更多
2016-01-17
308 瀏覽
สำหรับรีวิวนี้ก็จะพาไปกินร้านอาหารไทยแบบพรีเมียมร้านหนึ่งแถวซอย (หรือเค้าต้องเรียกถนนหว่า?) คอนแวนต์ซึ่งเชื่อมระหว่างสีลมกับสาทรกันบ้างนะคะโดยการไปกินครั้งนี้ เนื่องจากแลกเวาเชอร์จากรีวิวที่เว็บนึงค่ะซึ่งการไปครั้งนี้ พอดีน้องเหมียว ณ nanareview ก็แลกร้านนี้ไว้เหมือนกัน ก็เลยนัดไปพร้อมกันในเย็นวันศุกร์ของสัปดาห์ค่า แหะๆเอาแผนที่ร้านมาแปะให้ดูนะฮับสำหรับวันนั้นเราเอารถไปค่ะ ก็ขับลงทางด่วนที่พระรามสี่แล้วเลี้ยวขวาวิ่งเส้นพระรามสี่ จนมาถึงแยกสาทรก็เลี้ยวซ้าย วิ่งต่อไปอีกหน่อยหนึ่ง (เลยไปหนึ่งแยกไฟแดงก่อนนะคะ เหมือนว่าจะยังงั้น) ก็จะเจอแยกไฟแดงที่เป็นซอยคอนแวนต์ค่ะ ขอให้อยู่เลนที่สองจากขวานะคะ เพราะพอเลี้ยวขวาเข้าคอนแวนต์ปุ๊บ จาก
โดยการไปกินครั้งนี้ เนื่องจากแลกเวาเชอร์จากรีวิวที่เว็บนึงค่ะ
ซึ่งการไปครั้งนี้ พอดีน้องเหมียว ณ nanareview ก็แลกร้านนี้ไว้เหมือนกัน ก็เลยนัดไปพร้อมกันในเย็นวันศุกร์ของสัปดาห์ค่า แหะๆ
เอาแผนที่ร้านมาแปะให้ดูนะฮับ สำหรับวันนั้นเราเอารถไปค่ะ ก็ขับลงทางด่วนที่พระรามสี่แล้วเลี้ยวขวาวิ่งเส้นพระรามสี่ จนมาถึงแยกสาทรก็เลี้ยวซ้าย วิ่งต่อไปอีกหน่อยหนึ่ง (เลยไปหนึ่งแยกไฟแดงก่อนนะคะ เหมือนว่าจะยังงั้น) ก็จะเจอแยกไฟแดงที่เป็นซอยคอนแวนต์ค่ะ ขอให้อยู่เลนที่สองจากขวานะคะ เพราะพอเลี้ยวขวาเข้าคอนแวนต์ปุ๊บ จากแยกนั้นแค่ห้าสิบเมตรเองก็จะเจอร้านแล้วค่ะ อยู่ตรงข้ามกับรพ.บีเอ็นเอชพอดีเลยค่ะ เลี้ยวซ้ายเข้าซอยไปค่ะ จะเจอลานจอดรถทางขวามือค่ะ จอดได้ราวๆ สี่คันน่ะนะคะ ตอนเราไปเหลือที่จอดสำหรับหนึ่งคันพอดี แล้วก็ลงไปถ่ายรูปค่ะ ภาพนี้เราถ่ายจากแถวๆ ลานจอดรถนะคะ (แนะนำว่า ถ้าเลี่ยงได้ อย่าเอารถไปเลยค่ะ ถ้าไม่มีที่จอดนี่ลำบากเลย แหะๆ) ใกล้กับลานจอดรถก็จะเป็นเคาน์เตอร์สำหรับการติดต่อและทางเข้าร้านนะคะ ตามภาพเลยฮับ (แนะนำว่าถ้าเป็นเย็นศุกร์หรือวันหยุดควรจองล่วงหน้านะคะ) จากนั้นเราก็เดินไปที่ปากซอยร้าน เพื่อเก็บภาพด้านหน้าที่ติดกับถนนคอนแวนต์ค่ะ ตรงนี้จะเป็นทางเข้าของโรงเรียนสอนทำอาหารค่ะ พอน้องเหมียวมาก็ไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ค่ะ จากนั้นพนักงานก็พาไปที่โต๊ะนะคะ ได้รางวัลหลายอันเหมือนกันนะคะนี่
ภายในมีที่นั่งไม่เยอะมากนักนะคะ แต่ก็มีที่นั่งชั้นสองด้วยค่ะ แต่เราไม่ได้ขึ้นไปเก็บภาพน่ะ เซ็ตอัพบนโต๊ะค่ะ ที่นี่มีไวไฟด้วยนะคะ แต่ลองเชื่อมต่อแล้วไม่สำเร็จง่ะ
เมนูค่ะ ราคาสูงพอควรหละค่ะ ก็ตามทำเลและระดับของร้านอาหารแหละนะคะ
มีที่มาของร้านนี้ด้วยนะคะ เปิดมาตั้งแต่ปี 2529 เลยค่ะ ก็เกือบสามสิบปีมาแล้วนะคะ เครื่องดื่มและไวน์ลิสต์ค่ะ หลังจากแจ้งว่าใช้เวาเชอร์ (ซึ่งจะมีเซ็ทอยู่แล้วว่าได้กินเซ็ทไหนนะคะ) พนักงานก็นำสาโทจอกน้อยมาบริการค่ะ เป็นคอมพลิเมนทารี่นะฮับ ตัวนี้แอลกอฮอล์กลางๆ ค่ะ ไม่แรงฉุน หวานละมุน น่าจะเมานิ่มใช้ได้เลยถ้าดื่มเยอะๆ แฮ่...
