อาหารอินเดียถึงกลิ่นเครื่องเทศแดนภารตะ The Great Kabab Factory สุขุมวิท
2015-02-13
ด้วยความหอมฟุ้งของกลิ่นเครื่องเทศ ทำให้อาหารอินเดียกลายเป็นที่นิยมในเมืองไทย และเริ่มมี

ร้านอาหารอินเดีย

อร่อยๆ เปิดตัวอยู่เรื่อยๆ แต่ถ้าจะพูดถึงคะบับ (Kabab) ต้องที่นี่เลยเดอะเกรทคะบับ แฟคทอรี (

The Great Kabab Factory

) ที่โรงแรมมาเจสติก แกรนด์เด (Majestic Grande Hotel Bangkok) ซอยสุขุมวิท 2 ร้านอาหารอินเดียชื่อดังจากแดนภารตะ ที่ได้มาเปิดในเมืองไทย มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ที่ว่า Where the Kabab is King 

 

หอมฟุ้งกลิ่นเครื่องเทศแดนภารตะ The Great Kabab Factory สุขุมวิท

 

ร้านอาหารอินเดีย The Great Kabab Factory ตั้งอยู่ที่ชั้น Lobby ของโรงแรม Majestic Grande

 

การเดินทางไปยังร้านอาหารอินเดีย The Great Kabab Factory ที่โรงแรมมาเจสติก แกรนด์เด ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะอยู่ไม่ไกลจาก BTS สถานีเพลินจิต โดยลงจากสถานีเพลินจิตมายังอาคารเพลินจิตเซ็นเตอร์ แล้วเดินเข้าไปยังซอยสุขุมวิท 2 ประมาณ 400 เมตร

 

 

เมื่อเดินเข้ามาภายในร้านจะรู้สึกเหมือนเข้ามาภายในโรงงานแห่งอาหาร ด้วยการตกแต่งภายในร้านแบบครัวเปิด ให้ลูกค้าได้เพลิดเพลินกับการมองดูเชฟทำอาหาร ทั้งยังใช้สีสันสดใสเพื่อสร้างบรรยากาศให้มีชีวิตชีวาขึ้นไปอีก

 

ภายในร้านดูสว่างไสวแฝงกลิ่นอายของวัฒนธรรมอินเดียดั้งเดิมที่ผสานความสมัยใหม่ จนได้รูปแบบร้านอันเป็นเอกลักษณ์

 

แม้แต่อุปกรณ์การทานอาหารและเครื่องใช้ต่างๆ ก็ทำจากวัสดุที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องมือเครื่องใช้ในโรงงาน

 

ในส่วนของเมนูอาหารขึ้นชื่อนั้น ที่นึ่นำเสนอเมนูคะบับกว่า 450 ชนิด หมุนเวียนมาให้ลูกค้าลิ้มลองได้อย่างไม่มีเบื่อ โดย The Great Kabab Factory เป็นเจ้าของคลังสูตรลับแห่งการทำคะบับที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น สูตรคะบับของที่ร้านจึงเป็นสูตรต้นตำรับที่ใครก็เลียนแบบไม่ได้ นอกจากความโดดเด่นจากเมนูคะบับแล้ว ที่ร้านยังการันตีความอร่อยในทุกสาขา เพราะทุกร้านจะใช้เครื่องปรุงพิเศษ Spice Pack ซึ่งเป็นส่วนผสมของเครื่องเทศสูตรลับเฉพาะ มาใช้ในการปรุงคะบับเพื่อให้ได้รสชาติตรงตามมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก

 

เชฟที่ร้าน The Great Kabab Factory พร้อมแล้วที่จะนำเสนอเมนูคะบับสูตรลับเฉพาะ

 

อุปกรณ์ทำอาหารต่างๆ ก็ล้วนนำเข้าจากประเทศอินเดีย ซึ่งภาพที่เห็นนี้เรียกว่า ทันดูร์ (Tandoor) มีลักษณะเป็นเตาอบขนาดใหญ่ใส่ถ่านไว้ภายใน

