更多
2017-06-06
114 瀏覽
สำหรับวันนี้จะพาไปดื่มเบียร์กันค่ะ 555 โดยการชวนจากน้องบุ๊ง Close to Heaven อีกเช่นเคยนะคะ ซึ่งสถานที่ครั้งนี้คือ 22 Steps ณ โรงแรม Indigo ถ.วิทยุนั่นเองค่าาาสำหรับพิกัดของโรงแรมนะคะ จะอยู่ที่ถนนวิทยุเลย ก่อนถึงออลซีซั่นนิดเดียวค่ะ ถ้ากูเกิ้ลให้วิ่งซอยร่วมฤดีแล้วให้วิ่งทะลุออลซีซั่นคือวิ่งไม่ได้นะคะ จะเลยค่ะ 555 (เพราะข้าพเจ้าเจอมาแล้ว ฮือออ) วันนั้นเลยเลทมากกก จากนานาไปรร.ชั่วโมงครึ่งอ้ะคิดดูสำหรับที่ตั้งของ 22 steps จะอยู่บริเวณชั้นลอยของโรงแรมอินดิโกนะคะ เพราะฉะนั้นจากล็อบบี้ ขึ้นบันไดไป 22 ขั้น (ตามชื่อสถานที่เลยคร่าาา) ก็จะเป็น 22 steps แล้วค่าาาา (หรือถ้าข้อเข่าไม่ดีจะขึ้นลิฟท์มาก็ได้นะคะ หน้าลิฟท์สวยเชียว)จุดขายของที่นี่
สำหรับพิกัดของโรงแรมนะคะ จะอยู่ที่ถนนวิทยุเลย ก่อนถึงออลซีซั่นนิดเดียวค่ะ ถ้ากูเกิ้ลให้วิ่งซอยร่วมฤดีแล้วให้วิ่งทะลุออลซีซั่นคือวิ่งไม่ได้นะคะ จะเลยค่ะ 555 (เพราะข้าพเจ้าเจอมาแล้ว ฮือออ) วันนั้นเลยเลทมากกก จากนานาไปรร.ชั่วโมงครึ่งอ้ะคิดดู
สำหรับที่ตั้งของ 22 steps จะอยู่บริเวณชั้นลอยของโรงแรมอินดิโกนะคะ เพราะฉะนั้นจากล็อบบี้ ขึ้นบันไดไป 22 ขั้น (ตามชื่อสถานที่เลยคร่าาา) ก็จะเป็น 22 steps แล้วค่าาาา (หรือถ้าข้อเข่าไม่ดีจะขึ้นลิฟท์มาก็ได้นะคะ หน้าลิฟท์สวยเชียว)
จุดขายของที่นี่ก็คือมีคราฟท์เบียร์ (คลิกที่ลิงก์นี้เพื่ออ่านความหมายของคราฟท์เบียร์) จากสี่ประเทศนะคะ แต่วันนั้นเราได้ลองจาก 3 ประเทศค่ะ คือ จากเยอรมัน (แน่หละนะ) อเมริกา และสก็อตแลนด์ค่ะ (ชาติอื่นก็จะมีเบลเยี่ยมอีกอันค่ะ แต่จะเป็นคราฟท์เบียร์ที่ไม่ใช่ดราฟท์เบียร์นะคะ) โดยวันนั้นก็รินจากแท็ปเลยนะคะ ซึ่งเบียร์สดนี่ก็แน่นอนว่าจะมีเนื้อบางเบากว่าแบบขวด แต่ก็ให้รสชาติที่หอม สด ใหม่ ในขณะที่เบียร์ขวดมีน้ำหนักในเบียร์มากกว่าจึงให้รสเข้มจัด หอมฉุน ซ่า และจัดจ้านกว่ามาก เบียร์ชนิดเดียวกันดื่มจากขวดกับรินจากแท็ปรสชาติก็ต่างกัน สำหรับเมนูเบียร์ของที่นี่ก็ดูรายละเอียดได้ตามภาพซ้ายนี้เลยฮับ
วันนั้นที่ได้ลองก็มีดังนี้นะคะ
(เรียงจากซ้ายไปขวาเลยค่ะ)
เยอรมัน - Maisel’s Weisse
เป็นตัวออริจินัลเลยนะคะ เป็นเบียร์สไตล์ไวเซ่น ที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติและขั้นตอนการหมักแบบเยอรมันแท้ค่ะ จะเห็นสีน้ำว่าเป็นสีเหลืองทองกว่าตัวอื่น (แต่สีไฟอาจจะทำให้สีภาพออกมาไม่ตรงนักนะคะ) รสชาตินุ่มนวล ให้ความรู้สึกสดชื่นนะคะ
