Read full review
2013-10-15
1034 views
การเดินทางมาร้านครัวปีกไม้นะครับ ถ้ามาจากรุงเทพฯนะครับ ก็ขับตามถนนเพชรเกษมมาเรื่อยๆ จนถึงค่ายพระรามหก หรือที่ตั้งของพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ร้านครัวปีกไม้จะอยู่เลยทางเข้าค่ายพระรามหกมาซัก 100 - 200 เมตรครับ แต่ถนนตรงหน้าค่ายประรามหกมันจะมีเกาะกลาง พอถึงหน้าค่ายพระรามหกแล้วให้เลยมาอีกประมาณ 850 เมตร จะมียูเทิร์นครับ ร้านปีกไม้อยู่เลยทางเข้าโรงเรียนเทศบาล 6 บ้านห้วยทรายเหนือไปนิดเดียวครับมีป้ายใหญ่โต เห็นชัดเจนนะครับ แต่ว่าถ้าเกิดมีรถมาจอดบังก็ต้องสังเกตกันหน่อยนะครับ ตัวร้านมีอยู่ในบ้านพักอาศัยครับ แต่แยกหน้าร้านและครัวเป็นสัดเป็นส่วน แยกออกจากกัน ตัวร้านอยู่ทางด้านหนึ่งของทางเข้า ส่วนครัวอยู่อีกทางด้านหนึ่งค
มีป้ายใหญ่โต เห็นชัดเจนนะครับ แต่ว่าถ้าเกิดมีรถมาจอดบังก็ต้องสังเกตกันหน่อยนะครับ
ตัวร้านมีอยู่ในบ้านพักอาศัยครับ แต่แยกหน้าร้านและครัวเป็นสัดเป็นส่วน แยกออกจากกัน ตัวร้านอยู่ทางด้านหนึ่งของทางเข้า ส่วนครัวอยู่อีกทางด้านหนึ่งครับ ลักษณะตัวร้านเป็นเรือนไม้ปลูกอยู่ในสวนเล็กๆ แต่ร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ มีรากต้นไทรห้อยลงมาทำให้ดูเย็น สดชื่นดีจริงๆครับ ตัวร้านจะมีสองส่วนนะครับ อยู่พนพื้นต่างระดับกัน ทำให้รู้สึกว่าเหมือนมีโต๊ะนั่งอยู่ในสวนกับอยู่บนบ้าน
น้ำอัญชันน้ำสีน้ำเงินเข้มมากกกกก แสดงว่าไม่ขี้เหนียวอัญชัญเลย แก้วใหญ่ กลิ่นหอม มีรสหวานนิดๆพอให้ชื่นใจครับ ที่สนุกที่สุดก็คือเค้าจะให้มะนาวมาซีกนึงครับ เอาไว้บีบใส่น้ำอัญชัน พอบีบมะนาวลงไปในน้ำอัญชัญ น้ำอัญชันที่ตอนแรกมีสีน้ำเงินก็จะค่อยๆกลายเป็นสีม่วง ได้สนุกไปกับการทอลองวิทยาศาสตร์ง่ายๆนี้ด้วย เหมือนกลับไปเป็นเด็กๆอีกครั้งนึง
น้ำกระเจี๊ยบรสชาติหวานๆ เข้มด้วยรสและกลิ่นของกระเจี๊ยบ คนทำเค้าไม่หวงกระเจี๊ยบ ไม่หวงน้ำตาลเลยครับ ขนาดใส่แก้วใหญ่ๆ ใส่น้ำแข็งมาเยอะๆแล้วยังได้กลิ่นกระเจี๊ยบ ได้ความหวาน และเขจ้นข้นดีมากๆ ดื่มแล้วชื่นใจจริงๆเลยครับ
ผัดกระเพราทะเลราดข้าวไข่ดาวจานนี้ตอนยกมาก็พอจะเดาได้ว่าต้องอร่อยแน่ๆ เพราะกลิ่นหอมฟุ้ง นอกจากกลิ่นพริกกับกระเทียม กระเพราแล้วยังมีกลิ่นไหม้ๆของกระทะด้วย
