Read full review
2016-06-06
175 views
สำหรับวันนี้ขอเปลี่ยนบรรยากาศพาไปกินอาหารอินเดียกันบ้างนะคะ โดยเป็นการได้เวาเชอร์เช่นเคยค่ะ แฮ่...สำหรับพิกัดของร้านนี้อยู่ที่ Eight Thonglor ทองหล่อซอยแปดนะคะสำหรับพิกัดร้านจะอยู่ที่ชั้นสองของเอททองหล่อนะคะ หน้าตาหน้าร้านฮับ ดูดีทีเดียวเชียวช่วงที่เราไปมีโปรฯ สำหรับเซ็ตดินเนอร์อยู่นะคะ มาสี่จ่ายสามและได้ไวน์ฟรีหนึ่งขวดค่ะ แต่เราไปกันสองคน มีเวาเชอร์เรียบร้อย ใช้โปรฯ ไม่ได้ แฮ่...ภายในร้านค่ะ สวยคลาสสิคเนาะ สองรูปนี้มาเก็บอีกทีตอนมืดค่ะ เพราะตอนที่แสงยังไม่มืด จะไม่ได้อารมณ์สวยละมุนขนาดนี้น่ะนะคะร้านได้รับรางวัลหลายต่อหลายรางวัลเลยค่ะไปถึงก็บริการผ้าเย็นมาก่อนเลย เซ็ตอัพก็ตามภาพเลยนะคะ (จะมีเปลี่ยนอุปกรณ์ให้ด้วยนะคะ
สำหรับพิกัดของร้านนี้อยู่ที่ Eight Thonglor ทองหล่อซอยแปดนะคะ
สำหรับพิกัดร้านจะอยู่ที่ชั้นสองของเอททองหล่อนะคะ หน้าตาหน้าร้านฮับ ดูดีทีเดียวเชียว ช่วงที่เราไปมีโปรฯ สำหรับเซ็ตดินเนอร์อยู่นะคะ มาสี่จ่ายสามและได้ไวน์ฟรีหนึ่งขวดค่ะ แต่เราไปกันสองคน มีเวาเชอร์เรียบร้อย ใช้โปรฯ ไม่ได้ แฮ่... ภายในร้านค่ะ สวยคลาสสิคเนาะ สองรูปนี้มาเก็บอีกทีตอนมืดค่ะ เพราะตอนที่แสงยังไม่มืด จะไม่ได้อารมณ์สวยละมุนขนาดนี้น่ะนะคะ ร้านได้รับรางวัลหลายต่อหลายรางวัลเลยค่ะ ไปถึงก็บริการผ้าเย็นมาก่อนเลย เซ็ตอัพก็ตามภาพเลยนะคะ (จะมีเปลี่ยนอุปกรณ์ให้ด้วยนะคะ) มาดูเมนูกันค่า ราคาก็...ตามทำเลเลยนะคะ สูงพอควรแหละนะ แล้วก็อย่างที่บอกว่าร้านนี้จะเน้นอาหารอินเดียตอนเหนือนะคะ (แต่ก็มีอาหารอินเดียภาคอื่นด้วยค่ะ) ส่วนข้อมูลจากวิกิพีเดีย ขอคัดเอามาบางส่วนก็ว่าไว้ดังนี้นะคะ
แกงแบบอินเดียส่วนใหญ่ปรุงด้วยน้ำมันพืช ในภาคเหนือและตะวันตกของอินเดียนิยมน้ำมันถั่วลิสงสำหรับการทำอาหารในขณะที่ในภาคตะวันออกของอินเดียมีการใช้น้ำมันมัสตาร์ดมาก น้ำมันมะพร้าวใช้กันอย่างแพร่หลายตามแนวชายฝั่งตะวันตกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐเกรละ น้ำมันงานิยมทั่วไปในภาคใต้ ในปัจจุบัน น้ำมันเมล็ดทานตะวันและน้ำมันถั่วเหลืองได้รับความนิยมทั่วไปในอินเดีย
โดยอินเดียทางตอนเหนือ จะนิยมบริโภคโรตี อินเดียทางตอนใต้จะนิยมบริโภคข้าว
เราชอบแก้วที่เค้าใช้มากเลยค่ะ สวยคลาสสิคมาก ตัวนี้เป็นคอมพลิเมนทารีจากทางร้านค่ะ น่าจะเป็นปาปัด (Papad) นะคะ เป็นออเดิร์ฟ และมีเครื่องจิ้มให้สามอย่างค่ะ ตัวแป้งค่อนข้างกรอบ รสออกเค็มๆ และมีรสพริกไทยอยู่จางๆ ค่ะ ตัวซอสสามแบบนี่ ซอสมะขามจะออกเปรี้ยวอมหวาน ซอสโหระพาจะออกแนวครีมๆ ปนโหระพาน่ะนะคะ กินกับหอมดองจะช่วยสร้างรสชาติได้อีกแบบหนึ่งค่ะ
