Ingredient and Portion
แกงเผ็ดฟักทอง
Submit Recipe
0
2972
0
ฟักทองเนื้อหวานเมื่อเอามาทำแกงเผ็ด ว้าว...มันช่างเข้ากันจริงๆด้วยล่ะค่ะ แกงเผ็ดใส่กะทิรสชาติกลมกล่อม เผ็ดร้อน หอมกลิ่นสมุนไพรและใบโหระพา ทำให้กินข้าวสวยไปหลายจานเลยค่ะ แม้แต่น้ำแกงก็ยังอร่อย กินหมดไม่มีเหลือ
1. ฟักทอง 300 กรัม
2. เนื้อหมู 150 กรัม
3. พริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำกะทิ 200 มิลลิลิตร
5. ใบโหระพา 1 ถ้วย
6. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
2. เนื้อหมู 150 กรัม
3. พริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำกะทิ 200 มิลลิลิตร
5. ใบโหระพา 1 ถ้วย
6. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
Method
1. ปอกเปลือกและหั่นฟักทองเป็นชิ้นพอคำ
2. ตั้งหม้อใส่น้ำกะทิลงไป1/3 ของกะทิทั้งหมด ตั้งไฟจนเดือด
3. ใส่พริกแกงเผ็ดลงไปผัดจนแตกมัน
4. ใส่เนื้อหมูลงไปผัดจนเริ่มสุก
5. เติมน้ำกะทิที่เหลือลงไป คนให้เข้ากันแล้วทิ้งไว้จนเดือด
6. ใส่เนื้อฟักทองลงไปต้มต่อจนฟักทองสุก
7. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และสุดท้ายใส่ใบโหระพาลงไป คนให้เข้ากันแล้วปิดเตาได้เลย
2. ตั้งหม้อใส่น้ำกะทิลงไป1/3 ของกะทิทั้งหมด ตั้งไฟจนเดือด
3. ใส่พริกแกงเผ็ดลงไปผัดจนแตกมัน
4. ใส่เนื้อหมูลงไปผัดจนเริ่มสุก
5. เติมน้ำกะทิที่เหลือลงไป คนให้เข้ากันแล้วทิ้งไว้จนเดือด
6. ใส่เนื้อฟักทองลงไปต้มต่อจนฟักทองสุก
7. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และสุดท้ายใส่ใบโหระพาลงไป คนให้เข้ากันแล้วปิดเตาได้เลย
Tips
มากินฟักทองกันเถอะ!
ฟักทองเป็นพืชที่ให้คุณค่าทางอาหารสูง โดยที่เนื้อสีเหลืองนั้นมีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตา มีฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซีและแป้ง นอกจากนี้ยังมีเบต้าแคโรทีนในปริมาณสูง สารเบต้าแคโรทีนเป็นสารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง มีสารกรดโปรไพโอนิคซึ่งช่วยให้เซลล์มะเร็งอ่อนตัวลง ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันเบาหวาน โรคความดันโลหิต บำรุงตับและไต นอกจากนี้เปลือกของฟักทองยังจะช่วยควบคุมสมดุลร่างกายโดยช่วยสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์ที่หมดอายุ ช่วยให้อวัยวะภายในทำงานได้อย่างสมดุลและมีประสิทธิภาพ ดังนั้นหากสามารถกินฟักทองได้ทั้งเปลือกก็จะยิ่งดีขึ้นอีก
อ้างอิง : www.xn--42c8ao1akazf5c2be0gsk.net
ฟักทองเป็นพืชที่ให้คุณค่าทางอาหารสูง โดยที่เนื้อสีเหลืองนั้นมีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตา มีฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซีและแป้ง นอกจากนี้ยังมีเบต้าแคโรทีนในปริมาณสูง สารเบต้าแคโรทีนเป็นสารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง มีสารกรดโปรไพโอนิคซึ่งช่วยให้เซลล์มะเร็งอ่อนตัวลง ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันเบาหวาน โรคความดันโลหิต บำรุงตับและไต นอกจากนี้เปลือกของฟักทองยังจะช่วยควบคุมสมดุลร่างกายโดยช่วยสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์ที่หมดอายุ ช่วยให้อวัยวะภายในทำงานได้อย่างสมดุลและมีประสิทธิภาพ ดังนั้นหากสามารถกินฟักทองได้ทั้งเปลือกก็จะยิ่งดีขึ้นอีก
อ้างอิง : www.xn--42c8ao1akazf5c2be0gsk.net
Recommend
More Recipe from Vanilla~Caramel
Top