Read full review
2015-02-20
509 views
สำหรับวันนี้ก็จะพาไปหม่ำอีกร้านที่เซ็นทรัลเวิลด์นะคะ ซึ่งการไปร้านนี้นั่นก็เนื่องด้วยทางเอเจนซี่ที่ดูแลร้านนี้ติดต่อมาค่ะ โดยเราก็ยื่นเงื่อนไขไปเหมือนเดิมคือ ไม่อวยนะ ซึ่งคุณอ้น (ตัวแทนเอเจนซี่) ก็บอกว่ายินดี เพราะอยากได้คำติชมเพื่อไปพัฒนาด้วย (ถูกใจข้าพเจ้ายิ่งนัก แฮ่..) ก็เลยได้ไปหม่ำแล้วก็มาทำรีวิวให้ดูกันค่ะ (ขออนุญาตเจ้าแม่กวนอิมกินเนื้อเพื่อรีวิวหนึ่งมื้อ แหะๆ)และ...ค่ะ ตัวโฟโต้ช็อปเรายังใช้ไม่ได้เหมือนเดิมนะคะ ใช้โฟโต้สเคปย่อเหมือนเคย เพราะฉะนั้นภาพหลายๆ ภาพอาจจะไม่เหมือนที่เราเคยย่อด้วยโฟโต้ช็อปนะคะ แหะๆสำหรับที่ตั้งของร้านนะคะ อยู่ที่ชั้น 5 ฝั่งอิเซตันค่ะ ถ้าขึ้นบันไดเลื่อนภายในอิเซตันขึ้นมา จะเจอคิโนคุนิยะ ถ้าทางพวกพลาซ่าและเซนอยู่ทางซ้
และ...ค่ะ ตัวโฟโต้ช็อปเรายังใช้ไม่ได้เหมือนเดิมนะคะ ใช้โฟโต้สเคปย่อเหมือนเคย เพราะฉะนั้นภาพหลายๆ ภาพอาจจะไม่เหมือนที่เราเคยย่อด้วยโฟโต้ช็อปนะคะ แหะๆ
สำหรับที่ตั้งของร้านนะคะ อยู่ที่ชั้น 5 ฝั่งอิเซตันค่ะ ถ้าขึ้นบันไดเลื่อนภายในอิเซตันขึ้นมา จะเจอคิโนคุนิยะ ถ้าทางพวกพลาซ่าและเซนอยู่ทางซ้ายมือ ก็ต้องเลี้ยวขวามานะคะ จะเจอร้านอยู่ตรงหัวมุมพอดี ตามภาพเลยค่ะ
ส่วนการที่เจ้าของบริษัทนี้มาเปิดร้านที่กรุงเทพฯ (ซึ่งกระทั่งที่ญี่ปุ่นยังไม่มี) คุณอ้นก็เล่าให้ฟังว่า เป็นเพราะเจ้าของเค้ามากินอาหารญี่ปุ่นในไทย แล้วก็ค้นพบว่า ทำไมวาซาบิในไทยถึงเป็นแบบนี้ ทำไมถึงฉุน ทั้งที่วาซาบิแท้ๆ (ซึ่งตกกิโลกรัมละ 5000 บาทไทย...เพิ่งรู้ว่าวาซาบิแท้มันแพงขนาดนี้วุ้ย ) จะไม่ฉุนแบบนี้ (แต่ที่ฉุนเพราะเอามาผสมอย่างอื่นค่ะ เช่น มัสตาร์ด ฯลฯ) แล้วคนอื่นๆ ในไทยก็มาบอกเค้าว่า ไม่จริง วาซาบิแท้ต้องฉุน (เอ่อ..เถียงเจ้าของไร่และบริษัทผลิตวาซาบิ ) เค้าก็เลยรู้สึกว่า ไม่ได้แล้ว เค้าอยากเอาวาซาบิแท้ๆ มาให้คนที่อยู่ในไทยได้กินจริงๆ รวมทั้งเค้ารู้สึกว่า คนไทยน่ะเป็นคนสรรกิน คือถ้าของดี ของอร่อย ต่อให้อยู่ที่ไหนก็จะตาม-ไป-กิน ฮา (คุณอ้นเล่าเสร็จก็บอกว่า นี่เค้าชมเราใช่มั้ย เราก็บอกว่า ใช่ค่ะ ชมค่ะ )
ซึ่งตัววาซาบิที่ใช้ในร้าน เป็นวาซาบิที่นำเข้าจากญี่ปุ่นโดยตรงนะคะ ซึ่งหลังจากถอนรากต้นวาซาบิ ทำความสะอาดเรียบร้อย ก็จะทำการบรรจุลงภาชนะปลอดเชื้อ แล้วนำขึ้นเครื่องบินถึงเมืองไทยรวมแล้วไม่เกิน 3 วันค่ะ
