สวัสดีค่ะ

มาปิดท้ายร้านอาหารสุดท้ายของทริปไปงานรับปริญญาน้อง ณ โคราชนะคะ ที่จริงกะว่าโปรฯ นี้จะไม่มีรีวิวแล้วหละค่า แต่แอดมินเตือนในหน้าเฟซบุ๊คว่า แต้มที่เหลือจะถูกเคลียร์ทั้งหมด เอาไปใช้ไม่ได้ เลยทำรีวิวอีกรีวิว เพื่อให้แลกของได้ (ไม่ค่อยงกเลยแก 555) ซึ่งร้านนี้เป็นร้านที่ครอบครัวของน้องพาญาติๆ และเพื่อนๆ น้องเค้าไปรบประทานขอบคุณที่ไปร่วมงานรับปริญญาค่ะ เมนูทั้งหมดเจ้าภาพเป็นคนสั่ง และแน่นอนว่า..เจ้าภาพจ่ายจึงไม่รู้ราคานะคะ แหะๆ

ร้านค่อนข้างใหญ่โตกว้างขวางทีเดียวค่ะ คนวันนั้นก็เยอะพอสมควรนะคะ ไปถึงอาหารบางส่วนก็วางแล้วหละค่ะ พร้อมน้ำจิ้ม เอาภาพป้ายมาไว้กับน้ำจิ้มเพราะมันเป็นแนวตั้งเหมือนกัน วะฮะฮ่า มาดูอาหารรายจานกันบ้างดีกว่าเนาะ

หมึกนึ่งมะนาวค่ะ รสยังไม่จัด และไม่อร่อยกลมกล่อมพอดีค่ะ แต่ปลาหมึกสดใช้ได้ ไม่เด้งดึ้งหวานนัก แต่ก็ไม่น่าเกลียดค่ะปลาทอดค่ะ ตัวนี้อร่อย กรุบกรอบเพลินๆ ทีเดียว กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดก็ได้นะคะ แต่เนื้อน้อยไปนิดอะค่ะ แฮ่...ข้าวผัดปูค่ะ ปูเยอะดี แต่ความหอมน้อยไปหน่อย ดีที่ไม่มันมาก ก็เลยอร่อยได้อยู่ค่ะหอยแครงลวก ลวกมากำลังดีค่ะ ไม่น้อยขนาดเลือดโชก (แบบนั้นข้าพเจ้ากินไม่ได้) แต่ก็ไม่สุกจนเนื้อไม่เหลือ แห้งไปเลยอะนะคะจานต่อไปปูนึ่งค่ะ จานนี้ถือว่าไม่โอค่ะ เพราะเนื้อปูนิ่มๆ เละๆ อ้ะ ไม่แน่ใจว่าไม่สดจริงๆ หรือนึ่งไม่ถึง หรือเป็นเพราะข้างขึ้นข้างแรมที่มีผลกับเนื้อปูหรือเปล่านะคะ (จำไม่ได้แล้วว่าพระจันทร์ช่วงไหนที่จะทำให้ปูเหลวน่ะค่ะ) และสุดท้ายกับกุ้งเผาค่ะ (กุ้งลายเสือหรือกุ้งแม่น้ำอะเนี่ย) เนื้อแน่นสดดีค่ะ อร่อย ถือว่าเป็นนางเอกของงานนี้กันเลยทีเดียว ยิ่งกินกับน้ำจิ้มด้วยยิ่งเลิศมากค่ะสรุปแล้วสำหรับร้านนี้นะคะวัตถุดิบส่วนใหญ่โอค่ะ มีปูที่วันนั้นมันแปลกๆ (แต่อย่างที่บอกว่าไม่เฟิร์มนะคะว่าไม่สด ทำไม่ดี หรือเกี่ยวกับข้างขึ้น-แรม) นอกนั้นโอค่ะ ตัวน้ำจิ้มก็โออยู่ ส่วนรสชาติก็มีทั้งถูกปากและไม่ถูกปากค่ะ ส่วนราคา ประเมินเอาเองนะคะ เพราะเจ้าภาพจ่าย แหะๆ

จริง ๆ จะว่าไปแล้วเรียกว่าแวะไม่ถูกนักค่ะ เพราะตั้งใจขับรถมากินกันเลยทีเดียว เนื่องจากก่อน
ช่วงคริสมาสต์อาทิตย์นึง (เอ่อ..นานแฮะ) ได้ยกครอบครัวไปทำบุญกันค่ะ จากจังหวัดสิงห์บุรีขับไป
ถึงโคราชกันเลย ด้วยความไม่ชินเส้นทางก็ใช้ GPS เป็นตัวช่วยค่ะ ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงก็มาถึง
จำได้ว่าร้านนี้อยู่บริเวณถนนทางที่จะไป Palio ได้อ่ะค่ะ (เป็นความมุ่งมั่นและตั้งใจเนอะ 555)
พอดีลองอ่านรีวิวดูแล้วใคร ๆ ก็ว่าบรรยากาศดี อาหารอร่อย ก็อยากลองบ้างเป็นธรรมดา แถมช่วงที่ไป
อากาศเป็นใจม๊ากกกมากค่ะ เรียกว่าหนาวเลยทีเดียว หมอกลงจนไม่ค่อยเห็นยอดภูเขาเลย ขอเริ่มต้นที่หน้าร้านและบรรยากาศก่อนเลยค่ะ ตัวอาคารจะทำให้สมชื่อมาก ๆ ว่า "บ้านรมควัน"
จะออกเป็นสีโทนเทา ๆ มีหอคอยให้ขึ้นไปชมวิวด้วย (แต่เจ้าตัวไม่ได้ขึ้น แฮ่..) ส่วนด้านในอลังการด้วย
ผนังขวดไวน์ (รูปด้านล่างซ้าย) จาก Wine connection ค่ะ มีติดราคาเอาไว้ให้ลูกค้าเลือกซื้อกลับบ้านด้วย
เหมาะแก่การถ่ายรูปมาก ๆ ค่ะ 555+ จากรูปด้านขวาล่าง ข้าง ๆ จะมีเวที สำหรับเล่นดนตรีสดด้วยค่ะ
แต่อยู่ไม่ดึกมากก้เลยไม่เห็นนักร้องอ่ะ เตรียมพร้อมก่อนลุยอาหารค่ะ สำหรับอาหารที่นี่จะว่าแพงก็ได้อยู่ค่ะ เพราะจานนึงประมาณ 200++
การบริการของที่นี่ดูจะไม่ทั่วถึงเท่าที่ควร เพราะพนักงานน้อยมาก รับออร์เดอร์ช้า เสิร์ฟช้า แต่ก็เข้าใจ
ว่าลูกค้าเยอะ แบบเต็มทุกโต๊ะ สั่งอาหารเสร็จเรียบร้อยก็มีออร์เดิร์ฟมาให้ ตามแบบฉบับร้านอาหารฝรั่งทั่วไปค่ะ ขนมปังกับเนย
ต้องบอกก่อนว่าอย่าทิ้งขนมปังท่ามกลางอากาศเย็นไว้นานค่ะ ไม่งั้นอาจไว้ใช้ปาหัวกันได้ ฮาาา
ขนมปังไม่ค่อยมีรสชาติซักเท่าไหร่ เฉย ๆ ค่ะ ด้านล่างเป็นซุปเห็ด 180 บาทค่ะ ได้เนื้อเห็ดมาพอสมควร
ตัวซุปได้ความเข้มข้นของครีมค่ะ (แต่ตอนชิมไปแรก ๆ เหมือนซุปกระป๋องยังไงไม่รู้ง่ะ ) ได้เมนูหลักมาแล้วค่ะ จานนี้ข้าวซี่โครงหมูอบ 195 บาท เนื้อหมูนุ่มมาก รสชาติซอสหวาน ๆ หอม ๆ
ทุกคนให้มติว่าจานนี้อร่อยค่ะ ผ่านๆ ไก่ยัดไส้ 220 บาท จำไม่ได้แล้วค่ะว่าข้างในยัดไส้อะไรไว้บ้าง แต่เป็นส่วนปีกกับน่องที่ใหญ่มาก
ถึงจะเห็นว่าน้อยไปหน่อยค่ะ แต่ทอดมาได้แบบกรอบนอกนุ่มใน อร่อยสุด ๆ ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มก็ยังได้ค่ะ
Recommended จานนี้นะ สปาเก็ตตี้ คาร์โบนาร่า (รูปแรก) 280 บาท จานนี้ไม่ได้ชิมค่ะ แต่คนที่กินบอกว่าเลี่ยน 555+
เพราะราดน้ำซอสครีมมาเยอะพอสมควร ตอนมาร้อน ๆ ยังพอโอเคค่ะ แต่พอเจออากาศแบบนี้เข้าไป
เย็นชืดเลย ต่อมาเป็นสปาเก็ตตี้ สไปซี่เบคอน 280 บาท เป็นสปาเก็ตตี้ในน้ำมันมะกอกนะคะ
เพื่อสุขภาพจริง ๆ ฮี่ๆๆ จานนี้ปลื้มอยู่นะ ไม่เลี่ยน น้ำมันไม่เยิ้ม มีรสเผ็ดของพริกนิดส์ ๆ พอกลมกล่อม
เห็นว่าน้อย ๆ ก็อิ่มเหมือนกันนะนี่ (หรือชิมไปหลายจานหว่า!! ) *ซูม ๆ อีกซักรูป กับเนยทาขนมปัง * เครื่องดื่มค่ะ อากาศหนาว ๆ ก็ต้องมีคนสั่งเบียร์เป็นธรรมดา แก้วนี้ไซส์ใหญ่ค่ะ 280 บาท
(จำราคาไซส์เล็กไม่ได้แฮะ) ส่วนอีกรูปเป็นน้ำองุ่น 95 บาท กับน้ำเปล่า 35 บาทค่ะ (ถ่ายกับวิวแบบเก๋ๆ
ด้านหลังเป็นหุบเขาลงไปนะคะ) ปิดท้ายด้วยค่าเสียหายมื้อนี้ค่ะ 2075 บาทค่ะ ถือเป็นการนั่งชิวรับบรรยากาศหน้าหนาวได้ดีทีเดียวค่ะ
ใครผ่านไปแถวถนนมิตรภาพก็ลองแวะดูได้ค่ะ อ้อ!! แนะนำให้ไปช่วง 4-5 โมงเย็นค่ะ
เพราะหลังจากเวลานี้ไปจะหาที่นั่งยากแล้วค่ะ

