Read full review
2014-12-17
118 views
เจ้าของบล็อกมีเพื่อนๆสมัยมัธยมอยู่ในเฟสบุ๊คจำนวนหนึงซึ่งมากโขอยู่ แต่ที่ได้พบปะพูดคุยกันอยู่เนืองๆมีอยู่ไม่กี่คน มีจำนวนหนึ่งที่ย้ายตัวเองออกจากกรุงเทพฯไปใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัดมีตั้งแต่จังหวัดใกล้ๆกรุงเทพฯ ไปจนถึงจังหวัดไกลๆกรุงเทพฯเช่น กระบี่ ภูเก็ต แม้กระทั่งเชียงใหม่ที่เชียงใหม่เจ้าของบล็อกมีเพื่อนอาศัยอยู่ถึง 2 คน หนึ่งในนั้นมีเพื่อนถือว่าสนิทกันมากเมื่อตอนอยู่ ม.3 เคยอยู่ห้องเดียวกัน อยู่ในกลุ่มเดียวกันด้วย แต่พอขึ้น ม.4 เจ้าของบล็อกเลือกเรียนแผนการเรียนวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ แต่เพื่อนคนนี้เลือกเรียนแผนการเรียนศิลป์คำณวน ก็เลยต้องแยกห้องกันเรียน แต่เมื่อเจอกันก็ยังพูดคุยกันตามปกติ เมื่อเรียนจบ ม.6 เจ้าของบล็อกยังไปค้างที่บ้านเพื่อนคนนี้ 2-3 ครั้งอี
เจ้าของบล็อกมีเพื่อนๆสมัยมัธยมอยู่ในเฟสบุ๊คจำนวนหนึงซึ่งมากโขอยู่ แต่ที่ได้พบปะพูดคุยกันอยู่เนืองๆมีอยู่ไม่กี่คน มีจำนวนหนึ่งที่ย้ายตัวเองออกจากกรุงเทพฯไปใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัดมีตั้งแต่จังหวัดใกล้ๆกรุงเทพฯ ไปจนถึงจังหวัดไกลๆกรุงเทพฯเช่น กระบี่ ภูเก็ต แม้กระทั่งเชียงใหม่
ที่เชียงใหม่เจ้าของบล็อกมีเพื่อนอาศัยอยู่ถึง 2 คน หนึ่งในนั้นมีเพื่อนถือว่าสนิทกันมากเมื่อตอนอยู่ ม.3 เคยอยู่ห้องเดียวกัน อยู่ในกลุ่มเดียวกันด้วย แต่พอขึ้น ม.4 เจ้าของบล็อกเลือกเรียนแผนการเรียนวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ แต่เพื่อนคนนี้เลือกเรียนแผนการเรียนศิลป์คำณวน ก็เลยต้องแยกห้องกันเรียน แต่เมื่อเจอกันก็ยังพูดคุยกันตามปกติ เมื่อเรียนจบ ม.6 เจ้าของบล็อกยังไปค้างที่บ้านเพื่อนคนนี้ 2-3 ครั้งอีกด้วย
พอเรียนจบ ม.6 ก็ไม่ค่อยได้คุยกันเหมือนก่อนก็ค่อยๆห่างๆกันไป จนมาเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วก็เริ่มมีเพื่อนมัธยมค่อยๆแอดเฟสบุ๊คเข้ามาเรื่อยๆ เพื่อนเก่าคนนี้ก็แอดเข้ามาและได้คุยกันอีกครั้ง ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบแล้วก็ทราบว่า เพื่อนเก่า คนนี้ย้ายตัวเองไปอยู่เชียงใหม่เพื่อไปดูแลกิจการร้านอาหารของที่บ้านที่ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านเชียงใหม่เลคแลนด์ ถนนคันคลองชลประทาน ใกล้แยกกาดต้นพะยอม ก็ตั้งใจไว้ว่าถ้าได้ไปเชียงใหม่เมื่อไหร่จะไปชิมฝีมือเพื่อนรักของตัวเองให้ได้เชียว
เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมามีโอกาสได้ไปเที่ยวเชียงใหม่ 4-5 วัน สิ่งแรกที่เขียนลงในสิ่งที่ต้องทำในทริปนี้ก็คือไปทานอาหารที่ร้านเพื่อนคนนี้ครับ
ครัวย่า หมู่บ้านเชียงใหม่เลคแลนด์ ถนนคันคลองชลประทาน เชียงใหม่
วิธีการไป ร้านครัวย่า หมู่บ้านเชียงใหม่เลคแลนด์ ถนนคันคลองชลประทาน เชียงใหม่ ก็ไปไม่ยากครับ เอาเส้นทางที่ไปง่ายที่สุดนะครับ (เพราะเส้นทางไปร้านครัวย่ามีหลายเส้นทาง แล้วแต่ว่าจะอยู่ใกล้ทางไหนมากกว่ากันครับ) เริ่มต้นเส้นทางที่ถนนสุเทพตรงประตูสวนดอกหน้าโรงพยาบาลมหาราช (ใกล้ๆวัดสวนดอก) ขับรถออกนอก “เวียง” ตรงๆมาเลยครับ จะผ่านคณะพยาบาลศาสตร์ คณะเทคนิคการแพทย์ โรงพยาบาลมหาราช ดรงพยาบาลประสาท คณะทันตฯ คุณะเภสัช ทางขวามือ (ทางขวามือเป็นเขตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นอาคารพาณิชย์ครับ) พอถึงแยกไฟแดงใหญ่ๆจะเป็นถนนเลียคลองชลประทาน (เรียกกันเล่นๆว่า “ถนนคันคลอง” หรือ “เส้นคันคลอง”) ซ้ายมือตรงหัวมุมจะเป็นตลาดใหญ่อีกตลาดหนึ่งรองจาก “กาดหลวง” และ “กาดต้นลำไย (กาด = ตลาด) คือ “กาดต้นพะยอม (ที่มีร้านโจ๊กชื่อดังคือ “โจ๊กศรีปิง” กับ “โจ๊กต้นพยอม” ไงครับ) เราเลี้ยวซ้ายที่แยกนี้ แล้วขับตรงไปเรื่อยๆตามคันคลองชลประทาน ประมาณ 3 กิโลเมตร ทางขวามือจะเป็นร้านอาหารพื้นเมืองชื่อดัง “คุ้มเวียงยอง” ให้เล็งทางซ้ายมือเอาไว้จะมีซุ้มเข้าหมู่บ้าน “เชียงใหม่ เลค แลนด์” อยู่ทางซ้ายมือเป็นซุ้มสูงๆสร้างในแบบทางเหนือครับ เราเลี้ยวซ้ายเข้าหมู่บ้านได้เลย ขับตรงเข้าไปผ่านวงเวียนไปก่อนแล้วขับตรงๆไปตามถนนเลยครับ ถนนจะพาเราเลี้ยวซ้ายขับต่อไปอีกนิดเดียวก็จะเห็น ร้านครัวย่า อยู่ทางซ้ายมือ (บ้านเลขที่ 122/128) ครับ
ก่อนจะไปหาคุณเพื่อนที่ ร้านครัวย่า ก็ได้ลอง search ข้อมูลเกี่ยวกับร้านในอินเตอร์เนทก็พบว่า ร้านครัวย่า ของคุณเพื่อนเป็นร้านที่มีชื่อเสียงของเชียงใหม่อยู่แล้ว อาจจะไม่ได้มีชื่อเสียงในลักษณะที่เป็นร้านสำหรับนักท่องเที่ยว แต่ว่าเป็นที่รู้จักกันดีของชาวเชียงใหม่ในแถบถนนสุเทพ ถนนห้วยแก้วโดยเฉพาะเหล่าคุณหมอและคุณพยาบาลทั้งหลาย ถึงรสชาติและอาหารที่ประณีต และอาจจะเป็นไปได้ว่า ร้านครัวย่า เป็นร้านที่เปิดบริการตั้งแต่ 9 โมงครึ่งไปถึงแค่บ่ายสองกว่าๆเท่านั้นครับ คุณเพื่อนเล่าความเป็นมาของ ร้านครัวย่า ให้ฟังว่าเดิม ร้านครัวย่า เป็นธุรกิจของคุณแม่และคุณพี่ที่ย้ายมาอยู่ที่เชียงใหม่และเมื่อสามปีที่แล้วคุณเพื่อนถึงได้เริ่มมาดูแลกิจการต่อจากคุณแม่และคุณพี่ คุณเพื่อนรักยังเล่าต่อไปอีกว่าก่อนที่จะมาทำร้านอาหารคุณเพื่อนรักทำอาหารไม่เป็นเลย