Read full review
2016-10-02
95 views
สำหรับวันนี้ก็จะไปกินอาหารใต้ แต่เป็นอาหารใต้ตำรับภูเก็ตกันบ้างนะคะ นั่นก็คือร้านตำรับภูเก็จ (สะกดแบบเดิมเลย ใครอยากรู้ความหมายลองหาประวัติเมืองภูเก็ตอ่านดูนะคะ) โดยที่เราไปเป็นสาขาที่อยู่ที่ตึกเอททองหล่อค่ะ เปิดด้วยภาพเมนูบางส่วนที่ได้ชิมวันนั้นนะคะเราเอารถไปจอดที่ชั้นใต้ดินนะคะ แล้วก็ขึ้นบันไดเลื่อนไป ก็จะเจอร้านเลยค่ะ หน้าตาหน้าร้านนะคะที่นั่งภายในร้านค่ะ หากใครไปภูเก็ต แล้วลองได้ไปกินอาหารพื้นเมือง ก็คงจะทราบว่า ภูเก็ตเราจะมีการผสมผสานระหว่างคนพื้นเมืองแต่เดิมและคนจีนโพ้นทะเลที่ย้ายมาลงหลักปักฐานที่นี่จนเรียกว่าเป็นชาวพื้นถิ่นที่แตกต่างจากคนใต้ในหลายๆ จังหวัดนะคะ หลายท่านอาจจะเคยได้ยินชื่อบ๊ะบ๋าและยองยา ซึ่งจะเป็นศัพท์ที่ใช้เรีย
เราเอารถไปจอดที่ชั้นใต้ดินนะคะ แล้วก็ขึ้นบันไดเลื่อนไป ก็จะเจอร้านเลยค่ะ หน้าตาหน้าร้านนะคะ ที่นั่งภายในร้านค่ะ หากใครไปภูเก็ต แล้วลองได้ไปกินอาหารพื้นเมือง ก็คงจะทราบว่า ภูเก็ตเราจะมีการผสมผสานระหว่างคนพื้นเมืองแต่เดิมและคนจีนโพ้นทะเลที่ย้ายมาลงหลักปักฐานที่นี่จนเรียกว่าเป็นชาวพื้นถิ่นที่แตกต่างจากคนใต้ในหลายๆ จังหวัดนะคะ หลายท่านอาจจะเคยได้ยินชื่อบ๊ะบ๋าและยองยา ซึ่งจะเป็นศัพท์ที่ใช้เรียกคนที่มีการผสมผสานระหว่างสองเชื้อชาติดังกล่าวค่ะ ซึ่งที่สิงคโปร์ก็มีเช่นกันเนาะคะ อย่างที่เราเคยรีวิวพิพิธภัณฑ์เขาไปแล้วน่ะค่ะ
ดังนั้นตัวอาหารพื้นถิ่นของภูเก็ตก็เช่นกันค่ะ จะไม่จัดจ้านอย่างเดียวเหมือนอาหารภาคใต้อื่นๆ แต่จะมีผสมผสานของอาหารจีนด้วย รวมทั้งรสชาติก็ไม่ได้แซ่บเผ็ดเหมือนอาหารใต้ในหลายๆ จังหวัดด้วยค่ะ
มาดูเมนูกันค่าา สี่สีสวยงามมากเลย ราคา เทียบกับการอยู่ย่านทองหล่อ เราว่าโอเคมากเลยนะคะ เราชอบที่รองจานของร้านนี้หละ ออกแบบได้เข้ากับธีมร้านดีค่ะ สไตล์เพรานากันเนาะ และมีเมนูแนะนำ พร้อมกับร้านอื่นๆ ในเครือด้วยค่ะ
เครื่องดื่มที่สั่งกันค่ะ ไปสามคนสั่งสามอย่าง น้ำมะม่วงเบาปั่นของเราเอง เขาใช้มะม่วงเบาแช่อิ่มมาปั่นค่ะ เลยมีทั้งรสและกลิ่นที่แช่อิ่ม จริตเราชอบแบบสไตล์รร.เรือรัษฎามากกว่านะคะ เป็นน้ำเดียวที่ได้หลอดใหญ่มา (เพราะมีเนื้อมะม่วงมาด้วยค่ะ) / น้ำอัญชันมะนาวค่ะ ตัวมะนาวเราว่าเบาไปหน่อยทั้งรสและกลิ่นค่ะ / ชาเย็นไม่หวาน ก็ไม่หวานจริงๆ ค่ะ แต่มันและหอมชาดีนะคะ
