"เป็นลาว" ร้านอาหารอีสานชื่อดังย่านถนนผ่านศึก-กุดคล้า จ.นครราชสีมา จากเดิมที่เป็นร้านเล็ก ๆ ความอร่อยแบบปากต่อปาก ทำให้ลูกค้ามาไม่ขาดสาย จากร้านเล็ก ๆ ขยายกลายเป็นร้านใหญ่ ลานจอดรถกว้างขวางสะดวกสบาย วิธีเดินทางคือสามารถวิ่งมาจากเส้นที่ผ่านร้านอาหารเดรี่โฮม ขับเข้ามา ร้านจะอยู่เยื้อง ๆ กับ Primo

ร้านเป็นร้านกว้าง มีทั้งส่วนห้องแอร์ และพัดลม ลูกค้าหนาแน่นจริง ๆ แต่ก็มีพนักงานมาคอยบริการ เจ้าของร้านต้องช่วยมารับรองลูกค้าเอง ที่นี่ภาชนะเขาจะใช้คล้าย ๆ จานชามแบบปิ่นโตโบราณ ดูคลาสสิคดีค่ะ

ปีกไก่ทอด (100 บาท) ปีกไก่หมักน้ำปลาและเครื่องเทศ ทอดมาเหลืองกรอบนอกนุ่มใน แทะกันเพลินเลย

ส้มตำไทย (60 บาท) มะละกอเส้นกรุบ ๆ ตำมารสชาติไม่หวานจนเกินไป รสเปรี้ยวและเผ็ด อร่อยใช้ได้

หมูแดดเดียว (100 บาท) เราชอบเมนูนี้ค่ะ มีสั่งเบิ้ล หมูเส้นเรียวยาว หมักเครื่องปรุสรสแบบเข้าที ทอดมาเหลืองกรอบนอกนุ่มใน โรยด้วยใบมะกรูดทอดเพิ่มความหอม

ทอดมัน เมนูนี้ทางร้านจะมีเตาแยกทอดต่างหากอยู่หน้าร้านค่ะ ทอดกันสด ๆ ใหม่ ๆ เนื้อทอดมันเนื้อเหนียวนุ่ม ทอดมาร้อน ๆ หอมเครื่องแกงรสจัดจ้าน เมนูต้องเบิ้ลสิคะจะรออะไร

เนื้อปลากรายลวกจิ้ม (150 บาท) เมนูนี้เหมาะสำหรับผู้สูงวัยค่ะ เราไม่ได้ชิมนะคะ แต่สมาชิกลงความเห็นว่าอร่อยค่ะ ปลาสดมาก ๆ ไม่คาวเลย จิ้มกับน้ำจิ้มรสเด็ดเพิ่มรสชาติ

ต้มแซ่บกระดูกอ่อน (120 บาท) เสิร์ฟมาในภาชนะแบบปิ่นโตโบราณ ดูคลาสิคดีค่ะ ต้มแซ่บรสจัดจ้านดี เผ็ดนำ เปรี้ยวตามนิด ๆ ซดเพลินเลย

ปลากระพงทอดน้ำปลา (350 บาท) ปลากระพงสดทอดมาแบบเหลืองกรอบ ราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน

ลาบหมู (100 บาท) หมูสับรวนใส่พริกป่น ข้าวคั่ว ผักชีฝรั่ง ปรุงมารสจัดจ้าน อร่อยดี

คอหมูย่าง (120 บาท) คอหมูติดมันย่างมาหอมดีค่ะ แต่เราติดว่ามันเยอะไปนิด ไม่ค่อยปลื้มค่ะ

ข้างเหนียวดำ (20 บาท) เป็นข้าวเหนียวดำหุงมาค่ะ แปลกดีไม่ค่อยเคยเห็น

ปิดท้ายด้วยของหวาน เจ้าของร้านผู้หญิงมาแนะนำเมนูเอง บอกว่าเป็นคนทำขนมเองค่ะ เลยสั่งมาลองเค้กมะพร้าว เค้กเนื้อนุ่มดีค่ะ สอดไส้ด้วยครีมสด และมะพร้าวอ่อน ส่วนอีกเมนูเป็นบานอฟฟี่พาย ชั้นล่างเป็นพายกรอบ แทรกด้วยกล้วยหอม ครีมสด และคาราเมล เราชอบของหวานร้านนี้อย่างค่ะ คือไม่หวานมากจนเกินไป

"Vino Cafe" ร้านกาแฟท่ามกลางบรรยากาศสไตล์แคว้น Tuscany ประเทศอิตาลี ที่ตั้งอยู่ใน Toscana Valley อภิมหาอาณาจักรท่ามกลางขุนเขา ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

ที่จริงหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านส่วนตัวนะคะ ดำเนินการบริหารโดยตระกูลเรืองกฤตยา ซึ่งเปิดให้เศรษฐีซื้อบ้านพักตากอากาศ มีพื้นที่กว่า 2,500 ไร่ แต่ใน Toscana Valley นี้เองก็มีส่วนสนามกอล์ฟ Club House และร้านกาแฟอยู่ด้วย สำหรับคนที่ไม่ใช่เจ้าของหมู่บ้านก็สามารถแวะเข้ามาจิบกาแฟได้นะคะ แต่ว่าต้องแลกบัตรและแจ้ง รปภ. ว่ามาใช้บริการห้องอาหาร ร้านกาแฟ หรือ Club House

พอขับเข้ามาใน Toscana Valley ให้ขับตามป้าย Town Square ค่ะ จะเหมือนหลงเข้ามาในเมือง ๆ หนึ่งซึ่งบรรยากาศเหมือนอยู่ในทวีปยุโรปค่ะ มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะจริง ๆ

ร้าน Vino Cafe เป็นร้านกาแฟซึ่งเป็นยี่ห้อ illy จากประเทศอิตาลีเลยค่ะ เรียกว่าจิบกาแฟอิตาลีท่ามกลางบรรยากาศสไตล์อิตาเลียนจริง ๆ ในร้านตกแต่งน่ารัก ๆ มีของที่ระลึกขายและตกแต่งร้านไปในตัว สามารถยืนสั่งกาแฟที่เคาน์เตอร์ พนักงานรับออเดอร์ผ่านไอแพดค่ะ

Iced Mocca (110 ++ บาท) กาแฟยี่ห้อ illy ชงมาแบบเข้มข้น รสออกขม ๆ เข้ม ๆ ไปสักนิดนึงค่ะ ยังไม่ค่อยปลื้มสักเท่าไรค่ะ

Iced Chocolate (110++) เราชอบแก้วนี้ค่ะ หอมชอคโกแลตและหวานกำลังดี ไม่หวานจนเกินไป ดูดแล้วเพลินดี

โดยรวมเราว่าเครื่องดื่มราคาค่อนข้างสูงนะคะ ยังคิด vat + service charge อีกซึ่งเราก็สงสัยค่ะ ว่าเรายืนสั่งที่เคาน์เตอร์และไปรับกาแฟเอง ทำไมต้องคิดค่าบริการเพิ่ม แต่ถ้าคิดซะว่าแลกกับบรรยากาศดี ๆ เครื่องดื่มแก้วนี้ก็ถือว่าคุ้มราคาค่ะ