จากนั้นคุณอ้นก็ให้พนักงานนำตัววาซาบิ (ซึ่งเป็นพืชหัวใต้ดินเหมือนโสมหละนะคะ แต่จริงๆ วาซาบินี่คุณอ้นบอกว่าใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมดค่ะ ใบก็เอาไปทำอาหารได้นะ) มาให้ดูพร้อมกับที่ฝนวาซาบิที่ทำจากหนังปลาฉลาม (แต่ในวิกิบอกเหงือกปลาฉลาม แหะๆ)
แล้วทินาก็ไปช่วยหาข้อมูลเรื่องวาซาบิมาจากเฟซบุ๊คตามลิงก์นี้ ดังนี้นะคะ
หลายคนคงคุ้นเคยกับวาซาบิผงที่เราต้องผสมน้ำแล้วตีๆๆจนข้นเป็นก้อน อันที่จริง วาซาบิผงไม่ได้ทำจากวาซาบินะครับแต่ทำจาก ฮอร์สแรดิชผสมกับผงมัสตาร์ด ซึ้งจะมีความเผ็ดร้อนคล้ายวาซาบิสด (บางทีเผ็ดกว่าด้วยซ้ำ) มายุคหลังนี้เริ่มมีการนำวาซาบิสดมาขายกัน ถามว่าวาซาบิแท้มั้ย?ขอตอบว่าแท้ครับ แต่ไม่ทั้งหมด วาซาบิสดที่ทำกันเป็นอุตสาหกรรมนั้นเขาจะใช้ลำต้น กิ่งก้านใบ และเปลือก รวมถึงหัววาซาบิที่ไม่ได้ขนาดหรือเสียมาบดเป็นส่วนผสมครับ แล้วเติมส่วนผสมอื่นๆเพื่อเพิ่มเนื้อและความเผ็ด ที่ต้องทำแบบนี้เพราะแม้แต่ที่ญี่ปุ่นเอง วาซาบิก็เป็นสินค้าที่แพงมากครับ 1ต้นอยู่ที่1600-2000เยน แต่ถ้าต้นที่มีการดูแลอย่างดี ราคาสามารถขึ้นไปแตะเกือบหมื่นเยนครับเนื่องจากวาซาบิต้องปลูกในที่สูง แหล่งน้ำต้องบริสุทธิ์ และเติบโตช้า ดังนั้นคนญี่ปุ่นทั่วไปจึงไม่กินวาซาบิสดเป็นต้นกันครับแต่ก็ใช้วาซาบิผงหรือสดแบบผสมเอาเพราะคนทั่วไปสู้ราคาไม่ไหว ในเมืองไทยอันที่จริงไม่สามารถนำหัววาซาบิเข้าประเทศได้นะครับ เพราะญี่ปุ่นมีออกกฎหมายห้ามส่งออก ที่มีขายในเมืองไทยกันได้ตามร้านแพงๆ หิ้วเข้ากันทั้งนั้นครับ คนญี่ปุ่นยุคใหม่ยังไม่ค่อยรู้เลยครับว่าการฝนวาซาบิจริงๆ เค้าจะฝนจากทางหัว ไม่ปลอกเปลือกและฝนช้าๆเป็นรูปคล้ายตัว โนะ (の) บนเครื่องฝนที่ถูกต้องซึ่งทำจากหนังปลาฉลามครับ
สักพักพนักงานก็นำเครื่องดื่มมาบริการค่ะ โดยตอนแรกแจ้งก่อนว่าพ็อทหมด เลยเอาขวด (เรียกคำนามนี้ถูกมั้ยเนี่ย) แบบนี้มาใส่ชาให้แทน (เหมือนดื่มเหล้าสาเกเลยเนาะ โฮะๆๆ) แต่สักพักก็เอากาชามาเปลี่ยนให้ค่ะ
จากนั้นอาหารจานแรกก็เริ่มบริการค่ะ เป็นสลัดผัก ผักสดมาตรฐานค่ะ น้ำสลัดออกเค็มๆ แต่กินเพื่อรองท้องและเรียกน้ำย่อยได้ดีค่ะ
ต่อไปค่ะ กับลิ้นวัว แน่นหนึบตามสไตล์ลิ้นวัวหละค่ะ ส่วนนี้ไม่ใช่ส่วนที่เราถูกใจอะไรเป็นพิเศษอยู่แล้ว แต่จากที่เคยไปกินอีกร้าน เค้าก็บอกว่าเป็นเหมือนตัวเรียกน้ำย่อยเตรียมพร้อมสำหรับการกินเนื้อส่วนอื่นๆ หละนะคะ ใครที่ชอบเคี้ยวอะไรแน่นๆ หนึบๆ น่าจะชอบตัวนี้หละค่ะ