จากนั้นเมนูก็เริ่มทยอยมาค่ะ ตัวนี้จะอยู่ในชุดสตาร์ตเตอร์นะคะ
มีเมี่ยงคำ ไก่ห่อใบเตย กระทงทอง ยำส้มโอกุ้งสด แล้วก็มีต้มจิ๋วกุ้งด้วยค่ะ สำหรับรสชาตินะคะ กระทงทอง รสละมุนพอดี เปลืองกระทงบางแต่กรอบ ไม่แข็งค่ะ อร่อยค่ะ
เมี่ยงคำ (แต่ใช้กลีบบัว) รสชาติดีค่ะ เข้มข้น เกิดมาเพิ่งได้กินกลีบบัวเป็นเมี่ยงคำก็คราวนี้ค่ะ แต่อร่อยนะคะ ชอบมากค่ะ ส่วนอีกอันคือไก่ห่อใบเตยค่ะ ไก่นุ่ม หอมกลิ่นเครื่องหมักเบาๆ อร่อยค่ะ สรุปสามตัวนี้อร่อยหมดค่ะ เป็นการเปิดที่ประทับใจมากค่ะ
ส่วนต้มจิ๋วกุ้ง รสออกแนวต้มยำแฮะ ไม่เหมือนต้มจิ๋วที่ทางบ้านแม่เรา (เพชรบุรี) ทำค่ะ คือรสที่นี่จะออกเปรี้ยวนำเลยค่ะ แต่ไม่ใช่ว่าไม่อร่อยนะคะ รสจัด อร่อย แต่ไม่เหมือนต้มจิ๋วที่เราเคยกินน่ะค่ะ แถมมีใส่มันมาด้วย ไม่ใช่มันฝรั่งนะคะ เป็นมันไทยอ้ะ เก๋เชียว ส้มโอกุ้งสด รสชาติดีมาก กุ้งสดพอสมควรค่ะ และเอาหางกุ้งออกให้ด้วย ชอบมากค่ะ เอาใจใส่ดี อร่อยอีกแล้ว ต่อไปเป็นเครื่องดื่มค่ะ ตรงนี้ตอนแรกพนักงานงงมากว่ามีเมนูเครื่องดื่มตัวนี้ด้วยเหรอ บอกว่า ร้านเราไม่มีเครื่องดื่มที่เป็นแม่โขงนะคะ แม้เราจะเอาเวาเชอร์ให้ดูแล้วก็ตามค่ะ ก็เลยสั่งอย่างอื่นไปกันแทน แต่พอตอนมาเสิร์ฟ กลับกลายเป็นเมนูเดิมแล้วบอกว่า เชฟแจ้งว่าทำให้ได้ค่ะ กับ Mekhong Floating Market ค่ะ ตอนแรกเราดื่มเฉพาะส่วนบน ไม่ได้กลิ่นเหล้า แต่พอจุ่มหลอดไปลึกๆ ก็เจอแม่โขงเต็มๆ ค่ะ เพราะฉะนั้นก็ต้องคนก่อนนะคะ ให้เข้ากันก่อนค่ะ
มีกลิ่นเหล้าของแม่โขง และออกเปรี้ยวค่ะ แต่เราไม่ได้ดื่มเยอะค่ะ เพราะขับรถมาง่ะนะ
ต่อไปเป็นจานหลักหรือเมนคอร์สค่ะ (ร้านนี้เสิร์ฟไล่เป็นลำดับเหมือนการกินอาหารแบบตะวันตกนะคะ แบ่งเป็นสตาร์ตเตอร์ เมนคอร์สและของหวานค่ะ)
มีกับข้าวทั้งหมดสามอย่างคือ พะแนงซี่โครงหมู ผัดผักพื้นบ้าน และปลากระพงแสร้งว่าค่ะ ที่เห็นนี่เค้าทำขนาดสำหรับสองท่านแล้วนะคะ ไม่แน่ใจว่าถ้ามาท่านเดียวจะเป็นไซส์แบบไหนค่ะ
