ไม่ได้เรียนสายวิทย์ แต่เป็นสายกิน! ก็สวมบทนักทดลองกันได้ง่ายๆ กับร้านคอนเซปต์แล็บ ที่พร้อมให้ทุกคนได้ทดลองปรุงเมนูต่างๆตามแต่ใจต้องการ OpenRice ขอแนะนำ 2 ร้านเปิดใหม่ มีทั้งเมนูของคาวและของหวานสไตล์แล็บ ที่จะมาช่วยสร้างบรรยากาศในการทานอาหารของทุกคนให้สนุกขึ้นกว่าเดิม

SHABU LAB

ร้านชาบูแล็บ ตั้งอยู่บริเวณซอยสยามสแควร์ 10 เจ้าของร้านเห็นว่าร้านชาบูยังไม่มีคนทำในรูปแบบแล็บ ตนเลยจับคอนเซปท์นี้มาทำซะเลย ให้บริการบุปเฟ่ต์ชาบู ไม่จำกัดเวลา ร้านนี้พอได้เวลาร้านเปิดปุ๊บ ลูกค้าเข้าทันที

บรรยากาศของร้านเน้นสีขาวสะอาด เหมือนอยู่ในห้องทดลอง โต๊ะออกแบบมาให้มีพื้นที่ระหว่างหม้อกับที่นั่งค่อนข้างมาก วางอาหารได้เยอะ บนโต๊ะจัดอุปกรณ์ที่ใช้ในการทานไว้ให้เหมือนร้านทั่วไป แตกต่างตรงที่แก้วน้ำของร้านจะใช้เป็นบิกเกอร์แทน และมีใบแนะนำวิธีการทานวางไว้ให้ เผื่อใครยังไม่แน่ใจว่าชาบูแบบแล็บทานยังไง ก็ทำตามใบแนะนำเลยง่ายๆ

เครื่องชาบูมีให้เลือกหมูกับเนื้อ 4 แบบ และผักนิดหน่อย เพราะไม่เน้นขายเครื่องเยอะ แต่ที่เน้นเครื่องปรุงซุปและน้ำจิ้มซึ่งลูกค้าสามารถเลือกทดลองผสมทั้งน้ำซุปและน้ำจิ้มกันเอง ดังนั้นหม้อชาบูจึงจะแยกของใครของมัน เพราะทางร้านอยากให้คนที่มาทานได้สร้างชาบูที่เป็นของตัวเอง ถ้าปรุงไม่อร่อยก็เปลี่ยนหม้อทำใหม่ได้เลย ไม่มีคิดเงินเพิ่ม

เครื่องน้ำซุปเสิร์ฟมาในขวดปริมาตร และกล่องสำลีสแตนเลสที่ใช้ในห้องแล็บ ซุปที่มีบริการ คือ ซุปใส ต้มแจ่ว หมาล่า กิมจิ และ สุกี้ยากี้

มีน้ำจิ้ม 6 แบบ และเครื่องปรุงน้ำจิ้มก็หลากหลาย ทั้งพริกสดปั่น กระเทียมสับ โชยุ ซีอิ๊ว น้ำส้มสายชู ใครอยากได้รสชาติไหนก็ทดลองผสมได้เลย

มีหมูตุ๋นซีอิ๊วเปื่อยๆ สามารถรถตักไปใส่หม้อชาบู หรือทานกับข้าวหุงร้อนๆ ที่ทางร้านมีบริการ

ทีเด็ดอีกอย่างของร้านนี้ต้องยกให้ ไข่ออนเซ็น เพราะคนไทยไม่ค่อยคุ้นชินกับการทานไข่ดิบ แต่เนื่องจากไข่กับเนื้อชาบูเป็นอะไรที่เข้ากันได้ ทางร้านเลยทำเป็นไข่ออนเซ็นเพื่อให้ทานได้ง่ายขึ้น และใช้เครื่องต้มไข่ที่พอต้มได้ที่แล้วกลิ่นคาวของไข่จะลดลงด้วย

FabLab Cafe

ซอยสุขุมวิท 63 ที่ตั้งของ ร้าน FabLab Cafe ที่ไม่ได้เป็นแค่คาเฟ่แต่เป็น Multi-brand Complex ที่รวบรวมอาหาร แฟชั่น และไลฟ์สไตล์เข้าด้วยกัน เพราะนอกจากคาเฟ่แล้วยังมีโซนรวมแฟชั่นไอเท็มต่างๆ และโซน Creative Space พื้นที่ใช้จัดเวิร์คช็อป หรืองานประชุมต่างๆ ได้ เชื่อว่าร้านนี้คงจะถูกใจสาวสายแฟชั่นที่รักการกินไม่ใช่น้อย เพราะมาที่เดียวได้ช็อปของสวยงาม แถมยังได้ทานของอร่อยอีกด้วย

