3
0
0
6-min walk from Exit 4, Phloen Chit BTS Station 繼續閱讀
電話號碼
02-656-7700
特色
休閒餐廳
營業時間
今日營業
06:00 - 21:00
星期一至日
06:00 - 21:00
付款方式
Visa Master Cash Others
其他資料
泊車
服務費
電話訂位
稅務發票
前往餐廳網站
http://www.facebook.com/BBCOBKK/
以上資料只供參考, 請與餐廳確認詳情
招牌菜
Blueberry Chesse Cake Chocolate Cake Green Tea Latte
食評 (4)
สำหรับวันนี้ก็จะพาไปกินอาหารไทยอีกที่ที่เราว่าเป็นอาหารไทยในรร.ที่อร่อยที่หนึ่งเลยนะคะกับ JW Marriot Bangkok ซอยสุขุมวิท 2 นั่นเองค่าา ถ้าวิ่งเส้นสุขุมวิทขาเข้า (สำหรับคนที่ขับรถมา) ให้เลี้ยวเข้าซอยสองเพราะทางเข้ารร.สำหรับรถจะอยู่ในซอยนะคะ ตัวบัตรจอดรถนำมาให้ทางห้องอาหารแสตมป์ได้ค่ะโดยอาหารไทย 4 ภาคนี้จะมีจำหน่ายทุกวัน (เมนูสลับสับเปลี่ยนกันไป) ซึ่งจะเริ่มขายวันที่ 4-31 พฤษภาคมนี้เท่านั้นนะคะ โดยการไปครั้งนี้น้องอ้น OnTable เป็นคนชวนค่ะ ซึ่งก็ชวนกันมาอีกทีจากทางพีอาร์ของรร.หละนะคะซึ่งเมนูแต่ละวันจะแตกต่างกันไปนะคะ (ดังตัวอย่างด้านล่าง) โดยจะจำหน่ายที่ห้องอาหาร Bangkok Baking Company ที่อยู่ติดกับ Marriott Cafe เลยค่ะ ถ้าเอารถมาหลังจากลงลิทฟ์มาที่ชั้น 1 ก็เดินผ่านตัวล็อบบี้รร.มา แล้วก็ผ่านเข้าห้องมาริออทคาเฟ่ แล้วจะมีทางเข้าตัวบางกอกเบคกิ้งคอมพานีค่ะ แต่ถ้ามาทางรถไฟฟ้าหรือรถสาธารณะอื่นๆ จะมีทางเข้าจากถนนสุขุมวิทได้เลยค่ะซึ่งห้องอาหารแห่งนี้จะมีทั้งที่นั่งในห้องแอร์และด้านนอกนะคะ โดยรวมจะเห็นว่าอาจจะเหมือนขายพวก pastry ต่างๆ เป็นหลักนะคะ ซึ่งสำหรับใครที่ชอบแนวนี้แนะนำให้มาหลัง 18.30 น.นะคะ เพราะของในตู้และอื่นๆ (ที่ไม่ใช่สินค้าที่ขายได้ยาวๆ ที่อยู่ในแพ็คเก็จต่างๆ ทั้งถุงและกล่องนะคะ) จะลดราคา 50% เลยค่ะ แต่แบบว่า..ได้ข่าวว่าคิวแต่ละวันยาวพอควรเลยนะคะ แฮร่...นอกจากนั้นสำหรับคอกาแฟ ที่นี่ขายกาแฟของ illy นะฮับจะเห็นว่ามีเมนูของแคมเปญ 4 regions ติดบอกไว้ด้วยนะคะ แล้วก็ขนมหลายตัวช่วงนั้นก็มีเน้นที่มะม่วงด้วยค่ะถ้าใครชอบแนวนี้แต่อยากนั่งกิน ราคาก็น่าสนใจเลยแหละค่ะ (ยกเว้นพวกเค้ก คุ้กกี้และขนมปังนะคะ) นี่ยังคุยๆ กับเพื่อนๆที่ไปด้วยกันว่าน่ามาลองมากเลยอ้ะ กับช่วงเวลาบ่ายสองถึงหกโมงเย็นเท่านั้นนะคะ 499 บาทเนตแล้วแต่นอกจากพวกเพสตรี้ต่างๆ แล้ว ที่จริงห้องอาหารแห่งนี้ก็มีอาหารเช้าและอาหารหลักขายด้วยนะฮับนอกจากนั้นที่รร.