Café des Artists นี้เป็นห้องอาหารของโรงแรม Hotel des Artists ที่เขาใหญ่ค่ะ  โรงแรมในเครือนี้จะเป็น boutique hotels ที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก  แต่เน้นการตกแต่งแบบเก๋ไก๋ดูดีมีรสนิยม โดยยึดธีมตามท้องถิ่นที่โรงแรมตั้งอยู่  สำหรับที่เขาใหญ่นี้จะเป็นการผสมผสานสไตล์โคโลเนียลแบบกึ่งไทยกึ่งฝรั่งเข้ากับสไตล์โมเดิร์นที่เรียบง่ายเป็นธรรมชาติตัวอาคารเน้นโทนสีขาวสะอาดตา ด้านในตกแต่งด้วยของสะสมที่จัดวางได้อย่างลงตัวมีศิลปะ ถูกใจบรรดาติสต์ตัวแม่ทั้งหลายยิ่งนัก  รอบๆโรงแรมตกแต่งด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ดูร่มรื่นน่าเดินแชะเดินชม เหมาะกับจะมาพักผ่อนแบบ slow life ดีจริงๆค่ะในส่วนของ Café des Artists นั้นจะเป็นอาคารแยกมาอยู่ต่างหากตรงทางเข้าโรงแรมด้านหน้าจึงถูกออกแบบให้เป็นกระจกโปร่งเพื่อให้ชมทิวทัศน์โดยรอบได้ถนัด มีทั้งห้องแอร์ด้านในและที่นั่งส่วน outdoor สำหรับคนชอบรับลมธรรมชาติ ตกแต่งได้น่ารักน่าสบายดีมากๆเลย***-เมนูที่ได้ลอง-***

Café des Artists แห่งนี้ดูจะทำหน้าที่ได้เอนกประสงค์  โดยเป็นทั้งห้องอาหารสำหรับมื้อเช้า เป็นร้านอาหารที่มีเมนูจานหลักต่างๆให้บริการตั้งแต่เช้าถึงค่ำ  เป็น coffee shop ที่มีเค้กและขนมพร้อมเครื่องดื่มให้มานั่งชิลล์จัดมื้อเบาๆ และไม่ลืมมีไวน์จากหลายไร่องุ่นดังให้ได้สั่งมานั่งดริ๊งค์กันด้วย สำหรับครั้งนี้เราได้ลองในส่วนของ Breakfast และ ขนมยามบ่ายนะคะ

[Breakfast]

อาหารเช้าของที่นี่จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่เป็นบุฟเฟต์ตักได้ไม่อั้น และอาหารจานหลักกับเครื่องดื่มชา-กาแฟที่สามารถสั่งจากเมนูได้คนละ 1 อย่างค่ะ●Buffet – ในส่วนนี้จะมีทั้งสลัดที่ผักสดกรอบได้ใจ น้ำสลัดก็รสดี มีผลไม้ที่ปลูกกันมากในย่านนี้ อย่างวันที่ไปก็มีทั้งองุ่น พุทรานมสด และส้ม มีนมสดและน้ำผลไม้ใส่เหยือกไว้ นอกจากนี้ยังมีปาท่องโก๋และขนมปังปิ้งให้อีกด้วย ทีเด็ดของที่นี่ที่ถูกใจเรามากๆก็คือแยมผลไม้ที่กวนเองแบบโฮมเมด ได้รสผลไม้ตามธรรมชาติเน้นๆเนื้อๆไม่ใส่น้ำตาล ไม่ปนเยลลี่  อย่างวันที่ไปเป็นแยมสตรอเบอร์รี่และแยมมะเฟือง อร่อยโดนใจจนเราแอบไปกระซิบถามพนักงานว่ามีแบ่งขายให้บ้างไหมจ๊ะ  ได้คำตอบว่าเนื่องจากเป็นแยมกวนสดๆ เก็บได้ไม่เกินอาทิตย์  จึงมักกวนแค่พอดีวันต่อวัน แต่ถ้ามาพักรอบหน้าสั่งเอาไว้ตอนโทร.จองก็จะทำเผื่อไว้ให้จ้ะ (ใครคิดจะไปพักที่นี่ถ้าสนใจก็ลองถามดูนะ)  งานนี้แม้ต้องผิดหวังแต่ก็ประทับใจกับคำตอบที่น่ารักมีน้ำจิตน้ำใจดีจริงๆค่ะ● ข้าวต้มกุ้ง / ข้าวต้มหมู – ตัวข้าวต้มเคี่ยวมาได้ดี ข้าวนุ่มบานเต็มที่ไม่แยกเป็นเม็ดๆ น้ำซุปก็รสดีใช้ได้ แอบรู้สึกว่าข้าวต้มหมูอร่อยกว่าข้าวต้มกุ้งนิดนึง ซึ่งน่าจะเป็นเพราะการปรุงรสของหมูสับที่ใส่มาทำได้ดีนั่นเอง●Egg Benedict Toast – เป็น Egg Benedict ที่วางมาบนแผ่นขนมปัง แฮม และเบคอน ราดด้วย Hollandaise Sauce รสออกหวานนำนิดๆ ..แม้อาจจะยังเทียบไม่ได้กับร้านที่เน้นเสิร์ฟ Brunch แบบจริงจัง แต่ในระดับอาหารเช้าโรงแรมนี่ต้องถือว่าดีงามเลยล่ะ[Afternoon Tea]

นอกจากอาหารแล้ว ที่นี่ยังมีชา-กาแฟและเบเกอรี่หลากหลายชนิดให้เลือกสั่งค่ะ ขนมเค้กที่นี่ทำกันสดๆแบบโฮมเมดจริงๆ แอบชะโงกดูส่วนของครัวแล้วเห็นกำลังปั่นครีมทำหน้าเค้กกันจะๆ เลยเชียว สำหรับราคาเค้กที่นี่อยู่ในราวไม่ถึงร้อย ถือว่าราคาไม่แรงสำหรับย่านนี้  แต่สำหรับแขกที่มาพักที่โรงแรมนั้นตอนช่วงบ่ายๆของทุกวันจะมีการเสิร์ฟขนมเค้กฟรี 1 ชิ้นพร้อมชาร้อน 1 ถ้วย ให้ถึงในห้องเลยค่ะ  ส่วนตอนก่อนนอนก็จะมีชา, น้ำขิง หรือโอวัลตินร้อนๆมาเสิร์ฟให้อีกด้วยนะ ดังนั้นเราเลยได้ลองเค้กไปตามนี้เลย

● เค้กมะพร้าว – ของที่นี่จะไม่ได้ใส่ชิ้นมะพร้าวอ่อนให้เห็น แต่มีกลิ่นรสของมะพร้าวแทรกอยู่ในครีมที่แต่งหน้าเค้กค่ะ  เนื้อเค้กเค้าจัดว่าดีงามใช้ได้เลย คือเนื้อนุ่มเนียนไม่แห้งฝืดคอ ได้รสนมเนยเข้มข้นกำลังดีไม่มากไม่น้อย อร่อยสมกับเป็นเค้กโฮมเมดนะ● เค้กช็อคโกแลต – ชิ้นนี้ลืมถ่ายรูปไว้ ..เนื้อเค้กดีงามไม่แพ้ชิ้นแรก  ได้รสช็อคโกแลตแบบเข้มข้นและไม่หวานจนเกินไป ถูกใจคนรักช็อคโกแลตดีจริงๆเลย