สวัสดีค่า

โอ้ววว ไม่น่าเชื่อ ยังไม่มีใครรีวิวร้านนี้เหรอเนี่ย มาเปิดประเดิมให้แล้วกันนะคะ

สำหรับร้านนี้เราอาศัยไปซื้อหนังสือนายรอบรู้มาหาร้านเอาค่ะ ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในร้านที่เค้าแนะนำ ก็เลยไปพิสูจน์ซะหน่อย (เพราะเราเองก็กะว่าจะไปสักการะอัฐหลวงพ่อพุธที่วัดป่าสาละวันด้วยค่ะ) พอทำบุญเรียบร้อยก็แวะหม่ำเป็นมื้อกลางวันของวันนั้นไปค่ะ สำหรับที่ตั้งของร้าน จะอยู่หัวโค้งก่อนเลี้ยวขวาไปเข้าประตูหน้าวัดป่าสาละวันนะคะ ที่จอดรถจะอยู่ข้างๆ ร้านตามภาพเลยค่ะ

ตัวร้านเป็นอาคารพาณิชย์ แล้วก็มีต่อเติมหลังคาข้างๆ ซึ่งก็มีโต๊ะให้นั่งอีกเช่นกันค่ะ ตอนเราไปคนยังไม่เยอะ แต่พอเที่ยงปุ๊บ คนมาจากไหนไม่รู้ค่ะ เยอะแยะมากมาย เหอๆสำหรับราคา หลายๆ อย่างก็ไม่แพงนะคะ แต่อย่างที่ราคาสูงเนี่ย พอได้กินแล้ว สำหรับเราเราว่าอร่อยค่ะ คุ้มๆ ไก่ย่างมีให้เลือกทั้งไก่บ้านและไก่พันธุ์นะคะ สั่งได้ทั้งครึ่งตัวเต็มตัว เราสั่งแบบไก่บ้านครึ่งตัวไปค่ะที่นี่มีคุณหมึกแดงมาการันตีด้วย การให้คะแนนนี่เราเห็นด้วยหลายอย่างเลยค่ะสั่งอาหารไปสามอย่าง สักพักอุปกรณ์ต่างๆ ก็ถูกนำมาให้พร้อมผักและน้ำจิ้มค่ะ

แล้วข้าวเหนียวก็ตามมา (แต่ขอบอกว่า แทบไม่พร่องเลยค่ะ แหะๆ)จานแรกที่มานะคะ ไก่บ้านย่าง อร่อยมากกกก หอมกรุ่น กำลังดี เคี้ยวหนุบหนับ อร่อยจริงๆ ค่ะจานต่อไปตำป่าค่ะ เคยกินครั้งแรกตอนไปอุบล (หลังจากไม่กล้ากินมานานเพราะมันใส่ปลาร้า แหะๆ) แล้วอร่อยมาก พอมาร้านนี้เค้าก็ยืนยันว่าของเขาอร่อย ซึ่งอร่อยจริงๆ ค่ะ กินหมดเกลี้ยงกันเลยทีเดียว เห็นรูปแล้วยังน้ำลายไหล ปลาร้าก็ไม่เหม็นด้วยค่ะสุดท้ายค่ะ ผัดหมี่โคราช อร่อยอีกแล้ว เส้นผัดมารสกลมกล่อมพอดี เส้นไม่ติดกัน อร่อยจริงๆ ค่ะวันนั้นหมดไปทั้งสิ้น 180 บาทนะคะ แถมรูปเซเลบที่เคยมาร้านนี้ให้ด้วย อิอิสรุปสำหรับร้านนี้นะคะ ก็สมกับชื่อเสียงอะค่ะ สามอย่างที่สั่งมาอร่อยทั้งสามอย่างนะคะ ถือเป็นร้านที่เราชอบที่สุดแล้วของทริปค่ะ ถ้ามีโอกาสก็ลองไปชิมกันดูนะคะ (อย่าเข้าร้านผิดนะคะ มันมีร้านหน้าวัดอีกร้านแต่ไม่ใช่ร้านนั้นค่ะ ร้านที่เรากินจะอยู่ตรงหัวโค้งก่อนจะเลี้ยวไปทางหน้าประตูวัดค่ะ)