ยังมีรับจัด Hamper หรือกระเช้าต่างๆ ด้วยนะคะ ในภาพนี่มีทั้งราคา 1500 5000 และ 7500 บาทค่ะส่วนเมนู campaign 4 regions นี่ แต่ละวันจะมีขายไม่เหมือนกันนะคะ ตัวอย่างเมนูก็ตามภาพเลยฮับ เพราะงั้นถ้าใครตั้งใจจะกินเมนูไหนเป็นพิเศษก็โทร.สอบถามทางห้องอาหารก่อนว่าวันไหนที่มีเมนูนั้นนะคะ เบอร์โทร 02-6567700 ค่าาสำหรับสองท่านนี้ก็คือ คุณตุ้ม ผู้จัดการห้องอาหารแห่งนี้และคุณอเล็กซ์ F&B Digital Marketing Executive ที่เป็นคนชวนบล็อกเกอร์มาในวันนี้ค่ะ และสำหรับเชฟที่รังสรรค์อาหารไทย 4 ภาคของแคมเปญนี้นะคะ กับเชฟบิ๊กนั่นเองค่ะ เบื้องหน้านี่คืออาหารที่เชฟจัดมาให้เราชิมวันนั้นนะคะก่อนจะเริ่มที่อาหาร มาที่เครื่องดื่มกันก่อนค่ะ ให้ดูเมนูนะคะว่าที่นี่มีอะไรบ้างค่ะ ส่วนสมูทตี้ที่นี่ก็ใช้ผลไม้แท้ๆ นะคะวันนั้นมีสั่งมาสองตัว (ราคาเท่ากันคือ 165++) คือ สมูทตี้ โกลเด้นสยาม ซึ่งทำจากกล้วย มะม่วง สับปะรด นะคะ รสจะออกนวลๆ โดยกล้วยจะเด่นกว่าตัวอื่นค่ะ ส่วนอีกตัวเป็นพิงค์แพนเตอร์ ซึ่งจะเป็นสตรอเบอร์รี่กับสับปะรดนะคะ จะมีความหอมของสตรอเบอร์รี่เจือมานิดหนึ่งค่ะ  ส่วนกาแฟอิลลี่นี่สายกาแฟชื่นชมมากว่านุ่มค่ะ ราคาก็ตามขนาดที่สั่งค่ะส่วนสายฮาร์ดก็สั่งมาทั้งช็อกโกแลตและเอสเปรสโซดับเบิ้ลช็อตนะคะ เจ้าตัวบอกว่าดีค่ะมาดูกันดีกว่าว่าวันนั้นกินอะไรกันไปบ้างนะคะเริ่มต้นกันด้วยปลาทรายแดงทอดขมิ้นพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด (ภาคใต้)ปลาทอดมาได้กรอบแบบกินทั้งก้างได้ (ถ้ากินตอนร้อนๆ เลยนะคะ ถ้าทิ้งไว้เย็นนี่ ก้างอาจจะมีบางส่วนที่กินไม่ได้แล้วค่ะ) ที่เด็ดคือ น้ำจิ้มค่ะ เป็นการทำแบบดั้งเดิม คือ ไม่ปั่น ได้รสของพริกตำและรสชาติแบบที่ไม่ได้กินนานแล้วค่ะ แซ่บลืมมาก ชอบสุดๆ แทบอยากขอใส่ถุงกลับบ้าน แฮร่...