อเมริกา - Coronado
โคโรนาโด ออเร้นจ์ อเวนิว วิท เป็นเบียร์สีเหลืองอ่อน ขุ่นตามธรรมชาติ เนื้อเบียร์ปานกลาง ดื่มง่ายเช่นเดียวกันค่ะ จะมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเกิดจากการใส่เปลือกส้มและน้ำผึ้งของดอกส้ม รสชาติหวานนำ ขมน้อยค่ะ
สก็อตแลนด์ - BrewDog
บรูว์ด็อก เดด โพนี เพล เอล เป็นเบียร์ที่อัดแน่นไปด้วยฮ็อปทำให้กลิ่นฮ็อปจะค่อนข้างเข้มนะคะ ผสมด้วยรสชาติของผลไม้เมืองร้อน กลิ่นหอมของดอกไม้ และกลิ่นจางๆ ของเครื่องเทศด้วยค่ะ
สำหรับตัวเองวันนั้นจะชอบทั้งสามตัวในคนละแบบค่ะ
Maisel’s Weisse Original ราคา 150 ต่อแก้ว / 220 บาทต่อไพน์
ตัวนี้รสชาติจะค่อนข้างคุ้นสำหรับคนไทยตามแบบเบียร์เยอรมันอะค่ะ เป็นอีกตัวที่ค่อนข้างดื่มง่ายนะคะ อย่างที่ข้อมูลบอกว่ามีกลิ่นกล้วยและกานพลู แต่แฝงมาเบาๆ ค่ะ ไม่ได้โดดมากนะคะ
Coronado Orange Ave. Wit ราคาแก้วละ 150 ไพน์ละ 255 บาทค่ะ
ตัวนี้สำหรับเราคือดื่มง่ายมาก เบา นุ่ม หอมส้มอ่อนๆ เหมาะสำหรับสายอ่อนและหญิงสาว (อย่างเรา 5555) ค่ะ แต่อาจจะเบาไปสำหรับบรรดาสายแข็งทั้งหลายนะคะ
BrewDog Dead Pony ราคาแก้วละ 180 ไพน์ละ 255 ค่ะ
ตัวนี้ตอนยกขึ้นจิบ กลิ่นและรสช่วงต้นนี่ดีงามมากกกกกกกกกก หอมมมมมมมม ทั้งฮ็อบ ผลไม้และดอกไม้ค่ะ แต่รสปลายมันขมด้วยฮ็อบตามแบบของเบียร์ตัวนี้แหละนะคะ คือ กินขมมากไม่ได้ไง (ยังไม่แก่ไง...หราาาาา) เลยทำให้ชอบกลิ่นแต่ไม่ชอบรสค่ะ กร๊ากกก แต่คนชอบฮ็อบนี่เราว่าฟินแน่นวล
นอกจากนั้นก็ยังมีไซเดอร์และเบียร์แบบเป็นขวดที่อยู่ในตู้ตามภาพนะคะ
เอาหละ มาดูอาหารกันบ้างดีกว่าาาา ซึ่งอาหารที่นี่ก็มีเมนูตามนี้นะคะ โดยมาจากห้องอาหาร Metro on Wireless ที่เคยรีวิวและประทับใจกับฝีมือเชฟมากๆ นั่นเอง ซึ่งก็จะเห็นว่ามีทั้งเมนูไทยและเวสเทิร์นนะคะ
มาดูกันค่ะว่ากินอะไรกันไปบ้างนะคะ อิอิ จานแรกแน่นอนว่าต้องเป็นสิ่งนี้ค่ะ
อินดิโก สลัด ราคา 320 บาทนะคะ ยังคงเป็นสลัดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รสชาติจัดจ้าน หอมหมูย่าง น้ำสลัดไม่เหมือนใคร เผ็ดถูกใจอิชั้นนักแลลลลลล
บางจานต่อไปนี้ จะมีร่องรอยการกินไปแล้วนะคะ เพราะข้าพเจ้าไปถึงสายสุดเลย แหะๆ
ปีกไก่อินดิโก 220 บาทค่ะ ทอดมากรอบ หนังกรอบ เนื้อนุ่มติดกระดูก เรากินเปล่าๆ แบบไม่จิ้มยังอร่อยค่ะ มีรสชาติการหมักที่พอดีมากค่ะ อร่อยแหละ