เท่าที่ดูโดยภาพรวมแล้วคอนเซ็ปต์ของร้านนี้ก็สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของโรงแรม คือเล็กแต่เปี่ยมไปด้วยความละเมียดละไม ดูใส่ใจในรายละเอียดดี ทำให้แม้เราจะไม่ได้ลองอาหารในเมนูอาลาคาร์ทของเค้าแต่ก็เชื่อว่าน่าจะทำออกมาได้ดีระดับนึง คือคงไม่ขี้เหร่แน่ๆ  แต่ความที่เป็นร้านอาหารเล็กๆนี่เอง เมนูก็เลยอาจไม่หลากหลายอลังการเท่าร้านใหญ่ๆที่นักท่องเที่ยวชอบแวะกัน  ..ไม่มีวงดนตรีเล่นสดตอนค่ำ  ไม่มีไร่องุ่นให้ชม ไม่มีสินค้าหรือของที่ระลึกขาย  ร้านนี้จึงเหมาะกับคนที่อยากจะมาจัดมื้อเล็กๆง่ายๆ ในบรรยากาศเก๋ๆที่เงียบสงบน่าสบายและไม่ touristy นักนั่นเองค่ะ ถ้าใครชอบแนวนี้ผ่านไปแถวนั้นก็ลองแวะดูได้นะคะ

หนึ่งในที่เที่ยวยอดฮิตของเขาใหญ่ ยังไงซะก็หนีไม่พ้นไร่องุ่นล่ะค่ะ เพราะมีอยู่หลายไร่เรียงรายทั้งไร่เล็กๆของคนในพื้นที่ และไร่ใหญ่ๆที่มีการผลิตไวน์ ติดแบรนด์ เปิดไร่ทำทัวร์รับนักท่องเที่ยวเป็นเรื่องเป็นราวรวมไปถึงมีร้านอาหารให้บริการซะด้วยเสร็จสรรพครบวงจร ..เหมือนอย่างไร่ PB Valley กับร้านอาหาร The Great Hornbill แห่งนี้นี่เลย..ครั้งนี้เลยแวะมาลองกันซะหน่อยค่ะ

***-บรรยากาศ-***

มาถึงในไร่องุ่น เรื่องวิวก็ต้องกินขาดอยู่แล้ว ในส่วนของตัวร้านจะเป็นอาคารไม้เปิดโล่งให้เห็นทิวทัศน์ไร่องุ่นกับขุนเขาได้รอบๆ มีบาร์ให้ชิมไวน์  มีร้านขายของฝากที่โดยมากเป็นผลิตภัณฑ์ของทางไร่ มีทัวร์ไร่องุ่นจัดเป็นรอบๆไป ใครสนใจโทร.เช็คเวลาและจองไปก่อนได้   สรุปภาพลักษณ์คือ touristy สุดๆ แต่ก็เหมือนเป็นอะไรที่ถ้ามาเขาใหญ่ก็ควรแวะดูซะหน่อยล่ะค่ะ***-การบริการ-***

เป็นถึงไร่องุ่นใหญ่ชื่อดังซะขนาดนี้ ไปช่วงหยุดยาวก็เจอผู้คนล้นหลามเป็นธรรมดา แต่ต้องชมทางร้านว่าบริหารจัดการได้ดีทีเดียวค่ะ เริ่มจากพอไปถึงก็จะเจอ reception อยู่ด้านหน้ามีพนักงานคอยจดคิว เราก็แค่เข้าไปบอกชื่อ-บอกเบอร์โทร.ไว้ แล้วก็ไปเดินเล่นชมวิว+ช้อปปิ้งร้านของฝากก่อนได้ พอถึงคิวได้โต๊ะว่างพนักงานก็จะโทร.เข้ามือถือเรียกเลย ไม่ต้องคอยยืนเข้าแถวเฝ้าคิวให้เครียดไปเปล่าๆ การบริการในร้านก็รวดเร็วใช้ได้ เสียอยู่อย่างเดียวว่าพนักงานในร้านเหมือนความรอบรู้เรื่องไวน์น้อยไปนิด (ทั้งๆที่เป็นไร่องุ่นเนี่ยนะ) บังเอิญในกลุ่มมีคนอยากดื่มไวน์ แต่ไม่คุ้นกับไวน์แบรนด์ของที่นี่ เลยขอให้พนักงานแนะนำให้ โดยบอกรสนิยมความชอบไปคร่าวๆว่าอยากได้รสชาติแบบไหน (เธออยากได้ white wine ที่ไม่ dry จนเกินไป) ปรากฏว่าพนักงานทำหน้างงๆ แนะนำได้แต่ว่าไวน์ตัวไหนขายดีที่สุดของร้าน คือเหมือนเค้าคงเทรนมาแค่ให้พอรู้ว่าให้เชียร์ตัวไหนน่ะค่ะ

***-เมนูที่ได้ลอง-***

ที่นี่มีอาหารให้เลือกหลากหลายดีทั้งอาหารไทยและฝรั่ง เมนูอาหารนี่เล่มโตทีเดียว แถมยังมีเมนูพิซซ่าอีกเต็ม 1 หน้ากระดาษด้วยนะ แต่วันที่ไปนั้นทั้งคณะเห็นพ้องต้องกันว่าอยากทานอาหารไทย เลยเลือกจัดไปตามนี้ค่ะ  ราคาที่ลงไว้ยังต้องบวก VAT 7% และ Service Charge 10% อีกนะคะ

[อาหาร]

● เมี่ยงใบองุ่นสูตรโบราณ (ราคา 180 บาท)–เมนูแนะนำยอดนิยมที่ใครๆก็สั่งกัน เมี่ยงใบองุ่นจัดมาเป็นคำๆ  ไส้ทำจากเนื้อหมูโขลกเคล้ากับเครื่องปรุงอื่นๆจนเข้มข้น มีเครื่องเคียงที่เสิร์ฟมาด้วยกันคือชิ้นองุ่นสด มะนาว มะม่วงหิมพานต์ และพริกขี้หนูสด อร่อยสมกับเป็นเมนูแนะนำ ปลื้มมากมายค่ะ ว่าไปแล้วเมนูนี้คงได้ไอเดียจากเมี่ยงคำ แต่พอมาเป็นใบองุ่นนี่เรายิ่งชอบเลย เพราะใบองุ่นกลิ่นไม่แรงเหมือนใบชะพลู แถมใบยังบางกว่าทานง่ายกว่า (เวลาเคี้ยวไม่เหนียวดีน่ะ) สำหรับเราแล้วเลยทานเพลินโดนใจกว่ากันเยอะ เด็ดจริงสมกับเป็น signature menu ของเค้าล่ะนะ● ไก่ดอยคั่วตะไคร้ (ราคา 190 บาท)– เนื้อไก่นุ่มๆผัดใส่ตะไคร้ที่ฝานมาเป็นเส้นบางๆทานง่าย เพิ่มกลิ่นรสด้วยพริกไทยสด จานนี้เนื้อไก่ผัดรวนมาแห้งดี รสชาติก็เข้มข้นกลมกล่อมมีเผ็ดนิดๆพอชูรส แม้ไม่ใช่เมนูแนะนำแต่ก็อร่อยสอบผ่านเลยล่ะค่ะ ● พะแนงไก่(ราคา 200 บาท) –เครื่องแกงเข้มข้นพองาม ปรุงรสมากำลังดี แม้วัดดีกรีความปลื้มแล้วยังด้อยกว่าจานอื่นๆแต่ก็จัดว่ารสชาติใช้ได้นะ● ต้มแซ่บซี่โครงหมูอ่อน (ราคา 220 บาท) –ชามนี้ดีงามถูกใจไม่มีอะไรจะติ รสต้มแซ่บปรุงมาได้กำลังเป๊ะ เนื้อหมูก็นุ่มละมุนลิ้นสุดๆ อร่อยจนวิดกันเกลี้ยงชามเลยทีเดียวค่ะ[ของหวาน]