ต่อไปค่ะกับกุ้งอบพริกแกงคั่วกลิ้ง (ภาคใต้)ตัวนี้เชฟใช้กุ้งลายเสือแทนเนื้อสัตว์ในการทำคั่วกลิ้งแบบที่ทั่วๆ ไปเค้าทำกันนะคะ ซึ่งตัวนี้กุ้งโอเคนะคะ แต่เราว่าด้วยความที่มันเป็นสัตว์มีเปลือก ก็เลยทำให้ตัวเครื่องคั่วกลิ้งมันไม่เข้าไปถึงเนื้อเท่าไหร่อะค่ะ จะให้ดีเชฟแนะนำให้เอาเปลือกมาคลุกกับข้าวเพื่อเพิ่มกลิ่นและรสชาติของคั่วกลิ้งให้ชัดขึ้น แต่เรากินแบบทั้งเปลือกแล้วก็ยังไม่สุดนะ แหะๆ แบบว่า...แม่บ้านที่ออฟฟิศนี่ทำคั่วกลิ้งให้กินบ่อยค่ะ ซึ่ง...คนนครฯ ด้วยนี่รสชาติจัดเต็มมาก แต่สำหรับคนกรุงเทพฯ น่าจะพอดีแล้วหละค่ะขนมจีนน้ำยาปู (ภาคใต้)ตัวน้ำยานี่มีเนื้อปลาตำตามแบบน้ำยานะคะ โดยจะมีเนื้อปลาหลายประเภทซึ่งทำให้ได้รสชาติและกลิ่นที่ซับซ้อนกว่าที่อื่น และเพิ่มเนื้อปูเป็นก้อนๆ ไปด้วยค่ะ รสชาติจัดจ้านระดับหนึ่ง น้ำยาค่อนข้างใสกว่าที่เราเคยกินแต่หอมเครื่องดีนะคะ สำหรับคนที่กินอาหารรสชาติไม่ได้จัดมากนี่น่าจะเผ็ดแล้วค่ะ 555ต้มแซ่บกระดูกหมูเอ็นแก้ว (ภาคอีสาน)ตัวนี้รสชาติมาเต็มถูกใจมาก มาครบรสแบบที่ต้มแซ่บควรเป็นเลยค่ะ หมูก็เปื่อยนิ่มเคี้ยวกำลังดี อร่อยมาก วันนั้นชมเมนูนี้กันหลายคนเลยค่ะไก่ย่างจิ้มแจ่ว (อิสาน)ไก่ย่างมาได้ดีนะคะ ข้างในเนื้อยังชุ่มฉ่ำอยู่ มีการหมักที่ส่งกลิ่นหอมเวลากินได้ดีค่ะ เราสามารถกินเปล่าๆ ได้โดยไม่ได้แตะต้องน้ำจิ้มแจ่วที่มาคู่กันเลยแหละค่ะแกงเลียงกุ้ง (ภาคกลาง)ตัวนี้รสชาติจะเบากว่าที่เราชอบค่ะ เราชอบความร้อนแรงของพริกไทยมากกว่านี้อีกหน่อยง่ะ แหะๆ แล้วก็ฟักทองน้อยไปนิดค่ะ ไม่พอบำรุงน้ำนม (ไม่ใช่แระป้า กลับมาๆ) แต่โดยรวมถือว่าครบรสแบบที่แกงเลียงควรมีนะคะต่อไปเป็นภาคเหนือกันบ้างค่ะ กับแกงฮังเลตัวนี้รสถูกปากและจริตเรามาก 555 จะออกหวานหน่อยค่ะ แล้วตัวเนื้อหมูก็ทำมาได้เปื่อยอร่อยมาก เครื่องเทศก็กลิ่นกำลังดี ไม่แรงเกินไป ชอบค่ะ และอีกหนึ่งเมนูภาคใต้ค่ะกับหมูฮ้องเชฟใช้เนื้อส่วนใต้ราวนมชิ้นใหญ่นะคะ ตัวนี้นี่คืออร่อยมากกกก เป็นอีกที่ที่ทำหมูฮ้องออกมาได้ดีค่ะ ตัวเทกซเจอร์นุ่มแน่นหยุ่นกำลังดี และเครื่องเทศก็ซึมซาบเนื้อหมูได้ดีมากเช่นกัน