มีโอกาสแวะไปเที่ยวเขาใหญ่ในช่วงใกล้ๆปีใหม่ เลยแวะไปชมบรรยากาศของเขื่อนลำตะคองสักหน่อย
ไหนๆก็มาถึงแล้ว ใครๆก็แนะนำให้มากินข้าวที่ "สวนเมืองพร" ร้านอาหารดังประจำเขื่อนลำตะคอง
มาถึงแล้ว สวนเมืองพร เป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมเขื่อนลำตะคอง เข้ามาทางเดียวกันกับเขายายเที่ยง
บรรยากาศหน้าร้านและภายในร้านที่สวนเมืองพร บรรยากาศดีมาก ทุกๆโต๊ะสามารถมองเห็นเขื่อนลำตะคองได้ ร้านนี้มีโต๊ะเยอะแยะเต็มไปหมด คนก็เยอะ บรรยากาศดี นั่งทานข้าวรับลมเย็นๆ อากาศบริสุทธิ์ มีความสุขจริงๆ
นอกจากนี้ ทางร้านมีมุมดอกไม้สวยงามไว้ขายด้วย ถ้าใครชอบก็สามารถซื้อไปปลูกที่บ้านได้เลย
ดอกไม้สวยๆทั้งนั้น สีสันสดใส ดูแล้วสดชื่่น สบายตาหลังจากเดินดูบรรยากาศแล้วก็มาสั่งอาหารดีกว่า
มาดูหน้าตาเมนูกันก่อน
ที่ร้านนี้มีอาหารหลากหลายประเภท ทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง มีครบทุกอย่าง อยากทานอะไรก็สั่งได้เลย เรียกว่ามีทุกอย่าง (ถ่ายมาบางส่วนเท่านั้น เมนูเค้าหนามาก)หลังจากดูเมนูแ้ล้ว อาหารหน้ากินหลายอย่าง เลยสั่งอาหารแนะนำมาลองชิมดู
จานแรกโต๊ะไหนๆก็สั่งกันหมด นั่นก็คือ ส้มตำนางฟ้า นั่นเอง ราคา 100 บาท
ส้มตำนางฟ้า จริงๆแล้วก็คือ ส้มตำผลไม้นั่นแหละ ใส่มาหมด ทั้งแอปเปิ้ล องุ่น ส้มโอ ฝรั่ง มะเืขือเทศ มะม่วง แครอท สารพัด นำไปตำ ใส่น้ำมะขาม โรยหน้าด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์กรุบกรอบ รสชาติคล้ายๆน้ำปลาหวานยังไงยังงั้น ออกหวาน สำหรับคนที่ไม่ชอบทานหวานๆคงไม่ชอบ คิดว่ารสชาติมันหวานเกินไป จานต่อมา กินปลากันดีกว่า ก็เลยสั่ง ปลาช่อนเผาเกลือ+ชุดผักต้ม ราคา 280 บาท
ปลาช่อนขนาดพอสมควรเผาเกลือร้อนๆ เนื้อปลาแน่น สดดี ไม่มีกลิ่นคาวให้กวนใจ กินกับมะเขือยาวต้ม เค้ามีน้ำจิ้มให้สองอย่าง คือ น้ำจิ้มแจ่วกับน้ำจิ้มแมงดา แต่เราชอบจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้่ด น้ำจิ้มซีฟู้ดเค้าก็อร่อยดี รสชาติพอดีเลย ชอบๆสุดท้ายสั่งสเต็กหมู มาลองชิมดู ราคา 160 บาท แถมฟรี ระหว่าง สลัดผัก+ขนมปังครัวซอง หรือ ข้าวเหนี่ยว+ส้มตำ+น้ำจิ้มแจ่ว เราเลือกอย่างหลัง คิดว่าแปลกดี สเต็กกับส้มตำ ไทยกับฝรั่งจะเข้ากันไหม
ปรากฎว่าเ้ข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ สเต็กหมูชิ้นใหญ่ เนื้อนุ่ม หมักได้เข้าเนื้อ ใส่มาในกระทะร้อน จิ้มซอสพริกแล้วกินกับข้าวเหนี่ยวกะส้มตำ อร่อยใช้ได้เลย ปล. ตอนที่ไปร้านมีโปรโมชั่นจ่ายด้วยบัตรเครดินcitibank ลด 10%ด้วย
พอหลังจากกินเสร็จแล้ว นั่งชมบรรยากาศสักพัก ก็ถึุงเวลาไปเดินย่อยสักหน่อย เลยแวะไปเดินชมรีสอร์ทของเค้าสักหน่อย
เดินเลยจากร้านอาหารไปไม่ไกลก็ถึงรีสอร์ทสวนเมืองพรแล้ว
เลยแวะเก็บบรรยากาศสักหน่อยรีสอร์ทมีไม่กีห้อง มีแบบบ้านเป็นหลังๆด้วย มองเห็นบรรยากาศของเขื่อนลำตะคองและภูเขาในมุมสูง บรรยากาศดี มีสระว่ายน้ำด้วย น่าว่ายมากๆ
หลังจากแวะดูแป๊ปนึง ก็คงต้องถึงเวลาต้องไปที่อื่นต่อแล้ว
ลาก่อน สวนเมืองพร
ไว้โอกาสหน้าจะกลับมาใหม่แน่นอนนนนนนนนนน

อากาศหนาวๆ แบบนี้ ที่โคราช หรือ นครราชสีมา คงเป็นชื่อแรกๆ ที่นึกขึ้นได้แน่ๆ เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ขับรถเพียง 2-3 ชั่วโมงก็ถึง และที่ที่ผมต้องแวะไปเป็นประจำทุกปี คือร้านอาหารที่ผมคิดว่า วิวดีที่สุดในจังหวัดนครราชสีมาก็ว่าได้

ร้านที่ว่าก็คือ "สวนเมืองพร" ร้านอาหารชื่อดังของที่นี่ ซึ่งอยู่บริเวณเขื่อนลำตะคอง ซึ่งหากผ่านจุุดชมวิวลำตะคองแล้ว ก็ขับรถขึ้นไปอีกไม่ไกลครับ ให้สังเกตไปรษณีย์คลองไผ่ที่อยู่ทางซ้ายมือ แล้วก็ U-turn ใกล้ไปรษณีย์ เมื่อ U-turn แล้วทางเข้าสวนเมืองพรจะมีป้ายสีแดงเล็กๆ อยู่ให้สังเกตดีๆ นะครับ เป็นทางเข้าเดียวกับที่จะขึ้นไปบนเขายายเที่ยวครับ ซึ่งจะอยู่ตรงข้ามกับ Positano ครับผม เข้าซอยไปเล็กน้อยจะมีป้ายบอกทางขวามือครับ

หากมาในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ในช่วงเที่ยงๆ คนค่อนข้างจะเยอะทีเดียว ดังนั้นควรจะรีบมาแต่เนิ่นๆ ซึ่งผมมักจะไปถึงประมาณ 11 โมงเกือบทุกครั้ง ซึ่งสามารถเลือกโต๊ะนั่งที่มองเห็นวิวได้อย่างสวยงาม และไม่ร้อนครับ

แค่ได้มาดื่มด่ำกับบรรยากาศวิวทิวทัศน์ของที่นี่ ผมก็ถือว่าคุ้มแล้วครับ ยิ่งมาในช่วงหน้าหนาว แล้วมาสัมผัสกับลมหนาวแล้วละก็ ผมว่าช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับชีวิตได้เป็นอย่างดีเลยครับว่าแล้วก็หามุมเหมาะๆ วิวดีๆ นั่งชิลๆ กันก่อนครับผม แล้วก็สั่งเครื่องดื่มเย็นๆ ชื่นใจมาแก้กระหายก่อน โดยผมเลือกสั่ง Macktail เย็นๆ อย่าง ไหมไทย (120.-) ที่ไม่ได้ผสมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้ง โซดามะนาว (70.-) ที่มีรสชาติเปรี้ยวซ่าสะใจดีครับจากนั้นก็เริ่มสั่งอะไรเบาๆ อย่าง ตำนางฟ้า (100.-) จานนี้เป็นตำผลไม้รสชาติกำลังดีเลย ที่สำคัญผลไม้ก็หวานกรอบอร่อยดีด้วยครับ รวมทั้ง ส้มตำไทย ที่มีรสชาติจัดจ้านไม่เบา มาทานเล่นก่อนครับจากนั้นก็สั่ง ต้มแซบกระดูกหมูอ่อน รสชาติจัดจ้านกำลังดีเลย เนื้อหมูติดกระดูกที่หวานนุ่ม บวกกับน้ำซุบที่รสชาติจัดจ้านแบบนี้ เรียกเหงื่อได้พองามทีเดียวครับ จากนั้นก็สั่ง ปีกไก่ทอด มาแทะเล่น ช่วยเพิ่มรสมชาติในการทานอาหารแบบพื้นบ้านได้เป็นอย่างดีจากนั้นก็ต่อด้วยของหนักอย่าง สเต็กหมู (160.-) ชิ้นโตกำลังดี เสิร์ฟมาคู่กับสลัดผักครับ ติดที่เนื้อหมูเหนียวไปนิดครับ แต่โดยรวมก็ถือว่าโอเคครับ และก็ปิดท้ายด้วยเค้กรสชาติเยี่ยมซักชิ้น ทำให้มื้อกลางวันที่แสนธรรมดา กลายเป็นมื้อพิเศษที่สามารถนั่งชมวิวสวยๆ พร้อมไปกับคนรู้ใจแบบนี้ ทำให้ชีวิตมีความสุขเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยครับ หลังจากอิ่มหนำสำราญกันเรียบร้อย ก็สามารถแยกย้ายกันไปถ่ายรูปเล่นในมุมต่างๆ ของร้านได้ตามใจชอบครับ ซึ่งผมสังเกตเห็นทุกโต๊ะจะต้องหยิบกล้องคู่ใจมาบันทึกภาพสวยๆ กลับไปเก็บเป็นแกลลอรี่ส่วนตัว ไว้ให้คิดถึงบรรยากาศดีๆ แบบนี้ ซึ่งผมก็ตั้งใจว่าจะต้องมาที่นี่ให้ได้ทุกปี เพราะผมติดใจวิวสวยๆ ของที่นี่เข้าให้แล้วครับ