●Coconut Pudding (ราคา 150 บาท) –เมนูพิเศษของช่วงที่ไป อ่านดูเห็นบอกว่ามันคือพุดดิ้งเผือกมะพร้าวน้ำหอม ซึ่งชิมดูเราว่าก็คล้ายๆวุ้นกะทิแต่ออกจะหวานอยู่รสเดียว มีไอศครีมวานิลลาเสิร์ฟเคียงมาแบบค่อนข้างละลาย เนื้อไม่แน่นเท่าไหร่ รสชาติธรรมดา ไม่ถึงกับประทับใจอะไรนักน่ะค่ะ●Cheese Cake and Grape Sauce (ราคา 180 บาท) – เนื้อ cheese cake ค่อนข้างแห้ง  ไม่ค่อยหอมชีสเท่าไหร่   ตัวเบสเป็นพายโอรีโอ้หนาๆค่อนข้างแข็ง  ส่วนเจ้า grape sauce ที่ว่านั้นก็คือตักแยมองุ่นมาโปะ   (ดูจากความหวานเชี้ยบและผสมเยลลี่เต็มพิกัดแล้วมันก็คือแยมองุ่นตักจากขวดสำเร็จรูปแบบที่ขายในร้านของฝากนั่นเอง) มีไอศครีมชาโคลรสค่อนข้างจืดๆเคียงมา 1 ลูก   ..คือโดยรวมรสชาติก็ทานได้อยู่ ไม่ได้แย่   แต่กับของหวานที่ราคาเกิน 200 (ถ้ารวม++) นี่เราคาดหวังความละเมียดละไมมากกว่านี้น่ะค่ะ อย่าง grape sauce นี่ควรจะเป็นซอสองุ่นกวนสดๆได้เนื้อองุ่นเต็มๆล้วนๆอะไรทำนองนี้น่าจะฟิน....จบมื้อนี้ด้วยกาแฟร้อนกัน กาแฟที่นี่ความหอม+ความเข้มกลางๆ พอใช้ได้ แต่ไม่ถึงกับโดดเด่นอะไรนัก จิบเพลินๆหลังมื้ออาหารก็ใช้ได้อยู่ค่ะโดยรวมแล้วที่นี่โดดเด่นที่วิวไร่องุ่นกับความสะดวกครบครันทั้งเรื่องกินเรื่องเที่ยวเรื่องช้อป อาหารคาวนี่คืออร่อยชนะเลิศทุกอย่าง ฟินสุดๆ แต่ของหวานออกจะธรรมดาไปหน่อย ถ้ามีโอกาสมาแถวย่านนี้ก็มาลองจัดดูค่ะ

มากินอาหารกลางวันที่นี่ก่อนขึ้นเขาใหญ่ ร้านปรับปรุงใหม่ ทำให้ดูโปร่งขึ้น 

แต่โต๊ะเราว่าเล็กไปสำหรับการนั่งแปดคนต่อโต๊ะน่ะ 

อาหารรสชาติโอเคทั้งสามจาน ไม่ถึงกับว้าวมาก แต่ก็ไม่ขี้เหร่ 

พนักงานโอเค มีระบบในการลงอาหารดี แต่ก็ต้องคอยเช็คตรวจสอบอยู่เหมือนกัน เพราะบางทีก็มีงงๆ อยู่ 

โดยรวมก็เป็นอีกร้านที่กินได้ในโซนนี้ แต่เลี่ยงเวลาที่ทัวร์จะลงก็น่าจะดีกว่านะคะ

ห้องอาหารเช้าของโรงแรมโบนันซ่าค่ะ ห้องอาหารอยู่ชั้นเดียวกับล็อบบี้เลย ต้องใช้คูปองอาหารเช้าด้วยนะคะ 

รร.น่ารักที่มีไลน์อาหารเจให้สำหรับคนกินเจด้วย 

แต่ตัวเลือกไลน์อาหาร เราว่ามันน้อยไปง่า ไม่เหมาะกับระดับรร.เลย ดูพื้นๆ เหมือนรร.สามดาวมาก และรสชาติอาหารก็แบบว่า...เอ่อ...เน้นอาหารเพื่อสุขภาพหรือไร นอกจากผัดผักแล้วไม่มีอะไรอร่อยเลยค่ะ รสออกจืดๆ ไม่มีรสเป็นส่วนใหญ่ 

แต่เนยใช้อลาวรี่นะคะ โอเคอยู่ค่ะ 

เป็นหนึ่งร้านดังของปากช่องค่ะ ถ้าจะไปด้วยรถบัส ต้องนั่งรถสองแถวต่อเข้าไปในร้านนะคะ เพราะรถบัสเข้าไปไม่ได้ค่ะ แต่คนขับรถสองแถวคนหนึ่งหล่อมาก หล่อเกิ๊น เล่นเอาป้าน้ำหมากไหลกันเลยทีเดียว 

ร้านจะตกแต่งด้วยของเก่าๆ เยอะมากๆ ค่ะ ทำให้มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก มีไอศกรีมโบราณขายด้วยนะคะ 

อาหารที่กิน เราชอบหลนปลาอินทรีย์มากค่ะ อร่อยยยยย สะเต๊ะก็ดีงามค่ะ รอบนี้คือไปทำงาน ยังคิดอยู่ว่ามีโอกาสจะไปกินเอง คงชิลล์ได้มากกว่านี้ 

ร้านนี้ที่นั่งเยอะ แต่กรุ๊ปทัวร์ก็มีมาลงนะคะ เลี่ยงเวลามื้ออาหารปกติที่ทัวร์จะลงก็ดีค่ะ 

ขากลับเข้ากรุงเทพ อยากลองร้านใหม่ ๆ บ้าง ก็เลยหาจากเวบ เจอร้านนี้ ที่อยู่ไม่ไกล
ก็เลยแวะเข้าปากช่องกันหน่อยค่ะ

ร้าน ครัว น่านน้ำ

เรามาจากถนนมิตรภาพ ก็เลี้ยวเข้าตรงปากช่องเลย ตรงมาตามทาง ที่จริงเราเปิดตาม google มา ถึงแน่นอน แต่ก็อาจจะเลี้ยวแล้วเง็งๆ หน่อย