 

แม้แต่กระทะทองเหลือไซส์บิ๊กก็นำเข้ามาจากประเทศอินเดียเช่นกัน

 

มื้ออาหารของที่ร้านจะเริ่มต้นด้วยการเสิร์ฟเมนูคะบับ 6 ชนิดทีละจาน โดยเสิร์ฟ ซิกเนเจอร์เมนู Galauti Kabab เป็นจานแรก ต่อด้วยเมนูจานหลัก ประกอบด้วย แกงถั่ว (Daal) ข้าวหมก (Biryani) และน้ำแกงที่มีทั้งแบบธรรมดาและมังสวิรัติ มาพร้อมกับขนมปังอินเดียชนิดพิเศษ ก่อนจะปิดท้ายด้วยของหวานหลากหลายชนิด และทุกๆ เมนูยังสามารถอร่อยได้ไม่อั้น โดยมี 2 เมนูให้เลือก แบบมังสวิรัติ 1,200 บาทสุทธิ (1,000++ บาท) และเมนูปกติ 1,300 บาทสุทธิ (1,100++ บาท)

 

เริ่มแรกขอลิ้มลองเครื่องดื่มสไตล์อินเดียกันก่อน Salted Lassi (164 บาท) โยเกิร์ตที่มาพร้อมเครื่องเทศเข้มข้น และ Sweet Lassi (164 บาท) โยเกิร์ตใส่เครื่องเทศเบาบางให้รสชาติหวาน

 

Starter ของที่ร้านจะเป็นเมนูคะบับทั้งหมด ซึ่งสามารถสั่งเพิ่มได้ทุกอย่างหากต้องการเมนูไหนเป็นพิเศษ ทั้งยังสามารถแจ้งกับพนักงานได้ด้วยหากต้องการทานอาหารมังสะวิรัติ

 

ก่อนจะเริ่มต้นทาน Starter พนักงานจะนำสลัดมาเสิร์ฟก่อน

 

สลัดผักสดกรอบทานเรียกน้ำย่อยก่อนเมนูอาหารอินเดียอื่นๆ จะตามมา

 

ที่ร้านเริ่มต้นเมนูคะบับด้วย Galouti Kabab เมนูซิกเนเจอร์

 

สำหรับเมนู Galouti Kabab นั้นทำจากเนื้อลูกแกะบดหมักกับเครื่องเทศอินเดียและย่างบนมาฮีตาวา

 

 

เมนูนี้มีเรื่องเล่าว่า เมื่อเกือบ 200 ปีที่จักรวรรดิโมกุลมีอำนาจเหนืออินเดีย พ่อครัวส่วนพระองค์ของกษัตริย์ได้ปรุงเมนูนี้เพื่อถวายกษัตริย์วัยชราพระนามว่า Nawab Wajid Ali Shah ซึ่งพระองค์ได้สูญเสียฟันไปหลายซี่แล้ว โดยคำว่า Galouti มีความหมายว่า ละลายในปาก เมนูนี้ทำขึ้นก็เพื่อให้พระองค์เสวยได้ง่าย ทั้งยังให้รสชาติความอร่อยอย่างเต็มเปี่ยม

 

เริ่มทานคะบับเมนูแนะนำกันเลย Galouti Kabab ทำจากเนื้อแกะบดปั้นก้อนแล้วนำไปย่าง รสสัมผัสคล้ายกับฟัวกรา วิธีทานเริ่มแรกให้วางแผ่นแป้งสีเหลืองทอง ทับด้วยเนื้อลูกแกะ ท็อปด้านบนด้วยหอมแดงอินเดีย

 

แล้วบรรจงทาเนื้อลูกแกะบดให้ทั่วแผ่นแป้ง

 