ที่สำคัญในช่วงเย็น จะมีมุมบาร์ที่จะมีนักดนตรีมาเล่นกันแบบสดๆ ท่ามกลางบรรยากาศของพระอาทิตย์ตก นอกจากนี้ที่นี่ยังมีห้องพักสำหรับค้างคืนด้วยนะครับ แต่ว่าในคืนวันเสาร์ค่อนข้างที่จะเต็มต่อเนื่อง ครับ ต้องลองเช็คกับทางที่นี่ให้ดีๆ

ผมคิดว่าหนาวนี้ใครที่กำลังมองหาสถานที่พิเศษสำหรับมื้อพิเศษแบบนี้ ที่นี่น่าจะเป็นคำตอบได้อย่างดีทีเดียวครับ

สวัสดีค่ะ

วันนี้มีเวลา มารีวิวซะหลายๆ อัน แหะๆ

สำหรับที่นี่เรารู้จักจากเว็บท่องเที่ยวค่ะ แต่ก็อยากไปหม่ำด้วย วันหนึ่งประสบโอกาสดี ก็เลยได้ไปหม่ำอะนะคะ

ภาพรวมอาคารทั้งหมดค่ะ สีสันสวยงามจริงๆตอนนั้นหิวมากแล้วค่ะ เลยเดินตรงไปยังอาคารที่มีร้านอาหารก่อนเลย

ไปติดต่อตรงเคาน์เตอร์หน้าห้องอาหาร ปรากฏว่าโต๊ะเต็ม เหอๆ เราก็ต้องให้ชื่อพร้อมเบอร์โทรมือถือไว้ค่ะ พอว่างแล้วเค้าจะโทรตาม

ก็เลยเดินเล่นไปถ่ายรูปเรื่อยเปื่อยค่ะ

ด้านหลังเดี๋ยวนี้เป็นไร่องุ่นแล้วค่ะ (หรือเป็นมานานแล้วหว่า แหะๆ)

แล้วก็เลยซื้อไอติมมาถ้วยหนึ่งค่ะ อร่อยใช้ได้เลยค่ะแล้วเจ้าหน้าที่ก็โทรมาตามค่ะ

ตอนแรกได้นั่งอีกโต๊ะค่ะ แล้วเมนูก็มาค่ะ อืมม์..ธรรมดาไปนิด น่าจะทำเมนูสวยๆ กว่านี้ให้เข้ากับร้านน้าคนพาไปยังรอกาแฟที่สั่งไว้อยู่เลยค่ะ เราเลยสั่งแค่ส่วนของเรา (เพราะเจ้าตัวบอกจะมาดูเมนูเอง) สั่ง Primo Special Salad ไปกับ..เอ..ไม่แน่ใจว่า Spaghetti Bolongnese หรือเปล่านะคะ

นอกจากแบบสองที่นั่งแล้วก็มีโต๊ะสำหรับหลายคนด้วย

แล้วพอเพื่อนมาก็สั่ง Grilled Sausage and French Fries ค่ะ ตอนแรกจะสั่งอย่างอื่น แต่เค้าบอกหมด (วันนั้นหลายเมนูหมดค่ะ อย่างของหวานก็หมด เหอๆ)

ซักพัก โต๊ะตัวริมนี้ว่าง เราก็เลยขอเค้าย้ายไปค่ะ เค้าก็ให้ย้าย (น่ารักจริงๆ)

แล้วของเราก็มาก่อนค่ะ จานใหญ่พอควร เทียบกับนิ้วมือให้เห็นนะคะแป๊บเดียว จานนี้ก็มาค่ะ Primo Special Salad

รสชาติของเรา ดีทั้งสองจานค่ะ (หรือหิวก็ไม่รู้นะ) แต่ตอนนั้นกินด้วยความอร่อยมากๆ จริงๆ ค่ะซักพักของคุณเพื่อนก็ตามมา

พร้อมๆ กับสลัดอีก 2 จาน เหวออออออ ไม่รู้นี่หว่า..ว่าเค้าให้เป็นเซ็ตมีสลัดด้วย เชยจริงๆ เลยตรู เง่อ..

จานนี้ก่อนแล้วกันค่ะ ตัวไส้กรอกอร่อยทั้งคู่นะคะ แต่มีอันหนึ่งอร่อยกว่าอีกอัน ซึ่งจำไม่ได้แล้วว่าอันไหน แหะๆนี่ค่ะ สลัดที่เค้าให้มาด้วย แต่อร่อยสู้ตัวที่สั่งมาต่างหากไม่ได้นะคะ

ซึ่งแน่นอน ฟาดเรียบหมด (เราสองคนเป็นพวก Vegetable Lover ค่ะ)จากนั้นเราก็เหลียวซ้ายแลขวา เห็นมีคนเดินลงบันไดวนมา ก็เลยไปขอเจ้าหน้าที่เค้าขึ้นไป ปรากฏว่า พี่ผู้ชายคนหนึ่ง (เหมือนผู้จัดการร้านหรือเจ้าของเลยค่ะ) ก็บอกว่าให้ขึ้นไปได้ เย้ๆๆ ก็เลยไปเก็บรูปด้านบนมาค่ะ

แต่เนื่องด้วยโควต้ารูปหมดแล้ว เลยไม่มีให้ดูนะคะ

ข้างบนไม่มีใครเลย (แต่มีโต๊ะหนึ่งมีร่องรอยการกิน สงสัยได้รับอนุญาตเป็นพิเศษเหมือนกันค่ะ)

หลังจากนั้นก็เรียกน้องเค้ามาคิดเงิน

พอเห็นใบเสร็จปุ๊บก็งงเลย เพราะมันถูกกว่าที่ควร ก็เลยเปิดๆ ดู ปรากฏว่าเค้าคิดขาดจริงๆ ด้วยค่ะ

เลยเอาไปให้เค้าคิดใหม่ อันนี้ใบแรกนะคะ แค่ 385 เอง จะเป็นไปได้ไงอ้ะ

เค้าก็เลยคิดมาใหม่ นี่ค่ะราคาที่ต้องจ่ายจริง 621 บาทค่ะ

ต้องชำระด้วยเงินสดนะคะ เพราะบัตรเครดิต รู้สึกว่ารับตั้งแต่ 1000 บาทขึ้นไปมั้ง ก็จ่ายเค้าไป

ส่วนที่พรีโมฯ เราชอบค่ะ ทั้งบรรยากาศแล้วก็รสชาติอาหาร ราคาก็รับได้นะคะ ไม่แพงเกินเลย เอาไว้คงต้องไปตอนคนน้อยๆ อีกทีแหละค่ะ แหะๆ

ทริปนี้ไปเที่ยวเขาใหญ่กับเพื่อนๆ อีก 9 คนค่ะ
ตอนแรกตั้งใจจะกินที่โชคชัยเสต็กเฮาส์ แต่คนเยอะ+กลัวเสียเวลา
เลยเปลี่ยนแผนไปหม่ำที่ Dairy Home กันค่ะ ตอนแรกตั้งใจไป Dairy Home แค่ถ้วยไอติมโดยเฉพาะ =.=" สุดท้ายไม่ได้ถ้วยไอติมกลับ เพราะลายไม่ถูกใจ T^T

เข้าไปในร้านคนเยอะมากกก ค่ะ เลยไม่ได้ถ่ายบรรยากาศในร้านมา
โทนสีในร้าน จะใช้แสงสีส้มๆ และเวลาเรียกพนักงาน ให้สั่นกระดิ่งเอาค่ะ (น่ารักดีค่ะ ^^)

เปิดด้วยเมนูที่เราสั่งก่อนเลยค่ะ ^0^ เสต็กไก่ซอสโยเิกิรต์ --> กลิ่นเครื่องเทศแรงมากกกกก
ตอนแรกหม่ำชิ้นไก่เดี่ยวๆ ไม่อร่อยเอามากๆ
แต่พอทานคู่กับผักสลัด ความอร่อยเพิ่มขึ้นมานิดนึง ;-)
เสียดายเพิ่งรู้วิธีทานให้อร่อยตอนเหลือ 2 คำสุดท้าย T^T