รสชาติก็ดีมากค่ะ สรุปแล้วเป็นอีกเมนูที่เราชอบมากนะคะของหวานวันนั้นเป็นถั่วแปบชาววังนะคะ ซึ่งไม่ได้มีอยู่ที่ห้องอาหารนี้ค่ะ แต่จะเป็นหนึ่งในไลน์บุฟเฟต์ที่ห้องอาหารแมริออทคาเฟ่นะคะ แต่เชฟอยากให้พวกเราได้ลองชิมกันค่ะลักษณะพิเศษคือ ข้างในจะไม่ใช่ถั่วซีกแบบถั่วแปบทั่วไปค่ะ แต่เป็นถั่วกวนแทน ซึ่งทำให้เวลากิน เทกซเจอร์จะแตกต่างไปจากถั่วแปบทั่วไปมากเลยค่ะ คือ มันจะไม่มีเทกซเจอร์ของถั่วข้างในเลย แต่จะเนียนนุ่มไปเลยกับการเคี้ยวค่ะ แล้วตัวน้ำตาลโรยของที่นี่ก็จะไม่เน้นน้ำตาลเยอะนะคะ แต่เน้นงาให้มีความหอมและมีกลิ่นเครื่องเทศบางอย่างที่ไม่เหมือนที่ไหน ที่ถามเชฟยังไงก็ไม่ยอมบอกว่าใส่อะไรลงไปค่ะ 5555ต่อไปเป็นอีกสองเมนูจากอีกห้องอาหารหนึ่งนะคะ เป็นเมนูใหม่ เชฟเลยอยากให้ลองชิมกันค่ะBake egg Larb Gai ราคา 240++ บาทไข่ที่ตัดความเลี่ยนหรือคนต้องการรสชาติแปลกใหม่ด้วยลาบไก่นะคะ ตัวลาบรสไม่ได้จัดหรือเผ็ดมากนักนะคะ แต่ก็พอแก้เลี่ยนได้อยู่ค่ะSautéed mushroom and feta ราคา 280++ บาทตัวนี้รสจะออกแนวอ่อนๆ หน่อยนะคะ อ่อนกว่าตัวเมนูแรก แต่ตัวเห็ดก็ปรุงมาได้รสชาติดีค่ะ ไม่จืดเหมือนบางที่นะคะแน่ล่ะมาห้องนี้ทั้งที (ทั้งที่ตอนนี้คือมาถึงคอกันแล้ว) ทางเชฟจีก็ขอนำเสนอขนมของทางห้องอาหารแห่งนี้กันบ้างค่ะ (อุ๊ย เชฟน่ากินเหมือนขนมเลยค่ะ - เอิ่มมมป้าคะ เก็บอาการหน่อยค่ะป้า)Red Velvet Cakeเป็นเค้กสลับชั้นกับครีมชีสของฟิลาเดเฟียนะคะ ด้านบนเป็นครีมสดและผลไม้ค่ะเราชอบตัวครีมชีสในเค้กตัวนี้มากเลยง่าาา อร้อย อร่อยBlueberry Cheese Cake ของที่นี่เป็นสไตล์นิวยอร์คชีสเค้กนะคะ ชอบชีสอีกแล้ว 555 ตัวบลูเบอร์รี่ก็ไม่ปรี๊ดเหมือนหลายๆ ที่นะคะตัวนี้เป็นตัวที่สร้างความประทับใจให้เรามากค่ะ (แว่วว่าจีเอ็มก็โปรดเมนูนี้ แฮร่...) นั่นก็คือ Carrot Cake ซึ่งในเนื้อเค้กนอกจากแครอทแล้วก็ผสมวอลนัตและเราได้กลิ่นกับรสของน้ำผึ้งจางๆ ด้วยนะคะ คือ ต้องบอกก่อนว่าปกติเราเป็นคนไม่ชอบแครอทเค้ก และไม่เคยรู้สึกเลยว่าแครอทเค้กเป็นเค้กที่อร่อยง่ะค่ะ แต่ของที่นี่มันไม่แห้งเหมือนที่อื่นๆ อ้ะ รสชาติโดยรวมและเทกซเจอร์ถูกจริตเรามากค่ะ ชอบๆMango Crumble ตัวนี้มาแบบอุ่นๆ เลยค่ะ เสิร์ฟคู่กับซอสมะม่วง เมนูนี้มีจำหน่ายวันที่ 2 - 26 พ.