กระเพราทะเลจานนี้รสเด็ดมากทีเดียวครับ เผ็ด เค็มๆ ไม่มีรสหวานเลย ถูกต้องตามรสชาติที่ควรจะเป็นของผัดกระเพรามากๆ เสียอย่างเดียวครับ ปริมาณออกจะน้อยไปซักหน่อยเมื่อเทียบกับราคา 50 บาทและทำเลที่ตั้งของร้านที่อยู่ใกล้ทะเลอย่างนี้ครับ ถามว่าปริมาณน้อยไปหรือเปล่า ผมว่าก็ไม่น้อยไปนักสำหรับสาวๆหุ่นสวยๆนะครับ แต่ถ้าเป็นหนุ่มๆคงจะต้องเบิ้ล 2 จานละครับ
สุกี้ทะเลแห้งจานนี้ก็เป็น signature ของร้านนี้เลยล่ะครับ จานนี้เด็ดที่น้ำจิ้มครับ นอกจากจะเอาน้ำจิ้มลงไปผัดด้วยนิดน่อยให้ออกรสชาติแล้ว เค้ายังมีน้ำจิ้มใส่ถ้วยมาให้อีกด้วย พอจะรับประทานก็เอาน้ำจิ้มราดทับไปอีกทีถูกใจคนชอบสุกี้แห้งแบบน้ำจิ้มโชกๆเลยครับ นอกจากนั้นยังมีมะนาวแนมมาอีก 1 ชิ้น เผื่อเรียกความเปรี้ยวจากเมนูนี้ขึ้นไปอีกครับ
อีกครั้งครับ ผมว่าปริมาณน้อยเกินไปสำหรับราคา 45 บาทครับ เข้าใจได้นะครับว่าสุกี้แห้งปริมาณจะน้อยกว่าสุกี้น้ำ แต่ส่วนประกอบก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าผักกาดขาว (หรือจะใส่กะหล่ำปลีก็คงไม่มีใครว่าอะไร) คึ่นฉ่าย ผักบุ้งจีน ต้นหอม วุ้นเส้น และเครื่องทะเลนะครับ
จานถัดมาก็เป็น signature ของร้านนี้อีกเหมือนกันครับ ผัดไก่กุ้งไข่ห่อผัดไทรสชาติเข้มข้น เครื่องเคราครบทั้งเต้าหู้แข็ง กุ้งแห้ง กุ้งสด เปรี้ยว หวาน ส่วนรสเผ็ดให้มาเติมเพิ่มเองข้างนอก แต่ดูเหมือนว่าพอครัวแม่ครัวจะใส่พริกป่นลงไปนิดหน่อยแล้วนะครับ เพราะเท่าที่ชิมดูผัดไทจะมีรสครบทุกรสครับ เพียงแต่ว่ารสเผ็ดจะน้อยกว่ารสเปรี้ยว หวาน เท่านั้นเองครับ มีมะม่วงโรยหหน้าเพื่อเพิ่มความเปรี้ยวมันเพื่อตัดรสผัดไท แนมถั่วลิสงคั่วป่นหยาบๆ หอมๆ มาให้เพื่อเพิ่มอรรถรสในการเคี้ยวให้ด้วยครับ ผักเคียงก็มีทั้ง ถั่วงอก ใบบัวบก หัวปลี และยังมีมะนาวผ่าซีกมาให้ด้วย เผื่อว่าใครจะชอบผัดไทที่มีรสจี๊ดจ๊าดครับ
อีกครั้งที่ปริมาณน้อยเมื่อเทียบกับราคา 60 บาทครับ
ผัดซีอิ๊วหมูจานนี้เป็นผัดซีอิ๊วที่ถูกใจที่สุดในรอบหลายๆปีที่ได้ไปสั่งผัดซีอิ๊วกินตามร้านครับ เค้าผัดมาไม่แห้งจนเกินไป และไม่ถึงกับมีน้ำนองจาน เส้นไม่ขาด ไข่ไม่เกาะกันเป็นก้อนๆ แต่เหมือนจะเป็นครีมๆ เคลือบเส้นไว้ทั่วๆ หอมกลิ่นเส้นไหม้ กระทะไหม้มาตั้งแต่พนักงานยกมาเสิร์ฟ รสชาติออกเค็มๆ หวานซีอิ๊วดำหน่อยๆ พอปรุวรสหวาน้ำตาลเพิ่มลงไป สาดน้ำส้มพริกดอง น้ำปลา พริกป่นลงไปเพิ่มทำให้ผัดซีอิ๊วจานนี้เป็นเมนูที่ถูกใจยิ่งกว่าผัดไท หรือว่าสุกี้แห้งอีกนะครับ
สุดท้ายยังไม่ทิ้งคอนเซ็ปครับ ปริมาณดูจะน้อยเมื่อเทียบกับราคา 40 บาทนะครับ
Post
