ร้านอาหารเกาหลี
ชื่อดังเพิ่งจะมาเปิดตัวในเมืองไทยเป็นสาขาแรก ชื่อว่าร้านบูลโกกิ บราเธอร์ส (Bulgogi Brothers
) อาหารเกาหลีรสชาติต้นตำรับ ที่ปรุงน้อยแต่ได้รสชาติมาก โดยมีสาขาแฟรนไชส์ใน 7 ประเทศ! ประเดิมความอร่อยสาขาแรกที่โซนอาหาร The Helix ห้าง The EmQuartier ตามไปดูกันดีกว่าว่าอาหารเกาหลีต้นตำรับหน้าตาเป็นอย่างไร และเมนูเด่นของ Bulgogi Brothers The EmQuartier มีอะไรกันบ้าง
Bulgogi Brothers สาขา GOLD
ร้านอาหารเกาหลี บูลโกกิ บราเธอร์ส (Bulgogi Brothers) สาขาแรกในเมืองไทย ตั้งอยู่ที่ชั้น 8 ศูนย์การค้าดิเอ็มควอเทียร์ โดยสาขานี้ได้รับสิทธิ์ให้เป็นสาขา GOLD (โกลด์) โดยมีความโดดเด่นในเรื่องของเมนูอาหาร ที่คงรสชาติดั้งเดิมเน้นความกลมกล่อม พิถีพิถันในทุกขั้นตอน วัตถุดิบ ที่สดใหม่คัดเฉพาะเกรดพรีเมียม เช่น หมูคุโรบูตะคุณภาพดี US Beef เกรดพรีเมียม เนื้อวากิวนำเข้าจากญี่ปุ่น และซีฟู้ดสดใหม่จากทะเล เช่น ล็อบสเตอร์ตัวโตเนื้อแน่น รวมไปถึงสไตล์การตกแต่งร้าน ที่ดูอบอุ่นด้วยโทนสีทอง การบริการที่ทางร้านให้ความสำคัญ โดยลูกค้าสามารถสอบถามรายละเอียดเมนูต่างๆ และพนักงานจะคอยแนะนำเพื่อเลือกอาหารให้ตรงตามความชอบของลูกค้ามากที่สุด
การตกแต่งร้าน
ภายในร้าน Bulgogi Brothers The EmQuartier ตกแต่งให้ความรู้สึกสบายๆ เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งต่างๆ ก็นำเข้ามาจากเกาหลี โทนสีของร้านเน้นสีทองสมกับความพิเศษของสาขา GOLD ตัดกับสีดำ และสีแดงที่สื่อถึงไฟ บ่งบอกความเป็นบูลโกกิ เพราะคำว่า บูล มีความหมายว่า ไฟ ขณะที่คำว่า โกกิ หมายถึง เนื้อ ดังนั้น บูลโกกิ จึงหมายรวมถึง เนื้อย่าง ซึ่งเปรียบเหมือนตัวแทนของอาหารเกาหลี ที่คนทั่วโลกรู้จัก
Taste of Korea
อาหารเกาหลีรสชาติต้นตำรับของร้านบูลโกกิ บราเธอร์ส (Bulgogi Brothers) ภายใต้คอนเซ็ปต์ Taste of Korea นำเสนอเมนูที่ได้รับความนิยมทั้งจากเกาหลีและสาขาต่างๆ เด่นด้วยเมนูอาหารพื้นเมืองเกาหลีและบูลโกกิ การันตีคุณภาพและรสชาติอาหารด้วยรางวัลมากมาย กว่าจะเปิดสาขาแรกในเมืองไทยได้นั้นก็ต้องได้รับความไว้วางใจจากทางเกาหลีเสียก่อน โดยจะมีทีมงานเดินทางจากเกาหลีมาคุมมาตรฐานทุกอย่างของทางร้านตั้งแต่วันที่เริ่มเตรียมการเพื่อเปิดร้าน ทั้งยังมีเชฟที่ได้รับความไว้วางใจมาประจำการที่เมืองไทย เพื่อให้ Bulgogi Brothers ตรงตามมาตรฐาน เหมือนกันทั้ง 40 สาขาใน 7 ประเทศ ไปทาน Bulgogi Brothers สาขาไหนก็ไม่มีผิดหวัง
Recommened Korean Food
ก่อนที่เมนูอาหารจะนำมาเสิร์ฟ ทางร้านจะมี Tea of the day เป็นชาข้าวโพดหรือชาบาร์เลย์มาพร้อมกับข้าวเกรียบกรอบๆ ให้ทานเพื่อเรียกน้ำย่อยกันฟรี หลังจากที่ดื่มน้ำชากันไปแล้ว OpenRice ก็ได้เมนูเครื่องดื่มเพื่อเพิ่มความสดชื่นก่อนมื้ออาหาร เอส (Ade) (80 บาท) หอมกลิ่นเลมอนและพุทรา รสชาติออกเปรี้ยวอมหวานสดชื่นๆ ก่อนดื่มต้องคนให้ดีนะคะ
เมนูแรกที่มาเสิร์ฟแพนเค้กทะเล Seafood Pancake (350 บาท) เป็นแพนเค้กสไตล์เกาหลี ของที่นี่แป้งจะบางนุ่มๆ ไส้ซีฟู้ดอัดแน่น เสิร์ฟมาร้อนๆ