เป็นร้านสไตล์สวนอาหารที่ข้างหลัง ติดกับน้ำตก แต่ตอนเราไป แดดส่องก็เลยได้แต่มองน่ำตกอย่างห่างๆ บรรยากาศร้านธรรมดาค่ะ ไม่ได้ตกแต่งอะไรมาก แต่ก็นั่ง สบายๆ พนักงานบริการดีด้วย = ยำกุ้งฟู =
ก็คล้ายๆ ยำปลาดุกฟูแค่เปลี่ยนมาเป็นกุ้ง เขาทอดมากรอบๆ ฟูดี น้ำยำก็เปรี้ยว ๆหวาน รสดีค่ะ = ทอดมันกุ้ง=
เมนูประจำ สั่งตลอด ที่นี่เขาก็ทำอร่อยดีค่ะ เป็นทอดมันกุ้งแบบชุบปแป้งทอด เสริฟมากับน้ำจิ้มบ๊วย
ทอดมันชิ้นใหญ่ดี = ต้มโคล้งไก่บ้าน =
ที่จริง ต้มโคล้งเขาอร่อย รสชาติดี แต่ที่เราผิดหวังสุดไก่เขามีกลิ่น เหมือนไม่สด ไม่ถูกปากตรงไก่นี่แหละ
เสียดายๆๆๆ =ปลาหมึกผัดน้ำพริกเผา=
จานนี้ รสชาติดี แต่ว่าปลาหมึกแว่นเล็กไปหน่อย ชอบปลาหมึกใหญ่ๆ กินแบบเต็มปากเต็มคำ โดยรวมรวมแล้ว อาหารที่ร้านก็กลางๆ วิวน้ำตก ก็โอเคอยู่ค่ะ ถึงร้านจะเก่านิดๆ

อีกหนึ่งร้านกาแฟน่านั่ง บรรยากาศร่มรื่น เหมาะแก่การนั่งอ่านหนังสือ ไปพร้อมกับการจิบชากาแฟ "กาแฟ อาม่า" ร้านตั้งอยู่บนถนนมิตรภาพ ฝั่งขาเข้าโคราช ถ้ามาจากกรุงเทพฯ ให้ใช้ทางคู่ขนาน ตรงมาเรื่อยๆ ผ่านบ้านท่านสุวัจน์ ผ่านฮอนด้าเชิดชัย ตรงมาเหมือนจะมากลับรถใต้สะพาน ร้านอยู่ซ้ายมือค่ะ ภายในร้านบรรยากาศดีมากๆ ต้นไม้เยอะดีค่ะ เลือกได้เลยว่าอยากนั่งแบบไหน มีทั้งแบบนั่งชิลด้านนอกรับลมธรรมชาติหรือใครอยากนั่งห้องแอร์ก็มีค่ะ แต่จะมีโต๊ะอยู่ไม่มาก ลูกค้าส่วนใหญ่ก็นั่งด้านนอกกันค่ะ เราก็ชอบนะ เย็นสบายดี ลมพัดเอื่อยๆ แต่ๆๆๆๆ....พวกที่ชอบสูบบุหรี่เนี่ย ทำให้เสียบรรยากาศ ขอเถอะค่ะ อยากสูบออกไปสูบนอกร้าน สงสารคนที่เค้าไม่สูบบ้างเถอะ อ่ะ!! ต่อๆ ที่ร้านก็มีทั้งเครื่องดื่ม เบเกอรี่ ไข่กระทะและอาหารจานเดียวไว้คอยบริการด้วยนะคะ กาแฟของที่นี่จะเป็นกาแฟลาว จำได้มั้ยคะ โฆษณา "เอิ้น..ดาวก็ได้"
เปิดบริการ: 09.00-18.00 น.
เบอร์โทรศัพท์: 044-352859

ครัวจันผา –ร้านอาหารดังของเขาใหญ่ที่ชูความโดดเด่นด้านอาหารรสชาติแบบไทยแท้ๆนี้ ทราบมาว่าก็คือร้านแม่ลาปลาเผาที่มีต้นตำหรับมาจากสิงห์บุรีนั่นเองค่ะ เรียกได้ว่าชื่อเสียงดีงามไม่ใช่เล่น มาเที่ยวเขาใหญ่จัดมื้อสเต็กบ้างเค้กบ้างไปซะหลายมื้อคิดถึงอาหารไทยขึ้นมาเลยต้องแวะเข้าร้านนี้ในทันใด..(จัดปาย..)

***-ทำเลที่ตั้ง / บรรยากาศ-***

ร้านอยู่ริมถนนธนะรัชต์ จากปาลิโอขับตรงมาทางด้านที่จะไปด่านทางขึ้นเขาใหญ่เพียงกิโลเมตรกว่าๆก็จะเจอร้านอยู่ทางขวามือค่ะ ลักษณะร้านตกแต่งแบบสวนอาหารขนาดใหญ่ ปลูกต้นไม้ตกแต่งไว้ร่มรื่นสวยงามทีเดียว สำหรับที่นั่งมีทั้งแบบห้องแอร์และที่นั่ง outdoor ค่ะ เข้าไปดูส่วนห้องแอร์รู้สึกว่าค่อนข้างเล็กชวนให้อึดอัด เราเลยเลือกนั่งข้างนอกกัน ..บรรยากาศดีกว่าแถมได้รับลมธรรมชาติ แต่ข้อเสียก็คือช่วงค่ำๆยุงชุม (ได้อย่างเสียอย่างค่ะ) แม้ทางร้านจะจุดยากันยุงให้ก็ยังมีกวนบ้าง ยุงป่านี่ตัวใหญ่กัดดุซะด้วยนะคะ แนะนำใส่กางเกงขายาวไปดีที่สุดค่ะ

***-เมนูที่ได้ลอง-***

พอได้โต๊ะแล้วทางร้านจะนำเมนูเล่มโตมาให้พร้อมปากกาและกระดาษที่มีรายชื่ออาหารพร้อมช่องให้ติ๊กว่าจะสั่งอะไรบ้างเลือกเสร็จก็ส่งกระดาษให้พนักงานไป แล้วนั่งรออาหารมาเสิร์ฟได้เลยค่ะ เราสั่งไปตามนี้เลย...