เมนูแรกค่ะ กับน้ำพริกภูเก็จ (น้ำพริกกุ้งสดหรือน้ำชุบหยำ) 149 บาท มาพร้อมผักแนม (แต่ขาดถั่วงอกหัวโตนะ อิอิ) และขนมจีนค่ะ เพิ่งรู้ว่าเค้ากินเมนูนี้กับขนมจีนได้ด้วยแฮะ เมนูต่อไปค่ะกับแกงพริกกระดูกหมูอ่อน 169 บาท สำหรับเราที่มีแม่บ้านที่ออฟฟิศเป็นคนนครฯ จะคุ้นกับรสชาติที่จัดจ้านและเผ็ดกว่านี้ค่ะ แต่ถ้าตามสไตล์ภูเก็ตก็จะประมาณนี้แหละนะคะ ส่วนตัวหมู ชอบเปื่อยกว่านี้อีกนิดหนึ่งค่ะ
ต่อไปเป็นเมนูที่อร่อยสุดสำหรับทั้งสามคนเลยคะ กับหมูเกาหยกน้ำผึ้งมะม่วงเบา 139 บาท หมูทำมาได้ฉ่ำมากค่ะ นุ่มละมุน (ไปด้วยไขมัน แฮ่) หวานหอมน้ำผึ้ง และมีตัวน้ำยำ มะม่วงเบามาช่วยตัดรสด้วย อร่อยค่ะ สมกับเป็นเมนูที่ได้รับรางวัลนะคะ
เมนูแพงสุดของวันนั้นค่ะ 359 บาทกับไข่ปูผัดพริกเกลือ ซึ่งก็มีทั้งไข่ปูและเนื้อปูนะคะ อร่อยค่ะ แม้จะไม่จัดและเผ็ดอย่างที่คาดหวังไว้ แต่อร่อยทีเดียว ต่อไปเป็นโอต้าว (หอยนางรมผัดกับแป้ง) ราคา 119 บาท รสชาติมาตรฐานนะคะ ได้กลิ่นพริกไทจางๆ หอยให้มาเยอะพอควรค่ะ แต่ก็ไม่ได้เป็นเมนูโปรดเราแต่ไหนแต่ไรง่ะนะ แหะๆ
ผัดถั่วฝักยาวกะปิกับกุ้ง 149 บาทค่ะ ถั่วฝักยาวทำมาได้ดีนะคะ ไม่เหม็นเขียวเลย กุ้งสดโอเค รสชาติกินง่ายค่ะ
ต่อไปเป็นอีกเมนูที่เราชอบค่ะกับห่อหมกภูเก็จ 89 บาทนะคะ รสชาติเข้มข้น เผ็ดกำลังดี ใกล้เคียงกับร้านโปรดเราที่ภูเก็ตเลย หอมพริกแกงมากๆ และอร่อยค่ะ
ต่อไปเป็นของหวานแล้ววว มีมาสองอย่างนะคะ คือ มะม่วงเบาแช่อิ่ม กับตูโบ้ อย่างละ 55 บาทค่ะ (ที่จริงมีโอ๊ะเอ๋วของโปรดเราด้วยหละ แต่เพื่อนเคยกินแล้วเลยลองเมนูอื่นกันแทนค่ะ) มะม่วงเบาแช่อิ่มอร่อยนะคะ มะม่วงกรอบ หวาน น้ำเชื่อมก็หวานอมเปรี้ยวแบบที่ควรเป็นค่ะ ชื่นใจ เหมาะกับหน้าร้อนมากๆ ส่วนตูโบ้เป็นการกินครั้งแรกของเรา รสออกนวลๆ ค่ะ กะทิหอมจริง แต่ว่าไม่มันน่ะค่ะ ไม่น่าจะเป็นกะทิสดนะคะ เห็นหน้าตาอย่างนี้ แต่ไม่เลี่ยนนะคะ ตัวนี้กินแบบอุ่นๆ ค่ะ
ก่อนไปสรุปร้าน ปิดท้ายกันด้วยที่ใส่ทิชชู่ของที่นี่นะคะ เก๋ เข้าใจทำ และเข้าคอนเซปต์ร้านดีอ้ะ สรุปสำหรับร้านนี้นะคะ
ถ้าใครอยากลองกินอาหารภูเก็ต ก็แนะนำเลยค่ะ เราลงเมนูไม่หมดนะคะ ที่เห็นในรูปแค่บางส่วน ที่จริงร้านนี้มีเมนูอาหารภูเก็ตและอาหารใต้ให้เลือกหลากหลายมากทั้งของคาวและของหวาน เราเองยังเล็งไว้อีกตั้งหลายเมนูค่ะ ส่วนของรสชาติ จะไม่ได้จัดจ้านเผ็ดเวอร์ๆ เหมือนอาหารใต้ในหลายๆ จังหวัด (อย่างที่บอกว่าเป็นตำรับภูเก็ตนะคะ) แต่ก็รสชาติแบบภูเก็ตเลยค่ะ เมนูที่เราชอบจะมีหมูเคาหยุกน้ำผึ้งมะม่วงเบากับห่อหมกค่ะ เป็นสองตัวที่เชียร์ให้ลองสั่งมากินกันนะคะ
Post