Read full review
2012-08-26
19 views
เย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา ผึ้งน้อยไปทานบุฟเฟต์กับคุณป๋าที่โรงแรมระดับ 5 ดาว Royal Orchid Sheratonเนื่องจากว่ามีรูปปริมาณมากที่ไม่สามารถอัดให้อยู่ในพื้นที่จำกัดได้ จึงขอแตกเป็น 2 รีวิวค่ะราคาบุฟเฟต์ของที่นี่นอกจากจะแบ่งราคาแตกต่างกันระหว่างมื้อกลางวันและมื้อเย็นแล้ว ยังมีมื้อเย็นวันศุกร์ที่สนนราคาแพงที่สุดที่ 1150++ บาทต่อคน (กดเครื่องก็ได้ราคาสุทธิที่ 1412.50 บาท...เฮือก!!!)ราคาต่อคนสำหรับบุฟเฟต์มื้ออื่นๆก็จะแบ่งเป็นตามนี้ค่ะวันจันทร์ – เสาร์ มื้อกลางวัน (12.00-14.30น.) 690++ บาทวันอาทิตย์ – วันพฤหัสบดี มื้อเย็น (18.30-23.00น.) 980++ บาทนะ..หน้ามืดแล้วผึ้งน้อยมาทานของแพงทำไมน่ะเหรอค่ะ ...นั่นก็เพราะว่าคุณป๋ามีคูปองทานฟรีของบัตร
เย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา ผึ้งน้อยไปทานบุฟเฟต์กับคุณป๋าที่โรงแรมระดับ 5 ดาว Royal Orchid Sheraton
เนื่องจากว่ามีรูปปริมาณมากที่ไม่สามารถอัดให้อยู่ในพื้นที่จำกัดได้ จึงขอแตกเป็น 2 รีวิวค่ะ
ราคาบุฟเฟต์ของที่นี่นอกจากจะแบ่งราคาแตกต่างกันระหว่างมื้อกลางวันและมื้อเย็นแล้ว ยังมีมื้อเย็นวันศุกร์ที่สนนราคาแพงที่สุดที่ 1150++ บาทต่อคน (กดเครื่องก็ได้ราคาสุทธิที่ 1412.50 บาท...เฮือก!!!)
ราคาต่อคนสำหรับบุฟเฟต์มื้ออื่นๆก็จะแบ่งเป็นตามนี้ค่ะ
วันจันทร์ – เสาร์ มื้อกลางวัน (12.00-14.30น.) 690++ บาท
วันอาทิตย์ – วันพฤหัสบดี มื้อเย็น (18.30-23.00น.) 980++ บาท
นะ..หน้ามืด
แล้วผึ้งน้อยมาทานของแพงทำไมน่ะเหรอค่ะ
...นั่นก็เพราะว่าคุณป๋ามีคูปองทานฟรีของบัตร Starwood นั่นเองค่าาาา...คุณป๋าจงเจริญ...บันไซ!!!
........อารัมภบทมาเสียเนิ่นนาน ที่แท้แล้วก็ทานฟรีนั่นเอง
ว่าแล้วก็มาดูที่ตั้งกันเลยค่ะ โรงแรมที่มีชื่อเสียงมายาวนานแห่งนี้ตั้งอยู่ในย่านสี่พระยาค่ะ
ไปไม่เป็น? ไม่เป็นไรค่ะ เพราะผึ้งน้อยก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน แต่อากู๋หรือ Google ช่วยได้เสมอ
เส้นทางที่ผึ้งน้อยใช้เดินทางมาจากฝั่งธนฯคือ ข้ามสะพานสาทรมาแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าเส้นเจริญกรุง ขับเลยไปรษณีย์กลางมาจนถึงซอยเจริญกรุง 30 (ซอยกับตันบุช) ที่อยู่ทางซ้ายมือก็เลี้ยวเข้าไปเลยค่ะ ตรงไปจนถึงทางเลี้ยวโค้งก็ตีขวามาจะเจอโรงแรมอย่าง่ายดาย
จอดรถแล้วเดินขึ้นมาที่ล๊อบบี้ สัมผัสบรรยากาศในตัวโรงแรมที่สมกับความเป็น 5 ดาว มีนักดนตรีหญิงแต่งกายด้วยชุดไทยมานั่งบรรเลงขิมให้ฟังกันสดๆด้วย เลยมาอีกหน่อยเป็นป้ายโปรโมทเทศกาลสตรอเบอร์รี่...หมายความว่าในไลน์บุฟเฟต์ก็คงจะเต็มไปด้วยสตรอเบอร์รี่เลยน่ะสิ แค่คิดก็กิ๊วก๊าวแล้ววววว
ผึ้งน้อยและคุณป๋าพากันเดินวนเข้าไปทางด้านหลังของค๊อฟฟี่ช็อป&บาร์ มองจากหน้าประตูทางเข้าก็พอจะเห็นบันไดขึ้นชั้นต่างระดับได้อยู่ เป้าหมายของพวกเราอยู่บนนั้นเลยค่ะ
ตัวห้องอาหารมีการเล่นระดับถึง 3 ชั้น มีบันไดเป็นช่วงๆไล่ลงไปจนถึงทางออกไปริมแม่น้ำ ดูแล้วน่าเป็นห่วงสวัสดิภาพตัวเองที่ได้ชื่อว่าเจ้าแม่หกคะเมนจริงๆ...