● คอหมูละเมียด (ราคา 190 บาท) – เนื้อส่วนคอหมูติดมันแต่พองามหั่นมาชิ้นหนา หมักมารสดีเนื้อนุ่มละมุนลิ้นอร่อยใช้ได้เลยล่ะค่ะ

ที่ถูกใจคือน้ำจิ้มที่เป็นพริกตำ เข้ากับหมูย่างได้ดีมากๆ ทานเพลินค่ะ ● แกงส้มชะอมกุ้งสด (ถ้วยละ 180 บาท / หม้อละ 250 บาท) – เป็นแกงส้มที่ปรุงรสมาได้ถูกใจ เปรี้ยวหวานเผ็ดเข้มข้นกลมกล่อมสมดุลกันดี

กุ้งสดตัวไม่โตแต่เนื้อนุ่มเด้งกำลังอร่อยแถมให้มาหลายตัวทีเดียว ชิ้นชะอมชุบไข่ก็หนานุ่ม สรุปว่าจานนี้ปลื้มมม..จ้า● น้ำพริกปลาช่อนย่าง (ราคา 150 บาท ) – เห็นที่นี่มีเมนูเด็ดคือปลาช่อนเผาแม่ลา แต่งานนี้ผู้ใหญ่รีเควสอยากกินน้ำพริก ก็เลยเลือกเป็นน้ำพริกปลาช่อนย่างตัวนี้ล่ะค่ะ (ขอมีปลาช่อนไว้ซะหน่อยให้อุ่นใจ) ปรากฏว่าเด็ดได้ใจ น้ำพริกโขลกเนื้อปลาช่อนใส่มาแบบจัดเต็มแถมมีหอมกลิ่นย่างอ่อนๆด้วย ปรุงรสเปรี้ยวนำเผ็ดตามแบบนึกถึงแล้วซี้ดซ้าดสะใจ ทานกับผักสดที่ให้มาเต็มจานนี่คือเลิศสุดๆ ..ฟินเลย...● ส้มตำทอด (ราคา 150 บาท) – จานนี้เอามะละกอสับไปชุบแป้งทอดมากรอบๆ แยกน้ำส้มตำมาต่างหากให้ตักราดทีละคำเพื่อคงความกรอบกริ๊บเอาไว้ น้ำส้มตำรสแบบตำไทยใส่ถั่วลิสงปรุงมากำลังเป๊ะ จัดว่าอร่อยใช้ได้นะนอกจากอาหารแบบกับข้าวแล้ว ที่นี่ยังมีพวกอาหารจานเดียวเอาใจคนที่อยากจัดมื้อง่ายๆด้วย ส่วนคอไวน์ก็คงถูกใจเมนูไวน์จากไร่องุ่นดังๆของเขาใหญ่ที่ทางร้านมีไว้ให้บริการครบครัน นั่งกินนั่งดื่มไปได้ชิลล์ๆ ค่ะ โดยรวมแล้วรสชาติอาหารที่สั่งมาครั้งนี้เรียกได้ว่าอร่อยทุกอย่าง ส่วนการบริการเท่าที่เจอคือธรรมด๊าธรรมดาสไตล์สวนอาหารไทยๆทั่วไป ไม่ได้ดีเลิศจนน่าประทับใจ แต่ก็ไม่ได้มีเหตุติดขัดให้ต้องเคือง อาหารก็ไม่ได้ช้ามาก ..จัดว่าเสมอตัวนะคะ ถ้ามาเที่ยวเขาใหญ่ก็แวะมาลองได้ค่ะ

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ชาว Openrice ทุกคน
วันนี้ มีร้านอาหารบรรยากาศดีๆ พิกัดที่ตั้งอยู่ใน Escape Khaoyai Hotel มาแนะนำกันค่ะ

ไปชมบรรยากาศและเลือกเมนูหน้าตาดีงามด้วยกันค่า ห้องอาหาร Green Oak Bistro พิกัดตั้ง ชั้น2 โรงแรม Escape Khaoyai ค่ะ

มาถึงแล้ว เราไปเก็บบรรยากาศสวยๆของห้องอาหารนี้กันบรรยากาศชิลด์ๆยามบ่ายแก่ๆในโซน outdoor
ถ้าไม่ได้มีแพลนออกไปทัวร์นอกรีสอร์ท แนะนำให้มารับอากาศบรืสุทธิ์ แล้วสั่งเครื่องดื่มแก้วโปรด
นั่งมองพระอาทิตย์ลาขอบฟ้า ต้องบอกว่า มุมตรงนี้มันฟินทีเดียวค่า

ส่วน prizella เรามาถึงห้องอาหารในช่วง 6 โมงเย็น ฟ้าเริ่มมืด
เลยขอเลือกเข้าไปดินเนอร์ในโซนอินดอร์ รับแอร์เย็นๆกันค่ะบรรยากาศในโซน Indoor
ห้องอาหารกรีนโอ๊คมีขนาดไม่ใหญ่มาก เพดานสูงโปร่ง
จัดวางโต๊ะสำหรับรับประทานในจำนวนพอดี ทำให้รู้สึกไม่อึดอัด
เราจองโต๊ะไว้โดยเลือกที่นั่งในโซนติดหน้าตา
ต้องบอกว่า ยิ่งดึก ก็ยิ่งมีคนออกมาใช้บริการในห้องอาหารนี้กันเยอะ
ที่นั่งเต็มค่า

มาดูเมนูกันต่อเลยเมนูของที่นี่จะมีเซ็ตอาหารไทย ที่จัดอาหารเซ็ตหลายๆอย่าง ได้น่าสนใจและราคาก็ reasonable ด้วยค่ะ
นอกจากนี้ ก็ยังมีเมนู a la carte เป็นอาหารจานเดียวที่เราเลือกสำหรับมื้อนี้ค่าสั่งกันเรียบร้อย พนง.จะนำออร์เดิร์ฟ เป็นขนมปังนุ่มๆพร้อมเครื่องเคียงถ้วยเล็ก
มาเสิร์ฟกันก่อนค่ะความที่ทราบว่ามา ห้องอาหารที่นี่จะคัดสรรวัตถุดิบอย่างดีภายใต้คอนเซ็ป Farm to Farm
เราเลยเลือกเมนูเฮลตี้ เป็น Caesar Salad with Grilled chicken (200B) มาเรียกน้ำย่อยกัน
จานนี้ ผักออแกนิคที่จัดมาสดดี ทานกับไก่ย่าง เบคอนกรอบๆ คลุกเคล้าด้วยน้ำสลัดซีซ่า อร่อยเบาๆดีค่ะต่อด้วยเมนคอร์ส 2 เมนู
บน Fried River Prawn with Tamarind Sauce (380B)
ล่าง Spaghetti with sausage chili and garlic (250B)

จานแรก กุ้งแม่น้ำราดซ๊อสมะขาม  กุ้งตัวใหญ่ปรุงมาดี ทานกับข้าวสวยๆร้อนๆ รสชาติก็โอเคมาตรฐานค่ะ
ส่วนเมนูเส้นจานล่าง คือ สปาเกตตี้ไส้กรอกเขาใหญ่ผัดพริกกระเทียม ที่ปรุงแต่งจัดมาสวยงามน่าทานมาก
ชิมรสชาติแล้ว คนทานไม่จัดมากแบบเราต้องบอกว่ารสมันเร้าใจ ด้วยความเผ็ดของพริกกระเทียม
เป็นอีกจานที่น่าจะถูกใจคนชอบความจัดจ้านเผ็ดร้อนกันค่ะปิดท้ายมื้ออร่อยด้วยไอศครีมรสแมคคาดาเมียนัทแบรนด์โปรดแสนอร่อยถ้วยนี้ค่ะ

โดยรวมสำหรับดินเนอร์ครั้งนี้ รสชาติอาหารอร่อยกลางๆ ตามมาตรฐาน ถูกใจคนไม่ทานจัดมากแบบเรานะคะ
บรรยากาศในร้านสวย นั่งกันสบายๆ ส่วนราคาก็สูงไปตามวัตถุดิบและมาตรฐานของรีสอร์ทนี้ค่ะ

