Ingredient and Portion
หมูผัดพริกหยวก
Submit Recipe
0
108862
0
From Poom~Pa Submit
กลับมาแล้วจร้า... หายไปนานไปเดินทางท่องเที่ยวฉลองปีใหม่ที่ผ่านมา กลับมาบ้านเลยขอทำกับข้าวกินเองบ้าง เมนูก็ง่ายๆ จากของเท่าที่มีในตู้เย็นนะจ๊ะ ผัดพริกหยวกหมูจ๊ะ Poom~Pa ชอบทำผัดพริกหยวกมากกว่าผัดพริกสดนะ เพราะว่ามันจะเผ็ดกว่าผัดพริกสดนะ
1. พริกหยวกหั่นแฉลบหรือหั่นแว่น 4 – 5 เม็ด
2. หอมใหญ่หั่นแว่น ½ หัว
3. กระเทียมสับ ¼ ช้อนโต๊ะ
4. เนื้อหมูหั่นชิ้น 1 ถ้วย
2. หอมใหญ่หั่นแว่น ½ หัว
3. กระเทียมสับ ¼ ช้อนโต๊ะ
4. เนื้อหมูหั่นชิ้น 1 ถ้วย
Seasoning
1. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
2. ซีอิ๊วขาว 1 ½ ช้อนโต๊ะ
3. ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
4. น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
2. ซีอิ๊วขาว 1 ½ ช้อนโต๊ะ
3. ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
4. น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
Method
1. พริกหยวกล้างแล้วหั่นแฉลบๆ บางๆ ไว้ เนื้อหมูล้างแล้วหั่นเป็นชิ้นบางๆ ไว้ กระเทียมแกะเปลือกสับหยาบๆ ไว้
2. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงในกระทะ พอร้อนใส่กระเทียมลงมาผัดจนหอม ใส่เนื้อหมูลงมาผัดจนสุก เติมน้ำเปล่าลงมาเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นผัดจะแห้งเกินไป กินไม่อร่อย
3. ปรุงรสด้วย น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส น้ำมันหอย ผัดให้เข้ากัน
2. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงในกระทะ พอร้อนใส่กระเทียมลงมาผัดจนหอม ใส่เนื้อหมูลงมาผัดจนสุก เติมน้ำเปล่าลงมาเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นผัดจะแห้งเกินไป กินไม่อร่อย
3. ปรุงรสด้วย น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส น้ำมันหอย ผัดให้เข้ากัน
Tips
สรรพคุณที่สำคัญของพริกหยวก
1.ทางการแพทย์ได้ระบุสรรพคุณว่า พริกหยวกทุกสีมีสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ ซึ่งช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ช่วยกระตุ้นให้ระบบการย่อยอาหารดีขึ้น
2.สารสำคัญอย่างแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ในพริกหยวก สามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ อีกทั้งยังมีสรรพคุณทางยา มีคุณค่าจากวิตามินเอ , B1 , B2 และ C มีสารแคปไซซินที่เป็นแหล่งเบต้าแคโรทีนชั้นดี
3.นำไปผสมทำเป็นขี้ผึ้งเพื่อรักษาอาการปวดเมื่อยเกี่ยวกับไขข้ออักเสบ
4.สารแคปไซซินสามารถขยายหลอดเลือด ทำให้มีเลือดไปเลี้ยงบริเวณนั้นได้มากขึ้นและลดการจับกลุ่มของเกล็ดเลือดได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดด้วย
5.ช่วยเจริญอาหาร ขับเหงื่อ ขับเสมหะ แก้อาเจียน
6.สารแคปไซซินจะทำให้หลอดเลือดอ่อนตัว จึงสามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ อีกทั้งยังช่วยให้ระบบการไหลเวียนของเลือดเป็นไปได้ดี
7.แคปไซซินมีผลต่อการละลายลิ่มเลือด (fibrinolysis) ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดลองจากการวัดค่า Euglobulin Lysis Time ซึ่งส่งผลหลังจากที่ได้ทานพริกหยวกเข้าไปแล้ว โดยพบว่าปริมาณ TPA ( tissue plasminogen activator ) ลดลงอย่างมากภายในเวลาเพียง 30 นาที นั่นก็หมายความว่า การทานพริกหยวก น่าจะมีผลต่อการละลายลิ่มเลือดนั่นเอง
อ้างอิง : http://www.xn--03camj5ak4hpc.com/2015/10/25/พริกพยวก-สรรพคุณเพื่อสุ/
1.ทางการแพทย์ได้ระบุสรรพคุณว่า พริกหยวกทุกสีมีสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ ซึ่งช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ช่วยกระตุ้นให้ระบบการย่อยอาหารดีขึ้น
2.สารสำคัญอย่างแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ในพริกหยวก สามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ อีกทั้งยังมีสรรพคุณทางยา มีคุณค่าจากวิตามินเอ , B1 , B2 และ C มีสารแคปไซซินที่เป็นแหล่งเบต้าแคโรทีนชั้นดี
3.นำไปผสมทำเป็นขี้ผึ้งเพื่อรักษาอาการปวดเมื่อยเกี่ยวกับไขข้ออักเสบ
4.สารแคปไซซินสามารถขยายหลอดเลือด ทำให้มีเลือดไปเลี้ยงบริเวณนั้นได้มากขึ้นและลดการจับกลุ่มของเกล็ดเลือดได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดด้วย
5.ช่วยเจริญอาหาร ขับเหงื่อ ขับเสมหะ แก้อาเจียน
6.สารแคปไซซินจะทำให้หลอดเลือดอ่อนตัว จึงสามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ อีกทั้งยังช่วยให้ระบบการไหลเวียนของเลือดเป็นไปได้ดี
7.แคปไซซินมีผลต่อการละลายลิ่มเลือด (fibrinolysis) ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดลองจากการวัดค่า Euglobulin Lysis Time ซึ่งส่งผลหลังจากที่ได้ทานพริกหยวกเข้าไปแล้ว โดยพบว่าปริมาณ TPA ( tissue plasminogen activator ) ลดลงอย่างมากภายในเวลาเพียง 30 นาที นั่นก็หมายความว่า การทานพริกหยวก น่าจะมีผลต่อการละลายลิ่มเลือดนั่นเอง
อ้างอิง : http://www.xn--03camj5ak4hpc.com/2015/10/25/พริกพยวก-สรรพคุณเพื่อสุ/
Recommend
Top