาเท่าไหร่ แต่ของเราเราว่าพอดีอยู่นะ ปลานุ่มหอมมากกกก รสชาติซอสเข้ากันดีมากค่ะ
Ama Ebi Akazu Sushi 150 บาท
กุ้งหวานนะคะ แต่มีกลิ่นคาวจางๆ นิดๆ ค่ะ ตัวนี้มีรสขมปลายๆ นิดๆ แฮะ ซอสที่ทาด้านบนมีส่วนผสมของยูสุ เป็นซอสสูตรพิเศษของทางร้านค่ะ ตอนกินก็ได้กลิ่นยูสุจางๆ เบาๆ นะคะ
Otoro Jukusei 590 บาท
คำนี้ ของเราได้เนื้อปลาส่วนคอค่ะ ส่วนคำของเพื่อนเป็นส่วนท้อง (ที่เป็นริ้วๆ) บรรยายส่วนของเราแล้วกันนะคะ ตัวนี้มันมาเต็มๆ มากๆ เลยค่ะ นุ่มมากๆ ค่ะ แต่เรายังชอบที่เคยกินที่สาขาทองหล่อ (ปิดไปแล้ว) มากกว่านะ ตอนนั้นอร่อยมากจริงๆ ค่ะ
ตัวโอโทโร่กับชูโทโร่ของที่นี่มีโปรโมชั่นด้วยนะคะ กรณีเป็นสมาชิกซื้อ 1 แถม 1 นะฮับบบบบบ
Katsu Tera Hana 95 บาท
เมนูนี้เป็นเมนูล้างปากจากซูชิค่ะ อารมณ์เหมือนเค้กสปองจ์ แต่เป็นเค้กที่ไม่หวานนะคะ ทำมาจากสาหร่ายอาโอโนชิ เป็นเมนูปิดท้ายของการกินซูชิทั้งหมดก่อนที่จะกินเมนูอื่นค่ะ
เมนูนี้ทำจากไข่ กุ้ง และมันมือเสือ เป็นมันภูเขาค่ะ เห็นอย่างนี้แต่ไม่มีแป้งเลยนะคะ ใช้เวลาในการทำค่อนข้างมากเลยแหละ ต้องตีขึ้นจนเป็นมูสเลยอะค่ะ อันนี้เชฟเล่าข้อมูลให้ฟังแหละ เลยเอามาบอกเล่าต่อนะคะ แฮร่...
Yawara Kani Salad 419 บาท
สลัดสูตรพิเศษที่มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน หอมกลิ่นแอปเปิ้ลเขียว น้ำสลัดดีมากจริงๆ ค่ะ เปรี้ยวอมหวาน สดชื่น แต่ปูทอดมาอมน้ำมันไปหน่อยง่ะ เมนูนี้จะมีขายเฉพาะเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมเท่านั้นนะคะ
menu ต่อไปค่าา Wagyu Roll และ Philadelphia Maki จะใส่เป็นบันไดให้นะคะ วากิวโรลถ้า 6 คำราคา 790 บาทค่ะ ส่วนฟิลาเดเฟียมากิ 6 คำราคา 350 บาทค่ะ
วากิวโรล (มีวากิว ฟัวร์กราส์ แซลมอน และอโวคาโด) รสฟัวร์กราส์เด่นมากค่ะ ถึงจะเป็นคำที่มีทั้งรสฟัวร์กราส์และเนื้อวากิว แต่ฟัวร์กราส์เด่นกว่าหน่อยหนึ่ง ส่วนตัวฟิลาเดเฟียมากิ (มีชีส แซลมอน หอมหัวใหญ่ และแตง) ซอสเยอะไปนิดค่ะ แต่ชอบรสชีสในคำนี้มาก นวลมากค่ะ
ต่อไปเป็นเมนู Unagi Hitsumabushi ข้าวหน้าปลาไหล 599 บาท
เมนูนี้กินได้สามแบบนะคะ คือ กินแบบข้าวหน้าปลาไหลเฉยๆ กินแบบใส่เครื่องที่มีแนมมาให้สามอย่าง (มีวาซาบิดองด้วย) และกินแบบราดน้ำชาค่ะ