สวัสดีค่าเพื่อนๆชาว Openrice ทุกคน
วันนี้ prizella จะมาแนะนำร้านบรรยากาศสวย
มีขนมหวานหน้าตาดีงาม พิกัดที่ตั้งอยู่บนถนนธนรัตน์ เขาใหญ่
ตามมาเลยค่าThe Chocolate Factory@Khaoyai

พิกัด : จากถนนธนรัตน์วิ่งตรงสู่เขาใหญ่ ประมาณ กม.ที่ 13
จะเห็นป้ายชื่อร้านสีแดงเด่นทางขวามือ เยื้องๆกับร้านครัวเขาใหญ่
ให้เลี้ยวขวานำรถมาจอดที่ด้านหน้า ใกล้ๆกับสนามเด็กเล่นเลยค่ะ

บรรยากาศในโซน outdoor
เหมาะมานั่งชมวิวแบบชิลด์ๆ ในยามเย็นค่าเข้าไปชมบรรยากาศภายในร้านกันบ้างค่ะเปิดประตูเข้าไปรับแอร์ด้านใน จะพบแกงส์น้องหมีน่ารัก รอต้อนรับผู้ที่มาทานอาหารและขนมที่นี่ค่า

ไปสำรวจของหวานในร้านกันค่ะ
ทริปนี้ เราตั้งใจมาทานของว่างหลังอาหารมื้อใหญ่
ซึ่งที่  The Chocolate Factory ก็มีทั้งเบเกอรี่หน้าตาดีและช็อคโกแลตรสชาติต่างๆ
รวมถึงไอศครีมให้บริการด้วยค่ะเริ่มต้นด้วยวาไรตี้แคนดี้และชอคโกแลตรสชาติต่างๆค่ะส่วนโซนนี้เป็นมุมเบเกอรี่ มี cake หลายๆรสชาติ ทั้งชอคโกแลต ส้ม กรีนที ราสเบอรี่และกาแฟ
ให้ผู้มาทานได้เลือกอร่อยกัน

มื้อของว่างครั้งนี้ เราเลือกไอศครีม แบบพรีเมี่ยมจาก France มาลองค่ะบน รสมัตฉะ ล่าง รสชอคโกแลต
ทางร้านเสิร์ฟมาในถ้วยแก้ว รสชาติ ทั้งชาเชียวและช็อคโกแลตอร่อยเข้มข้นถูกใจ
เสียแต่ว่า Scoop มันเล็กไปนิดอะค่า ส่วนเบเกอรี่ ความที่เป็น Chocolate Lover เลยเลือก Cake Chocolate ที่ตกแต่งมาสวยงาม
ชิมรสดูแล้ว chocolate ออกเข้มข้น เนื้อเค้กแน่นไปนิด รสชาติไม่หวานมาก
น่าจะถูกใจคนชอบเค้กเนื้อหนัก แนวๆนี้หละค่า

เพื่อนๆที่มีทริปเขาใหญ่ ถ้าชอบถ่ายรูป เราว่าน่าจะถูกใจ ร้านตกแต่งสวยบรรยากาศดี
ราคาของหวานมื้อนี้ก็ราวๆ 2xx- ค่ะ
และนอกจากเค้ก ไอศครีม และชอคโกแลตแล้ว ทางร้านก็ยังมีเมนูอาหารคาวให้บริการกันด้วยนะคะ

สวัสดีค่าเพื่อนๆชาว Openrice ทุกคน
วันนี้ มาแนะนำร้านอาหารอิทาเลี่ยนร้านโปรดที่เขาใหญ่
ที่มีโอกาสไปเที่ยวแทบทุกรอบ เราไม่พลาด ต้องแวะไปอร่อยกันค่าE.A.T. Bar&Bistro@Khaoyai

พิกัด : ถนนธนะรัชต์ ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง นครราชสีมา
การเดินทาง จากถนนมิตรภาพ มุ่งหน้าสู่ปากช่อง ให้ขึ้นสะพานโค้งไปยังถนนธนะรัชต์
ขับตรงไปบนถนนธนะรัตน์ถึง ช่วงกม.3 จะเห็น 7-11 อยู่ทางซ้ายมือ
ร้าน E.A.T. จะอยู่ถัดจาก 7-11 ไปนิดเดียวค่ามาถึงแล้ว นำรถเข้ามาจอดได้บริเวณหน้าร้าน แล้วตาม prizella มาเลยค่า

บรรยากาศด้านหน้า Zone Outdoorทริปนี้ เราไปทานมื้อกลางวัน อากาศช่วงนั้น ต้องบอกว่าร้อนทีเดียวค่า
งานนี้ เราขอเข้าไปรับแอร์เย็นๆ ในร้านกันดีกว่าค่ะ

Zone Indoor

บรรยากาศภายใน สวยเก๋ ถูกใจ มีมุมให้เก็บภาพกันมากมาย
แต่ที่โดดเด่นคือ บรรดาขวดเครื่องดื่มรูปทรง สีสันแปลกตามากมาย
ที่เดาว่าน่าจะส่งอิมพอร์ตมาจากแดนไกล ทางร้านตั้งวางเรียงรายเต็มไปหมด
ทำเอาสมาชิกพี่ๆในแกงส์สนใจ อยากจะเลือกมาชิมรสชาติกันเลยหละค่ามาดูเมนูกันบ้างค่ะนอกจากเมนู smooties เมนูทานเล่นและรายการอาหารจานหลักแล้ว
ยังมีเครื่องดื่ม ที่ทางร้าน recommend สำหรับคนที่ชื่นชอบแอลกอฮอล์กันด้วยค่ะ

เรามาเริ่มด้วยเครื่องดื่มเบาๆสีหวานของสาวๆกันนะคะบน เชอรี่เทมเปิ้ล สีส้มจี๊ดแสบตา ส่วนรสชาติก็หวานอร่อย ถูกใจค่ะ
ล่าง น้ำแตงโมปั่น รสชาติมาตรฐาน แต่แก้วนี้ มีดีตรงที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นค่า

มาต่อด้วยเมนู appetizer ที่เราเลือกมาอร่อยกัน 3 เมนูหอยเแมลงภู่อบไวน์ขาว หน้าตาดีงามและด้วยวัตถุดิบตัวหอยสด รสนัวทีเดียวค่ะจานถัดมา คือสลัดแซลม่อนรมควัน น้ำสลัดเป็นแบบซีอิ๊วค่ะ
จานนี้เหมาะกับคนรักสุขภาพและโปรดปรานแซลม่อน
แซลม่อนมาแบบชิ้นโต ส่วนผักก็สดกรอบ รสชาติมาตรฐาน ทานได้ค่ะผักขมอบชีส
เป็นเมนูเรียกน้ำย่อย ที่เรายกให้เป็นจาน recommend นะคะ
ตอนที่ยกมาเสิร์ฟจะหอมอบอวลชีสสุดๆ
ส่วนรสชาติ ร้านนี้เค้าทำแบบชีสเยิ้มๆ เราทานกับผักขมที่รสไม่ขม
สาวกชีสปลื้มกด LIKE อร่อยถูกใจจนต้องรีเควสเบิ้ลมาทานกันอีกจานค่ะ