ค. นี้เท่านั้นนะคะตัวนี้น่าจะถูกจริตชายหนุ่มค่ะ เพราะไม่หวานจัด แฮร่...สรุปสำหรับห้องอาหารแห่งนี้และแคมเปญ 4 regions นะคะเรียกได้ว่าค่อนข้างเซอร์ไพรซ์สำหรับหลายเมนูเลยค่ะ แบบว่า...ปกติอาหารไทยในโรงแรมก็รู้ๆ กันอยู่ว่ามีไม่กี่ที่ที่ทำแบบรสชาติไทยจริงๆ น่ะนะคะ แต่ที่นี่เป็นอีกที่หนึ่งที่ทำแบบนั้นค่ะ วันนั้นเมนูที่ประทับใจเรามากๆ ก็จะมีหมูฮ้อง ปลาทรายแดงทอดขมิ้น (น้ำจิ้มเด็ดจริงจัง) ต้มแซ่บกระดูกหมู และขนมถั่วแปบชาววังก็อร่อยอ้ะ (กินไปคนเดียวซะหกตัว เขิลจุง) เพราะฉะนั้นถ้าใครอยากลองไปกินกัน (ยังมีเมนูแปลกๆ รออีกเยอะค่ะ แกงกระด้างงี้ ข่างปองงี้) ก็ต้องรีบไปก่อนสิ้นเดือนนี้นะคะ เพราะแคมเปญมีถึงสิ้นเดือนนี้เท่านั้นฮ้าบบบ 繼續閱讀
(以上食評乃用戶個人意見 , 並不代表OpenRice之觀點。)
ห้องอาหาร Bangkok Baking Company เป็นห้องอาหารที่ให้บริการแบบ All Day Dining สามารถแวะมาทานได้ทุกมื้อ ทั้งมื้อหนัก-มื้อเบา เมนูก็หลากหลายทั้งพาสต้า , พิซซ่า , เบอร์เกอร์ หรือแม้แต่ผัดไทย , ส้มตำก็มีจ้า และช่วง 4 - 31 พฤษภาคม 2560 ทางห้องอาหารได้จัดเทศกาลอาหารไทยขึ้นโดยให้บริการใน 2 ห้องอาหาร คือ Bangkok Baking Company (a-la-carte) และ Marriott Cafe (Buffet)  โดยวันนี้เราจะมาลองอาหารแบบ a-la-carte กันพิกัด ห้องอาหาร Bangkok Baking Company อยู่ใน JW Marriott Bangkok Hotel ซ.สุขุมวิท 2 ใครมา BTS ให้ลงสถานีเพลินจิตใช้ทางออกที่ 4 แล้วเดินต่ออีกนิด ห้องอาหาร Bangkok Baking Company จะอยู่ติดริมถนนเลย บรรยากาศห้องอาหาร มีหลายมุมให้เลือกนั่ง ทั้ง In-door และ Out-doorเมนูที่ได้ชิมภาคกลาง : แกงเลียงต้นตำรับแบบโบราณ เป็นเมนูทานง่าย ๆ ส่วนตัวว่ารสอ่อนไปนิดนึงภาคอีสาน : - ต้มแซ่บกระดูกหมู ใส่เอ็นแก้วด้วยเพื่อเพิ่มเท็กซ์เจอร์ รสแซ่บจี๊ดจ๊าด เพราะใส่ทั้งพริกสด และพริกแห้ง ชามนี้ถูกใจเลยค่ะ ไม่ใช่อาหารไทยที่ปรุงรสเอาใจชาวต่างชาติแน่นอน- ไก่ย่าง