ต่อไปเป็นสันนอกนะคะ จะเห็นว่ามีไขมันเยอะกว่าหละค่ะ แล้วชิ้นก็ยังหนากว่าร้านปิ้งย่างทั่วๆ ไปเหมือนเดิมนะคะ
ต่อไปเป็นคอหมูย่างค่ะ ชิ้นหนาได้ใจเหมือนเดิม แต่ตัวนี้ไม่มีอะไรโดดเด่นนะคะ เห็นมีงาหรืออะไรที่หมักมาด้วย แต่ไม่ส่งรสหรือกลิ่นใดๆ ชัดเจนเลยอะค่ะ ก็เลยบอกคุณอ้นไปว่า น่าจะมีเมนูหมูที่มีการหมักซอสมิโสะหรืออะไรมากขึ้น เพราะไม่อย่างนั้นสำหรับคนไม่กินเนื้อแล้ว ก็จะไม่มีอะไรดึงดูดใจเลยค่ะ เพราะถ้าจะขายความสดและวัตถุดิบจริงๆ ตัวหมูแบบนี้เองก็ไม่ได้มีความเด่นหรือความอร่อยเท่าเนื้อวัวอยู่แล้วน่ะนะคะ
ต่อไปค่ะกับซุปกิมจิ มาแบบเดือดปุดๆๆ กันเลยทีเดียว ตัวนี้รสเข้มข้น จัดจ้านดีมากค่ะ แม้เย็นลงแล้วรสชาติก็ยังโอค่ะ เป็นเมนูที่โอค่ะ
ต่อไปเป็นชุดรวมซีฟู้ดค่ะ ที่เราได้กินก็มีแซลมอน ทั่วไปค่ะ ไม่เด่น หอยเชลล์โอ ไม่เค็มปี๊ดเหมือนบางที่ แต่กุ้ง เรากินไปตัวหนึ่ง ไม่สดง่ะค่ะ แหะๆ
ต่อไปค่ะ อีกหนึ่งเมนูที่อร่อยของร้านนี้นะคะ กับไส้กรอก นำเข้าหละค่ะ แต่คุณอ้นไม่ได้แจ้งว่าจากประเทศอะไร ทินาบอกว่าใช่นิชชินแฮมหรือเปล่า เพราะเคยกินกับที่ทำงานแล้วเค้าบอกว่ายี่ห้อนี้แล้วรสชาติก็ใกล้เคียงกันมาก แต่คุณอ้นก็ไม่แน่ใจน่ะค่ะ แต่เล่าให้ฟังว่า ก่อนจะเลือกเป็นอันนี้ เค้าเอามาให้เทสต์หลายๆ ยี่ห้อแล้วให้ลงคะแนนกัน (โดยไม่บอกยี่ห้อเลย) ซึ่งตัวนี้ได้คะแนนเยอะสุดน่ะค่ะ
ต่อไปเป็นข้าวกระเทียมค่ะ พนักงานมาคลุกให้เลยแหละ
หมดคาว (ซักที) ค่ะ ไปที่ของหวานกันบ้างนะคะ ที่จริงตัวที่ขึ้นชื่อของทางร้านคือ คัสตาร์ดพุดดิ้งโฮมเมดค่ะ แต่ตอนเราไปนั่นหมดเรียบร้อยแล้ว (แสดงว่าดังจริงอะไรจริงเมนูนี้) คุณอ้นเลยสั่งเมนูอื่นมาให้ลองกินแทนค่ะ
เมนูแรกนะคะกับ เยลลี่ผสมเหล้าบ๊วยค่ะ ตัวนี้ครีมด้านบนละมุนมาก หวานอ่อนๆ แต่เยลลี่เหล้าบ๊วยเข้มมากค่ะ เล้าเหล้าอ้ะ ไม่ชอบนะคะ แต่เห็นคุณอ้นบอกว่าเป็นอีกตัวที่ขายดีหละค่ะ
แล้วก็ที่แนะนำไปเพิ่มเติมคือ ทางร้านควรมีเมนูที่มีวาซาบิเพิ่มเติมน่ะค่ะ (ในเมื่อจุดขายของร้านตัวเองคือเจ้าของเป็นเจ้าของไร่และบริษัทวาซาบิง่ะนะ) อย่างเช่น ไอศกรีมรสวาซาบิ สลัดราดน้ำสลัดวาซาบิ หรืออื่นๆ ค่ะ จะทำให้มีความน่าสนใจมากขึ้นน่ะนะคะ
Post