กระทั่งปอกผักยังไม่เป็น (อันนี้เพื่อนรู้ดี อิอิอิ) เมื่อเริ่มมาสานงานต่อจากคุณแม่และคุณพี่ถึงได้เริ่มมา “เข้าค่ายฝึกหนัก” จากเชฟใหญ่ของ ร้านครัวย่า ซึ่งก็คือคุณแม่นั่นเอง คุณแม่ของเพื่อนรักแอบเสริมด้วยว่าต้องฝึกคุณเพื่อนรักตั้งแต่การหั่น การซอย ฝึกตำน้ำพริกแกงเอง ฝึกชิมรสเอง จนคุณแม่มั่นใจถึงได้ปล่อยให้คุณเพื่อนคุมครัวจนเลื่อนมาเป็นซูเชฟ อิอิอิ แต่คุณเพื่อนก็แอบบ่นให้ฟังว่าก็หนักหนาสาหัสเอาการ เพราะต้องเริ่มจากคนที่แทบจะไม่เข้าครัวเลย .......... ฟังคุณเพื่อนรักเล่าทำเอาเจ้าของบล็อกน้ำตาซึมๆ ไม่ใช่เพราะสงสารเพื่อนนะครับ เพราะว่ารู้สึกถึง Passion ที่เค้ามีให้กับการทำครัวต่างหาก ถึงคุณเพื่อนจะบอกว่าเหนื่อย ว่าเคยท้อ แต่แววตาคุณเพื่อนรักก็ยังมุ่งมั่นที่จะทำร้านนี้แทนคุณแม่กับคุณพี่ต่อไป สุดท้ายคุณเพื่อนยังบอกว่า “อยากจะหาที่เรียนทำอาหารเพิ่มเติม” ..... นี่ไงครับที่บอกว่ารู้สึกถึง Passion ของคุณเพื่อนรัก ถ้าไม่มี Passion ก็คงไม่คิดหาทางที่จะพัฒนาฝีมือ .... แต่บอกกับคุณเพื่อนไปว่า “ไม่ต้องไปเรียนเพิ่มที่ไหนหรอก มีคุณแม่อยู่ทั้งคน ตักตวงความรู้จากคุณแม่ให้เต็มที่เถอะ” เมนูของ ร้านครัวย่า เน้นที่อาหารจานเดียวโดยจัดเป็นเมนูประจำวัน กับเมนูกับข้าวไม่มากนักแต่รับรองว่าทุกเมนูทาง ร้านครัวย่า ทำเองทั้งหมดตั้งแต่ตำน้ำพริกเองทีเดียว คุณเพื่อนรักจัด น้ำตะไคร้ – อัญชัน มาให้ลองดูก่อน
น้ำตะไคร้ – อัญชันสีน้ำเงินเข้ม สวยงาม มีกลิ่นตะไคร้อ่อนๆ รสไม่หวานมากครับ แก้กระหาย คลายร้อยได้ดีจริงๆครับ
คุณเพื่อนรักยัง “เล่นกล” ให้ได้ชมอีกเมื่อเริ่มบีบน้ำมะนาวที่เตรียมไว้ให้ใส่ลงในแก้วน้ำน้ำตะไคร้ – อัญชันสีน้ำเงินแล้วใช้หลอดคนเบาๆ น้ำตะไคร้ – อัญชันสีน้ำเงินสีน้ำเงินเข้มก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีชมพู – ม่วง ช้าๆตามปริมาณของน้ำมะนาวที่บีบลงไป คุณเพื่อนรักบอกว่าถ้าต้องการให้เปลี่ยนสีทั้งแก้วก็บีบมะนาวลงไปได้เรื่อยๆ หรือถ้าอยากได้แบบ “Two – Tone” ก็สามารถทำได้เช่นกัน .... อ๊ะ .... ข่าวว่าคุณเพื่อนรักเรียน “ศิลป์คำณวน” นี่นา อิอิอิ
฿25
114 views
2 likes
0 comments