จากนั้นม้วนเป็นโรตีแล้วเอาเข้าปากได้เลย สัมผัสของเนื้อลูกแกะละมุนมากๆ เหมาะที่จะทานคู่กับซอสมิ้นท์ ส่วนหอมแดงอินเดียก็ให้ความหวานและไม่เผ็ดเท่าหอมแดงของไทย ทั้งยังเนื้อกรอบกว่า เมื่อรสชาติทั้งหมดได้ผสมผสานกันก็อร่อยลงตัว

 

เมนูคะบับของที่นี่จะเสิร์ฟพร้อมกับซอส 4 ชนิด ประกอบด้วย ซอสมะเขือเทศ ซอสมิ้นท์ ซอสมะขาม และซอสโยเกิร์ต ซึ่งซอสแต่ละชนิดจะเข้ากันได้ดีกับอาหารแต่ละประเภท โดยพนักงานจะคอยแนะนำว่า เมนูไหนควรทานกับซอสอะไรถึงจะอร่อยที่สุด แต่ถ้ายังไม่ถูกใจก็ลองชิมซอสแต่ละชนิดแล้วนำมาผสมกันเองก็จะได้รสชาติที่ถูกปากไม่เหมือนใคร

 

มาต่อกันด้วยเมนู Ambi Murgh Tikka

 

เนื้อไก่ไม่มีกระดูกปรุงรสด้วยมะม่วงดิบ ชิ้นเล็กพอดีคำ

 

เมนู Ambi Murgh Tikka นั้นหนักเครื่องเทศ และเปรี้ยวฉ่ำรสมะม่วง ทั้งยังมีกลิ่นที่หอมมากๆ อีกด้วย

 

 

มาถึงเมนูเนื้อแพะกันบ้าง Gosht Gilafi Seekh

 

Gosht Gilafi Seekh ทำมาจากเนื้อแพะบดที่คลุกกับพริกหยวก แล้วนำไปเสียบไม้ย่าง

 

แม้จะไม่คุ้นเคยกับเนื้อแพะ แต่จานนี้ก็อร่อยดีทานง่าย ด้วยการนำเนื้อแพะบดไปคลุกพริกหยวกก่อนย่าง รสจึงไม่เค็มเกินไป เพราะมีพริกหยวกมาเบรก

 

จานต่อมา Hydrabadi Jheenga กุ้งย่างปรุงรสด้วยหอมแขก เนื้อกุ้งเด้งมากๆ รสชาติออกเค็มนิดๆ

 

เมนูนี้พนักงานแนะนำให้ทานคู่กับซอสมะขาม รสจะตัดกันอย่างลงตัว

 

ผ่านจานกุ้งไปแล้วก็ต่อด้วยปลา Machhi Kokum

 

เนื้อปลาย่างปรุงรสด้วยมะขามสีสันสดใส

 

Machhi Kokum ส่วนตัวคิดว่าราดซอสมะเขือเทศเพิ่มจะคุ้นลิ้นมากกว่า

 

คั่นด้วยขนมปังที่นำมาทานคู่กับคะบับ ชิ้นแรกเป็นแป้งขนมปังสีเหลืองออกรสหวานคล้ายขนมปังมันเทศ ย่างในเตาอบจนติดกลิ่นหอมฉุย เนื้อด้านนอกกรุบกรอบคล้ายคุ้กกี้แต่ด้านในนั้นนุ่มนวล ส่วนขนมปังอีกชิ้นจะเป็นขนมปังใส่เครื่องเทศ

 

จานสุดท้ายในส่วนของ Starter เมนูนี้ชื่อว่า Murgh Makhane Ka Chooza

 

ไก่ย่างน่องโตปรุงรสด้วยถั่วรสเข้มข้น

 

มาถึงเมนูจานหลัก Main Course เสิร์ฟแกง 4 ชนิด ประกอบด้วย Dal Factory-แกงถั่วเลนทิลดำปรุงรสด้วยเนย Dal Sultani-แกงถั่วเลนทิลเหลืองกับลูกเกด Paneer Makhani-แกงชีส cottage ปรุงรสด้วยเนยและเครื่องเทศอินเดีย และ Gosht Masala แกงเนื้อแกะปรุงรสด้วยเครื่องเทศอินเดีย