ต่อไปเป็นเมนูของเพื่อนๆ ที่ไปด้วยกันนะคะ อันนี้ ข้าวหน้าหมู อะไรซักอย่าง
แต่สังเกตจากสีหน้าเพื่อนแล้ว คงไม่ถูกปากเค้า 555+
เห็นว่าข้าวแข็ง (ที่ร้านใช้ข้าวกล้องค่ะ ^^)

มาที่เมนูข้าวอีกหนึ่งค่ะข้าวผัดกระเพรานกกระจอกเทศค่ะ
เพื่อนบอกว่า --> ข้าวแข็ง แต่เนื้อนกกระจอกเทศอร่อยมากกกกกกกกกกๆๆ อันนี้ เมนูไก่ทอดบาหลี ค่ะ
เพื่อนสั่งเพราะอยากรู้ว่าเป็นยังไง 555+
ผลคือ ---> เหมือนกินข้าวหมกไก่ ค่ะ เครื่องเทศแรง (อีกแล้วค่ะ-.-") สเต็กปลาแซลมอน ให้ชิ้นใหญ่สมราคาดีค่ะ
รสชาติอร่อยแบบเฉยๆ ค่ะ สปาเก็ตตี้ซอสหมูค่ะ ---> รสชาติธรรมดาอ่ะค่ะ หวานๆ หน่อย ไม่มีรสเด่นอะไรค่ะ

ปิดท้ายด้วยเมนูท็อปสุดของมื้อนี้ค่ะสเต็กซี่โครงหมูค่ะ (จำชื่อเต็มๆ ของเมนูไม่ได้แล้ว ขออภัยค่ะ (-/\-) )
อร่อยไม่อร่อย ดูจากรูป After ค่ะ 555+

ป.ล. อาหารบางอย่าง รสชาติถูกปากของแต่ละคนแตกต่างกันไปนะคะ
ยังไง ถ้าได้ผ่านไปเขาใหญ่ อยากให้ลองแวะเข้าไปลองชิมที่ Dairy Home กันค่าาา ^ V ^

เมื่อเสาร์ที่ผ่านมา ตั้งใจอย่างเเน่วแน่ว่าจะไปเที่ยวสระบุรี-นครนายกกันกับที่บ้าน เราเลือกว่าจะแวะทานอาหารที่ไหนดี ระหว่างโชคชัยกับเเดรี่โฮม และสุดท้ายเราก็เลือกทานที่ แดรี่โฮมกันคะ
แม้ว่าจะเจอฝนตกตลอดการเดินทางแต่เราก็ไม่หวั่น ขับกันจนถึงร้านแดรี่โฮมประมาณ 10.30 น.
พอจอดรถเสร็จก็จะเห็นว่าบริเวณร้านนั้น จะเเบ่งพื้นที่ออกเป็นหลายส่วนคือส่วนของ Dairy Home Farm Shop เป็นที่ขายของฝากและผลิตภัณฑ์ต่างๆ แล้วก็เป็นส่วนของร้านอาหาร/ไอศครีมส่วนของห้องน้ำชาย-หญิง..ทำน่ารักดี ในห้องน้ำก็น่ารักมากด้วยและมีบ้านต้นไม้ให้เด็กๆ วิ่งเล่น ด้วยคะ เก๋ไก๋น่ารักดีเช่นกันพอเข้าไปในร้านก็จะมีพนักงานต้อนรับเเล้วพาเราไปเลือกที่นั่งคะ น้องพนักงานก็จะเอาเมนูมาให้เราเลือก แล้วก็จะบอกเราว่าน้ำราดสเต็กจะมี 2 แบบ คือแบบพริกไทยดำ(จะเป็นน้ำราดสีดำๆ มีเม็ดพริกไทยดำผสมอยู่เป็นเม็ดๆ เลย ไม่เผ็ดนะแต่กลิ่นพริกไทยดำชัดเจนมาก) กับแบบที่เป็นซ้อสเห็ด(จะเป็นสีเเดงของมะเขือเทศ และก็มีเห็ดแชมปิญองหั่นใส่มาด้วย รดชาดหวานเค็ม ส่วนตัวชอบอันนี้คะ)ส่วนเมนูที่เราเลือกสั่งก็จะเป็นเมนูขึ้นชื่อของทางร้านคะ ก็มี ที-โบนสเต็กนิวซีเเลนด์ (390 บาท)รสชาดเนื้อหวาน นุ่ม ถามว่าเหนียวมั้ย..เวลาเราหั่นเหมือนเหนียว แต่พอเอาเข้าปากเคี้ยว ไม่เหนียวเลยจริงๆ แต่มีมันติดมานิดนึง ปกติจะไม่กล้าทาน กลัวเลี่ยน แต่คราวนี้ขอลองสักหน่อย เลยหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ทานดูก่อน ขอบอกว่ามันหอมมาก ทานไม่เหลือเศษเลย
และอีกจานก็จะเป็นสเต็กแกะ(ส่วนขา)(370 บาท) เนื้อแกะนุ่ม เนื้อหวาน ไม่ค่อยมีมันเป็นก้อน จะมีนิดหน่อยตามขอบๆ ชิ้น เสริฟ์มาพร้อมกับน้ำราดสเต็กทั้ง 2 แบบ แล้วก็อีกแบบเป็นน้ำใสๆ ผสมอะไรมาไม่เเน่ใจ พอดีลืมถาม แต่มันค่อนข้างเปรี้ยวโดดๆ ไม่ค่อยชอบคะ
และก็สั่งสลัดทูน่า (195 บาท) ซึ่งสลัดเค้าไม่ค่อยมีผักเลยอ่ะ แต่ทูน่านี่เทมาหมดกระป๋องแน่ๆ เยอะมาก เสริฟ์มาพร้อมน้ำสลัดแบบข้น แต่ในรูป พวกเราจัดการราดกันไปแล้ว อิอิ ผักเค้าสดกรอบดีคะ เป็นผักไฮโดรแล้วก็ข้าวโพด มะเขือเทศ น้ำสลัดอร่อยดีไม่เลี่ยนคะการบริการ : ปานกลางคะ บางทีก็ต้องเรียกหลายครั้งกว่าพนักงานจะได้ยิน แต่อาหารได้เร็วมากๆ
ราคา : ส่วนตัวคิดว่าราคาอาหารที่นี่ไม่เเพงเลยคะ เมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้รับ

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมารีวิวร้านอาหารที่ภาคอีสานกันบ้างนะคะ นั่นคือร้านร้านสวนเมืองพรนั่นเองค่ะ

ร้านนี้จะอยู่ฝั่งขาเข้า (กรุงเทพฯ) นะคะ สังเกตป้ายทางซ้ายมือไว้อะค่ะ หลังจากเลี้ยวซ้ายเข้าไปแล้วก็ดูทางขวามือ จะมีป้ายร้านบอกทางเข้าไปทางขวามือ

จอดรถเรียบร้อยแล้วก็เดินไปที่ร้านค่ะ จะเจอร้านอาหารกึ่งผับของที่นี่ค่ะ (แต่เค้าเรียกคอฟฟี่แอนด์บาร์อะนะคะ) ชื่อ Music Studio หันหน้าเข้าร้าน มิวสิคฯ จะอยู่ทางขวามือ เราเดินไปทางอาคารซ้ายมือได้เลยค่ะ

ตอนเราไปเป็นช่วงปีใหม่ค่ะ

ตอนเราไปก็ต้องไปจองคิวที่เคาน์เตอร์นี้ค่ะ ปรากฏว่าต้องรออีก 17 คิว - -"

แม่เจ้า...ไม่ชอบเที่ยวหน้าเทศกาลลลลลลลลล

แต่พอบอกชื่อกับจำนวนคนแล้ว เราสามารถให้เบอร์มือถือเค้าไว้ได้ค่ะ พอถึงคิวเค้าจะโทร.ตาม

จากนั้นก็เก็บภาพไปเรื่อยเปื่อยค่ะ คนเยอะ และหลายโต๊ะก็ยังไม่ได้อาหารเลย -*-

ที่นั่งที่นี่มีทั้งด้านในอาคาร และริมระเบียงชมวิวนะคะ (ที่จริงที่นี่ ถ้ามาช่วงเย็นๆ ย่ำๆ ให้ยังพอมีแสงสว่างได้ชมวิว จะเลิศกว่ามากมายค่ะ)นอกจากนั้นที่นี่ก็มีดนตรีเล่นสดด้วยค่ะ เล่นเพลงเบาๆ ฟังสบายๆ ไพเราะเพราะพริ้งใช้ได้เลย