ไก่นำไปหมักพริกไทยดำ , กระเทียม , พริกไทย ,รากผักชีย่างมาหอม ๆ กินคู่กับน้ำจิ้มแจ่วภาคเหนือ : แกงฮังเล สูตรต้นตำรับของโรงแรมเจดับบลิว แมริออท ใช้ส่วนของขาหมู (ที่อื่นใช้สะโพกหรือสามชั้น) จะมีความนุ่มละมุนลิ้น ใส่กระเทียมดอง หอมดองด้วย ปรุงรสมาเข้มข้นดีค่ะภาคใต้ : - ปลาทรายแดงทอดขมิ้น  ปลาทอดมากรอบ ๆ แนมด้วยขมิ้น และกระเทียมทอดกรอบราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู๊ดแซ่บ ๆ เมนูนี้อร่อย แนะนำเลยค่า- กุ้งอบพริกแกงคั่วกลิ้ง  กุ้งกุลาดำนำมาหมักกับน้ำพริกคั่วกลิ้ง ผัดและอบจนหอม เชฟแนะนำให้นำกุ้งทั้งเปลือกไปคลุกกับข้าวก่อน จะทำให้ได้รสพริกแกงคั่วกลิ้งที่ชัดเจนขึ้น - ขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้ แบบผสมใส่ทั้งปลา และเนื้อปูลงไปด้วย สำหรับเรารสยังไม่จัดจ้านเท่าไหร่ ยังเผ็ดได้อีกนิดค่ะ - หมูฮ้อง ที่นี่ใช้หมูสามชั้นใต้ราวนมชิ้นใหญ่ซึ่งไม่มันจนเกินไปมาทำอร่อยนุ่มละลายในปากมาก ๆ กินเพลินลืมอ้วนเลยค่าขนมไทย : ถั่วแปบแป้งสดชาววัง (เสิร์ฟเฉพาะที่ห้องแมริออท คาเฟ่) ขนมถั่วแปปคลุกกับมะพร้าวทึนทึกหอม พิเศษตรงที่ไส้ด้านในไม่ใช่ถั่วเขียวซีกนึ่งสดแต่เป็นถั่วกวน เวลากินให้โรยงา+น้ำตาลทรายน้อย ๆ  แป้งนุ่ม ไส้นวลเนียนมาก ๆ อันนี้อร่อยดี กินไปคนละหลายชิ้นเลยนอกจากอาหารไทยแล้วยังมีโอกาสได้ชิมเมนูใหม่ของห้องอาหารนี้ด้วย- Sauteed Mushrooms and Feta เห็ดกับเฟต้าชีส กินคู่กับขนมปังซาวโดว์ และแฮชบราวน์ เห็ดกับชีสและขนมปังกรอบ ๆ เข้ากันดีค่ะ- Thai Larb Gai Baked Egg จานนี้เป็นสไตล์ฟิวชั่น ไข่ดาว 2 ฟองกินคู่กับลาบไก่ และขนมปังซาวโดว์กรอบ ๆ ก็เข้ากันได้นะแต่ลาบไก่รสอ่อนไปหน่อยเค้ก- Mango Crumble อุ่น ๆ เสิร์ฟคู่กับซอสมะม่วง เมนูนี้เป็นเมนูที่ขายถึงแค่วันที่ 26/5/60 ตัวเค้กจะออกแนวบัตเตอร์จะแน่นหน่อย โรยหน้าด้วยครัมเบิ้ลกรุบกรอบ กินคู่กับซอสมะม่วงที่ราดมาอร่อยดีค่ะ (ปกติไม่มีไอศครีม จานนี้แอดเพิ่ม)- Red Velvet Cake เค้กเรดเวลเว็ท สลับชั้นกับครีมชีสฟรอสติ้ง