อีกหนึ่งเมนูที่พรีเซนท์เทชั่นมาเลิศเช่นเคย (เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของที่นี่นะคะ พรีเซนต์เตชั่นออกมานี่ ว้าว แล้วก็น่าถ่ายรูปลงอินสตาแกรมมาก 5555)
กับสะเต๊ะไก่ 220 บาทค่ะ
เนื้อไก่หมักมานุ่มหอมนะคะ ตัวน้ำจิ้มมีกลิ่นบางอย่างที่เราไม่คุ้น ค่อนข้างไม่เหมือนน้ำจิ้มสะเต๊ะของที่อื่นค่ะ รสชาติออกหวานนิดหนึ่ง (ซึ่งเราชอบออกหวาน แต่ไม่คุ้นกลิ่นน่ะนะคะ) อาจาดดีค่ะ รสกำลังดีเลย
ต่อไปกับผัดไทยค่ะ (ขออภัยที่ภาพไม่ชัดนะคะ) เป็นเนื้อปูและกุ้งสด ราคา 340 บาทนะคะ
ที่นี่จะผัดออกรสหวานนำนิดหนึ่ง ซึ่งเราชอบอยู่แล้ว ถูกจริตค่ะ เส้นดีค่ะ ไม่ติดกัน หลายคนชอบค่ะ ที่เรากินนี่เป็นจานที่สั่งเบิ้ลแล้วค่ะ
Chicken Tortilla Wraps ราคา 340 บาทค่ะ
แป้งตอติญ่านิ่มมาก ไส้มีความหลากหลายของรสดีค่ะ ชอบนะคะ รสชาติผสมผสานได้ดี เรากินแบบไม่จิ้มซาล์วครีมยังอร่อยเลยค่ะ
ทอดมันหัวปลีคุณย่า ราคา 270 บาท
เนื้อทอดมันคือดีย์ เหนียวหนึบกำลังดี มีรสหวานอ่อนๆ ของปลีและเทกซเจอร์ปลีแบบบางๆ ค่ะ อร่อยยยยย ชอบบบบบ อยากเบิ้ลมากแต่เกรงใจ 555
น้ำจิ้มก็อร่อยนะคะ แต่กินเปล่าก็โอเคแล้วค่ะ
เมนูนี้ใครมานี่แล้วไม่สั่งคือ...ผิดผี 55555555
หมูคลุกฝุ่น ราคา 370 บาท
ยังคงอร่อยเหมือนเดิมค่ะ หมูกรอบนุ่ม หมักมาดี รสชาติคละเคล้าทั่วถึง จัดจ้านกำลังดี เป็นกับแกล้มกำลังเพลินเลยค่ะ แอร๊ยส์
Grilled Australian Beef Burger ราคา 390 บาท
ตัวนี้เอาใจทั้งคนรักหมูและรักเนื้อเลยแหละค่ะ แฮร่...
อันหนึ่งจะเป็นแฮมเบอร์เกอร์เนื้อ เป็นเนื้อวัวแบบมีเดียมแรร์นะคะ ฉ่ำดีค่ะ อร่อย แต่ไม่ชิมตัวมะเขือเทศที่โปะด้วยชีสเลยนะคะ ครือ...ตอนนั้นเริ่มขึ้นมาถึงคอแล้วค่ะ แหะๆ
ส่วนคนไม่กินเนื้อ ก็จะมีอีกฝั่งซึ่งเป็นขนมปังโปะด้วยเบคอนทอดและหอมใหญ่ค่ะ สำหรับคนรักหมูก็น่าจะโอเคอยู่นะคะ
แต่ถ้ากินได้ทั้งสองอย่าง แนะนำให้กินหมูก่อนนะคะ แล้วค่อยกินเนื้อ
ตัวเครื่องเคียงเป็นมันฝรั่งทั้งเปลือกทอดปรุงรสนะคะ ซึ่งไม่ได้ชิมอีกเช่นกัน ขออภัยอย่างยิ่ง
สรุปสำหรับที่นี่นะคะ
สำหรับใครที่เป็นคอเบียร์ เราก็ว่าเป็นอีกที่แฮงค์เอาท์ที่น่าสนใจนะคะ ราคาก็ไม่ได้สูงมาก มาตรฐานราคาโรงแรมแหละนะคะ แถมอาหารยังอร่อย (คือ พาเพื่อนที่ไม่ชอบดื่มไปก็ไม่โดนด่าอ้ะ 55555) บรรยากาศจะค่อนข้างเงียบและดูเป็นส่วนตัวด้วยนะคะ ใครที่มองหาที่แฮงค์เอาท์ก็ลองดูที่นี่แล้วกันนะฮับ
張貼