แล้วก็มีห้องพักด้วยนะคะ

จากนั้นอีกพักใหญ่ๆ ค่ะถึงจะได้ที่

เบอร์โต๊ะวันนั้นเราสวยมาก ไปวันที่ 1 มกราคม ได้โต๊ะหมายเลข 111 ซะด้วย

ไปนั่งปุ๊บก็รับเมนูมาดูทันที หน้าตาก็ประมาณนี้

ตัวนี้ "ส้มตำนางฟ้า" มีขอบคุณสำหรับสูตรจากร้านมัลลิการ์ด้วย ก็เลยสั่งมาก่อนหนึ่งอย่างแต่โซนนี้จะมืดหน่อยนะคะ อาศัยแสงโคมนิดหน่อยกับเทียนบนโต๊ะ (ซึ่งเพื่อนเราต้องไปหยิบมาจากโต๊ะอื่นที่ไม่มีคนมาแทน(ซึ่งแปลกใจมากว่าทำไมมีโต๊ะว่าง ทั้งที่คนรอคิวเพียบเลยน่ะ))

ส่วนพนักงานก็หน้าตาเป็นตรูดใช้ได้เลยค่ะ แต่เราก็พยายามพูดดีๆ กับเขานะ ก็เข้าใจแหละ คนเยอะ กับงานบริการเนี่ยระหว่างรออาหาร พอดีโต๊ะข้างๆ มีพนักงานมาบริการไส้กรอกอีสานค่ะ

โต๊ะนั้นก็บอกว่า มันนานแล้วค่ะ พี่ยกเลิกไปแล้วไงคะ

น้องจะเอากลับ เราก็เลยบอกว่า ไม่เป็นไรค่ะน้อง ให้พี่ก็ได้ เขียนบิลเพิ่มไปด้วยนะ

ก็เลยได้เจ้านี่มารองท้องก่อนค่ะ เพราะตอนนั้นน่ะหิวมากมาย จะกินฟายได้ทั้งตัวแล้วค่ะ จานไส้กรอกนี่ พื้นๆ ค่ะ พอกินได้ ไม่เลวร้ายอะไร

ส่วนจานต่อไป กุ้งแ่ช่น้ำปลา เลิศมาก เด็ดมาก พริกที่เอามาทำหอม+เผ็ดมากค่ะ ถูกใจอย่างแรง กุ้งก็สดค่ะ อันนี้อร่อยจานต่อไป ส้มตำนางฟ้า อันนี้ผิดหวังอย่างแรง ไ่ม่อร่อยโดยสิ้นเชิงค่ะจานต่อไปนกกระจอกเทศผัดพริกไทยดำค่ะ จานนี้อร่อยค่ะ แต่ต้องกินตอนร้อนๆ นะคะ

เพราะพอเย็นแล้วตัวเนื้อนกฯ จะเหนียวขึ้น ทำให้ความอร่อยลดลงด้วยค่ะบิลมาก็ราคา 650 บาทค่ะ พอดีเราใช้บัตร KTC เลยลดไป 10 เปอร์เซ็นต์

จากนั้นเดินออกมา ตรงทางออกเพิ่งเห็นว่าเค้ามีชาบริการฟรีด้วยแฮะ (แต่ต้องบริการตัวเองนะคะ)

ก่อนกลับก็ขอไปสำรวจ+เก็บภาพในมิวสิคสตูดิโอหน่อยค่ะ น่านั่งมากๆ อ้ะ ไว้วันหลังแล้วกันน่อ

ซึ่งตรงนี้ก็จะเห็นวงดนตรีเช่นกันนะคะ แต่เป็นอีกฝั่ง อิอิสรุปแล้วร้านนี้นะคะ บรรยากาศดี อาหารมีทั้งอร่อยเลิศและไม่อร่อยค่ะ

ยังไงก็ลองเลือกสั่งมาแล้วกันนะคะ

ไปทานมาครั้งแรกค่ะ กับเพื่อน ๆ สมัยมัธยม ^0^ ร้านน่ารักมากเลยค่ะ
บรรยากาศดีมาก มี 2 ชั้นค่ะ เราและเพื่อน ๆ นั่งชั้นบน ไปกันหลายคนคะ่ โต๊ะยาวววว
อยู่ชั้นหมด เหมือนเป็นอีกโลกนึง เป็นส่วนตัวดีค่ะ มีแต่พวกเรา
ส่วนชั้นล่าง มองลงไปก็มีคนมานั่งอยู่ตลอดนะคะ
มีทั้งอาหารคาว หวาน และเครื่องดื่มต่าง ๆ

มาดูกันเลยคร่าาา

อันนี้เมนูนะคะ น่ารักมาก*รูปนี้เป็นโต๊ะอยู่้ชั้น 2 ค่ะ แต่ไม่มีคนมานั่ง เพราะเรายึดทั้งชั้นไปแล้ว การตกแต่งในร้านน่ารักมากค่ะหารูป ๆ ๆ ไม่มีรูปอาหารคาวเลย... เพราะไม่ทันถ่ายเก็บเอาไว้ >///<
มาถึงก็รีบทานกันใหญ่เลย... ดูของหวานแทนแล้วกัน
เค้กที่นี่มีหลากหลายค่ะ

อันแรกเลยค่ะ.. บลูเบอร์รี่ ชีส เค้ก อร่อยค่ะ บลูเบอร์รี่เปรี้ยว ๆ ชีทส์ มัน ๆ ค่ะต่อมานะคะ เป็นไวท์ช็อคโกแลต ตรงกลางมีสตอร์เบอร์รี่ หวานอมเปรี้ยวค่ะ... สุดท้ายแล้วๆ เค้กคาราเมลค่ะ หอมหวานมัน ๆ น่าเสียดายที่ไม่มีรูปอาหารคาวมาฝากกัน... ไว้รอบหน้า จะถ่ายมาลงเพิ่มให้ดูนะคะ

นอกจากเค้กที่ได้ลงรูปโชว์แล้ว
ยังมีสำหรับซื้อกลับบ้าน หรือซื้อไปฝากด้วยนะคะ
เ้ครื่องดื่มก็มีหลากหลายค่ะ มีเมนูเพื่อสุขภาพด้วย ^0^

การบริการ ดีมากค่ะ เจ้าของร้านดูแลเองเลย น่ารัก และเป็นกันเอง
พนักงานก็บริการดี ยิ้มแย้มแจ่มใส มี Wifi ให้เล่นฟรีด้วยค่ะ...
นั่งทานเค้ก ดื่มกาแฟ เล่น Wifi ได้สบายยยเลย

ํ

♥ Yummy Yummy by Lantom ♥

ลั่นทมริมทะเลชวนชิม เจ้าค่ะ

กับรีวิวแรกที่ Openrice.com แห่งนี้

ขอประเดิมด้วยการพาทุกคนไปเยือนเขาใหญ่ค่ะ เมื่อเอ่ยถึง เขาใหญ่ ...

ใครๆก็มักจะนึกถึง Primo Posto สถานที่ถ่ายรูปยอดฮิต

ทว่าเมื่อแวะไปถ่ายรูปสวยๆกับสถานที่เก๋ไก๋ราวอยู่เมืองนอกกับพริโม พอสโต้ กันแล้ว

คนไทยอย่างเราๆก็ย่อมจะอยากชิมอาหารรสแซ่บถูกปากคนไทยอยู่แล้วใช่ไหมเอ่ย

เป็นลาว เป็นร้านอาหารไทย-อีสาน ที่ตั้งอยู่เยื้องๆกับ Primo Posto

โดดเด่นเป็นสง่าด้วย "ถังแดง" อันเป็นเอกลักษณ์และที่มาของ "ไก่นาย่างถังแดง"

พร้อมมีงานศิลปะเก๋ๆ ประดับที่หน้าร้าน

ในวันที่เราไปเยือน "เป็นลาว" มานั้น

เป็นลาว ยังเป็นร้านเล็กๆ และเป็นช่วงก่อนที่ทางร้านจะได้ออกรายการ SME ตีแตก (ซึ่ง เป็นลาว ก็ตีแตกได้สมใจ) เสียด้วย