เมนูนี้หาอร่อยๆทานยากแล้วนะครับ แต่ที่ ร้านครัวย่า ยังมีให้ทานทุกๆวันครับ ขนมจีนราดน้ำกะทิหอมๆ ทานกับเครื่องเคียง เนื้อสับปะรดซอย ขิงซอยละเอียดยิบๆ กระเทียมฝานบางๆ พริกขี้หนูซอยละเอียด กุ้งแห้งป่น รสชาตินวลเนียนมากๆครับ เป็นรสชาติของขนมจีนซาวน้ำที่เคยกินตอนเด็กๆเลยครับ คือหอมกลิ่นกะทิสดมาเป็นอย่างแรก พอคลุกเครื่องทุกอย่างรวมกันกันแล้วทานก็จะได้รสหวานๆจากกะทิสด รสหวานและเปรี้ยวน้อยๆจากสับปะรดตามด้วยรสเผ็ดๆ ซ่านิดๆของขิงซอย กระเทียมฝานบางๆ และพริกขี้หนูซอยละเอียด โดยเฉพาะขิงซอยนะครับ ขอยกนิ้วให้กับคนครัว ร้านครัวย่า เลยครับ เพราะซอยขิงได้บางและละเอียดมากๆครับ พอซอยเสร็จแล้วคงแช่น้ำไว้ขิงถึงได้มีรสเผ็ดนิดเดียวเท่านั้น ไม่ไปทำลายรสหวานๆ เปรี้ยวนิดๆของกะทิเลยครับ
฿70
71 views
0 likes
0 comments
฿70
71 views
0 likes
0 comments
฿70
99 views
1 likes
0 comments
เมนูนี้เป็นเมนูประจำวันศุกร์ครับ (เจ้าของบล็อกไปทานที่ ร้านครัวย่า ในวันศุกร์ครับ) กระดูกหมูตุ๋นจนเปื่อย รสชาติกลมกล่อมมากๆ ทานกับข้าวสวยและผักเคียงตาม เมนูนี้เด่นที่กระดูกหมูอบครับ กระดูกหมูชิ้นกำลังทาน ตุ๋นจนเปื่อยดีไม่ต้องใช้มือหยิบจับให้เลอะเทอะครับ แค่ช้อนกับส้อมคู่เดียวเท่านั้นก็สามารถเลาะเอาเนื้อทั้งหมดออกมากินได้ง่ายดายเลยครับ รสชาติของเมนูนี้จะออกฝรั่งนิดๆคือไม่ได้เผ็ด เปรี้ยวอย่างเมนูไทยๆครับ แต่จะออกไปทางนวลๆ เนียนๆ กลมกล่อมๆครับ น้ำซอสที่ให้มาก็ยังมาคลุกข้าวได้อีก อร่อยทุกหยดเชียวครับเมนูนี้
฿75
102 views
4 likes
0 comments
฿75
61 views
6 likes
0 comments
฿75
83 views
4 likes
0 comments
เห็นเมนูนี้ในเวบของร้านแล้วอยากกินขึ้นมาทันทีทันใด เพราะเมนูนี้แสดงถึงความ “กะล่อยกะหลิบ” ของคนทำได้ดีเชียวครับ ไหนจะต้องทำน้ำพริกมากินกับขนมจีน ไหนจะต้องทำ “เหมือด” ซึ่งมีทั้งของลวก ของทอด ถ้าเทียบกับราคาที่ตั้งไว้แล้วผมว่าเมนูนี้คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มจริงๆนะครับ
น้ำพริกของ ร้านครัวย่า เจ้าของบล็อกอาจจะบังอาจพูดได้ว่าเป็นรสชาติแบบ “คนในวัง” ครับ เพราะรสชาติจะออกนวลๆ เนียนๆ หวานนิดๆ เค็มน้อยๆ ครับ ไม่มีรสเผ็ดเลย (ทั้งที่หน้าตาดูเหมือนจะเผ็ด) ความข้นของน้ำพริกก็ไม่ข้นมากอย่างที่ “ชาวบ้าน” เค้ากินกันครับ เวลาตักน้ำพริกเข้าปากก็ยังเห็นเครื่องทั้งหลาย กุ้งต้มโขลก ถั่วเราะคั่วบด ถั่วลิสงคั่วบดอยู่ เอามาราดกับขนมจีนแล้วรสชาติดีจริงๆครับ เมนูนี้มี “เหมือด” หรือเครื่องเคียงที่จะทานกับขนมจีนน้ำพริกได้แก่ถั่วพูลลวก ผัดทอด พริกขี้หนูทอด และที่สำคัญต้องยกนิ้วให้คนในครัวของ ร้านครัวย่า อีกแล้วคือหัวปลีซอยละเอียดครับ ซอยได้บางและละเอียดมากๆเลยครับ ... ซูฮกจริงๆ
฿70
103 views
2 likes
0 comments
฿70
96 views
2 likes
0 comments
฿70
124 views
2 likes
0 comments