หลังจากได้ที่นั่งเรียบร้อยก็ถึงเวลาสำรวจไลน์อาหารกันค่ะ
ก่อนจะถึงบันไดไต่ระดับช่วงที่สอง (ซึ่งที่นั่งของผึ้งน้อยก็อยูตรงนี้ล่ะค่ะ) ก็จะพบกับขบวนของหวานที่เรียงรายกันอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ มีฟองดูว์และไอศกรีมหลบมุมอยู่แต่ก็ไม่มีทางรอดสายตาไปได้หรอกค่ะ (มีผลไม้ด้วย แต่ไม่ใช่เป้าหมายหลัก ขอไม่พูดถึงนะคะ)
มีมุมขนมปังหลบข้างอยู่จนเกือบมองผ่าน ...ซึ่งก็มองผ่านไปจริงๆเพราะไม่มีแนวบราวน์เบรดหรือไรน์เบรดให้เลือก
ย้อนมาถึงโซนหน้าสุดติดกับทางเข้า เป็นโซนออเดิร์ฟจำพวกสลัด ค๊อกเทล และอาหารทะเล
หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ หอยนางรม กุ้ง
ทางด้านหอยนางรม ความสดไม่ได้แพ้หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์เลยค่ะ แต่แพ้ที่ความอวบอั๋นของน้องหอยเท่านั้นเอง
กุ้ง เนื้อปึ๋งปั๋งมาก หวานๆ โดยรวมแล้วสำหรับของทะเลนั้นจัดว่าปลื้มค่ะ
ต่อด้วยซีซ่าร์สลัดแบบคลุกเอง แน่นอนว่าต้องอุดมไปด้วยพาเมซานชีส 555
ทานคู่กับเนื้อปลา เน้นๆที่แซลม่อนรมควัน เริศสุดๆ
ด้วยรสอมเปรี้ยวของชิ้นสตรอเบอร์รี่ฝาน ช่วยตัดรสเค็มของพาร์ม่าแฮมได้ดี และยังตัดเลี่ยนด้วย ยกนิ้วให้ค่ะ ชอบจริงๆ
ในส่วนของจานหลักและของหวานขอยกยอดไปต่อในรีวิว “ภาคจบ” นะคะ
สรุประดับความประทับใจ
บรรยากาศ – พื้นที่กว้างดีแต่จัดโต๊ะติดกันแบบเน้นรับลูกค้ามากไปหน่อย ไลน์กินพื้นที่ยาวมาก(แต่บางช่วงดูไม่ค่อยมีของ) ส่วนบรรยากาศทาง Outdoor นี่ถ้ามาตอนยังไม่มืดคงจะแจ่มแจ๋วเป็นแน่ แต่น่าเสียดายที่ผึ้งน้อยมาเอามืดแล้วเลยไม่ค่อยเห็นอะไรเท่าไหร่
การบริการ – ตามมาตรฐานระดับโรงแรมค่ะ
รสชาดอาหาร(เฉพาะภาคแรก) – ส่วนของซีฟู้ดจัดว่าสดและเนื้อหวานมากๆ ของมีมาเติมเรื่อยๆ ค็อกเทลและคานาเป้มีให้เลือกไม่มากแต่ก็อร่อยดีค่ะ
**ขอติเรื่องความสะอาด เพราะจานมีรอยดำๆเยอะมาก และบางจานก็มีคราบมันๆด้วยต้องเลือกๆๆก่อนหยิบมาใช้ค่ะ**
Post