 

ส่วนเมนูข้าวอินเดียในวันนี้เสิร์ฟ Murgh Biryani ข้าวอินเดียคลุกเนื้อไก่ปรุงรสด้วยเครื่องเทศอินเดีย ลักษณะคล้ายๆ ข้าวหมกไก่ของบ้านเรา ที่นี่เลือกใช้ข้าวอินเดียคุณภาพดีส่งตรงจากแดนภารตะ

 

ถ้าทานมังสวิรัติก็อิ่มอร่อยไปกับ Jeera Mutter Pulao ข้าวอินเดียคลุกชีส cottage และถั่วเขียว

 

ใครที่ยังไม่จุใจ ทานแกงต่างๆ คู่กับแป้งนานก็อร่อยไม่แพ้กัน

 

ที่นี่เสิร์ฟแป้งนาน 2 แบบ แป้งนานย่างรสชาติดั้งเดิม และแป้งนานย่างหอมกลิ่นเนย

 

 

สำหรับคนที่ทานอาหารด้วยมือ เมื่อทานเสร็จแล้วที่นี่จะนำน้ำล้างมือผสมมะนาวมาให้ล้างกลบกลิ่นคาว ก่อนจะเริ่มทานของหวานกันต่อ

 

ถึงเมนูของหวานกันแล้ว ขอเริ่มด้วย Pista Badam Kulfi ไอศกรีมโฮมเมดทำจากอัลมอนด์และถั่วพิสตาชิโอ ออกรสมันๆ แต่ไม่หวานมาก

 

ต่อด้วย Gajar Ka  Halwa แครอทบดปรุงรสด้วยนมและน้ำตาล

 

 

เมนูของหวานที่เด็กและผู้ใหญ่น่าจะชอบ Chocolate Rice Kheer ข้าวปรุงรสด้วยช็อกโกแลต นม และน้ำตาล ลักษณะกรุบนิดๆ คล้ายพุดดิ้งข้าว หอมกลิ่นช็อกโกแลต

 

ปิดท้ายเซตของหวานด้วย Gulab Jamun กุหลาบจามุน แป้งทอดในน้ำเชื่อม ทานแล้วนึกถึงทองหยอดของไทย รสชาติหวานกำลังดี

 

จบทุกอย่างด้วยน้ำมะม่วงมิ้นท์ที่ไว้ดื่มล้างปาก ได้ทั้งรสเปรี้ยวและกลิ่นเครื่องเทศอบอวล

 

หากชื่นชอบอาหารอินเดีย และมีคะบับเป็นเมนูโปรดในดวงใจ ต้องไม่พลาดร้านอาหารอินเดีย The Great Kabab Factory ซึ่งที่นี่มีชื่อเสียงในอินเดียมาอย่างยาวนาน โดยเปิดสาขาแรกเมื่อปี 1998 ณ โรงแรม Radisson ที่กรุงเดลี ประเทศอินเดีย แถมยังกวาดรางวัลมาแล้วมากมาย เข้าไปดูข้อมูลต่างๆ ได้ที่ https://www.facebook.com/TGKFThailand และ http://www.thegreatkababfactory.com/Bangkok.html

รวมร้านอาหารอินเดีย
คีย์เวิร์ด
ร้านอาหารอินเดีย
คะบับ
Kabab
The Great Kabab Factory
Majestic Grande Hotel Bangkok สุขุมวิท
OpenRice TH Editor
ข้อมูลร้านอาหาร
Monthly chart
อร่อยแบบรสมือที่คุ้นเคยกับครัวดอกไม้ขาว
2024-11-25
‘ศรณ์’ คว้ารางวัลสามดาวมิชลินร้านแรกในไทย สร้างตำนานความสำเร็จในวงการอาหารระดับประเทศและระดับโลก
2024-12-02