มาถึงจานเมนคอร์สกันบ้างนะคะสปาเกตตี้คาโบนาร่า รสชาติเค็มๆมันๆ ทานคู่กับเบคอนที่ทอดมาแบบกรอบ อร่อยค่ะปิดท้ายมื้ออร่อยครั้งนี้ด้วยเมนู ขาหมูเยอรมัน ที่เสริฟมาแบบสวยงามในถาดไม้
พร้อมเครื่องเคียง เป็นมันบด ผักดองและน้ำจิ้ม 2 แบบค่ะ
จานนี้ เรารอกันพักหนึ่ง เนื่องจากใช้เวลาทำค่อนข้างนาน แต่ก็เป็นจานที่ทำมาดีทีเดียว
ขาหมูกรอบนอกเนื้อนุ่มใน ทานคู่กับมันบดที่อร่อยมากกกก และเพิ่มรสชาติจัดจ้านด้วยน้ำจิ้มแซบตัวสีเขียว
ต้อง CF ว่ามันเข้ากันอย่างลงตัว อร่อยสุดๆเลยหละค่ะ

เพื่อนๆที่ชอบอาหารแนวครีมมี่ มีโอกาสไปเที่ยวเขาใหญ่
แนะนำเลยค่า ด้วยวัตถุดิบคุณภาพ ราคาไม่แรง ( ที่ไม่มีราคาแจ้งบอก เนื่องจากเราไปทานมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ราคาอาหารอาจมีการเปลี่ยนแปลงค่ะ ) และที่สำคัญ คือ เราทั้งหมดปลื้มและเอนจอยกับหลายเมนูเลยค่า

สวัสดีค่าเพื่อนๆชาว Openrice ทุกคน
วันนี้มาชวนไปชิลด์-เอาท์ สูดความสดชื่นเติม OXYGEN ท่ามกลางขุนเขากันที่เขาใหญ่นะคะ
ทริปพิเศษครั้งนี้ เป็นการไปพักผ่อนรวมถึงฉลองวันเกิดย้อนหลังของพุทราเองค่า
โดยพี่ช่างภาพเป็นคนจัดการในเรื่องที่พัก ส่วนหมวยขอรับหน้าที่หาร้านฮิปฮิป อินเทรนด์ที่เขาใหญ่
พร้อมแล้ว ไปรู้จัก Coffee TANK ร้านกาแฟสุดชิค ที่ทาง BLOG แสนสิริเลือกให้เป็น
1 กิจกรรมใหม่ที่น่าสนใจ ที่ต้องบอกว่า เราพลาดไม่ไปเยือนไม่ได้เลยคร่า
(ขอขอบคุณแสนสิริสำหรับข้อมูลด้วยค่ะ)

YELLOW SUBMARINE COFFEE TANK
www.facebook.com/yellowsubmarinecoffee
OPEN : FRI-SUN 09.00-19.00
พิกัดการเดินทาง ถ้ามาจากถนนธนะรัชต์ ให้เลี้ยวขวาที่กิโลเมตรที่ 24 ทางเดียวกับที่จะไป
Primo Piazza , Thames Valley , เป็นลาว และ The Birder'S LodgeThe Birder 'S Lodge
จากนั้น ให้ขับรถตรงต่อไป จนกระทั่งเห็น Terano Restuarant ที่อยู่ทางซ้ายมือ ใกล้ถึงจุดหมายแล้ว
เพราะร้าน Yellow Submarine จะอยู่ในซอยที่ติดกับร้านอาหาร ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยข้างหน้า
โดยจะเห็นป้ายร้านขนาดใหญ่ สีตำ ตั้งบอกพิกัดที่หน้าซอยด้วยค่ะ
มาถึงแล้ว ต้องเก็บบรรยากาศ ที่ขอบอกว่า ชิคอาร์ตลึกลับน่าค้นหา ตั้งแต่ประตูเอนทรานซ์ด้านหน้าเลยหละค่าไปสำรวจด้านในกันต่อ
จากลานกว้างด้านหน้า ที่มีกำแพงสีดำประกบคู่ยาวขนาน เป็นทางที่นำเราเข้าสู่ด้านในร้านค่ะ
Zone outdoor...

Zone Outdoor

0

Zone Outdoor

Zone outdoor... เป็นอีกพื้นที่ที่มีมุมให้คนรักกล้องได้สนุกกับการเก็บภาพสุดๆค่า

พุทราไปถึงในช่วงบ่าย แสงอาทิตย์กำลังแผ่รังสีความร้อน ทำเราแทบละลายกันเลยทีเดียว
เดินมาถึงกลางร้าน จะเป็นที่สำหรับสั่งเครื่องดื่มและของว่างกันค่ะเมนูเครื่องดื่ม...มีทั้ง Hot Ice Frappe และ Cold Pressed
ส่วนรายการของหวาน สามารถชี้สั่งได้จากตู้กระจกที่ Counter เลยค่ะ
ออร์เดอร์กันเรียบร้อย ก็ตามหมวยไปผจญภัยกับเยลโหลซัปมารีนในโซน Indoor กันต่อค่าZone indoor...เรียบง่าย ได้ฟิลของบรรยากาศการนั่งจิบกาแฟเก๋ๆ ในป่ากัน (ถ้าคนน้อยนะ 555)

มาชิมด้วยกันเลยค่าOur Beverage...พุทราเลือก ไอซ์มัตฉะลาเต้ ส่วนพี่ช่างภาพได้ คอฟฟี่ลาเต้เย็น มาดับร้อนค่านอกจากขนมในตู้แล้ว น้องพนักงานแนะนำ Black Honey Toast ซึ่งเป็นเมนูหน้าตาดีและน่าสนใจมาลองค่ะโทสน์ชาโคลสีดำหนึบหนับ ท็อปด้วยไอศครีมวนิลา+สตรอเบอรี่ เสิร์ฟคู่กับวิปครีมและคาราเมลซ๊อส
ก็เรียกว่า อ้วนเต็มสตีมทั้งหวาน มัน อิ่มของหวานพุงกลมกันที่เดียวค่า

โดยรวมสำหรับที่นี่ ต้องบอกว่าเหมาะสำหรับคนที่รักกล้องชอบถ่ายภาพค่า
เครื่องดื่มและของหวานราคากลางๆ รสชาติก็ปกติ ไม่ได้ว้าวมากมาย
แต่ที่ประทับใจ ก็คือ บรรยากาศรอบๆร้าน
ถ้ามีโอกาส แนะนำให้ลองแวะไป drop in @ เรือดำน้ำสุดชิค แค่ได้แชะและเมมโมรี่ไว้ใน IG&FB ก็ฟินกันแล้วหละค่า วันนี้ ขอลากันไปด้วยภาพ L o s T in The Miraculous L a n d... ตรงนี้เลยค่ะ

อาหารอร่อยบริการดี ราคาถูกสะอาด บรรยากาศดีมาก แนะนำให้มากับเพื่อนหรือครอบครัว เริ่ดเริ่ด