ต่อไปเริ่มด้วยเมนูที่อยู่ในเวาเชอร์กันบ้าง กับสตาร์ตเตอร์ทั้งสามเมนูค่ะ
เมนูแรกเป็นยำสลัดกุ้ง ตัวนี้รสออกแนวเช็งๆ ใสๆ รสผักจะค่อนข้างชัดและเด่นนะคะ สตาร์ตเตอร์ตัวที่สองเป็นทันดูรีชิคเค่น เป็นไก่หมักกับโยเกิร์ตและเครื่องเทศทันดูร์ค่ะ ตัวนี้จะเห็นว่าส่วนที่ให้เรากับส่วนที่ให้เพื่อนจะเป็นคนละส่วนกันนะคะ ส่วนที่ให้เราจะแห้งๆ หน่อย มีกลิ่นเครื่องเทศแบบเดียวกับไก่ย่างแดงๆ ที่เราเคยเห็นขายตามข้างทางทั่วไปของไทยน่ะแหละค่ะ (เราน่าจะได้อิทธิพลมาจากเขาอะนะ) แต่ของเขาจะไม่มีรสหวานแซมเหมือนของเรานะคะ แฮ่... สตาร์ตเตอร์ตัวสุดท้ายค่ะ ซุปมะเขือเทศโรยผักชี
รสเช็งๆ เช่นเดียวกันค่ะ ตัวน้ำซุปรสแนวเดียวกับก๋วยเตี๋ยวน้ำใสบ้านเราเลย มีการเคี่ยวกับกระดูกหละค่ะ หวานอ่อนๆ นะคะ
จานหลักค่ะ นี่คือขนาดสำหรับสองท่านนะคะ ไม่แน่ใจว่าถ้าไปท่านเดียวจะเป็นพอร์ชั่นไหน แหะๆ
จานหลักก็ประกอบไปด้วยแกงกะหรี่ปลาจากทางใต้ของอินเดีย สตูว์ผักสไตล์แคชเมียร์ ไก่อบซอสเนย (อันนี้สงสัยมาก มันคืออันไหนในสามอันหว่า? สงสัยจะเป็นอันที่เหมือนแกงไก่ค่ะ แหะๆ) ซึ่งกินคู่กับข้าวอบหญ้าแซฟฟรอน กับนานกระเทียมค่ะ สำหรับรสชาติการกินนะคะ ตัวสตูว์ผัก จะอารมณ์ประมาณแกงกะทิผสมเปรี้ยวหวานค่ะ ส่วนแกงปลา รสชาติจะเผ็ดหน่อย แต่ที่ถูกใจที่สุดคือตัวแกงไก่แหละค่ะ รสแบบที่เราชอบเลย อร่อยถูกใจที่สุดในบรรดาสามตัวนี้นะคะ ของหวานค่ะเค้าเสิร์ฟเป็นกุหลาบจามุนง่ะ ทั้งที่ในเวาเชอร์เขียนครีมชีสเค้กราดซอสมาลัย (Rasmalai) นะคะ เลยไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นง่ะ แหะๆ รสหวานเลยค่ะ หวานแบบกุหลาบจามุนเป็นแหละ ถ้าได้ชาร้อนด้วยจะโอนะคะ กินเปล่าๆ แบบนี้ก็หวานไปนิด
ก่อนออกจากร้านก็สามารถหยิบสิ่งดับกลิ่นปากได้ตามภาพเลยนะคะ ร้านนี้มีจานดาราด้วยค่ะ ตามภาพเลยฮับ ร้านนี้รับเครดิตการ์ดกรณีกิน 1000 บาทขึ้นไปนะคะ แล้วก็เปิดช่วงเช้าตอน 8.30 น.ด้วยค่ะ เผื่อใครจะไปหามื้อสายๆ กินนะฮับ
สรุปสำหรับร้านนี้นะคะ
เราว่าเป็นอาหารอินเดียที่กินไม่ยากนะคะ ค่อนข้างโอเคหละค่ะ ร้านสวยมาก พนักงานบริการดูแลเอาใจใส่ดีมาก (พนักงานผู้หญิงค่ะ) คอยถามตลอดว่าเป็นอย่างไรบ้าง โอเคมากเลยค่ะ แต่มีติงก็เรื่องของหวานไม่ตรงกับเวาเชอร์โดยไม่แจ้งสาเหตุนี่แหละค่ะ นอกนั้นโอเคอยู่ค่ะ
Post