ต่อด้วยสไปซ์ซี่ ซอสเสจ ฮอทพอต Spicy Ham and Sausage Hot Pot (550 บาท) หม้อไฟร้อนๆ สไตล์เกาหลี อัดแน่นไปด้วยไส้กรอก แฮม เต้าหู้ ลูกชิ้นปลา แป้งต๊อก และผักต่างๆ
มาพร้อมกับเครื่องเคียง 5 ชนิด ทั้งผักบุ้งดอง พริกหยวกเต้าเจี๊ยว รากบัวต้ม กิมจิผักกาดขาวและกิมจิหัวไชเท้า ซึ่งเมนูต่างๆ ของที่นี่ทำสดใหม่วันต่อวัน ไม่เว้นแม้แต่เครื่องเคียง
หลังจากที่เสิร์ฟ ทางร้านจะใส่พริกเกาหลีลงไป เราสามารถแจ้งได้ว่าจะเอารสจัดจ้านแค่ไหน ...พอใส่พริกลงไปจะเห็นว่าหม้อไฟเปลี่ยนเป็นสีแดงดูน่าทานสุดๆ ขอบอกเลยว่าต้องทานร้อนๆ ถึงจะซึมซับความอร่อยได้ดีที่สุด
ต่อด้วยคิงส์ บิบิมบับ King's Bibimbap (350 บาท) ข้าวยำเกาหลีจัดแน่นจัดเต็มใส่เครื่องทุกอย่างเสิร์ฟมาในชามหินเกาหลี
ทางพนักงานจะเสิร์ฟมาให้เห็นไข่ลูกโต ก่อนจะลงมือเจาะไข่แดงแล้วคลุกเคล้าให้ทั่ว ความพิเศษของข้าวยำเกาหลีเมนูนี้คือเครื่องที่ใส่มาให้เยอะมาก รสชาติที่กลมกล่อม และความร้อนอยู่ทนนาน ลองคลุกซ้ำๆ ความร้อนก็ยังคงอยู่
เมนูถัดมาสตูว์หมูกิมจิ Pork Kimchi Stew (300 บาท) เมนูที่คุ้นเคย ซุปกิมจิร้อนๆ หมูนุ่มๆ ทานกับข้าว แค่นี้ก็อร่อยแล้ว
อีกหนึ่งเมนูที่ถูกใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ฉับเช Glass Noodles with Sauteed Vegetables (Pork) (370 บาท) วุ้นเส้นหนึบๆ ทานกับหมู ไข่ และผัก เรียบง่ายแต่รสชาติดี
นอกเหนือจากกิมจิต่างๆ ที่เสิร์ฟมาแล้ว ร้านนี้ยังมีบงโวริ กิมจิ Bonguri Kimchi (280 บาท) กิมจิดั้งเดิมสไตล์เกาหลี รสชาติออกหวานๆ หน่อย แต่ถือเป็นเครื่องเคียงชั้นเลิศ ทานคู่กับเมนูอื่นๆ ช่วยเสริมรสชาติได้ดี
มาถึงไฮไลท์ในวันนี้ บูลโกกิ บราเธอร์ ชุดพิเศษ Bulgogi Brothers Special (465 บาท Thai beef/850 บาท US Beef) มาพร้อมเครื่องเคียงผักบุ้งกิมจิ
เสิร์ฟมาทั้งเนื้อแบบอุนยางรูปหัวใจ และเนื้อแบบกวางยางที่เป็นเนื้อสไลด์คลุกเคล้าเครื่องเทศ ที่สำคัญมีน้ำจิ้มให้เลือกถึง 6 แบบ ทั้งน้ำจิ้มสไตล์เกาหลี และน้ำจิ้มสไตล์ไทยๆ ถูกใจคนชอบรสแซ่บทั้งน้ำจิ้มซีฟู้ดและน้ำจิ้มแจ่ว
ทางร้านจะมีบริการปรุงอาหารประเภทบูลโกกิ ให้กับลูกค้าในช่วงกลางวันเพื่อความสะดวกรวดเร็ว แต่ในช่วงค่ำลูกค้าสามารถเพลิดเพลินกับการปรุงบูลโกกิได้ด้วยตัวเอง โดยที่มีพนักงานคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง เป็นการสร้างบรรยากาศสนุกๆ ให้กับมื้ออาหารเหมือนเรานั่งทานอยู่ที่บ้าน
วิธีการทานบูลโกกิ สามารถทานเนื้อย่างหวานฉ่ำแสนอร่อยได้ทันที แต่ถ้าจะให้อร่อยขึ้นไปอีกต้องวางบนใบงา แล้วใส่เครื่องเคียงและพริกเกาหลี เพิ่มรสชาติ พอกัดเข้าไปแล้วกลิ่นใบงาจะอบอวลเข้ากันได้ดีกับเนื้อย่างหอมหวาน ได้รสชาติที่อร่อยอย่างบอกไม่ถูก
อิ่มเอมกับอาหารเกาหลีต้นตำรับได้ที่ ร้านอาหารเกาหลี บูลโกกิ บราเธอร์ส (Bulgogi Brothers) สาขาแรกในเมืองไทย ตั้งอยู่ที่ชั้น 8 โซน The Helix ห้าง The EmQuartier สำรองที่นั่งได้ที่ 098-246-0888 ติดตามข้อมูลต่างๆ facebook.com/Bulgogi.Brothers.Thailand