ปัจจุบัน เป็นลาว ขยายพื้นที่ใหญ่ขึ้น และ รับนักชิมได้มากขึ้นอีกอักโข

ทว่า อย่างหนึ่งที่เราเชื่อคือ ตัวตนของ "เป็นลาว" ที่ไม่มีวันเปลี่ยนแน่ๆ

ด้วยความที่เราได้พูดคุยกับ คุณเต้ พันชนะ ผู้ดูแล เป็นลาว

ทำให้เรามั่นใจได้ว่า การดูแลใส่ใจในรสชาติอาหารและลูกค้าของเป็นลาว

น่าจะคงเส้นคงวาได้เช่นเดิม

มามะ .... ไปดูบรรยากาศร้านกันก่อนค่ะ งานศิลปะสวยๆ ประดับร้าน โต๊ะไม้สบายๆ เมนูบนกระดานดำ น่ารักๆ เอาล่ะค่ะ หลังจากชมบรรยากาศของร้านกันมาแล้ว มาชิมอาหารกันเลยดีกว่า

สโลแกน "แซ่บ ... สะอาด" ของเป็นลาว ไม่ทำให้เราผิดหวังเลยเมื่อได้ชิม

จานแรก "ไก่นาย่างถังแดง" เมนูฮิตของร้าน
ที่ใช้ไก่หมักด้วยสมุนไพรและพริกไทยดำหอมๆ
ใครที่ชอบไก่ย่างแบบไม่มัน น่าจะชอบจานนี้มากๆค่ะ
พอดีสำหรับเราแล้ว เราชอบไก่ย่างแบบไม่สุกจัดและมันๆหน่อย
จานนี้สำหรับเรา ให้ไป 4 หัวใจค่ะ ♥ ♥ ♥ ♥จานที่สอง "ต้มแซ่บซี่โครงหมูอ่อน"
ทีเด็ดที่ทำให้เราติดใจเป็นลาว อยู่ที่ ต้มแซ่บหม้อนี้เองค่ะ
เพราะซี่โครงหมูต้มมาแบบว่านุ่มมาก....ก.....ก....
เนื้อแทบจะล่อนออกมาอยู่แล้ว เนื้อหมูนุ่มๆติดมันนิดๆ บวกกับรสชาติจัดจ้านของต้มแซ่บ
พูดถึงแล้ว โอย อยากกินๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อีกรอบ
ต้มแซ่บหม้อนี้ ได้ใจเราไป 5 หัวใจเลยค่ะ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥แล้วก็มาถึงจานโปรดของหลายๆคน "ส้มตำไทยเม็ดมะม่วงหิมพานต์"
ส้มตำของเป็นลาว รสจี๊ดได้ใจคนชอบทานเผ็ดอย่างเรามากๆค่ะ
สามารถสั่งได้ตามอัตราความเผ็ดที่ต้องการนะคะ
ทุกคนที่ไปชอบส้มตำกันมากๆ จนสั่งส้มตำเพิ่มแทบจะคนละจานเลยทีเดียวค่ะ
ส้มตำเป็นลาว ได้ใจเราไป 5 หัวใจเช่นกันค่ะ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥อีกจานที่ ลั่นทมริมทะเล ไม่อยากให้พลาด ไปแล้วต้องชิม ก็คือ
"หมูแดดเดียว" ค่ะ ขอบอกว่า ปกติเราไม่ชอบหมูแดดเดียวนะคะ
เพราะส่วนใหญ่ เนื้อหมูจะแบบว่าแห้งๆด้านๆ ไม่อร่อยเอาซะเลย (สำหรับเรา ^ ^ )
แต่หมูแดดเดียวที่ เป็นลาว นี่อร่อยมากๆค่ะ
คำว่า แห้ง ลืมไปได้เลย
เนื้อในนุ่ม ด้านนอกก็ทอดได้สีสวยกำลังดี
จานนี้ มีเบิ้ลค่ะ ขออีกจาน ทันที เพราะวางแป๊บเดียว หมดโลดค่ะ 5555
เป็นอีกจาน ที่เอาไปเลย 5 หัวใจเช่นกันค่ะ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥จริงๆถ่ายรูปมาอีก 2 จานนะคะ คือ ลาบหมู กับ แกงอ่อมไก่นา แต่พื้นที่ไม่พอซะแล้ว

วันหยุดนี้ใครมีโอกาสไปเที่ยวเขาใหญ่ ลองแวะไปชิมกันได้นะคะ

เขียนมาถึงตรงนี้ หัวใจไปอยู่ที่ "เป็นลาว" ซะแล้วสิ

ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่อ่านมาจนจบนะคะ

♥ Yummy Yummy by Lantom ♥ ลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ รีวิวหน้าค่ะ

ลั่นทมริมทะเลค่ะ ^_________^

อีกหนึ่งในร้านยอดนิยมที่เมื่อ Search หาจาก Internet ทีไรก็จะพบร้านนี้ติด Index ขึ้นมาลำดับต้นๆ กับร้าน “สวนเมืองพร” ร้านอาหารบรรยากาศดีริมเขาติดอ่างเก็บน้ำลำตะคอง ทำให้วันนี้เราไม่รีรอที่จะมารับประทานอาหารกลางวันที่นี่กัน
บรรยากาศภายในร้าน
ถ้าใครที่ชอบร้านอาหารที่วิวสวยๆอยู่แล้ว รับรองว่าสวนเมืองพรจะไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยทำเลของร้านที่ตั้งอยู่บนเนินเขา มองลงไปเห็นวิวของอ่างเก็บน้ำ ประกอบกับการออกแบบร้านเล่นระดับ รอบๆร้านมีต้นไม้ทั้งปลูกเพิ่มและต้นไม้จากธรรมชาติอยู่รายรอบ ทำให้การนั่งทานอาหารที่นี่ในเวลากลางวันไม่ร้อนจนเกินไป ถึงแม้ว่าบริเวณร้านจะไม่มีเครื่องปรับอากาศก็ตาม
การบริการ
ที่นี่คนจะเยอะมากในช่วงกลางวันและเย็นของวันเสาร์-อาทิตย์ กว่าพวกเราจะได้รับอาหารจนครบก็ค่อนข้างนานทีเดียว เมนูสุดท้ายที่ได้นั้นถึงกับฝนตกต้องย้ายโต๊ะขึ้นไปนั่งข้างบนถึงจะได้ทานกัน แต่ด้วยบรรยากาศที่สบายๆ ทำให้เรานั่งไปได้เรื่อยๆ ไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือรู้สึกว่าต้องรอมากเกินไปนัก
รสชาติ
ต้องยอมรับว่าถึงแม้วันนี้คนจะมาก อาหารจะค่อนข้างช้า แต่ว่ารสชาติอาหารที่นี่ก็ไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็นปลาทอด ต้มยำ คอหมูย่าง ส้มตำ ปีกไก่ทอด และเต้าหู้กระทะร้อน ล้วนแล้วแต่ปรุงออกมาได้รสชาติดีทุกรายการค่ะ
ราคา
เฉลี่ยหัวละ 250 บาท ถือว่าคุ้มค่า เพราะอาหารที่นี่อร่อยจริงๆ และยังได้ชมบรรยากาศเหนือเขื่อนลำตะคองอีกด้วย