บรรยากาศร้านเแต่งสไตล์มินิมอล เน้นสีขาว ดำ และลายหินอ่อน ดูสะอาด เรียบหรู ประกอบกับสีเขียวของต้นไม้ทำให้รู้สึกสบายตา

พอนั่งที่โต๊ะปุ๊บ พนักงานก็นำเมนูมายื่นให้ทันทีและก็ต้องสะดุดตากับเมนูที่มาเป็นเล่มนิตยสารเลยทีเดียว ซึ่งทางร้านก็ตั้งใจทำเพื่อให้เข้ากับร้านที่มีกลิ่นไอความเป็นแฟชั่น

ส่วนของคาเฟ่ ให้บริการอาหาร เครื่องดื่ม และขนมหวาน ซึ่งคอนเซปต์ของเครื่องดื่ม และขนมหวานบางส่วนนั้นมาในรูปแบบแล็บ ให้ลูกค้าได้ผสมเครื่องดื่มด้วยตัวเอง โดยมีส่วนผสมเตรียมไว้ให้ไม่ต้องกลัวว่าเททุกอย่างลงไปแล้วจะดื่มไม่ได้ ขอบอกเลยว่าดื่มได้แน่นอนและอร่อยด้วย

อย่างเมนูเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของร้าน Coffee cubes และThai Tea Cubes ส่วนผสมของเครื่องดื่ม ได้แก่ ช็อตกาแฟ/ช็อตชา นมสด นมข้น และไซรัป เสิร์ฟมาในหลอดทดลองพร้อมบีกเกอร์ใส่น้ำแข็งก้อนรสกาแฟ และรสชาไทย เวลาผสมใครชอบหวาน ก็เททั้งนมข้นและไซรัปลงไปหมดได้เลย ส่วนใครไม่ชอบหวานก็ปรับเปลี่ยนสัดส่วนกันไปตามชอบ 

ต่อกันที่ขนมหวานอย่าง Fabramisu ทีรามิสุที่มีความเป็นแล็บเล็กๆให้ได้เล่นกัน คือมีหลอดฉีดยาที่ด้านในเป็นซอสกาแฟ เสิร์ฟมาพร้อมตัวขนม เวลาทาน ให้ฉีดซอสลงไปชั้นใต้สุดที่เป็นเนื้อเค้ก แล้วโรยหน้าด้วยอัลมอนด์เคลือบคาราเมล ตักทานพร้อมครีมเนื้อเนียน ละมุนลิ้นสุดๆ

นอกจากนี้ยังมีอาหารที่แม้ไม่ได้มาในคอนเซปต์แล็บแต่อยากแนะนำให้มาลองทานกัน เพราะแต่ละเมนูหน้าตาน่าทานมาก โดยเมนูของร้านจะมีเพิ่มมาใหม่เรื่อยๆ ซึ่งช่วงที่ OpenRice ไป มีเมนูใหม่อย่าง คั่วทะเลให้ลองทาน เส้นใหญ่กรอบนอกนุ่มใน มาพร้อมไข่เยิ้มๆ กุ้ง และปลาหมึกชิ้นโตเคี้ยวได้เต็มคำ โรยหน้าด้วยไก่กรอบ

และเมนูแนะนำจากทางร้านอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทยฟิวชั่น กับเมนู Signature Crispy Ravioli นำเกาเหลาต้มยำสุโขทัยมารวมกับเกี๊ยวอิตาลีสอดไส้กุ้งและหมู , Schnitzel On Egg ข้าวไข่ข้นหมูคุโรบุตะทอดราดซอสกระเพรา , FabLab Wings ปีกไก่ทอดโรยหอมเจียวแบบจัดเต็ม

หรือจะเป็นเมนูที่คนสั่งกันเยอะมากอย่าง Fabulous Mac & Cheese เป็นมักกะโรนีอบชีสที่ไม่เลี่ยนเกินไป บวกกับครีมซอสที่ผสมเนื้อกุ้งและปลาหมึกมาให้เยอะมาก ก่อนเข้าอบโรยด้วยเกล็ดขนมปัง พออบเสร็จจะได้เกล็ดขนมปังกรอบๆ และปิดท้ายด้วยการโรยไข่กุ้งสีส้มสด กระตุ้นความอยากอาหารได้อย่างดี

อ่านบทความ Food Trends อื่นๆ ได้ที่