เมนูนี้ราคาอาจจะสูงไปนิดส์นะครับ แต่ว่าคุณภาพของเมนูนี้นับว่าคุ้มสุดๆครับ ขาหมูที่เอามาแกงฮังเลก็เป็นเนื้อขาหมูที่เลาะเอาแต่เนื้อมาแกง แล้วเป็นขาหมูที่มีมันน้อยๆ เนื้อเยอะๆอีกต่างหาก เครื่องแกงฮังเลก็ตำเองสดๆ ใหม่ๆ ทุกวัน เคี่ยวไฟอ่อนๆนานนับชั่วโมงจนได้แกงฮังเลข้นๆ น้ำแบบขลุกขลิก เนื้อขาหมูเปื่อยมากๆแทบจะหลุดออกจากชิ้น รสชาติของแกงจะออกหวานๆ เปรี้ยวนิดๆ เค็มหน่อยๆ ได้กลิ่นเครื่องแกงฮังเลและกลิ่นขิงซอย คุณเพื่อนรักแต่งมาด้วยกระเทียมโทนดองน้ำผึ้งให้รสหวานๆ ซ่าน้อยๆเพื่อเป็นการตัดรสที่ออกหวานของแกงฮังเลครับ ยกเมนูนี้มาเสิร์ฟแล้วต้องเอาข้าวมาอีกจานครับ เอาน้ำขลุกขลิกๆนั่นแหละครับคลุกข้าวกิน สุดยอดแล้วครับ
฿200
157 views
2 likes
0 comments
฿200
154 views
2 likes
0 comments
฿200
98 views
2 likes
0 comments
เมนูนี้มีให้เลือกอร่อยได้ 2 แบบครับ ถ้าอยากกินแบบ “สวยๆ ใสๆ” ให้เลือกใส่มะละกอ แต่ถ้าอยากกินแบบ “ออริจิเนลต้นตำหรับ” แนะนำให้ใส่หน่อไม้ดองครับ แล้วหน่อไม้ดองไม่ได้เป็นหน่อไม้ดองเปรี้ยวแบบที่เคยกันทั่วไปตามร้านขายอาหารใต้นะครับ เป็นหน่อไม้แบบที่เป็นหน่อแล้วเอามาฝานตามยาวบางๆครับ อันนี้ไม่เคยเห็นแกงเหลืองใส่หน่อไม้แบบนี้มาก่อนเลยครับ แต่เป็นหน่อไม่ดองที่ไม่เปรี้ยวนะครับ รสชาติของแกงเหลืองก็เข้มข้นเปรี้ยว เผ็ด เค็ม ถึงใจจริงๆครับ ขอบอกให้ว่าเอามากินคู่กันแกงฮังเลนะครับสุดยอดครับ เมนูนึงหวานๆ นวลๆ อีกเมนูนึงออกเปรี้ยว เผ็ด เค็ม เจ้าของบล็อกต่อข้าวได้อีก 2 จานก็เอาไม่อยู่ครับ
฿70
64 views
3 likes
0 comments
฿70
43 views
6 likes
0 comments
฿70
42 views
5 likes
0 comments
เป็นของหวานโบราณๆที่น่ากินมากๆเลยครับ เปียกข้าวเหนียวดำใส่เผือกกับมะพร้าวอ่อน รสไม่หวานมาก ราดหัวกะทิเคี่ยวรสชาติหวานๆ เค็มๆมาเต็มหน้าขนม คุณเพื่อนรักเปียกข้าวเหนียวดำได้กำลังดีเชียวครับ ไม่ข้นไปจนเป็นก้อน ไม่ใสไปจนเป็นน้ำ รสหวานน้อยๆของข้าวเหนียวดำเปียกรวมกับรสเค็มๆ หวานๆ ของหัวกะทิที่โรยหน้ามาทำให้ได้รสชาติที่ลงตัวพอดิบพอดีเลยครับ เผือกและมะพร้าวอ่อนที่ใส่ลงไปในขนมด้วยก็ช่วยให้มี texture ที่หลากหลายในการเคี้ยวมากขึ้นครับ ทำให้ข้าวเหนียวดำเปียกถ้วยนี้อร่อยมากขึ้นไปอีกครับ
฿35
67 views
3 likes
0 comments
฿35
78 views
1 likes
0 comments
฿35
82 views
2 likes
0 comments
Other Info. :
ร้านเปิดทุกวัน 09.30 - 14.00 น. หยุดทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน
(The above review is the personal opinion of a user which does not represent OpenRice's point of view.)
Post