ร้านกาแฟสีฟ้าน้ำเงินแห่งนี้สร้างความประทับใจในแรกพบด้วยโทนสีของตึกที่เด่นออกมาจากตึกอื่นๆภายในพาลิโอ ประกอบกับอากาศที่เริ่มร้อนอบอ้าวในเวลาบ่าย ทำให้พวกเราไม่รีรอที่จะเข้าไปนั่งพักผ่อนที่ร้านกาแฟแห่งนี้สักครู่ก่อนจะออกไปเดินเที่ยวพาลิโอกันต่อ
บรรยากาศภายในร้าน
Azure จัดโต๊ะไว้ทั้งด้านในและด้านนอกของร้าน เชื่อว่าถ้าเป็นฤดูหนาว การได้นั่งเล่นจิบกาแฟ ท่ามกลางบรรยากาศสไตล์อิตาลีแบบนี้ คงทำให้มีความสุขมากมายทีเดียว แต่เนื่องจากเรามาที่นี่กันในหน้าร้อน เลยขอเข้าไปตากแอร์ด้านในแทน เข้าไปถึงเราก็พบกับเคาน์เตอร์กาแฟขนาดใหญ่ และตู้ขนมเค้กหลายๆแบบ ก็เพิ่งสังเกตว่าที่นี่ใช้กาแฟของ illy อีกด้วย
การบริการ
วันนี้มากันหลายคนเลยได้สั่งหลายเมนู แต่ที่ทำให้หนักใจมากที่สุดก็คือการสั่งขนม ซึ่งต้องให้พนักงานช่วยแนะนำว่าจะสั่งเมนูไหนดี ซึ่งทุกคนก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ช่วยกันแนะนำขนมและเครื่องดื่มกัน งานนี้เลยได้ขนมมาชิมกันหลายเมนู
รสชาติ
ถ้าใครเป็นเซียนช็อกโกแลต ขอแนะนำช็อกโกแลตเย็นของที่นี่ ซึ่งทางร้านเองก็ยืนยันว่าเป็นช็อกโกแลตที่คิดสูตรและปรุงขึ้นมาเอง เมื่อลองชิมแล้วก็ติดใจ รสชาติเข้มข้นถูกใจมากๆ เค้กช็อกโกแลตโอรีโอก็รสชาติเยี่ยมยอด ส่วนทางฝั่งของกาแฟไม่ต้องพูดถึง ด้วย illy การันตีอย่างนี้ โดยรวมแล้วทั้งเครื่องดื่ม ขนม และบรรยากาศของร้านถือว่ายอดเยี่ยมค่ะ
ราคา
เฉลี่ยหัวละ 150-200 บาท ถือว่าสมราคา โดยเฉพาะกาแฟ illy ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าราคาไม่เบาเลยทีเดียว

ถ้าใครผ่านมาแถวเขื่อนลำตะคองหรือปากช่องแล้วอยากหาร้านอาหารบรรยากาศพระอาทิตย์ตกสวยๆ ซักร้าน หลายคนคงนึกถึง “สวนเมืองพร” แต่หลายคนเมื่อได้ยินชื่อนี้ นอกจากจะนึกถึงบรรยากาศสุดสวยแล้ว ยังกังวลถึงราคาอาหารที่ค่อนข้างแพงและรสชาติธรรมดา จนทำให้หลายคนบอกว่าไปร้านนี้เพื่อไป “กินบรรยากาศ”

วันนี้ผมได้ค้นพบร้านอาหารร้านหนึ่งที่รสชาติไม่ธรรมดาและบรรยากาศก็สวยไม่ใช่เล่น

“ร้านครัวอีสาน”

บรรยากาศรอบๆ ร้าน ยามพระอาทิตย์ตกดินมาชิมอาหารกันบ้างดีกว่า ว่าจะอร่อยแค่ไหน

เริ่มต้นที่ปลาช่อนเผาอบเกลือ จานนี้เป็นเมนูแนะนำของทางร้าน เสริฟพร้อมผักต้มและน้ำจิ้มสามถ้วย มีน้ำพริกกะปิ น้ำพริกแมงดา และ น้ำจิ้มซีฟู้ดปลาตัวโต เนื้อปลาสดและหวานมากๆ ผมชอบจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ด เพราะทานกะปิไม่ค่อยเป็น แฮะๆ จาน 170 บาทนี้ ไก่บ้านย่างเกลือ เนื้อไก่แน่นตามประสาไก่บ้าน แต่ไก่เย็นชืดเลยครับ ไม่หอม และรสชาติค่อนข้างธรรมดามาก จานนี้ 70 บาทครับ จานต่อมาครับ ลาบหมู ได้กลิ่นและรสชาติของเครื่องเทศแปลกๆ ออกแนวอีสานแท้ๆ อร่อยไปอีกแบบ แต่อาจจะไม่ถูกปากสำหรับบางคนนะครับ จานนี้แค่ 60 บาทแกงคั่วหอยขม อีกเมนูแนะนำของทางร้านครับ หอมเครื่องแกง รสชาติกลมกล่อมสุดๆ เอามาคลุกกับข้าว อร่อยมาก ๆ ถ้วยนี้ 70 บาท ยำกุ้งฟู อีกจานแนะนำของทางร้าน เป็นเมนูแปลกใหม่สำหรับผม กุ้งชุปแป้งทอดยำกับเม็ดมะม่วงและส้มโอ ตัวกุ้งกรอบและอร่อยมากเลยครับ แต่ต้องรีบทานนิดนึงนะครับ ถ้าปล่อยไว้นานจะไม่กรอบเท่าที่ควร น่าจะแยกน้ำยำกับกุ้งออกจากกันนะ จานนี้ 80 บาท ร้าน นี้อาหารบรรยากาศดี อาหารราคาถูกและอร่อยมากหลายเมนูทีเดียว แต่ต้องทำใจเรื่องบริการนิดนึงนะครับ ผมไปช่วงเย็นวันอาทิตย์ซึ่งคนไม่พลุกพล่าน แต่พนักงานก็ยังเสริฟอาหารผิดโต๊ะมาที่โต๊ะผมถึงสามครั้ง การจัดการของร้านยังไม่ดีเท่าที่ควรครับ ราคาอาหารทั้งหมดครับ ทานกัน 3 คน 516 บาท

พิกัด GPS ร้านครัวอีสาน N14 49.401 E101 32.615
แผนที่

มีโอกาสไปเที่ยวปากช่องอีกครั้ง เลยสืบเสาะหาร้านอร่อยบรรยากาศดีมารีวิวให้เพื่อน ๆ น้ำลายสอกันไปพลางๆ

แดรี่โฮม ร้านสเต็กบรรยากาศดีที่ปากช่อง เป็นหนึ่งในร้านเป้าหมายในทริปครั้งนี้ เรื่องบริการที่นี่ถือว่าดีมากครับ อาหารรวดเร็ว ร้านน่ารักครับ

มาชิมอาหารกันดีกว่า เริ่มต้นที่จานแรกครับ สปาเก็ตตี้ซอสหมู หอมกลิ่นชีส รสชาติอร่อยครับ ราคาจานนี้ก็ 95 บาทจาน นี้เด็ดครับ สปาเก็ตตี้ผัดขี้เมา รสชาติกลมกล่อม ไม่เผ็ดมาก ปกติผมไม่ทานเผ็ด เข้าทางผมเลย ราคาจานนี้ก็ 95 บาทครับจานต่อมาครับ สตริปลอยน์ สเต็กเนื้อ สุกระดับปานกลาง สลัดเคียงค่อนข้างธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษมี ซอสราดให้สองซอสครับ ซอสพริกไทยดำ กับซอสเห็ดแชมปิญอง ทุกครั้งที่ผมไปทานที่นี่ต้องย้ำกับพนักงานเลยว่าขอซอสเห็ดแชมปิญอง ร้อนๆ อร่อยมากเลยเมื่อทานกับสเต็กจานนี้เนื้อสเต็กนุ่มมากครับ ไม่เหนียวด้วย ชอบเนื้อสเต็กที่นี่จัง ราคาจานนี้ก็ 185 บาทครับไส้กรอก หมูรวมครับ ตอนแรกมามันก็เป็นไส้กรอกยาวๆ แหละครับ แต่ถ่ายรูปไม่ทัน เพื่อนแบ่งเป็นชิ้นๆ หมดแล้ว มีมา 5 ชิ้นครับ 5 รสชาติ ไวน์แดง ไวน์ขาว ไวน์ขาวพริกไทยอ่อน กระเทียบ โชลิโซ จานนี้ 180 บาท ผมไม่แน่ใจว่าผมทานรสชาติไหนไปบ้าง แต่ไม่ค่อยถูกปากซักชิ้นเลย เนื้อเหมือนใส้อั่ว รสชาติแปลกๆ ผมอาจทานใส้กรอกแบบนี้ไม่เป็นก็ได้จาน ต่อมาครับ พอร์คชอฟ เนื้อหมูไม่นุ่มเท่าที่ควร แต่รสชาติดีครับ ราคา 210 บาทมา ถึงแดรี่โฮม ห้ามพลาดไอติมที่นี่เป็นอันขาดครับ อร่อยมากครับ โดยเฉพาะไวน์แดงสตอเบอรี่ หวานหอมสุดยอดเลยครับ ไม่ค่อยมีกลิ่นแอลกอฮอล์ด้วย (ปกติผมไม่ดื่มแอลกอฮอล์) สองลูก 55 บาท แถมถ้วยน่ารักๆ กลับบ้านด้วย ถูกใจจริงๆ ครับ