นอกจากน้ำทะเลใสๆ และตึกเก่าสไตล์ชิโน-โปรตุกีส ภูเก็ตยังมีอีกหนึ่งสิ่งซึ่งมีชื่อเสียงมากๆ นั่นก็คืออาหารเปอรานากัน อาหารที่ผสมผสานระหว่าง 2 สัญชาติ จนได้รสชาติที่อร่อยไม่เหมือนใคร
อาหารบ้าบ๋า-ย่าหยา จากร้านโกปี้เตี่ยม ภูเก็ต
ที่มาของอาหารเปอรานากันนั้น เป็นผลพวงมาจากการแต่งงานข้ามเชื้อชาติ ซึ่งเปอรานากันหรือบ้าบ๋า-ย่าหยา เป็นคำเรียกขานชายหญิงที่มีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมแบบผสมผสานจีน-มลายู ที่เป็นวัฒนธรรมใหม่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง และได้ส่งผลมาถึงอาหารด้วย เพราะสาวย่าหยาได้นำส่วนดีที่สุดของอาหารทั้งสองชาติมารวมกัน จนกลายเป็นอาหารเปอรานากัน ซึ่งในเมืองไทยก็มีภูเก็ตที่ถือเป็นชุมชนใหญ่ของชาวเปอรานากันอาศัยอยู่ อาหารเปอรานากันจึงกลายเป็นอาหารท้องถิ่นของภูเก็ตไปด้วย และได้ชื่อว่าเป็นอาหารที่อร่อย ใช้เวลาปรุงนาน เพราะสาวย่าหยาจะพิถีพิถันในการปรุงอาหารให้ถูกใจหนุ่มบ้าบ๋า โดยมีหญิงย่าหยาสูงวัยคอยกำกับดูแล เป็นการสืบทอดสูตรอาหารรุ่นสู่รุ่น
อาหารบ้าบ๋า-ย่าหยา จากร้านโกปี้เตี่ยม ภูเก็ต
อาหารเปอรานากันได้นำส่วนประกอบของอาหารจีน เช่น หมู ซีอิ๊ว เต้าหู้ยี้ มาปรุงกับเริมปะห์ (Rempah) เครื่องผัดของชาวมลายู กะทิ และน้ำมะขาม ที่เลือกใช้หมูก็เพราะชาวเปอรานากันไม่ใช่มุสลิมจึงใช้หมูมาเป็นส่วนประกอบของอาหารได้ โดยมีอาหารที่ได้รับความนิยมเช่น แกงหมูน้ำมะขาม (บาบีอาซัม) และหมูสะเต๊ะ ทานกับน้ำจิ้มถั่วลิสงใส่สับปะรด นอกจากหมูแล้ว ชาวเปอรานากันยังชอบที่จะรับประทานเป็ด (ทั้งที่ชาวมลายูไม่นิยม) เช่นการนำเป็ดมาตุ๋นทั้งตัว ใส่แกงหรือต้มส้ม (อีตะก์ ซีโย) ส่วนไก่นั้นใช้รับประทานทั่วไป โดยสามารถทำอาหารได้หลายอย่าง เช่น ไก่ต้มกะทิรสจัด (กาปีตันไก่) และไก่ทอดพร้อมน้ำจิ้ม (เอินจิก์ กาบิน)
สำหรับเมนูที่มีขายในหลายประเทศ แต่แตกต่างกันไปตามวัฒนธรรมของท้องถิ่นก็เช่น ละก์ซา (Laksa) ซึ่งอาหารต้นฉบับย่าหยามีสองแบบ คือ แบบมะละกาจะเป็น ละก์ซา ลมะก์ (แกงละก์ซา) ประกอบด้วยเส้นก๋วยเตี๋ยว กุ้ง และเครื่องอื่นๆ ในน้ำแกงที่เข้มข้น ส่วนอาซัม ละก์ซา เป็นอาหารที่ขึ้นชื่อของชาวย่าหยาในปีนัง ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากไทย เป็นก๋วยเตี๋ยวปลาน้ำใส โรยหน้าด้วยแตงกวาดิบ และใบสะระแหน่
ใครอยากลองอาหารเปอรานากัน หาทานกันได้ในภูเก็ตนะคะ
เสริมมงคลปีใหม่เที่ยวงาน "ตรุษจีน-ย้อนอดีตเมืองภูเก็ต" แล้วไปอร่อยกันต่อที่โกปี้เตี่ยม (ที่ชิม)
เครดิต: facebook.com/kopitiambywilai