ท๊อปด้านบนด้วยครีมสด ตกแต่งด้วยผลไม้ตามฤดูกาล เค้กนุ่ม เบา สมชื่อเค้กกำมะหยี่เลยค่ะ- Carrot Cake เค้กแครอทสลับชั้นกับครีมชีสฟรอสติ้งเนื้อเค้กมีส่วนผสมของแครอท และวอลนัต อาจจะไม่เบาเท่าเรดเวลเว็ท แต่ก็นุ่มและอร่อยเช่นกันค่ะ- Blueberry Cheese Cake ชีสเค้กเนื้อแน่นริช ๆ สไตล์นิวยอร์คชีสเค้ก ท๊อปด้านบนด้วยบลูเบอรี่ฟิลลิ่ง ตกแต่งหน้าด้วยบลูเบอร์รี่สด ครัสต์ด้านล่างกำลังดีไม่แน่นหรือร่วนไป เครื่องดื่ม เราสั่งกาแฟคาปูชิโน่ ที่นี่ใช้ของ illy รสนุ่ม ๆ ชอบค่ะ นอกจากกาแฟก็มีเครื่องดื่มอื่น ๆ ให้เลือกไม่ว่าจะเป็นช็อคโกแลตร้อน , สมู้ทตี้ต่าง ๆ รวมไปถึงเครื่องดื่มแฮลกอฮอลล์ด้วยสำหรับห้องอาหาร Bangkok Baking Company ต้องบอกว่าครบเครื่องจริง ๆ ทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง เบเกอรี่ก็ดี อาหารไทยก็เด่น ชอบที่อาหารไทยของที่นี่ปรุงรสมาแบบคนไทยกินจริง ๆ จัดจ้าน ถึงรสถึงเครื่อง ถ้าสนใจอาหารไทยแวะไปลองได้ถึงสิ้นเดือนพ.ค. ส่วนเมนูอื่น ๆ มีตลอดจ้า**รีวิวนี้ไม่ได้จ่ายค่าอาหารและบริการเอง เป็นการเชิญจากทางโรงแรมค่า** 繼續閱讀
(以上食評乃用戶個人意見 , 並不代表OpenRice之觀點。)
มีเพื่อนซื้อมาฝากในเทศกาลวันแห่งความคิดถึง อุ้ย ไม่ใช่ ซื้อมาฝาก จากหน้ากล่องคือ Bangkok Baking Company ร้าน เบเกอรี่ที่โรงแรม Marriott สุขุมวิทซอย 2 นะเอง กล่องโตมาก อลังการ เปิดมาเจอเบเกอรี่หลากรส ไส้ครีม ไส้ช็อคโกแลต ไส้ชีส บลูเบอร์รี่ อัลมอนด์ และแฮม อย่างละ 2 ชิ้น อยู่ในกล่องใหญ่ แบ่งๆกับเพื่อนทานกัน รสชาติอร่อยถูกใจค่ะ ที่สำคัญ (ฟรี อิอิ) แต่ชิ้นใหญ่มากนะ 1 คน 1 ชิ้นก็จุกแล้ว แต่ถ้าอยากกินหลายรสต้องไปตัดแบ่งๆกันค่ะ ขนมสามัคคี ฟรี อร่อยจุง 繼續閱讀
(以上食評乃用戶個人意見 , 並不代表OpenRice之觀點。)
等級4 2011-08-04
79 瀏覽
Strawberry cheesecake By JW Marriott มีคนซื้อมาฝากคะStrawberry ลูกโตมากๆคะ งั่มๆ ส่วน cheesecake ก็มันๆเค็มๆ กลมกล่อมอร่อยมากๆ ยอมอ้วนเลยคะ เคยกินมากสุดคนเดียวครึ่งปอนด์ในครั้งเดียวคะ ลองไปหาทานกันดูนะคะ รับรองจะติดใจ 繼續閱讀
(以上食評乃用戶個人意見 , 並不代表OpenRice之觀點。)