พะแนงซี่โครง ทำซี่โครงมาได้นุ่มเปื่อยดีค่ะ น้ำพะแนงก็เข้มข้น แต่มีรสและกลิ่นของถั่วแทรกมาทำให้นึกถึงมัสมั่นด้วยน่ะค่ะ (ปกติเรากินพะแนงทั่วไปจะไม่ได้รสและกลิ่นแบบนี้ง่ะ) น่าจะผสมพริกแกงมัสมั่นไปด้วยกระมัง แต่เราว่าอาจจะเยอะไปน่ะค่ะทำให้ได้รสและกลิ่นของมัสมั่นขึ้นมาแบบนั้น แต่รสชาติก็ดีอยู่นะคะ เพียงแต่ปกติเรากินเผ็ดกว่านี้อีกนิดนึง ทว่าสำหรับแขกทั่วไปน่าจะพอดีแล้วค่ะ
ผัดผักพื้นบ้านค่ะ เอ่อ..แครอทพื้นบ้านยังไง ฮา แต่ผักสดนะคะ สดแต่ไม่เหม็นเขียว ชอบที่แกะสลักแครอทซะสวยเลยค่ะ
ต่อไปคือ กะพงแสร้งว่าค่ะ รสดีอีกแล้วค่ะ หอมมะนาวหั่นชิ้นและมะม่วงก็เปรี้ยวดีค่ะ อร่อยดีค่ะ
สักพักพนักงานก็มาบริการข้าวสวยค่ะ มีให้เลือกทั้งข้าวขาวและข้าวกล้องนะคะ ต่อไปเป็นบัวลอยค่ะ แป้งทำเป็นแบบหลายๆ สีมานะคะ อืมม์..ใส่ถ้วยธรรมดาไปนิ้ดนะคะ ดูไม่เข้ากับร้านง่ะ แหะๆ
ตัวลูกบัวลอย เราว่าเค้าใส่แป้งอะไรสักอย่างนอกเหนือจากแป้งข้าวเหนียวหละค่ะ เพราะมันลื่นกว่าปกติ (นึกสัมผัสจากแป้งแบบนี้ไม่ออกว่าเป็นแป้งอะไรแฮะ) แล้วก็กะทิมีกลิ่นและรสของนมด้วยค่ะ ตัวมะพร้าวไม่ได้ใช้มะพร้าวอ่อนนะคะ แต่ก็ไม่ได้แข็งเกินไปค่ะ ต่อไปเป็นของหวานที่เป็นคอมพลิเมนทารี่ของทางร้านที่จะให้ลูกค้าทุกคนที่มารับประทานอาหารที่นี่นะคะ กับวุ้นกะทิค่ะ โอเคค่ะ ไม่ได้โดดเด่นอะไรนะคะ
จากนั้นพอทุ่มครึ่งก็เริ่มมีการแสดงค่ะ เป็นรำประกอบเพลง "ดอกบัวตองนั้นบานอยู๋บนยอดดอย..." น่ะค่ะ (ไม่ทราบชื่อเพลง ขออภัย)
น้องสวยเชียว จากนั้นก็ไปสำรวจห้องน้ำกันหน่อยค่ะ ผ่านพื้นที่เป็นกระจกมัวๆ ให้เห็นว่าห้องข้างล่างเป็นห้องเก็บไวน์ด้วยค่ะ ห้องน้ำค่ะ แยกหญิง-ชายนะคะ กลอนเป็นแบบสอดอ้ะ เก๋ๆ สรุปสำหรับร้านนี้นะคะ
รสชาติจะออกแนวกลมกล่อม ไม่จี๊ดจ๊าดนะคะ แต่อร่อย (รสไม่ดัดจริตแบบประเภทไม่ไปไหนสักทาง กั๊กๆ เหมือนร้านในกรุงเทพฯ บางร้าน) ใช้วัตถุดิบค่อนข้างดีค่ะ จะมีแค่บางเมนูที่อาจจะไม่คุ้นสำหรับเรา แต่โอเคค่ะ ส่วนใหญ่อร่อยนะคะ ราคาสูงอยู่ค่ะ คิดว่าเหมาะสำหรับในโอกาสพิเศษ หรืออยากพาเพื่อนชาวต่างชาติมากินอาหารไทยนะคะ (แต่คนไทยก็กินได้ ไม่รู้สึกว่าทำให้ชาวต่างชาติกินหละค่ะ)
กรณีถ้าจะต้องจ่าย ราคาจะเท่านี้นะคะ
張貼