แบบแรกกินแบบข้าวหน้าปลาไหลปกติ ข้อดีคือ รสปลาไหลชัดดีค่ะ ส่วนแบบที่สองใส่เครื่องและคลุกเคล้านะคะ (ให้เชฟหรือพนักงานคลุกให้ได้ค่ะ สามารถดูวิธีทำตามคลิปปิดท้ายรีวิวได้เลยนะคะ) ตัวนี้เป็นตัวที่เราชอบสุดเลยค่ะ รสเข้มข้นดีและหลากหลายด้วยค่ะ นอกจากตัวรสของข้าวและปลาไหลแล้วก็ยังมีรสของวาซาบิดองทำให้จี๊ดจ๊าดขึ้นด้วยค่ะ ส่วนแบบสุดท้ายที่ราดน้ำชา (น้ำซุป) จะจางลงกว่าแบบที่สอง แต่ก็ยังมีรสหลากหลายกว่าแบบที่หนึ่ง มีน้ำซุปมาช่วยผสานรสดีค่ะ แต่ตัวน้ำซุปค่อนข้างจืดนะคะ ลองชิมเปล่าๆ แล้วแทบไม่มีรสอะไรค่ะ
Pork Sukiyaki 350 บาทต่อชุด
ตัวนี้มาเป็นหม้อไฟเลยค่ะ มาพร้อมตัวไข่ดิบด้วยนะคะ
ซึ่งการกินแบบญี่ปุ่นก็คือ ต้องเอาเนื้อหมูที่สุกแล้วจากในหม้อ แล้วก็ค่อยมาจุ่มไข่ดิบก่อนกินค่ะ (ซึ่งอันนี้ต้องมั่นใจว่าได้ไข่ที่มีคุณภาพ ปลอดโรค และปลอดภัยนะคะ)
เนื้อหมู ควรรีบกินก่อนจะสุกเกินด้วยค่ะ เพราะจะทำให้เนื้อหมูแข็ง ส่วนน้ำซุปรสชาติดี ไม่เข้มเกินไป และมีรสหวานเบาๆ ด้วยค่ะ อร่อยดี
หมดเมนูคาวแล้วค่าาา ปิดท้ายกันด้วยขนมหวานดีกว่าเนาะ
Warabi Mochi Kinako 130 บาท
เป็นวุ้นราดผงถั่วคินาโกะและมีน้ำคุโรมิสึ (น้ำเชื่อมดำจากญี่ปุ่น) แยกมาให้ราดต่างหากตามภาพเลยนะคะ ตัวเนื้อหนึบกว่าที่เคยกินมากเลยค่ะ มีกลิ่นเหมือนน้ำตาลเคี่ยวจางๆ ด้วยนะคะ
ปิดท้ายกันด้วย (ยังไม่หมดอี๊กกกกก นี่อิ่มตั้งแต่ซูชิแล้วค่ะแม่) น้ำส้มยูสุปั่นกับน้ำแตงโมปั่นนะคะ ของเราเลือกเป็นน้ำส้มยูสุ ซึ่งกลิ่นและรสยูสุชัดเมิ่กกกกกค่าาา ส่วนคนที่กินน้ำแตงโมปั่นก็บอกว่าหวานหอมมากๆ ค่ะ
ยังไม่หมดค่ะ ทางร้านมีบริการแตงโมฟรีสำหรับลูกค้าทุกท่าน ซึ่งแตงโมหวานมาก เนื้อดีด้วย หวานแบบธรรมชาติแบบที่เราไม่ได้กินรสนี้มานานแล้วค่ะ อร่อยแหละ ขนาดอิ่มอืดมากยังซัดไปสองชิ้นค่ะ
ท่านใดที่สนใจร้านนี้ สาขาก็ตามนี้เลยนะคะ แล้วก็ทางร้านก็รับออกซุ้มด้วยค่ะ ขั้นต่ำที่ 50000 บาท แต่คุยกันในส่วนของรายละเอียดได้ว่าจะเอาเมนูประมาณไหนยังไงนะคะ
ทางทีมงานได้ขอถ่ายรูปกับอีลิททุกท่านพร้อมกับเชฟทั้งสองท่านเป็นการปิดท้ายค่ะ ต้องขอบคุณทางวงในและทางร้าน Sushi Hana ด้วยนะฮับบ
สรุปสำหรับร้านนี้นะคะ
ยังเป็นร้านซูชิพรีเมียมร้านหนึ่งของไทยค่ะ มีความปราณีตในการเตรียมวัตถุดิบ การคัดสรรวัตถุดิบ การนำเสนออาหารแต่ละอย่างต่อลูกค้า และมีเทคนิควิธีการต่างๆ ที่จะทำให้อาหารแต่ละอย่างออกมาได้ถูกปากถูกใจคนกินมากที่สุดนะคะ ซึ่งเราเคยไปกินร้านนี้ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้ว (คลิกอ่านลิงก์รีวิวของครั้งก่อนๆ ที่ด้านล่างนี้นะคะ) ก็ยังประทับใจทุกครั้งค่ะ ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ไปลองกันนะคะ
Post